จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 349 การมาเยือนของควีนจินหนันหลิน
เยนเป่ยเฟยกลับมาจากหุบเขาเทพยนด้วยความดีใจ
โม่จือมิ่งเป็นอัจฉริยะที่สุดของหุบเขาเทพยา นั่นเป็นคนที่เห็นวิชาการกลั่นยาสำคัญกว่าชีวิต เรียกได้ว่าเป็นคนบ้าที่คลั่งไคล้วิชาการกลั่นยา
เรียกได้ว่า ทั้งหุบเขาเทพยา ไม่มีใครที่มีวิชาการกลั่นยาเหนือกว่าเขา
มียอดฝีมืออย่างวิชาการกลั่นยาแบบนี้ค่อยหนุนหลังอยู่หนึ่งคน การทำลายโรงแรมทั้งหมดในเครือของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ก็กลายเป็นเรื่องที่ง่ายดาย
ส่วนเรื่องทางด้านยอดฝีมือในการต่อสู้ ตระกูลเยนไม่เคยขาดคนมาก่อน
ยังไงซะ ในตอนนั้นเยนหนานเทียนก็เรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของประเทศจีน!
แม้แต่เทพแห่งสงครามที่อยู่ในเมืองหลวงในตอนนี้อย่างเจียงร่อโจ๋ ตอนยุคของเยนหนานเทียน เขาก็เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีชื่อเสียงอะไร
ณ เมืองหลวง ผู้นำหน้าสี่ตระกูลใหญ่ ตระกูลหวาง
หวางเจ๋อที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ กำลังฟังข่าวจากลูกน้องอย่างเงียบๆ
“คุณชาย เยนเป่ยเฟยได้กลับมาจากหุบเขาเทพยาแล้ว ได้ยินมาว่าใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดีใจ ดูเหมือนว่าหุบเขาเทพยาจะตกลงที่จะลงมือแล้วอย่างแน่นอน!”
หวางเจ๋อพูดด้วยเสียงหัวเราะว่า “ดีมาก ถ้าเกิดหุบเขาเทพยาใช้‘คำบัญชาเทพยา’ก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ แต่ว่าหุบเขาเทพยายังไม่ถูกบีบบังคับจนถึงขั้นนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ยอมใช้‘คำบัญชาเทพยา’ง่ายๆ”
“แต่ว่าขอแค่คนของหุบเขาเทพยายอมลงมือ ธุรกิจทั้งหมดที่อยู่ในเครือข่ายของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป จะต้องล้มละลายอย่างแน่นอน ส่วนไอ้เจ้าหลินหยุน ตระกูลเยนจะต้องไม่ยอมปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน ถ้าเกิดเยนหนานเทียนยอมออกมาจะดียิ่งกว่านี้ ถ้าเป็นแบบนั้นเจ้าหมอนั้นจะต้องตายอย่างแน่นอน!”
“แผนของคุณชายช่างล้ำเลิศ พวกเราไม่ต้องเสียไพร่พลแม้แต่น้อย แต่ก็ยังสามารถทำลายบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป กับเจ้าหมอนั้นได้!”
“เฝ้าดูสถานการณ์ทางฝั่งนั้นต่อไป ถ้าเกิดมีข่าวอะไรก็รีบมาแจ้งฉัน” หวางเจ๋อมีใบหน้าที่นิ่งสงบ ไม่มีความหยิ่งผยองแม้แต่น้อย ชายหนุ่มอัจฉริยะแห่งยุคของตระกูลหวาง ไม่ธรรมดาจริงๆด้วย
“ครับคุณชาย!” พอลูกน้องทำความเคารพจากนั้นก็หันตัวแล้วเดินจากไป
พอหลังจากที่ลูกน้องออกไป จู่ๆใบหน้าของหวางเจ๋อก็เผยรอยยิ้มอันเย็นชาที่แปลกประหลาด “แต่ ฉันกลับหวังว่าครั้งนี้หุบเขาเทพยากับตระกูลเยนจะโดนเจ้าหมอนั้นเล่นงาน พอเป็นแบบนั้นเยนหนานเทียนถึงจะยอมออกมา หุบเขาเทพยาถึงจะยอมใช้คำบัญชาเทพยา”
“ถึงเวลานั้น นักบู๊ครึ่งหนึ่งของโลกบู๊ก็จะเคลื่อนไหว จู่โจมเข้าใส่เจ้าหมอนั้นอย่างรุนแรง ต่อให้เขาจะยิ่งใหญ่มาจากไหน ก็ต้องตายอยู่ดี!”
“อีกอย่างเพื่อที่จะดับไฟของโกรธของโลกบู๊ แม้แต่ทางการจีน ก็ต้องคิดหาวิธี ถึงเวลานั้น ก็คงจะเอาบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ออกมารับเคราะห์”
มีคนเคยบอกไว้ว่านักหมากรุกที่แท้จริง แค่พริบตาเดียวก็สามารถอ่านเกมล่วงหน้าได้ถึงสามตา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหวางเจ๋อเป็นยอมฝีมือแบบนั้น ยืนมือของคนอื่น แผนแต่ละอันก็ชั่วร้ายขึ้นเรื่อยๆ แถมยังวางแผนไว้เยอะมาก
ระหว่างที่เยนเป่ยเฟยไปขอความช่วยเหลือจากโม่ซิวอู่ในหุบเขาเทพยา ควีนจินก็รีบเดินทางจากหลิงหนานมายังจงโจว เพื่อมาหาหลินหยุน
หลินหยุนอยู่ที่ห้องรับแขกของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป เพื่อต้อนรับเธอ
ท่าทางของควีนจีนดูร้อนรนเล็กน้อย และไม่สนว่าฉินหลันยังอยู่ข้างๆ พอเห็นหน้าก็รีบพูดเข้าประเด็นทันที “คุณหลิน ครั้งนี้คุณก่อเรื่องใหญ่แล้ว!”
หลินหยุนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ พูดด้วยใบหน้าที่สงบนิ่งว่า “คุณหมายถึงที่ผมฆ่าเยนหมิงหยู่เหรอ?”
ควีนจีนพยักหน้า “คุณรู้ไหมว่าเยนหมิงหยู่เป็นไข่ทองคำของตระกูลเยน ความหวังของตระกูลเยนอยู่ที่ตัวเขา การที่คุณสังหารเขา ตระกูลเยนจะต้องไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปอย่างแน่นอน!”
“อีกอย่าง เบื้องหลังของเยนหมิงหยู่ ไม่ได้มีเพียงแค่ตระกูลเยนอย่างเดียว ยังมีหุบเขาเทพยาอีก”
“พูดถึงตระกูลเยนก่อน ตระกูลเยนไม่ได้เป็นตระกูลธรรมดา แต่เป็นตระกูลผู้ฝึกบู๊อย่างแท้จริง รากฐานของพวกเขาหนาแน่น มียอดฝีมือมากมาย ปู่ของเยนหมิงหยู่ เมื่อสามสิบปีก่อนก็เป็นถึงปรมาจารย์อันดับหนึ่ง เทพกระบี่เยนหนานเทียน!”
“บทที่เยนหนานเทียนอยู่ที่โม่เป่ยคนเดียว ก็สู้กับปรมาจารย์ห้าคนด้วยตัวคนเดียว จนสุดท้ายก็สังหารทั้งห้าคน พอหลังจากนั้นก็กลับไปอย่างไร้รอยขีดข่วน ว่ากันว่า เยนหนานเทียนในตอนนั้น ได้ไปถึงขั้นสูงสุดแล้ว ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของปรมาจารย์บู๊ ตอนนี้ปิดตัวฝึกฝนมาสามสิบปี บางทีอาจจะถึงแดนตำนานนั้นแล้วก็ได้”
“ยังมีหุบเขาเทพยาอีก ถึงแม้ว่าฝีมือบู๊ของหุบเขาเทพยาจะไม่สูงมาก แต่กลับคุมโอสถที่ผู้ฝึกบู๊ขาดไม่ได้ อีกอย่างประวัติศาสตร์ของหุบเขาเทพยา มีมานานยิ่งกว่าตระกูลเยน ความเป็นมาและรากฐานของพวกเขาน่ากลัวมาก”
“เรียกได้ว่า ครึ่งหนึ่งของผู้ฝึกบู๊ในโลกบู๊ ต่างก็ใช้โอสถของหุบเขาเทพยา เคยติดหนี้บุญคุณของหุบเขาเทพยากันทั้งนั้น ขอแค่หุบเขาเทพยาใช้ ‘คำบัญชาเทพยา’ ถึงเวลานั้นผู้ฝึกบู๊ครึ่งหนึ่งในโลกบู๊ก็จะมารวมตัวกัน”
“คุณเคยนึกภาพที่ผู้ฝึกบู๊มากมายพุ่งเป้ามาที่พวกเราเพื่อสังหารไหม? ถึงเวลานั้น พวกเราก็จะกลายเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก”
สิ่งที่ควีนจีนพูดนั้นไม่ได้เกินจริงเลยแม้แต่น้อย ถ้าเกิดครั้งนี้ตระกูลเยนและหุบเขาเทพยาแก้แค้นไม่สำเร็จ งั้นครั้งหน้าเยนหนานเทียนจะต้องออกมาอย่างแน่นอน หุบเขาเทพยาเองก็คงจะใช้คำบัญชาเทพยาอย่างแน่นอน
ต่อให้หลินหยุนจะมีฝีมือเก่งกาจระดับโลก แต่แค่เขาคนเดียว จะไปต่อกรกับคนทั้งโลกบู๊ได้ยังไง?
แม้ว่าฉินหลันจะไม่เข้าใจโลกบู๊กับหุบเขาเทพยา และเข้าใจคำพูดของควีนจีนแค่บางส่วน แต่สิ่งที่หลินหยุนต้องเผชิญต่อจากนี้ เธอกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน
เพราะว่าฆ่าเยนหมิงหยู่ หลินหยุนจึงกลายเป็นศัตรูกับคนทั้งโลก!
“หลินหยุน เรื่องนี้ต้นเหตุก็เป็นเพราะฉัน นายหนีไปดีไหม! ฉันจะหาทางแก้ด้วยตัวเอง” ถึงแม้ว่าฉินหลันจะไม่พอใจที่หลินหยุนลงมือฆ่าคน แต่ยังไงซะหลินหยุนก็เป็นคนที่เธอเชิญมา งั้นเธอก็ต้องรับผิดชอบชีวิตของหลินหยุน
เมื่อหลินหยุนเจอปัญหา เธอจะนั่งดูเฉยๆได้ยังไงกัน
หลินหยุนยิ้มเบาๆ ยังคงมีใบหน้าที่สงบนิ่งไม่สั่นไหวต่อสิ่งใดอยู่ดี “พี่ฉินหลัน ไม่ต้องกลัว ต่อให้เป็นศัตรูกับคนทั้งโลกบู๊ แล้วมันยังไง?”
“ถ้าเกิดพวกเขากล้าทำร้ายพี่กับประธานคณะกรรมการหวางแม้แต่น้อย งั้นผมก็จะทำลายโลกบู๊ทิ้งซะ”
ซึ!
ฉินหลันกับควีนจีนทนไม่ไหวจนต้องถอนหายใจออกมาเพราะสิ่งที่ไม่คาดคิด!
ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของหลินหยุนจะดูสงบนิ่ง และดูเหมือนกับกำลังพูดเล่น แต่ว่า น้ำเสียงของเขาก็มีจิตสังหารแฝงอยู่ด้วย ต่อให้ฉินหลันที่เป็นแค่คนธรรมดา ก็ยังสามารถรับรู้มันได้
หลินหยุนไม่ได้ดีแต่พูดอย่างแน่นอน ถ้าเกิดคนของโลกบู๊กล้ามาจริงๆ เกรงว่าหลินหยุนคงจะมีการสังหารหมู่ครั้งใหญ่
ควีนจีนยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดว่า “คุณหลิน ฉันเชื่อในฝีมือของคุณ แต่เมื่อรวมคนทั้งโลกบู๊เข้าด้วยกัน จำนวนไม่ใช่น้อยๆนะ! เรื่องนี้ยังต้องจัดการด้วยความใจเย็น!”
ฉินหลันมองหลินหยุนด้วยหางตา และพูดต่อจากเมื่อกี้ว่า “ใช่แล้ว ถ้าเกิดคนของตระกูลเยนมา ครั้งนี้นายจะต้องฟังฉัน อย่าทำอะไรโดยพลการ!”
หลินหยุนยักไหล่ ยิ้มเหมือนไม่มีอะไรแล้วพูดว่า “ก็แค่ฝูงมดเท่านั้นเอง พวกคุณไม่จำเป็นต้องใส่ใจจริงๆ บางทีเจ้าเยนหนานเทียนอาจจะรับมือยากสักหน่อย แต่ว่าก็แค่เปลืองแรงมากกว่าหน่อยหนึ่งก็เท่านั้นเอง”
ใจของควีนจีนไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว เอาคนทั้งโลกบู๊กับเทพกระบี่แห่งยุคเปรียบเทียบกับฝูงมด เกรงว่าทั้งโลกนี้ก็คงจะมีแค่ปรมาจารย์หลินคนเดียวแล้ว
“ไม่ว่าจะยังไงคุณหลินก็ยังต้องระวังตัวไว้ก่อน ฉันขอตัวกลับก่อน”
“อืม” หลินหยุนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พยักหน้า
ฉินหลันทนไม่ไหวแล้ว จึงพูดดุเขาไปว่า “คุณท่านจินเดินทางมาจากที่ห่างไกลเพื่อมาส่งข่าวให้กับนาย นายจะไม่เดินไปส่งหน่อยเหรอ?”
หลินหยุนพูดด้วยใบหน้าที่ใสซื่อว่า “ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากไปส่ง แต่เธอจะต้องไม่ยอมให้ผมไปส่งอย่างแน่นอน”
ควีนจีนที่เพิ่งเดินไปถึงประตูพอได้ยินแบบนี้ ก็รีบหันกลับมา แล้วพูดอย่างรีบร้อนว่า “ใช่แล้ว คุณหลินไม่จำเป็นต้องลำบากหรอก”
พูดเป็นเล่น ตอนนี้หลินหยุนเรียกได้ว่าเป็นที่พึ่งของควีนจีน ควีนจีนจะกล้าให้เขาไปส่งได้ยังไง?
ฉินหลันสงสัยเล็กน้อย เธอรู้สึกตั้งแต่แรกแล้วว่าท่าทีที่ควีนจีนและเหล่าผู้อาวุโสของเมืองหลิงหนานมีต่อหลินหยุนมันดูแปลกๆ วันนี้พอดูจากท่าทางที่ควีนจีนมีต่อหลินหยุน ฉินหลันก็ยิ่งมั่นใจสิ่งที่คิดอยู่ในหัว
แต่ว่า ยังไงซะหลินหยุนก็เป็นคนนอก ถึงแม้ฉินหลันจะรู้สึกว่าหลินหยุนจะทำดีต่อเธอและประธานคณะกรรมการ แต่ฉินหลันก็ยังไม่กล้าไปถามเรื่องส่วนตัวของหลินหยุนอยู่ดี ยังไงซะทุกคนต่างก็มีความลับเป็นของตัวเองไม่ใช่รึไง?
“นายกลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ อย่าก่อเรื่องล่ะ! ฉันจะไปรายงานกับประธานคณะกรรมการก่อน ดูว่าจากนี้จะรับมือกับการแก้แค้นของตระกูลเยนยังไงดี!”
ใบหน้าที่เหมือนไม่มีอะไรของหลินหยุน พอฉินหลันเห็นแบบนั้นก็รู้สึกหมั่นไส้