จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 392 คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
หลายคนเห็นชายหนุ่มชุดดำคนนี้ และพวกเขาคิดว่าเขาเป็นเพียงคนธรรมดา
เพียงแต่ว่า พวกเขาพบว่าพฤติกรรมของชายหนุ่มนั้นค่อนข้างแปลก
บนยอดเขามีถนนหลายสาย แต่เขากลับเดินตรงไปยังทิศทางที่ฉิวเชียนซาอยู่
เหมือนกับมาที่นี่เพื่อฉิวเชียนซาโดยเฉพาะ
นักบู๊หลายคนเยาะเย้ยในใจ “ไอ้หนุ่มคนนี้ หาที่ตายชัดๆ! คิดว่าจะเป็นข่าวในวันพรุ่งนี้แล้ว”
เพียงแต่ว่า ฉิวเชียนซาซึ่งนั่งอยู่บนก้อนหินตลอด จู่ๆก็ลุกขึ้นยืน มองดูไอ้หนุ่มชุดดำ เสียงเรียบเฉย ราวกับว่าเพื่อนเก่าที่รออยู่ได้มาถึงแล้ว
“นายมาแล้วเหรอ”
หลินหยุนเดินไปหยุดที่ด้านหน้าของฉิวเชียนซาซึ่งห่างกันประมาณสิบเมตร เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย และมองไปที่ฉิวเชียนซาที่ยืนอยู่บนหิน ด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ให้นายรอนานแล้ว”
ฉิวเชียนซาพูด “ก่อนที่จะเห็นนาย ฉันค่อนข้างผิดหวังในตัวนาย”
“แล้วตอนนี้ล่ะ?” หลินหยุนถามอย่างไร้ความรู้สึก
ฉิวเชียนซาพูด “หลังจากที่เห็นนายแล้ว ฉันถึงเชื่อว่า ลูกศิษย์ของฉันตายโดยไม่ยุติธรรม”
“นายไม่ได้มาที่นี่เพื่อล้างแค้นให้ลูกศิษย์ใช่ไหม?” หลินหยุนดูเหมือนเป็นคนฉลาดหลักแหลม ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเข้าใจทุกอย่างชัดเจน
ฉิวเชียนซายอมรับโดยตรง “ใช่ แค่ลูกศิษย์คนเดียว ตายแล้วก็ช่างมัน ในสำนักชูร่าของเรายังมีอีกมากมาย”
เพียงแต่ว่า ถ้ามีคนฆ่าลูกศิษย์ของฉัน และฉันล้างแค้นให้ลูกศิษย์ มันจะไม่ถือเป็นการละเมิดสัญญาที่เคยให้ไว้กับเจียงร่อโจ๋ในตอนนั้น”
“และฉันต้องการพบเจียงร่อโจ๋ ดูว่าตอนนี้เขาแข็งแกร่งแค่ไหน”
ใบหน้าของหลินหยุนแสดงรอยยิ้มเล็กน้อย “นายไม่ใช่อยากมาหาเจียงร่อโจ๋หรอก นายมาเพื่อทดสอบปฏิกิริยาของโลกบู๊ในประเทศจีน จุดประสงค์ที่แท้จริงของนายคือ ต้องการบุกโจมตีประเทศจีน”
ฉิวเชียนซาไม่พูดอะไรต่อ ทันใดนั้นสถานที่นี้รู้สึกกดดันเล็กน้อย
ลมกลางคืนพัดผ่าน อากาศหนาวจนแทบขาดใจ
นักบู๊เหล่านั้นที่มีฐานการฝึกฝนที่อ่อนแอ ทนไม่ไหวจนต้องหดตัว
จนถึงตอนนี้ ทุกคนก็เข้าใจ ไอ้หนุ่มชุดดำที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ ที่แท้ก็คือหลินชางฉอง
“เขาคือหลินชางฉอง!”
“นี่มันหนุ่มเกินไปแล้ว!”
“คิดว่าอย่างมากก็แค่อายุยี่สิบปี เขาเป็นคู่ต่อสู้ของฉิวเชียนซาได้อย่างไร!”
“การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีอะไรน่าจับตามอง คงเป็นการฆ่าที่ง่ายดายอย่างแน่นอน”
“หลินชางฉองคนนี้สามารถฆ่าลูกศิษย์ของฉิวเชียนซา และสามารถบังคับหุบเขาเทพยาออกคำบัญชาเทพยา คงจะมีความสามารถบางอย่าง การต่อสู้ครั้งนี้ควรค่าแก่การชม”
“ใช่แล้ว เมื่อกี้ได้ยินฉิวเชียนซาพูดเอง ให้ความสำคัญกับหลินชางฉองมาก”
“ไหนๆก็มาแล้ว ดูจบแล้วค่อยกลับ หวังว่าหลินชางฉองจะสามารถต้านทานได้หลายกระบวนท่า อย่าทำให้พวกเราผิดหวัง”
การสนทนาของทุกคน พัดผ่านไปกับลมกลางคืน ราวกับว่าไม่ส่งผลกระทบต่อทั้งสองคนที่อยู่ตรงนั้นเลย
ในคืนที่มืดมิด ใบหน้าของฉิวเชียนซาค่อยๆน่าเกลียด ร่างกายที่สวมเสื้อคลุมสีแดง เริ่มถูกกระตุ้นเรื่อยๆ ออร่าอันน่าสะพรึงกลัว ก็ค่อยๆกระจายออกไป
“หลินชางฉองเอ้ยหลินชางฉอง นายไม่เคยได้ยินหรือ คนที่เก่งกาจเหนือคนอื่น ยอมเป็นที่อิจฉาริษยาของผู้คน?”
“นายได้พูดทุกอย่างที่ฉันต้องการทำ แม้ฉันจะไม่อยากฆ่านาย ก็ไม่ได้แล้ว”
“น่าเสียดาย นักบู๊อัจฉริยะที่อายุยังน้อย ก็ต้องมาตายแบบนี้!”
“ด้วยพรสวรรค์ของนาย ถ้าไม่ตาย ไม่แน่อาจไปถึงแดนในตำนานจริงๆ”
ไม่ใช่ครั้งเดียวที่หลินหยุนเคยได้ยินคนพูดถึงแดนในตำนาน
ยิ่งกว่านั้น บุคคลยิ่งแข็งแกร่งเท่าใด ความคาดหวังสำหรับแดนนั้นก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
นักบู๊แดนพรแสวงบางคน ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับแดนนั้นเลย
หลินหยุนเคยได้ยินมาว่า แดนในตำนาน ถูกเรียกว่าแดนเทพเจ้า
เขาเชื่อมั่นว่าจะต้องมีแดนเช่นนี้ เพราะแดนที่อยู่ในสายตาของนักบู๊ เป็นประเภทอยู่ในตำนาน
เพียงแต่ว่า ในสายตาของผู้บำเพ็ญเซียน บางทีนี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการบำเพ็ญ
“ลงมือได้แล้ว นานมากแล้วที่ไม่ได้เจอยอดฝีมือเช่นนี้ หวังว่าวันนี้จะได้ยืดเส้นยืดสายหน่อย”
คู่ต่อสู้ในอดีต ไม่เคยมีใครทำให้หลินหยุนต้องใช้พลังทั้งหมดที่มี
หลินหยุนรู้สึกได้ว่า ฉิวเชียนซานั้นแข็งแกร่งมาก แข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้ทั้งหมดที่เขาเคยพบมาก่อน
ตอนนี้หลินหยุนอยู่ในช่วงแดนแด่เทพเจ้า ตามการแบ่งระดับของนักบู๊ เขาเป็นเพียงปรมาจารย์ขั้นสูงสุดระดับเล็ก
อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหลินหยุนนั้น เหนือกว่าปรมาจารย์บู๊ทั่วไป
ความแข็งแกร่งของอาชูร่ามารโลหิตที่อยู่ตรงหน้า น่าจะเป็นปรมาจารย์ขั้นสูงสุด
เหนือจุดขั้นสูงสุดก็คือแดนเทพเจ้า
ความแข็งแกร่งของฉิวเชียนซา แม้อยู่ในโลกบู๊ทั้งหมด ก็เป็นที่หนึ่ง
ไม่มีวาทศิลป์ที่ยิ่งใหญ่ใดๆ และไม่มีออร่าที่เด่นใดๆ
ในการต่อสู้ของทั้งสองคน เริ่มขึ้นแล้ว
ร่างกายที่ผอมบางของฉิวเชียนซา ทันใดนั้นก็ตีลังกาขึ้นทันที
ใช้มือสองข้างยกก้อนหินก้อนใหญ่ขนาดเป็นพันๆกิโลกรัมที่อยู่ใต้ฝ่าเท้า แล้วพลิกตัวอย่างยืดหยุ่น กระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน แล้วตะโกนว่า “ไป!”
ก้อนหินเป็นพันๆกิโลกรัม ดึงพลังสูงสุดของภูเขาไท่ซาน กระแทกเข้ากับหลินหยุน
นักบู๊ที่อยู่รอบๆต่างตกตะลึง
“เคลื่อนย้ายก้อนหินนับพันกิโลกรัมอย่างง่ายดาย นี่เป็นพลังอำนาจของปรมาจารย์ขั้นสูงสุดหรือไม่?”
“หรือว่า ฉิวเชียนซาได้เข้าสู่แดนในตำนานแล้ว!”
“มันน่ากลัวเกินไป การโจมตีครั้งแรกทำให้เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้ นี่คือการฆ่าให้ตายในหมัดเดียวเหรอ!”
“แม้ว่าหลินชางฉองก็เป็นปรมาจารย์ แต่คาดว่าคงไม่สามารถต้านทานกับก้อนหินขนาดใหญ่ที่ตกลงมาจากฟากฟ้าได้”
ทุกคนจ้องไปที่หลินหยุน แต่ว่า เกือบทุกคนไม่ได้ให้ความสนใจในตัวเขา คิดว่าเขาอาจจะตายจากการโจมตีครั้งนี้แน่นอน
หลินหยุนมองไปที่ก้อนหินขนาดใหญ่ที่ทุบลงมา ใบหน้านิ่งสงบ และยืนนิ่งที่เดิมไม่ขยับ
“ไอ้หนุ่มคนนี้ตกใจจนโง่ไปแล้วหรือ? ทำไมไม่หลบ!”
“รีบต่อต้านสิ! อยากโดนทุบตายหรือไง?”
สมาชิกกลุ่มมังกรที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด ต่างก็แอบกังวลแทนหลินหยุน
รอจนกว่าก้อนหินขนาดใหญ่นั้น ตกลงมาห่างจากหลินหยุนห้าเมตร ทุกคนรู้สึกว่า มีเงาสีดำกะพริบอยู่ข้างหน้าพวกเขา และร่างกายของหลินหยุนก็เหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่ พุ่งตรงไปยังฉิวเชียนซาที่อยู่กลางอากาศ
ด้วยเสียงกระแทกที่ดังสนั่น จุดที่หลินหยุนยืนอยู่ ถูกก้อนหินทุบจนเป็นหลุม
บนท้องฟ้า ทั้งสองได้ต่อสู้กันแล้ว
“เขาหลบได้แล้ว?”
“ความเร็วนี้ เร็วเกินไปหรือเปล่า!”
นักบู๊ที่อยู่รอบๆต่างมองหน้ากัน ไม่เชื่อกับฉากที่อยู่ตรงหน้า
ในท้องฟ้ายามราตรี มองไม่เห็นร่างของทั้งสองคนเลย ได้ยินแต่เสียงอู้อี้ เหมือนฟ้าผ่า ซึ่งดังขึ้นเป็นครั้งคราว
มันเป็นเสียงปะทะจากการเปลี่ยนแปลงของชี่แท้ และเสียงหมัดที่ต่อยเข้าร่างกาย
บางครั้งจะมีเสียงดังขึ้นหนึ่งครั้งทุกๆห้าวินาที บางครั้งจะได้ยินมากกว่าสิบครั้งต่อวินาที
ทันใดนั้น
บูม!
ด้วยเสียงดังสนั่น ร่างหนึ่งหล่นจากฟากฟ้าลงสู่พื้นดิน
ที่แท้ก็เป็นฉิวเชียนซา!
นักบู๊ทุกคนตกใจ “หลินชางฉองทำไมแข็งแกร่งขนาดนี้!”
ฉิวเชียนซาตะโกนอย่างเย็นชา “มาอีก!”
จากนั้นร่างกายเขาก็พุ่งขึ้นไปอีกครั้ง และทั้งสองก็ต่อสู้กันต่อไป
บูม!
ครั้งนี้คนที่ถูกทุบลงมาคือหลินหยุน
หลินหยุนไม่พูดอะไร รีบพุ่งขึ้นไปทันที
หลังจากสู้กันไปครึ่งชั่วโมง ความเร็วของทั้งสองคนก็ค่อยๆช้าลง
“มันควรจะจบลงแล้วมั้ง!” นักบู๊ทุกคนต่างหวาดผวาในใจ เมื่อสักครู่เป็นการโจมตีที่รุนแรงมาก ช่างน่าสนุกจริงๆ
ยิ่งกว่านั้น คนสองคนนี้มีพลังแข็งแกร่งมากจริงๆ และการชกแบบธรรมดา ก็เพียงพอที่จะทำให้นักบู๊แดนพรสวรรค์แหลกสลาย
อย่างไรก็ตาม คนชรายอดฝีมือแดนปรมาจารย์ สีหน้าเริ่มเคร่งขรึม
นักบู๊หนุ่มเหล่านั้นไม่เข้าใจ แต่พวกเขาเข้าใจ เมื่อความเร็วของทั้งสองช้าลง ก็ถึงเวลาที่จะแสดงความสามารถที่แท้จริงของพวกเขาออกมา
ในที่สุด แม้ว่าการโจมตีของทั้งสองคนจะช้าลง แต่ว่า การเคลื่อนไหวโจมตีแต่ละครั้ง ยิ่งใหญ่กว่าเมื่อสักครู่
ยิ่งไปกว่านั้น ทุกหมัดของกันปะทะกัน พลังลมหมัดนั้น กระแทกสู่พื้นดิน จนทำให้พื้นดินเป็นหลุม
เหมือนกับลูกกระสุนปืนใหญ่สองลูก ที่มีพลังไม่สิ้นสุด