จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 377 ใครคือราชาแพทย์
ฉู่หมิงเฉิงกับซ่างกวงชิงฉันก็ตกตะลึงถึงขนาดอ้าปากกว้าง ค้างไม่ยอมหุบอยู่นาน
“นี่ นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน! ไอ้หนุ่มคนนี้อายุแค่ยี่สิบปีเท่านั้น ทักษะวิชาการแพทย์ของเขาทำไมถึงได้สูงส่งขนาดนี้!” ฉู่หมิงเฉิงคิดไม่ออกจริงๆ ว่า เขาเป็นถึงผู้มีพรสวรรค์ท่ามกลางผู้มีพรสวรรค์แล้ว โดยตอนที่มหาวิทยาลัยการแพทย์หลินโจว เขาก็เคยพ่ายแพ้ให้กับหลินหยุนมาแล้ว
จากนั้นเขาจึงคิดวิธีการต่างๆ เพื่อจะให้หลินหยุนเข้าร่วมการแข่งขันราชาการแพทย์ ก็เพื่อให้ ฉู่หยุนหวาที่เป็นพ่อของเขาสั่งสอนหลินหยุนสักหน่อย เพื่อแสดงให้เห็นว่าทักษะวิชาการแพทย์ของตระกูลฉู่สูงส่งและเหนือกว่าหลินหยุน
คิดไม่ถึงว่า ทักษะวิชาการแพทย์ที่หลินหยุนแสดงออกมานั้น เมื่อเปรียบเทียบกับวิชาการฝังเข็มปลิดชีพที่ยอดเยี่ยมและน่าภาคภูมิใจเป็นที่สุดของตระกูลฉู่แล้วยังจะเก่งกาจสูงส่งกว่าเป็นหลายสิบเท่าเลย!
ฉู่หมิงเฉิงทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนว่าได้ยกก้อนหินแล้วทุ่มลงบนเท้าของตัวเอง!
ในสองดวงตาที่งดงามของซ่างกวงชิงฉัน เต็มไปด้วยความแปลกใจ เดิมทีตอนที่เธออยู่ที่เมือง หลินโจว รู้สึกว่าหลินหยุนคนนี้แม้ว่าจะมีทักษะวิชาการแพทย์ที่ไม่เลว แต่เป็นคนที่เย่อหยิ่งเกินไป ซึ่งยากที่จะประสบความสำเร็จได้
แต่ว่าตอนนี้เธอเข้าใจได้แล้วว่า ท่าทางของหลินหยุนที่ไม่มีทุกอย่างอยู่ในสายตา ไม่ใช่ว่าเป็น ความเย่อหยิ่ง แต่เป็นความมั่นใจ
เป็นความมั่นใจในตนเองอย่างที่สุด!
ซ่างกวงชิงฉันอยากทราบมาก ว่าตกลงเป็นผู้ใดกันแน่ ที่สามารถอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ให้เก่งได้อย่างหลินหยุนแบบนี้?
แน่นอนว่า สำหรับประวัติความเป็นมาของหลินหยุน ซ่างกวงชิงฉันเองก็มีความอยากรู้อยากเห็นเช่นเดียวกัน
ท่ามกลางความไม่รู้ตัว มุมมองความคิดของซ่างกวงชิงฉันที่มีต่อหลินหยุน ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก
กู่เซิงยู่ก็รู้สึกอิจฉาริษยาและรังเกียจอย่างมากเลยทีเดียว
ในงานเลี้ยงวันเกิดของเซี่ยเจี้ยนโก๋ หลินหยุนไม่เพียงทำลายงานเลี้ยงฉลองของเขา ยังได้ดูถูกทำให้เขาอับอายขายหน้าอย่างรุนแรง จนเขากลายเป็นตัวตลกในวงการการแพทย์ไปเลยทีเดียว
เดิมทีคิดว่าจะอาศัยมือของพ่อของเขาในการแข่งขันราชาการแพทย์ครั้งนี้ จัดการโจมตีหลินหยุน สักครั้ง โดยคิดไม่ถึงว่าหลินหยุนจะมีไพ่เด็ดใบสุดท้ายที่ยอดเยี่ยมทรงพลังขนาดนี้ แม้แต่พ่อของเขาที่เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีก็ยังต้องตกเป็นรอง
กู่เซิงยู่ไม่กล้าที่จะเชื่อว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้เป็นความจริง
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน! ทักษะวิชาการแพทย์ของเขาทำไมถึงได้สูงส่งระดับนี้? ของปลอม ของปลอมอย่างแน่นอน!”
“ถูกต้องเลย เพราะว่าตอนนี้ผลคะแนนยังไม่ประกาศออกมา รอตอนที่คณะกรรมการประกาศผลคะแนนออกมาแล้ว แน่นอนว่าพ่อของข้าต้องเป็นผู้ชนะ!”
“ราชาแพทย์คือพ่อของข้า อย่างแน่นอน!”
กู่เซิงยู่กำลังสะกดจิตตัวเองอยู่
หลินหยุนไม่สนใจความโกลาหลวุ่นวายที่อยู่รอบข้าง ตั้งใจรักษาอาการของผู้ป่วยเพียงอย่างเดียว
หลินหยุนรักษาอาการของผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น เทคนิคและวิชาการฝังเข็มที่ชำนาญและคล่องแคล่วนั้น ทำให้ผู้คนที่มองดูถึงกับตาลาย
ทุกคนในที่แห่งนี้ โดยทั่วไปก็เป็นแพทย์ อีกทั้งยังเป็นแพทย์ชื่อดังอีกด้วย ซึ่งทักษะวิชาการแพทย์ที่หลินหยุนได้แสดงออกมานั้น ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด!
การใช้ทักษะวิชาการแพทย์อย่างน่าอัศจรรย์คงไม่เพียงพอที่จะอธิบายพูดถึงทักษะวิชาการแพทย์ที่หลินหยุนกำลังแสดงออกมาอยู่ในเวลานี้ คงต้องใช้คำว่าตื่นตาตื่นใจจึงจะน่าเหมาะสมมากกว่า
อีกทั้ง ถ้าหากทุกคนรู้ว่าหลินหยุนใช้วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงครั้งนี้เป็นเพียงครั้งที่สอง ไม่ทราบว่าทุกคนจะมีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง?
โดยครั้งแรกใช้เพื่อช่วยเหลือพวกเด็กๆ หลายสิบคนนั้น ส่วนครั้งนี้เป็นการใช้เพียงครั้งที่สองของ หลินหยุน
ถ้าหากว่าหลินหยุนเหมือนกับแพทย์คนอื่นทั่วไปนั้น วิชาการฝังเข็มหนึ่งชุดเรียนรู้ฝึกฝนเป็นเวลานานหลายปี จนถึงตอนนั้นคาดว่าเทคนิคการฝังเข็มของหลินหยุน คงจะรวดเร็วจนถึงขนาดมองไม่เห็นกันแล้ว
ผ่านไปชั่วครู่ ก็รักษาผู้ป่วยเรียบร้อยแล้วสามคน หลินหยุนจึงเริ่มรักษาอาการของเด็กน้อยคนนั้นสำหรับการรักษาเด็กน้อย ความรวดเร็วในการใช้เข็มของหลินหยุนช้าลงไปพอสมควร คล้ายกันกับตอนที่รักษาอาการป่วยของคนชราคนที่หนึ่ง แต่ว่า ในตอนที่หลินหยุนรักษาอาการป่วยของวัยรุ่นสองคนนั้น ได้ใช้วิธีการฝังเข็มที่ทั้งรวดเร็วและรุนแรงกว่ามากอย่างชัดเจน
อาการป่วยของเด็กน้อยแม้ว่าจะยากต่อการรักษา แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นลักษณะโรคร้ายที่รักษาไม่หายแบบโรคมะเร็ง โดยหลินหยุนใช้พลังทิพย์ควบคุมเข็ม เมื่อฝังเข็มเสร็จเรียบร้อยอาการป่วยก็หายไป
“ขอบคุณคุณอามาก!”หลังจากที่หลินหยุนได้ใช้พลังทิพย์อันอ่อนโยนบำบัดให้เลือดลมเคลื่อนไหวได้เป็นปกติแล้ว อาการป่วยของเด็กน้อยก็เบาบางลงไปอย่างฉับพลัน
เด็กน้อยที่ถูกโรคร้ายทรมานมาเป็นเวลานาน ดูเหมือนว่าจะเติบโตมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเด็กในรุ่นเดียวกัน จึงได้รีบคุกเข่าลง เพื่อทำการขอบคุณหลินหยุน
หลินหยุนประคองตัวเด็กน้อยขึ้นมา และพูดว่า “ลุกขึ้นเถอะ! หลังจากที่กลับไปแล้ว ห้ามทำอะไรที่เหน็ดเหนื่อยเด็ดขาด และใส่ใจบำรุงสุขภาพทานอาหารที่มีประโยชน์ด้วย”
โรคของเด็กน้อยคนนี้ เหตุผลหลักส่วนใหญ่เกิดมาจากการได้รับสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ไม่เพียงพอมาเป็นเวลานาน บวกกับการทำงานที่เหน็ดเหนื่อยและหักโหมเกินกำลัง
โรคลักษณะนี้คือโรคเรื้อรัง วิชาการแพทย์ในปัจจุบันก็ไม่มีวิธีการรักษาอะไรเป็นพิเศษ โดยที่ หลินหยุนใช้พลังทิพย์ควบคุมเข็ม รักษาร่างกายส่วนที่สึกหรอของเด็กคนนี้ แต่สาเหตุของการเกิดโรคที่แท้จริงก็ยังคงเป็นความยากจน
จุดนี้ไม่ว่าแพทย์คนใดก็รักษาไม่หาย
ได้ยินที่หลินหยุนพูด เด็กน้อยอายุเจ็ดแปดปี ก็เผยสีหน้าอันโศกเศร้าขึ้นแวบหนึ่ง แต่ก็ยังฝืนยิ้มและพยักหน้าตอบรับ “ขอบคุณคุณอามาก ฉันจดจำเอาไว้แล้ว!”
“อืม!” หลินหยุนตอบรับ แต่เขาก็รู้ว่า หลังจากที่เด็กน้อยคนนี้กลับไป บางที่อาจจะใช้แรงงานที่เกินกำลังอีกในทันทีเลยก็เป็นได้
เรื่องนี้ สังเกตได้จากบริเวณฝ่ามือที่มีรอยปูดบวมเกิดขึ้นเต็มไปหมด
แต่ว่า เด็กลักษณะนี้มีอยู่โดยทั่วไป หลินหยุนไม่ใช่ผู้ใจบุญ ซึ่งก็ช่วยเหลืออะไรไม่ได้มาก
ผู้อ่อนแอย่อมพ่ายแพ้ตกเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแรงกว่า ซึ่งถือเป็นวัฏจักรกฎเกณฑ์ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปชั่วนิรันดร์ของจักรวาลนี้นับแต่โบราณกาลเป็นต้นมา
ผู้อ่อนแอ ในที่สุดก็ต้องถูกกำจัดออกไป
มีเพียงความขยันมุ่งมั่น ทำให้ตนเองกลายเป็นผู้เข้มแข็ง จึงสามารถที่จะควบคุมกำหนดชะตาชีวิตของตนเองได้
ตอนนี้หลงเหลือเพียงผู้ป่วยคนสุดท้ายแล้ว ก็คือวัยรุ่นสกินเฮดคนนั้นที่โวยวายไม่ยอมให้หลินหยุนทำการรักษาอาการป่วย
ตอนนี้ หลังจากที่เห็นถึงทักษะการแพทย์ที่น่าตกตะลึงของหลินหยุนแล้ว เขาก็เสียใจจนลำไส้กลายเป็นสีเขียวไปตั้งนานแล้ว
หลินหยุนทำการรักษาอาการป่วยของเด็กน้อยเสร็จแล้ว ก็หันหลังเดินกลับไป โดยที่ไม่ได้สนใจวัยรุ่นสกินเฮดคนนั้น
วัยรุ่นสกินเฮดทนไม่ไหวอยากที่จะตบบ้องหูของตนเองอย่างมาก ที่เขาได้รับการคัดเลือก มาอยู่ที่ตรงนี้ และได้รับการรักษาโรคฟรี โอกาสที่ดีมากขนาดนี้ ดูเหมือนว่ากำลังจะสูญหายไปเพราะเขาเองในไม่ช้าแล้ว
“หมอเทพ ท่านรอก่อนสักครู่!” วัยรุ่นสกินเฮดยอมลดศักดิ์ศรีที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยของตนลง วิ่งไปยังเบื้องหน้าของหลินหยุน แล้วก็คุกเข่าลงเสียงดังฟุบต่อหน้าหลินหยุน
“หมอเทพ ข้าผิดไปแล้ว ก่อนหน้านี้ได้ล่วงเกินท่านอย่างมาก ขอให้ท่านอย่าได้คิดโทษถือโกรธผู้น้อยอย่างข้าเลย โปรดให้อภัยข้าด้วยเถอะ!”
หลินหยุนไม่คิดเล็กคิดน้อยกับคนธรรมดาทั่วไปอยู่แล้ว พูดขึ้นว่า “ลุกขึ้นเถอะ ไปนั่งรอที่ตรงนั้น”
วัยรุ่นสกินเฮดดีอกดีใจ “ขอบคุณหมอเทพมาก!”
หลังจากที่กรรมการจดบันทึกขั้นตอนการรักษาผู้ป่วยของหลินหยุนแล้ว ก็ได้ปิดฝาปากกาในมือลง แล้วกวาดสายตามองไปที่ผู้ชม พูดขึ้นว่า “ทุกท่านเชิญรอก่อน อีกสักครู่จะประกาศผลการแข่งขัน!”
หลินหยุนกับคนอื่นๆ ก็กลับเข้าไปนั่งประจำที่ของตนเอง
ฉู่หยุนหวานั่งอยู่บนตำแหน่งของราชาแพทย์ แต่รู้สึกว่าเก่าอี้ตัวนี้มันร้อนผ่าวยังไงชอบกล
สายตาของซ่างกวงเย่าสือ จ้องมองมาที่หลินหยุนโดยตลอด โดยไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
สีหน้าท่าทางที่เหยียดหยามของกู่เชียนซาน ก็ได้สูญหายไป สิ่งที่มาแทนก็คือสีหน้าที่หม่นหมอง สายตาจ้องมองไปที่หลินหยุนบ้างเป็นครั้งคราว แฝงไว้ด้วยความชั่วร้าย
หลินหยุนกลับไปยังที่นั่งของตน แล้วก็หลับตาพักผ่อนต่อ ราวกับว่ารอบกายเป็นเพียงแต่อากาศ มีแต่ความว่างเปล่าเท่านั้น
สีหน้าท่าทางที่ตกตะลึงของเซี่ยเจี้ยนโก๋ก็ค่อยๆ เลือนลางหายไป จากนั้นก็กลายเป็นท่าทางที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก “ไอ้หนุ่มนี้ ก็ยังคงหยิ่งผยองอย่างที่สุด! แต่ว่า เขามีสิทธิ์ที่จะหยิ่งผยองจริงๆ การฝังเข็มของเขาเมื่อครู่นี้ ต่อให้ประลองแข่งขันกับวงศ์ตระกูลแพทย์แผนจีนสี่ตระกูลใหญ่ที่ ยอดเยี่ยมแล้ว ก็ยากที่จะทราบผลการแข่งขันได้!”
“ไอ้หนุ่มนี้ ปกปิดแอบซ่อนตัวเองไว้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว ทั้งที่อยู่อาศัยกับพวกเรามาสิบกว่าปี นึกไม่ถึงว่าจะไม่เคยได้แสดงความสามารถอะไรออกมาต่อหน้าพวกเราบ้างเลย!”
โจวเฟินมองไปที่หลินหยุนอย่างเอ็นดู แล้วก็ส่งเสียงฮึขึ้นอย่างเย็นชา พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ก็ไม่ใช่เป็นเพราะคุณหรอกเหรอ ที่มักจะทำทีเป็นดูถูกมองข้ามเสี่ยวหยุนมาโดยตลอด คาดว่าเสี่ยวหยุนทำไปเช่นนี้ก็เพื่อจะให้ทำให้คุณโมโห ดังนั้นจึงจงใจที่จะปกปิดทักษะวิชาการแพทย์ของตนเองเอาไว้”
“เป็นไปได้มากเลยทีเดียว! ไอ้หนุ่มนี้ ถ้าหากว่าเขายอมที่จะแสดงทักษะวิชาการแพทย์ที่น่าอัศจรรย์ออกมาตั้งแต่แรก ก่อนหน้านี้ข้าก็คงไม่ปฏิบัติแบบนี้กับเขาเป็นแน่! เซี่ยเจี้ยนโก๋เสียใจอย่างมากกับสิ่งที่ได้ทำลงไปในช่วงก่อนหน้านี้”
สุภาษิตได้กล่าวไว้ว่าตกทุกข์ได้ยากร่วมกันแล้วจะพบเจอกับความจริงใจ ไม่ผิดเลยแม้แต่น้อย ก็จะมีเพียงแค่ผู้ที่ไม่เคยทิ้งจากคุณไปไหนขณะที่คุณกำลังตกทุกข์ได้ยาก จึงจะสามารถเป็น มิตรแท้ที่จริงใจต่อกันได้
โม่หัวถิงกับโจวชิงเหอ ต่างก็พากันตกตะลึง และตื่นเต้นจนหน้าตาแดงก่ำหมดแล้ว โม่หัวถิงยิ่งแล้วใหญ่ร่างกายสั่นไหวและพูดตะโกนออกมาว่า “การมาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้คุ้มค่ามากจริงๆ หมอเทพหลินทำให้ข้าได้เป็นสักขีพยานในการพบเห็นเรื่องราวอัศจรรย์ที่เกิดขึ้นใหม่นี้!”
แพทย์ผู้ที่ก่อนหน้านี้หัวเราะเยาะเย้ยหลินหยุนและยังใช้ความสัมพันธ์เพื่อมีชื่อเข้าร่วมการแข่งขัน ในขณะนี้ไม่รู้ว่าไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่มุมไหนแล้ว