จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 353 ฉันมีวิธี
เห็นหลินหยุนยืนอยู่ที่ประตู ฉินหลันจึงวางสายโทรศัพท์ลง
“หลินหยุน นายมามีธุระอะไรเหรอ? ” ฉินหลันยิ้มและสอบถามขึ้น เหมือนกับว่าไม่มีเรื่องราวอะไรเกิดขึ้น
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ? คุณอย่าได้มาปกปิดฉันนะ”
หลินหยุนก็ไม่ได้เกรงใจ โดยได้นั่งลงตรงข้ามของฉินหลัน และสอบถามขึ้น
“นายได้ยินข่าวลืออะไรมาเหรอ? ไม่มีอะไร นายอย่าไปฟังคนข้างนอกเขาพูดสุ่มสี่สุ่มห้า” ฉินหลันพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
มองไปยังใบหน้าที่งดงามของฉินหลัน รวมถึงแววตาที่กำลังปกปิดอะไรอยู่อย่างที่สุด โดยที่ตั้งใจ เสแสร้งพูดออกมาอย่างปกติธรรมดา
เวลานั้น ในสมองของหลินหยุนได้ปรากฏภาพเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันขึ้น
ชาติที่แล้ว หลังจากที่หวางซูเฟินและหลินตงหัวได้ทยอยเสียชีวิตกันไป หลินหยุนก็เข้ารับสืบทอดบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปต่อ แล้วถูกตระกูลส้งกดขี่ข่มเหง จนในที่สุดก็หมดสิ้นหนทาง
วันนั้น เป็นวันที่บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเกิดวิกฤตครั้งใหญ่ที่สุดขึ้น ฉินหลันก็มีท่าทางเหมือนกันกับวันนี้ ยิ้มและพูดกับเขาว่า: “ไม่มีอะไร นายอย่าไปฟังคนข้างนอกเขาพูดสุ่มสี่สุ่มห้า”
ผลที่ตามมาคือ วันถัดมา หลินหยุนก็ได้ยินข่าวเรื่องที่ฉินหลันจะแต่งงานกับส้งอันหมิง
เธอใช้ตัวเธอเอง เพื่อแลกกับการดิ้นรนเฮือกสุดท้ายของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป
วันนี้ ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชาติที่แล้ว คล้ายคลึงกันมาก!
ในห้องทำงาน มีกลิ่นอายของความเยือกเย็นเกิดขึ้นโดยทันที อุณหภูมิภายในห้องเหมือนกับว่า ได้หายไปอย่างกะทันหัน
ฉินหลันทนไม่ได้จึงตัวสั่นเล็กน้อย แล้วมองไปที่หลินหยุนด้วยความระแวดระวัง
แต่กลับพบว่าหลินหยุนจ้องมองมาทางเธออย่างไม่เคลื่อนไหว ด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง และส่องประกายแวววาวในแบบที่คาดเดาไม่ได้
แต่ว่า แววตาอันเป็นประกายของหลินหยุนนั้น กลับทำให้ฉินหลันหัวใจเต้นแรง ใบหน้าที่งดงามก็เริ่มที่จะร้อนผ่าวขึ้นบ้างแล้ว
“ไอ้หนุ่มน้อย นายมองอะไรกัน? ” ฉินหลันแกล้งทำเป็นโมโห เพื่อคลายความเก้อเขินของตัวเอง
หลินหยุนจึงละสายตาลง กลิ่นอายความเยือกเย็นภายในห้องก็ค่อย ๆ จางหายไป
“ฉันก็กำลังมองพี่ฉินหลันอยู่ไง” หลินหยุนยิ้มเล็กน้อย
ฉินหลันหัวใจเต้นผิดจังหวะในทันที และรีบดุขึ้นว่า: “ไอ้หนุ่มน้อย อย่ามาพูดสุ่มสี่สุ่มห้า! นายอายุแค่เท่าไหร่เอง ก็เลียนแบบคนอื่นมาพูดหยอกล้อกับหญิงสาวแล้ว? ”
หลินหยุนยิ้มที่มุมปาก: “ฉันแต่งงานแล้ว”
ฉินหลัน: “……”
“มาพูดเรื่องสำคัญกันเถอะ ที่นายมาหาฉันมีเรื่องอะไรเหรอ? ” ฉินหลันถามขึ้นอย่างจริงจัง
“บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปตกลงว่าประสบกับวิกฤตปัญหาอะไรเหรอ ถึงได้ยอมที่จะยกเลิกกิจการร้านอาหารที่ดำเนินการขึ้นมาไม่ใช่อย่างง่าย ๆ ลง? ” หลินหยุนสอบถามขึ้น
ฉินหลันสีหน้าเปลี่ยนไป แต่ก็กลับคืนสู่ปกติอย่างรวดเร็ว: “ไม่มีเรื่องนี้สักหน่อย นายอย่าไปฟัง ข่าวลือภายนอกเหล่านั้น”
“เมื่อครู่ที่คุณคุยโทรศัพท์ ฉันได้ยินทุกอย่างหมดแล้ว บอกฉันมาเถอะ! ” หลินหยุนพูดขึ้นด้วยความจริงใจ
ฉินหลันในตอนนี้ ในที่สุดก็มีสีหน้าท่าทางที่จริงจังขึ้นแล้ว
“เรื่องนี้ทางประธานกรรมการได้พูดเอาไว้แล้วว่า ไม่ให้นายเข้ามายุ่งเกี่ยว ดังนั้น นายก็อย่าได้มายุ่งอีกเลย โดยการยกเลิกกิจการร้านอาหาร ก็เป็นเพียงแค่การปรับเปลี่ยนธุรกิจธรรมดาทั่วไปของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอย่างที่ภายนอกเขาลือกันสักหน่อย” ฉินหลันมีสีหน้าท่าทางที่เป็นทางการอย่างมาก
หลินหยุนไม่ได้ถามต่อ รอสักครู่ จึงพูดขึ้นอย่างกะทันหันว่า: “คือตระกูลเยนใช่ไหม? ”
ฉินหลันสีหน้าเมินเฉย มองไม่ออกว่าคิดอะไรอยู่ในใจ
“ต่อให้คุณไม่พูดออกมา ฉันไปสืบก็สามารถรับรู้ได้แล้ว ถ้าหากคุณบอกกับฉันมาว่าตกลงประสบกับอุปสรรคปัญหาอะไร บางทีฉันอาจจะช่วยคุณแก้ไขได้” หลินหยุนพูดขึ้น
ฉินหลันครุ่นคิด เรื่องนี้อีกไม่นานก็คงจะปิดบังหลินหยุนไว้ไม่ได้ วันนี้บอกกับเขาไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาไปก่อเรื่องอะไรขึ้นอีก
“ที่นายพูดนั้นไม่ผิด ตระกูลเยนได้ร่วมมือกับตระกูลส้ง เริ่มที่จะสร้างความกดดันต่อกิจการร้านอาหารของบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป”
ขณะที่พูด ฉินหลันก็หยิบใบโปรชัวร์โฆษณาหนึ่งแผ่นออกมาจากลิ้นชัก แล้วส่งให้กับหลินหยุน
“นี่ก็คือเมนูอาหารใหม่ที่ร้านอาหารภายใต้บริษัท หัวอัน กรุ๊ปได้เปิดตัวนำเสนอ หลังจากที่ได้ประชาสัมพันธ์ออกมาแล้ว ความต้องการก็สูงมากถึงขนาดไม่เพียงพอในทันที สร้างแรงกดดันให้กิจการร้านอาหารทั่วทั้งมณฑลจงโจวอย่างมากจนโงหัวไม่ขึ้น”
หลินหยุนดูที่ใบโปรชัวร์โฆษณาแผ่นนั้น ยิ้มอย่างเหยียดหยามและพูดขึ้นว่า: “ซุปอเนกประสงค์? นี่ก็คือสิ่งที่ตระกูลเยนและตระกูลส้งร่วมมือกันจัดทำขึ้นมางั้นเหรอ? ฉันก็นึกว่าจะเป็นอาวุธทำลายล้างอะไรทำนองนั้น! ”
ฉินหลันสีหน้าจริงจัง พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยการกล่าวเตือน: “นายห้ามมาดูถูก ซุปอเนกประสงค์นี้เป็นอันขาด ประสิทธิผลของซุปนี้ฉันกับประธานกรรมการต่างก็ทดลองมาด้วยตนเองแล้ว ซึ่งมีผลที่น่าอัศจรรย์มาก! ”
หลินหยุนยังคงยิ้มอย่างเหยียดหยามและพูดขึ้นว่า: “ก็เพียงแค่เพิ่มยาของหุบเขาเทพยาเข้าไปก็เท่านั้น เป็นการช่วยลดอาการเจ็บปวดและบรรเทาโรคเรื้อรังในร่างกายของคนทั่วไปเพียงชั่วคราว ถ้าหากคุณต้องการ ฉันสามารถที่จะให้สูตรยาที่สามารถรักษาทุกโรคให้กับคุณได้”
ฉินหลันสีหน้าเปลี่ยนไป คิดไม่ถึงว่าหลินหยุนแม้ว่าจะยังไม่ได้ชิมซุปนั้นเลย ก็สามารถที่จะทายออกมาได้อย่างถูกต้อง
“บรรเทาอาการชั่วคราว? หมายความว่าอะไร? ” ฉินหลันเก็บความรู้สึกตะลึงไว้ในใจ แล้วเน้นเฉพาะในประเด็นสำคัญ และถามขึ้น
หลินหยุนนั่งพิงอยู่บนเก้าอี้ พูดอธิบายว่า: “ระดับของหุบเขาเทพยา ซึ่งยาของพวกเขานั้นอย่างมากก็ยืนหยัดได้เพียงแค่ครึ่งเดือน รอจนฤทธิ์ของยานั้นหมดไป อาการป่วยและความเจ็บปวดของผู้ป่วยก็จะกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง อีกทั้งยาชนิดนี้ จะมีผลเพียงหนึ่งครั้งต่อคนหนึ่งคน เมื่อฤทธิ์ของยาหมดไป ต่อให้ดื่มเข้าไปอีกก็จะไม่เกิดผลอะไรอีกแล้ว”
“หากใช้คำพูดที่คนทั่วไปพูดกันก็คือ ยานี้เพียงแค่รักษาตามอาการแต่ไม่ได้รักษาต้นเหตุของอาการ ซึ่งก็เหมือนกับยาชา จะช่วยบรรเทาลดความเจ็บปวดลงได้ชั่วคราว รอจนครบกำหนดเวลา อาการเจ็บป่วยก็จะกำเริบขึ้นตามเดิมในทันที”
ฉินหลันสีหน้าเป็นประกายขึ้น: “มันเป็นเช่นนี้นี้เอง! ”
จากนั้น สายตาของฉินหลันก็มองไปที่หลินหยุนอย่างกระตือรือร้น ถามขึ้นว่า: “ที่นายพูดว่ามี สูตรยาที่สามารถรักษาทุกโรคได้นั้น เป็นความจริงหรือเท็จกันแน่? ”
“เป็นความจริงอย่างแน่นอน ฉันเคยโกหกพี่ฉินหลันเมื่อไหร่ล่ะ? ” หลินหยุนกอดอก แสดงสีหน้าท่าทางที่หยิ่งยโส
ฉินหลันจิตใจหวั่นไหว ถ้าหากที่หลินหยุนพูดนั้นเป็นความจริง ถ้าอย่างนั้นบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปก็คงไม่ต้องถอนตัวออกจากกิจการร้านอาหารแล้ว
เพียงแค่รอให้ประสิทธิผลของซุปอเนกประสงค์ของบริษัท หัวอัน กรุ๊ปหมดลงไป ในตอนนั้นบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปก็ถือโอกาสนำเสนอประชาสัมพันธ์ซุปบำรุงร่างกายของตนเอง ซึ่งสามารถที่จะสร้างแรงกดดันให้กับบริษัท หัวอัน กรุ๊ป และถึงขนาดที่จะช่วงชิงความสำเร็จมาจากบริษัท หัวอัน กรุ๊ปได้อีกด้วย
“หลินหยุน เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะมาพูดล้อเล่นกันได้นะ นายมีสูตรยาที่อัศจรรย์นั้นจริงเหรอ? ” ฉินหลันตื่นเต้นจนต้องลุกยืนขึ้น สองมือที่ขาวผ่องจับไปที่แขนของข้างของหลินหยุน จ้องมองหลินหยุนแล้วสอบถามขึ้น
“ตอนนี้ฉันจะเรียกคนนำมาส่งให้กับคุณ คุณทดลองดูเอาเองก็แล้วกัน” หลินหยุนชอบที่จะใช้ความจริงเป็นตัวพูดคุยสื่อสาร แบบนี้ถึงจะเกิดผลอย่างที่สุด
“ตกลง ตอนนี้ฉันจะไปพูดกับประธานกรรมการ เพื่อหยุดการถอนตัวออกจากกิจการร้านอาหาร ส่วนนายก็เรียกคนให้นำสูตรยามาให้ รวดเร็วหน่อยนะ! ”
“ไม่มีปัญหา” หลินหยุนยืนขึ้น สายตามองไปที่มือของฉินหลันที่จับอยู่ที่ท่อนแขนของตนเอง
ฉินหลันหน้าแดง แล้วรีบปล่อยมือลง
“นายรีบไปเถอะ! ” ฉินหลันพูดขึ้น
หลินหยุนยิ้มเล็กน้อย แล้วก็หันหลังเดินจากไป
ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ซูเหลียงจื่อก็ได้นำขวดหยกใบหนึ่งมา
“อาจารย์ นี่คือสิ่งของอะไรกัน? ” ซูเหลียงจื่อสีหน้าท่าทางอยากรู้อยากเห็น เขาสามารถรู้สึกได้ว่าด้านในของขวดใบนี้มีกลิ่นของชี่ทิพย์
หลินหยุนพูดว่า: “น้ำชี่ทิพย์”
“ตอนนี้นายกลับไป จัดหาภาชนะหยก วางไว้บนชั้นดาดฟ้า เพื่อรองรับน้ำชี่ทิพย์ให้มากขึ้น ข้าจะเก็บเอาไว้ใช้”
“รับทราบ! ” ซูเหลียงจื่อหันหลังแล้วก็เดินกลับไป
ไม่นาน หลินหยุนกับฉินหลันทั้งสองคน ก็ปรากฏตัวอยู่ในห้องทำงานของหวางซูเฟิน
มองไปที่ขวดหยกขนาดเล็กที่หลินหยุนได้วางไว้บนโต๊ะ ฉินหลันกับหวางซูเฟินต่างก็ขมวดคิ้ว
“นายบอกว่ามีสูตรยาไม่ใช่เหรอ? ทำไมมีเพียงแค่ขวดเล็กหนึ่งขวดนี้ล่ะ? ” ฉินหลันสอบถามขึ้นด้วยความผิดหวัง
หลินหยุนยิ้มและพูดขึ้นว่า: “ด้านในนี้ก็คือสูตรยา”
“ถ้าหากว่าประธานกรรมการไม่เชื่อ ก็สามารถทดลองดูได้”
พูดจบ หลินหยุนก็หยิบแก้วน้ำชาที่วางอยู่บนโต๊ะ และรินน้ำลงไป แล้วก็เทน้ำชี่ทิพย์จากขวดหยกลงไปหนึ่งหยด เขย่าผสมให้เข้ากัน
“ลองดื่มดูสิ” หลินหยุนยื่นแก้วชาให้กับหวางซูเฟิน
หวางซูเฟินทั้งเชื่อและก็สงสัย แต่ เธอเชื่อว่าหลินหยุนคงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องให้ร้ายเธอ
ยกแก้วชาขึ้น ดื่มเข้าไปเล็กน้อย หวางซูเฟินรู้สึกว่าลมหายใจที่อ่อนโยนได้หมุนเวียนไปทั่วทุกส่วนของร่างกายอย่างฉับพลัน รู้สึกสบายตัวอย่างมากจนเกือบจะร้องตะโกนออกมา
“นี่มัน……ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก! ”
หวางซูเฟินมองไปที่หลินหยุนด้วยความตกตะลึง ครุ่นคิดชั่วครู่ และพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า: “คุณหลิน ถ้าหากคุณเต็มใจที่จะมอบสูตรยานี้ให้กับพวกเราบริษัท ตงหวาง กรุ๊ป ฉันก็เต็มใจที่จะมอบผลกำไรห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของกิจการร้านอาหารภายใต้บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปให้กับนาย! ”