จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 39 หลินหยุนออกโรง
บทที่ 39 หลินหยุนออกโรง
“แต่…” เว่ยเทียนหมิงขมวดคิ้ว สีหน้าลำบากใจ
คนอื่นตอนนี้ยังดูแลไม่ได้ แต่ในนั้นมีเซี่ยหยู่เวยอยู่ด้วย เขาจะไม่สนก็ไม่ได้
“คุณเจี่ยง ในเมื่อคุณไว้หน้าพ่อผมแล้ว ทำไมไม่เป็นคนดีให้สุดๆ ล่ะครับ ปล่อยทุกคนไปเถอะ” เว่ยเทียนหมิงขอร้องต่อ
“แกคิดว่าฉันเป็นคนดีเหรอ” เจี่ยงสงถามด้วยความแปลก
ถ้าเจี่ยงสงเป็นคนดี งั้นทั้งเมืองหลินโจวก็เป็นคนดีทั้งนั้น
แต่ว่า เว่ยเทียนหมิงทำได้แค่พูดสิ่งที่ไม่ตรงกับใจว่า “คุณเจียงมีชื่อเสียงทั่วหลินโจว แน่นอนว่าต้องเป็นคนดีแน่นนอน ยังไงก็ขอให้คุณอย่าได้ถือสาเลย ปล่อยเพื่อนของผมเถอะนะครับ”
“ฮ่าๆ พวกแกได้ยินมั้ย ลูกชายรองนายกเทศมนตรีเว่ยบอกว่าฉันเป็นคนดี!” เจี่ยงส่งหัวเราะให้ลูกน้องของตัวเอง
ลูกน้องพวกนั้นต่างก็พากันหัวเราะ พร้อมมองเว่ยเทียนหมิงด้วยสายตาเย้ยหยัน
เว่ยเทียนหมิงหน้าแดงก่ำ ใจลุกเดือดเป็นไฟ แต่ก็แสดงอะไรออกมาไม่ได้นัก
เจี่ยงสงไม่แม้แต่จะไว้หน้าพ่อของเขา เขาทำได้แค่ขอร้องเจี่ยงสงให้ปล่อยจ้าวกางและพวกเท่านั้น
พอหัวเราะได้ซักพัก เจี่ยงสงก็พูดขึ้นมาว่า “พอเถอะ ถือว่าแกฉลาด รีบไสหัวไป ส่วนผู้หญิงสามคนนี้ต้องอยู่ดื่มเป็นเพื่อนฉันก่อนเดี๋ยวฉันจะปล่อยกลับไปเอง วางใจเถอะ”
เว่ยเทียนหมิงยังอยากที่จะขอร้องต่อ แต่เจี่ยงสงเริ่มพูดด้วยความรำคาญ “ถ้าแกยังจะพูดอะไรต่อ อย่าหาว่าฉันไม้ไว้แม้แต่หน้าเว่ยเด๋อหลง”
สิ่งที่เว่ยเทียนหมิงเตรียมจะพูด ทำได้แค่เก็บเข้าไปไว้เหมือนเดิม เขาทนจนรู้สึกไม่ดีนัก
หลี่เหยนที่อยู่ข้างๆ เริ่มเร่งรัด “คุณชายเว่ย เราไปกันก่อนเถอะ อย่าทำให้ท่านเจี่ยงไม่พอใจเลย กลับไปค่อยคิดหาวิธีมาช่วยพวกนี้”
เว่ยเทียนหมิงไม่พูดอะไร สายตามองไปที่เซี่ยหยู่เว่ย เขาไม่รู้จะตัดสินใจอย่างไรดี
“คุณชายเว่ย นายไปไม่ได้นะ ถ้านายไปแล้วฉันจะทำยังไง” จ้าวกางน้ำเสียงสั่นครอน มองเว่ยเทียนหมองด้วยสายตาอ้อนวอน
เซี่ยหยู่เวยก็มองเว่ยเทียนหมิงด้วยสายตากังวล พูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “เทียนหมิง นายรีบคิดหาวิธี ฉัน ฉันกลัว”
เว่ยเทียนหมิงหน้าดำคร่ำเครียด ยิ่งลำบากใจมากขึ้น
“ยังไม่ไปอีกเหรอ” เจี่ยงสงสีหน้าเย็นชา น้ำเสียงเริ่มไม่พอใจ
“คุณชายเว่ย…” จ้าวกางกับจ้าวหยู่เวยมองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน
“ไปกันเถอะ คุณชายเว่ย” หลี่เหยนเริ่มเร่งรัดด้วยความร้อนรน ตอนนี้เขาคิดแค่อยากจะเอาตัวเองให้รอดเท่านั้น
“รอฉันนะ เดี๋ยวฉันจะรีบมาช่วยทุกคน!” เว่ยเทียนหมิงสีหน้าดำก่ำ ทิ้งประโยคนี้ไว้ พร้อมหันหลังเดินจากไปอย่างไม่หันกลับมาดู
“คุณชายเว่ย!” จ้าวกางสีหน้าผิดหวัง แม้แต่เว่ยเทียนหมิงยังกลัวจนต้องจากไป ครั้งนี้เขาตายแน่ๆ
สายตาเซี่ยหยู่เวยก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ผู้ชายอย่างเว่ยเทียนหมิงที่เขามองว่าเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาว ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้อย่างเขา จะทิ้งเธอไว้แล้วเอาตัวรอดไปคนเดียวแบบนี้
อีหลิงมองไปที่แผ่นหลังของเว่ยเทียนหมิงและหลี่เหยนที่เหนื่อยล้า เธอพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “นี่เหรอคุณชายตระกูลใหญ่ ปกติไม่เคยเอาใครอยู่ในสายตาเลย พูดดียิ่งกว่าร้อง แต่พอเจออันตราย กลับสนแค่ตัวเอง เร็วยิ่งกว่ากระต่ายซะอีก”
สีหน้าหวางเสี่ยวซีขาวซีด กลัวจนจับมืออีหลิงและเซี่ยหยู่เวยไว้ พร้อมพูดขึ้นว่า “หยู่เวย อีหลิง ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี ฉันกลัว ฉันไม่อยากโดนพวกมันจับไป”
มองดูสายตาของผู้ชายพวกนั้นที่ดูไม่หวังดีเอาเสียเลย หวางเสี่ยวซีก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นเหมือนแพะที่ตกมาอยู่ในฝูงหมาป่า
เซี่ยหยู่เวยกับอีหลิงต่างก็กลัวเช่นกัน แต่ทำได้เพียงทำเป็นนิ่งไว้เท่านั้น
“ไม่ต้องกลัว ตอนนี้บ้านเมืองมีขื่อมีแป เขาไม่กล้าทำอะไรหรอก” อีหลิงพูดด้วยสีหน้าราบเรียบ
“งั้นเหรอ เธอนี่มันดูไม่กลัวอะไรดีนี่” เจี่ยงสงจ้องไปที่อีหลิงแล้วยิ้ม
“โอเค พาพวกมันไปได้แล้ว” เจี่ยงสงพูดอย่างไม่สนอะไร
อาเฟิงมองไปหาจ้าวกางที่ทรุดนั่งอยู่บนพื้น เขาพูดสั่งด้วยเสียงเย็นชาว่า “เอาตัวไป!”
“เฮ้ ไม่เอา ช่วยด้วย!” หวางเสี่ยวซีตกใจจนร้องลั่น ผู้หญิงสามคนกอดคอกันด้วยความกลัว
คนที่อยู่ในสระว่ายน้ำคนอื่นๆ พอเห็นลูกน้องของเจี่ยงสงมา ก็พากันหลบไปทางอื่นไม่มีใครกล้ายุ่งเรื่องของคนใหญ่คนโตแบบนี้
ส่วนเรื่องแจ้งตำรวจ แม้แต่หน้าของรองนากยกเทศมนตรียังไม่สน แจ้งตำรวจจะมีประโยชน์อะไรเล่า
“เดี๋ยวก่อน!”
ในขณะที่เซี่ยหยู่เวยและคนอื่นๆ กำลังหมดหวังสุดๆ ในตอนนั้น น้ำเสียงราบเรียบก็ดังขึ้นในทันใด
หลินหยุนที่มองทุกอย่างเงียบๆ ในที่สุดก็ปริปากพูดแล้ว
ความเป็นความตายของพวกจ้าวกางเขาไม่สน แต่อีหลิงกับเวี่ยหยู่เวยตกอยู่ในอันตราย เขาจะไม่สนไม่ได้
“หลินหยุน!”
เมื่อเห็นหลินหยุนยินบังอยู่ข้างหน้าตนเอง เซี่ยหยู่เวยและคนอื่นๆ ต่างก็ตกใจ
ยามวิกฤตแบบนี้ เว่ยเทียนหมองที่เป็นลูกชายของรองนายกเทศมนตรีกลับหนีเอาตัวรอดไป แต่คนที่ไม่มีคนหนุนหลังอะไรอย่างหลินหยุนกลับเป็นคนที่ยืนขึ้นมารับภาระดูแลทุกคน
มันเป็นเรื่องน่าถากถางแค่ไหนกัน
เซี่ยหยู่เวยสีหน้าไม่ดีนัก เธอคิดแค่เพียงว่าสวรรค์ไม่ยุติธรรมกับเธอเอาเสียเลย
เจี่ยงสงมองมาที่หลินหยุน ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้ารำคาญ “แกเป็นใครอีก”
“คนที่แกไม่ควรยุ่ง!” หลินหยุนสีหน้าเฉยเมย น้ำเสียงราบเรียบ
เจี่ยงสงสีหน้าตกใจเล็กน้อย แล้วก็หัวเราะลั่น
“ฮ่าๆ ไอ้หมอนี่ แกเป็นคนแรกที่กล้าพูดแบบนี้กับฉัน”
แต่หลังจากนั้น สีหน้าของเจี่ยงส่งก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา น้ำเสียงเคร่งขรึม “แต่คนที่กล้าพูดแบบนี้กับฉัน มักจะมีจุดจบที่ไม่ดีนัก”
อาเฟิงพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันต่อว่า “ครั้งก่อนมีหมาตัวนึงมันคิดว่าตัวเองใหญ่ จะท้าทายท่านเจี่ยง โดนท่านเจี่ยงไล่ออกจากหลินโจว ไม่มีทางได้มาเหยียบที่หลินโจวอีกตลอดชีวิต”
“แกก็อยากเป็นเหมือนมันเหรอ”
อีหลิงรีบเรียก “หลินหยุน นายไปเถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย นายออกหน้าช่วยเราตอนยามวิกฤตแบบนี้ เราขอบคุณนายมาก แต่ว่าต่อให้นายพยายามเข้ามาช่วยยังไง ก็ไม่มีประโยชน์หรอก นายอย่าเอาตัวเองเข้ามาเกี่ยวข้องเลย”
หวางเสี่ยวซียิ้มอย่างขมขื่น “ทำไมคนที่ใจกล้ามาช่วยพวกเราต้องเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องอย่างนายด้วย ต่อให้นายอยากช่วยพวกเรายังไง แต่นายก็ต้องดูด้วยว่าตัวเองเป็นใคร นายมาหาที่ตายหรือไง!”
จ้าวกางเองก็สีหน้าขมขื่นไม่แพ้กัน เขาบ่นพึมพำกับตัวเองว่า “คิดไม่ถึงเลยจริงๆ คนที่ออกมาช่วยฉัน กลับเป็นศัตรูของฉันเอง เหอะๆ …”
เซี่ยหยู่เวยมองมาที่หลินหยุน ใบหน้าร้อนผ่าว เหมือนว่าโดนคนตบหน้าเข้าอย่างจัง
“เหอะๆ หลินหยุน นายตั้งใจดูถูกฉันเหรอ ทั้งๆ ที่นายก็รู้ว่าเว่ยเทียนหยู่หนีไปแล้ว เพราะงั้นนายเลยทำเป็นยืนขึ้นมา เพื่อที่จะให้ฉันคิดได้ว่าตัวเองเลือกคนผิด ฝากความหวังไว้ผิดคนงั้นเหรอ”
“แต่จะมาดูถูกฉัน อยากยังไม่มีสิทธิ์หรอกนะ เจี่ยงสงไม่ทำอะไรเว่ยเทียนหมิง เพราะเขามีรองนายกเทศมนตรีเว่ยอยู่ข้างหลัง แต่นายล่ะมีใคร”
“นายไม่มีอะไรเลย ผลที่นายฝืนตัวเองแบบนี้ มีแต่จะทำให้เจี่ยงสงโมโหกว่าเดิม เอาตัวเองข้ามาเกี่ยวข้องด้วย จะรักษาชีวิตตัวเองไม่ได้หรอกนะ”
เมื่อคิดถึงฝีมือโหดร้ายของเจี่ยงสง เซี่ยหยู่เวยแม้จะเกลียดหลินหยุนขนาดไหน แต่ไม่ว่ายังไงก็เป็นคนที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาสิบกว่าปี จะให้เขามองเห็นหลินหยุนเอาชีวิตเข้ามาอยู่ในอันตรายแบบนี้ เธอเองก็ทนเห็นไม่ได้เหมือนหัน
เซี่ยหยู่เวยร้องตะโกนสุดเสียง “หลินหยุนนายมันชอบฝืนตัวเองนักหรือไง นั่นคือเจี่ยงสงนะ คนใหญ่คนโตคนเดียวของเมืองหลินโจว ต่อให้เป็นจินซื่อหรงอยู่ต่อหน้าเขา ก็ยังต้องเคารพนอบน้อม นายคิดว่าพึ่งตระกูลจิน นายก็จะมีมาช่วยได้เหรอ”
“อย่ามาฝันแถวนี้ รีบไสหัวไป เราไม่ต้องการความช่วยเหลือของนาย!”
หลินหยุนไม่ได้กลับไป เขาพูดด้วยเสียงราบเรียบว่า “ฉันเคยบอกแล้ว ฉันไม่พึ่งใคร ที่พึ่งที่เดียวของฉันคือตัวเอง”
พูดจบ หลินหยุนมองไปที่เจี่ยงสงและพูดด้วยความไม่เกรงกลัวว่า “คนอื่นฉันไม่สน แต่สองคนนี้ห้ามแตะเด็ดขาด”
อาเฟิงตะโกนด้วยความโมโห “ไอ้หมอนี่ แกเป็นใครฮะ กล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับท่านเจี่ยง!”
หลินหยุนตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “นายลองดูได้!”