จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 379 เขาก็คือผู้คิดค้น
ทุกคนต่างหายใจติดขัดอย่างกะทันหัน!
ไม่ผิด แม้ว่าพวกเขาจะไม่มีข้อสงสัยอะไรต่อผลการตัดสินใจของคณะกรรมการ แต่ว่าทุกคนต่างก็แปลกใจว่า ทำไมหลินหยุนถึงได้รับตำแหน่งเป็นราชาแพทย์
กรรมการผู้นั้นมองไปยังท่านหลิวที่อยู่บนแท่นเวที ในฐานะที่เป็นกรรมการที่สูงศักดิ์ที่สุด สิทธิ์การตัดสินใจอยู่ในมือของท่านหลิว
ท่านหลิวยืนขึ้นและพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “ข้อสงสัยของนาย ข้าจะเป็นผู้ให้คำตอบเอง!”
เห็นท่านหลิวออกมาให้คำตอบด้วยตนเอง ทุกคนต่างก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง!
ดูเหมือนว่า สำหรับหลินหยุนแล้ว แม้แต่ประธานหลิวเองก็ยังให้ความสำคัญขนาดนี้!
ท่านหลิวได้แยกนำข้อมูลบันทึกการรักษาโรคของกู่เชียนซานกับหลินหยุนออกมา และพูดต่อหน้า กู่เชียนซานอย่างจริงจังว่า “ในเมื่อคุณมีข้อสงสัย งั้นข้าก็จะนำข้อมูลบันทึกการรักษาโรคของคุณกับของหลินหยุนมาเปรียบเทียบกันต่อหน้าสาธารณะ ข้อมูลไหนที่ยอดเยี่ยมกว่าและข้อมูลไหนที่อ่อนด้อยกว่า จะได้ชัดเจนแจ่มแจ้ง!”
กู่เชียนซานสงบนิ่งสักครู่ และพูดขึ้นว่า “ตกลง!”
ท่านหลิวมองดูข้อมูลบันทึกการรักษาโรคของกู่เชียนซาน และค่อยๆ พูดว่า “คุณใช้วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง ผสมผสานกับวิชาการฝังเข็มฉานซาน จนเกิดเป็นวิชาการฝังเข็มแบบใหม่ เพื่อรักษาอาการของผู้ป่วย”
กู่เชียนซานสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แววตาเผยออกถึงท่าทางที่ตกตะลึงเล็กน้อย
วิชาการฝังเข็มฉานซานถือได้ว่าเป็นวิชาลับของตระกูลของเขา โดยได้รับการถ่ายทอดวิชามาจากแพทย์ที่แปลกประหลาดที่ไม่มีผู้คนยอมรับ ซึ่งคิดไม่ถึงว่าคนบนโลกมนุษย์ จะสามารถมองออกว่าเป็นวิชาการฝังเข็มฉานซานได้
ท่านหลิวพูดต่อไปว่า “แม้ว่าจะผสมผสานวิชาการฝังเข็มสองแบบนี้เข้าด้วยกัน แต่วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงมีสัดส่วนกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของวิชาฝังเข็มแบบใหม่ ใช่ไหม?”
ทุกคนต่างมองไปที่กู่เชียนซาน เพื่อรอรับฟังคำตอบจากเขา
กู่เชียนซานพยักหน้า “ถูกต้อง”
อย่างไรก็ตามหมอแปลกประหลาดผู้นั้นก็ได้เสียชีวิตไปนานหลายปีแล้ว ต่อให้มีคนที่รู้จักวิชาการฝังเข็มฉานซาน ก็คงไม่น่าจะคิดถึงหมอแปลกประหลาดผู้นั้นหรอก
ท่านหลิวพยักหน้า และพูดต่อว่า “วิธีการรักษาของคุณใช้วิชาการฝังเข็มแบบใหม่ โดยได้ทำการกำจัดต้นตอของโรค ซึ่งได้ผลที่ไม่เลวเลย”
“แต่ว่า วิชาการฝังเข็มแบบใหม่ของคุณค่อนข้างจะรุนแรงไปหน่อย วัยรุ่นสามคนนั้นสามารถที่จะอดทนรับไหวได้ ไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ว่า คนชราผู้นั้นกับเด็กน้อย ร่างกายของพวกเขาไม่มีทางที่จะอดทนรับไหวได้แน่”
“ตอนนี้ ร่างกายของคนชราผู้นั้นกับเด็กน้อย ได้รับความเสียหายทรุดโทรมอย่างมาก แม้ว่ามองจากภายนอกคุณสามารถรักษาอาการป่วยของพวกเขาให้หายแล้ว แต่ความเสียหายทรุดโทรมในส่วนนั้นจะส่งผลกระทบขึ้นในวันใดวันหนึ่ง กลายเป็นต้นเหตุที่ทำให้ถึงกับเสียชีวิต”
กู่เชียนซานไม่มีคำพูดคำจา เขามุ่งเน้นแต่การรักษา โดยที่ไม่เคยคำนึงถึงผลเสียหายที่จะตามมา
เขาคิดว่าเพียงแค่สามารถใช้วิธีการรักษาที่รวดเร็ว รักษาอาการโรคของผู้ป่วยให้หายได้ ในส่วนเรื่องความเสียหายและผลกระทบต่อร่างกายไม่ต้องไปคิดถึงก่อนได้
แต่ว่า ทุกคนต่างก็เป็นแพทย์ อีกทั้งยังเป็นแพทย์ชื่อดัง สำหรับคำพูดของประธานหลิวแล้ว พวกเขาต่างก็เข้าใจกันอย่างชัดเจน
อย่างมองข้ามไปว่าเป็นแค่ความเสียหายต่อร่างกายเพียงเล็กน้อย อาจเป็นไปได้ที่จะกลายเป็น ต้นตอของโรคที่ฝังอยู่ในร่างกาย คนชราอาจจะไม่เป็นไร แต่เด็กน้อยคนนั้นล่ะ? ชีวิตของเขายังอีกยาวไกล ซึ่งความเสียหายในร่างกายนี้ก็เหมือนกับระเบิดเวลา โดยที่ไม่รู้ว่าวันใดมันจะเกิดการระเบิดขึ้น
ตัวอย่างเช่นการก่อตัวขึ้นของโรคมะเร็ง โดยเริ่มแรกก็เป็นเพราะเซลล์ขนาดเล็กในร่างกาย ได้รับผลมาจากภายนอกจนเกิดการกลายพันธุ์ เช่นรังสี มลพิษจากการตกแต่งบ้านอาคาร เป็นต้น แม้ว่าเพียงครั้งสองครั้งจะส่งผลเสียหายต่อร่างกายเล็กน้อย เล็กน้อยมากจนสามารถละเลยมองข้ามไปได้ แต่เมื่อหากระเบิดรุนแรงขึ้นเมื่อใด ก็คงต้องถึงกับความตาย
หรือจะพูดว่าผู้ที่ได้รับรังสีเป็นเวลานาน จะมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งได้มากกว่าคนทั่วไปหลายสิบเท่า
ในฐานะที่เป็นแพทย์ ไม่ควรคิดเพียงแต่ผลของการรักษา โดยละเลยที่จะคำนึงถึงความเสียหายที่จะมีต่อร่างกายของผู้ป่วย
แน่นอนว่า หากอยู่ในระดับขั้นที่จำเป็นมากจริงๆ ถึงขนาดต้องส่งผลเสียหายต่อร่างกาย จึงจะสามารถรักษาโรคให้หายได้ ถ้าอย่างนั้นก็ควรเปรียบเทียบผลเสียของทั้งสองอย่างแล้วเลือกในสิ่งที่มีผลเสียต่อร่างกายน้อยที่สุด
กู่เชียนซานพูดโต้แย้งขึ้นว่า “ข้ายอมรับว่าวิธีการรักษาโรคของข้า จะส่งผลเสียหายเล็กน้อยต่อร่างกายของพวกเขา แต่ว่า ข้าไม่รู้สึกว่าวิธีการรักษาโรคของข้ามีปัญหาอะไร โดยทั่วไปยามีสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่เป็นพิษ หากต้องการรักษาโรค ก็จะต้องส่งผลเสียหายต่อร่างกายอยู่แล้ว หรือว่าพวกคุณมีวิธีการรักษาโรคโดยที่ไม่ส่งผลเสียหายต่อร่างกายเลยแม้แต่น้อย?”
ทุกคนต่างก็ครุ่นคิด เพราะว่าวิธีการรักษาโดยการฝังเข็มนับว่าเป็นวิธีการรักษาที่ส่งผลเสียหายต่อร่างกายน้อยที่สุดแล้ว
ยิ่งเมื่อเทียบกับการผ่าตัด การทานยา ก็ถือว่าส่งผลเสียหายน้อยกว่ามาก
เห็นว่าทุกคนต่างก็ไม่พูดไม่จา กู่เชียนซานก็ยิ้มอย่างเย็นชาและพูดขึ้นว่า “เหตุผลดังกล่าวนี้ไม่สามารถทำให้ข้าเชื่อถือได้ นอกเสียจากวิธีการรักษาของเขา สามารถที่จะไม่ส่งผลเสียหายทำร้ายร่างกายแม้เพียงเล็กน้อย!”
ขณะนี้ สายตาของทุกคน ต่างก็จดจ้องมาที่ตัวของหลินหยุน
เซี่ยเจี้ยนโก๋แอบเหงื่อตกลำบากใจแทนหลินหยุน ในฐานะที่เป็นแพทย์ เขาชัดเจนดีว่า วิธีการรักษาโรคของกู่เชียนซานนั้นถือว่ายอดเยี่ยมสูงส่งมากแล้ว
ต่อให้วิชาการฝังเข็มของหลินหยุนจะสูงส่งกว่าเขา แต่ว่าก็ไม่สามารถที่จะทำได้ถึงขนาดไม่ส่ง ผลเสียทำร้ายต่อร่างกายแม้แต่น้อยได้
“เป็นไปได้ตามที่คุณต้องการ!” ประธานหลิวพูดขึ้น แล้วก็หยิบข้อมูลบันทึกการรักษาผู้ป่วยของหลินหยุนออกมา
“หลินหยุนก็ใช้วิชาการฝังเข็มเช่นกัน แม้ว่าพวกเราจะไม่ทราบถึงชื่อของวิชาการฝังเข็มนั้น แต่ว่าเมื่อเทียบกับวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงแล้ว มีความยอดเยี่ยมและสูงส่งกว่าเป็นหลายสิบเท่า!”
“เป็นไปไม่ได้!” กู่เชียนซานโต้แย้งขึ้นเสียงดัง “วิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงมีภาษาวิชาที่ลึกลับซับซ้อนและเข้าใจได้ยาก เขาเป็นเพียงวัยรุ่นที่เพิ่งอายุยี่สิบปี หากสามารถที่จะชำนาญวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงก็คงเป็นเรื่องที่ยากมากพอแล้ว ซึ่งเป็นไปได้อย่างไรที่จะเข้าใจวิชาการฝังเข็มที่มีประสิทธิผลสูงส่งและยอดเยี่ยมกว่าวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง!”
“ยิ่งไปกว่านั้นวิชาการฝังเข็มชุดนี้ไม่ใช่ว่าจะมีประสิทธิผลสูงส่งและยอดเยี่ยมกว่าวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงเพียงไม่กี่เท่า แต่นี่สูงส่งกว่าเป็นหลายสิบเท่า พูดออกไปใครจะเชื่อกันล่ะ!”
“พวกคุณเชื่อหรือไม่?” กู่เชียนซานหันหน้าไปยังทุกคนในที่แห่งนี้ และถามขึ้นด้วยเสียงดัง
ไม่มีใครพูดใครจา แต่บนใบหน้าของทุกคนต่างก็เผยออกมาสองคำว่า ‘ไม่เชื่อ’
กู่เชียนซานยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า “เห็นกันหรือยังล่ะ แม้แต่พวกเขาก็ไม่มีใครเชื่อ! นอกจากพวกคุณสามารถนำหลักฐานที่สามารถโน้มน้าวทำให้ทุกคนเชื่อถือออกมาได้!”
ประธานหลิวสีหน้าเคร่งเครียด และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นหลายเท่า “เขาก็คือผู้คิดค้นวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง หลักฐานนี้เพียงพอไหมล่ะ?”
อะไรนะ!
กู่เชียนซานตกตะลึงอย่างรุนแรง และมองไปที่หลินหยุนอย่างเหลือเชื่อ
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด!
มองไปที่หลินหยุนพร้อมกับอ้าปากค้างถึงขนาดที่สามารถยัดไข่ไก่หนึ่งฟองเข้าไปได้
“เขาก็คือผู้คิดค้นวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง! ประธานหลิวไม่ได้พูดล้อเล่นไปใช่ไหม? จะเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน!”
คนที่อยู่ด้านข้างเหลือบตามองเขาเล็กน้อย และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “นายคิดว่าในสถานที่นี้และเวลานี้ประธานหลิว จะมาพูดล้อเล่นอยู่อีกอย่างนั้นเหรอ?”
“ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็คือผู้ลึกลับผู้นั้นที่นำวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงมอบให้กับสมาคมการแพทย์ของประเทศจีนโดยที่ไม่ต้องการอะไรตอบแทน!”
“แม้ประธานหลิวก็พูดแบบนี้แล้ว ก็คงไม่มีผิดอย่างแน่นอน!”
“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ไอ้หนุ่มนี้จะปกปิดตัวเองได้ลึกลับมากขนาดนี้! เขาก็คือผู้คิดค้นวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง! มิน่าล่ะเขาถึงสามารถค้นหาข้อผิดพลาดที่ปรากฏอยู่ในตำรับยาที่ศักดิ์สิทธิ์ของประเทศจีนได้”
“ใช่จริงด้วย เมื่อตอนที่เพิ่งพบเจอเขาครั้งแรก ข้าก็ไม่ชินอย่างมากกับสีหน้าท่าทางที่เย่อหยิ่งไม่มีใครอยู่ในสายตาบนใบหน้าของเขา คิดไปว่าเขาคือคุณชายที่ไม่มีวิชาความสามารถแห่งตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ตอนนี้ข้าเพิ่งเข้าใจว่า ท่าทางของเขานั้นไม่ใช่ความเย่อหยิ่ง แต่มันคือความมั่นใจในตนเองต่างหาก!”
ดวงตาของกู่เซิงยู่เกือบที่จะหลุดออกมาจากเบ้าตกลงบนพื้นแล้ว ทำตัวเหมือนกับแมวที่ถูกคนเหยียบหางอย่างไรอย่างนั้น กระโดดและตะโกนว่า “เขาก็คือผู้คิดค้นวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง! จะเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไรกัน?”
เขายังจำได้ว่า ในตอนนั้นที่กู่เชียนซานผู้เป็นพ่อของเขาพบเจอวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิง และได้ประเมินวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงเอาไว้
“วิชาการฝังเข็มนี้ แม้ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับวิชาการฝังเข็มฉานซานของพวกเราตระกูลกู่แล้ว จะมีประสิทธิผลที่ยอดเยี่ยมกว่าหลายเท่า ถ้าหากสามารถนำวิชาการฝังเข็มนี้ผสมผสานกับวิชาการฝังเข็มฉานซานของตระกูลพวกเรา กลายเป็นวิชาการฝังเข็มแบบใหม่ ซึ่งในวงศ์ตระกูลแพทย์แผนจีนแล้ว วิชาการฝังเข็มแบบใหม่นี้สามารถจัดอยู่ในสิบอันดับแรกได้!”
เดิมทีเขารู้สึกเคารพเลื่อมใสต่อผู้คิดค้นวิชาการฝังเข็มปราณไท่ชิงเป็นอย่างมาก วิชาการฝังเข็มที่เก่งกาจขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าผู้ลึกลับคนนั้นจะมอบให้กับสมาคมการแพทย์ของประเทศจีนโดยไม่ต้องการอะไรตอบแทน
กู่เซิงยู่คิดอยู่ตลอดว่า ผู้ลึกลับที่น่าทึ่งคนนั้น ตกลงมีประวัติความเป็นมาอย่างไรกันแน่?
แต่ว่า แม้เขาฝันก็ยังคงคิดไม่ถึงว่า หลินหยุนผู้ที่เขามองว่าเป็นศัตรูคู่แค้นตัวฉกาจ ก็คือผู้ลึกลับ ที่เขาเคารพเลื่อมใสคนนั้น
ถ้าหากจะพูดว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้ส่งผลกระทบโจมตีใครมากที่สุด ถ้าอย่างนั้นก็คงเป็นกู่เซิงยู่อย่างไม่ต้องสงสัย
ศัตรูคู่แค้นที่จดจำฝังลึกถึงกระดูกผู้นั้น อยู่ดีๆ ก็กลายเป็นผู้ที่เคารพเลื่อมใสอย่างน่ากลัวและ น่าขัน ทำให้กู่เซิงยู่แทบที่จะทรุดตัวล้มลงในทันที!