จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 396 ตระกูลฉินมีวิกฤต
การต่อสู้ที่หาดูยากในเมืองเซินเฉิงในภูเขาหนันผิงครั้งนั้น นักบู๊เหล่านั้นที่มาชม ได้แพร่กระจายข่าวไปสู่โลกบู๊อย่างรวดเร็ว
ในวันที่สอง หอพันกลได้จัดอันดับของปรมาจารย์ใหม่
ซึ่งเดิมทีเจียงร่อโจ๋เป็นปรมาจารย์ในอันดับหนึ่ง ตอนนี้กลายเป็นที่สอง
ปรมาจารย์อันดับหนึ่งคือ หลินชางฉอง
หอพันกลเป็นองค์กรที่ลึกลับมาก ไม่มีใครรู้ว่าหอพันกลอยู่ที่ไหน
รู้แค่การจัดอันดับของหอพันกลนั้น ซึ่งแม่นยำมาตลอด
ทุกครั้งหากมีการเปลี่ยนอันดับ จะมีบุคคลที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ปรากฏขึ้น เพื่อเผยอันดับใหม่ไปทั่วทุกมุมของโลกบู๊
แม้แต่บุคคลที่ได้รับมอบหมายหน้าที่ก็ยังไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน เพียงแค่ได้ข่าวลือว่ามีบุคคลที่ได้รับมอบหมายหน้าที่เช่นนี้เท่านั้น
ในเมื่อหอพันกลบอกว่าหลินชางฉองคือปรมาจารย์อันดับหนึ่ง เขาก็เป็นปรมาจารย์อันดับหนึ่ง และไม่มีใครปฏิเสธได้
ชั่วขณะ ทั่วโลกบู๊ก็ดุเดือด
นักบู๊ทั้งหมดกำลังพูดถึงหลินชางฉอง และหลายคนไม่รู้ว่าหลินชางฉองเป็นใคร
แต่ว่า บุคคลที่ชื่อหลินชางฉองคนนี้ จากที่ไม่มีชื่อเสียง จู่ๆก็กลายเป็นปรมาจารย์อันดับหนึ่ง ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
เมื่อนึกถึงการต่อสู้ที่หาดูยากในเมืองเซินเฉิงแห่งภูเขาหนันผิงครั้งนั้น โดยทั่วไปทุกคนสามารถมั่นใจได้ว่า หลินชางฉองเป็นคนที่คำบัญชาเทพยาต้องการฆ่า
นักบู๊ครึ่งหนึ่งในโลกบู๊ ไม่มีสัญญาณใดๆ และมาโดยไม่ได้นัดหมาย ราวกับว่าได้ตกลงกันไว้ โดยไม่เคยเปิดเผยตัวตน
คำบัญชาเทพยาที่ดุเดือด ปล่อยออกไปครั้งแรกสุดท้ายก็ไม่มีผลอะไร
คำบัญชาเทพยาที่ทุกคนเกรงกลัว ปล่อยออกไปครั้งแรก กลายเป็นเรื่องขำขัน
มีข่าวสารแว่วมาถึงหุบเขาเทพยา และโม่ซิวอู่ก็โกรธมาก
แต่ไม่มีหนทางใดๆ
ทุกคนเป็นหนี้บุญคุณหุบเขาเทพยา แต่คงไม่สามารถใช้หนี้บุญคุณนี้เพื่อให้ไปฆ่าคนมั้ง!
ไปฆ่าปรมาจารย์อันดับหนึ่ง แม้ว่านักบู๊ครึ่งหนึ่งในโลกบู๊ต่างพากันไป ก็อาจจะไม่ประสบความสำเร็จ
และเหมือนการไปหาที่ตายคงไม่มีความแตกต่างกัน?
แน่นอนหลินหยุนไม่ได้ใส่ใจกับคำบัญชาเทพยา ฆ่าฉิวเชียนซาแล้ว ก็เพียงพอที่จะทำให้โลกบู๊ตกตะลึง
หลังจากกลับมาถึงคฤหาสน์เยว่โหลว หลินหยุนรับเร่งการผลิตน้ำชี่ทิพย์ต่อไป การทำงานของเจี่ยงสงมีประสิทธิภาพมาก และได้จดทะเบียนบริษัทแล้ว
ชื่อบริษัทเรียกว่าน้ำแห่งชีวิตทะเลสาบเยว่หยา
และได้เริ่มวางแผนจัดการช่องทางการขาย และดำเนินการประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขาย
และเจี่ยงสงได้ใช้ในนามชื่อเสียงของปรมาจารย์หลิน ได้เริ่มเชิญคนดังจากหลินโจว รวมทั้งผู้มีอิทธิพลทั้งสิบแปดเมืองในหลิงหนาน ได้มางานเลี้ยง
ชื่อเสียงของปรมาจารย์หลินในหลิงหนาน ตอนนี้ไม่มีใครไม่เข้าใจ ไม่มีใครที่ไม่รู้รัก
เมื่อก่อนรู้จักแต่ควีนจินแห่งหลิงหนาน ตอนนี้พอพูดถึงหลิงหนาน คนแรกที่นึกได้ก็คือปรมาจารย์หลินอย่างแน่นอน
วันนี้ จู่ๆซูจื่อเหลียงก็โทรหาหลินหยุน
เล่าว่าได้พบถ้ำลึกลับในสถานที่หนึ่ง โดยมีนักบู๊ผู้ทรงพลังมากมายคอยคุ้มกันไว้
สถานที่นั้นอยู่ในหลินโจวอำเภอจีหมิงเป็นตำบลเล็กๆติดแชนแดน
ซูจื่อเหลียงตัดสินใจเข้าไปสังเกตและค้นหาก่อน ดูว่ามีอะไรอยู่ข้างใน
หลินหยุนเตือนให้ซูจื่อเหลียงระมัดระวัง แต่เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งในปัจจุบันของซูจื่อเหลียง ปรมาจารย์ทั่วไปก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา น่าจะไม่มีอันตรายใดๆ
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้ยินเกี่ยวกับอำเภอจีหมิง ก็มีความคิดหนึ่งแวบเข้ามาในสมอง
บิดาผู้ให้กำเนิดของเขาหลินตงหัว อันที่จริงอยู่ในอำเภอจีหนิงหมู่บ้านเปากู่มีตำแหน่งเป็นรองกำนัน
แต่อำเภอจีหมิงมีหลายสิบตำบล ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้นโดยบังเอิญ
ตอนเที่ยง หลินหยุนได้รับโทรศัพท์จากหยางหยิง
ละครใหม่ของหยางหยิงได้ปิดกล้องแล้ว
ครั้งนี้โทรมาขอบคุณหลินหยุนโดยเฉพาะ และยกย่องเพื่อนร่วมชั้นกลุ่มนั้นของหลินหยุน มีทักษะการแสดงที่ยอดเยี่ยม
หลินหยุนพูดสุภาพกับเธออยู่พักหนึ่ง หลังจากนี้ไม่นาน
หยางหยิงพูดว่าใช้เวลาไม่นาน เพื่อนร่วมชั้นของเขาคงจะแจ้งข่าวดีให้เขา
เมื่อคิดว่านานมากแล้วที่ไม่ได้กลับไปมหาลัย หลินหยุนก็รู้สึกคิดถึงเพื่อนร่วมห้องที่ปากมากเหล่านั้นเล็กน้อย
นอกจากนี้การคาดเดาของหยางหยิงนั้นแม่นยำมาก และหลังจากผ่านไปสิบนาที จางซือจู่ก็โทรมา
อย่างแรกคือโม้ว่าทักษะการแสดงของเขายอดเยี่ยมเพียงใด ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงตัวประกอบที่ได้พูดเพียงไม่กี่คำเท่านั้น พูดจนเหมือนได้แย่งซีนของตัวเอก
และพูดว่าไม่ว่ายังไง คืนนี้หลินหยุนต้องมาที่งานเลี้ยงฉลองของพวกเขาให้ได้
หลินหยุนตอบตกลง เพราะไม่ได้เจอกันหลายวัน ทุกคนควรได้พูดคุยกัน
กลางคืน หลินหยุนมาที่แผงขายอาหารใกล้มหาลัย
นี่คือสถานที่ที่พวกจางซือจู่เป็นคนกำหนด จัดงานเลี้ยงฉลองแถวแผงขายอาหาร มันค่อนข้างเรียบง่าย
เมื่อเห็นหลินหยุน ทุกคนต่างเข้ามากอดอย่างอบอุ่นและ และทักทาย”
“หลินหยุน นานมากแล้ว ที่นายไม่มาหาพวกเราเลย ยังนึกว่าผู้ชายใจดำอย่างนายลืมพวกเราเสียแล้ว?”
จางซือจู่พูดด้วยสีหน้าน้อยใจ
สิบแปดมงกุฎกับหยางเทียนโย่วที่อยู่ข้างๆก็พูดเสริม “เฮ้ยๆ นายคนเดียวนะ อย่าเอาพวกเราเข้าไปรวมด้วย! ทิศทางของพวกเรานั้นปกติ”
“ออกไป!” จางซือจู่จ้องเขม็งแล้วดุด่า
ทั้งสองก็ยังเหมือนเดิม พบกันก็กวนกัน
หลินหยุนชำเลืองมองฝูงชน คนในหอพักต่างมากันหมดแล้ว ไอ้หมอ สิบแปดมงกุฎ ไอ้หิน เทพฟ้าผ่า แต่ขาดเพียงสัตว์ป่าเท่านั้น
เมื่อเห็นสายตาของหลินหยุนกำลังค้นหาคนท่ามกลางฝูงชน สายตาของเทพฟ้าผ่าก็กะพริบวาววับ
จางซือจู่พูดตำหนิ “หลินหยุน นายไม่ต้องหาแล้ว สัตว์ป่าไม่อยู่ หลายวันมานี้ไม่สามารถติดต่อได้ ถ้าเขาอยู่ที่นี่ งานเลี้ยงฉลองของเราจะไม่จัดในสถานที่เรียบง่ายแบบนี้แน่นอน”
เทพฟ้าผ่าก็ถอนหายใจ “ใช่แล้ว ถ้าสัตว์ป่าอยู่มันคงจะดีมาก แม้ว่าเขาต้องการเล่นซ่อนแอบ อย่างน้อยก็ควรจะจองโรงแรมที่ดีให้พวกเราก่อนแล้วค่อยหายตัว!”
ประโยคหลังสุดคงเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงของการคิดถึงฉินโสว่มั้ง!
จางซือจู่พูดว่า “ช่างมันเถอะ ไม่ต้องไปสนใจเขาแล้ว อาหารตามแผงลอยก็ใช้ได้เหมือนกันนี่? มาเถอะ พวกเรามาชนแก้วกันก่อน! ฉลองความสำเร็จในการปิดกล้องหนังเรื่องแรกของพวกเรา!”
“ใช่ ดื่มให้หมดเลย!”
หลายคนเริ่มดื่มและคุยโม้ เห็นได้ชัดว่าบทละครมีเพียงคำพูดไม่กี่คำ และเมื่อมาตกอยู่กับพวกเขา ก็มีความสำคัญมากกว่าตัวเอก
หลังจากดื่มเหล้าไปสามแก้ว ก็เริ่มวาดฝันที่จะเป็นคนดังชั่วพริบตา ได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ไปเดินพรมแดง
หลินหยุนนั่งฟังหลายคนคุยโวอย่างเงียบๆ
ในชาติที่แล้วหลินหยุนก็ชอบนั่งเงียบๆเพื่อฟังไอ้หมอ สิบแปดมงกุฎ และสัตว์ป่ากับเทพฟ้าผ่าทั้งสี่คนนี้ขี้โม้ และไอ้หินก็จะพูดแทรกเป็นครั้งคราว
ในชาตินี้ หลินหยุนยังคงชอบนั่งเงียบๆฟังพวกเขาพูดเกินจริง ขี้โม้ หลังจากดื่มไปหลายแก้ว ก็เริ่มโทษเทวดาฟ้าดิน
หลังจากบ่นเสร็จโทษเสร็จแล้วก็กลับมาที่หอพักเพื่ออาบน้ำนอน วันรุ่งขึ้นเห็นหวางหยู่หันไลน์สดก็น้ำลายไหลอีกครั้ง แป้นพิมพ์หนึ่ง ด้านบนรู้จักดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์ ด้านล่างเหตุการณ์เมื่อห้าร้อยปีก่อนและหลัง เรื่องสำคัญของประเทศ อยู่ในแป้นพิมพ์นั้นหมด
นี่คือชีวิตของมนุษย์ เต็มไปด้วยความฝัน ยอมรับความจริง อยู่ในความสิ้นหวังสุดๆ ก็ต้องพยายามสู้
อย่างไรก็ตาม คราวนี้ หลินหยุนสังเกตเห็นความผิดปกติของเทพฟ้าผ่า
ปกติเวลาขี้โม้ เสียงของเทพฟ้าผ่าจะดังที่สุด แต่วันนี้เทพฟ้าผ่าไม่ค่อยพูดซึ่งน้อยมากจะได้เห็นฉากเช่นนี้ และแอบมองหลินหยุนเป็นครั้งคราว
งานเลี้ยงจบลง ไอ้หมอและสิบแปดมงกุฎได้นอนหลับสนิทไปเสียแล้ว
หลินหยุนกับไอ้หินและเทพฟ้าผ่าทั้งสามคนนี้ยังไม่เมา และส่งพวกเขาสองคนไปที่หอพัก
ขณะนี้เป็นเวลาห้าทุ่มแล้ว
หลินหยุนเดินออกจากหอพัก และยืนอยู่ที่ทางเดิน มองไปยังมหาลัยที่ปิดไฟแล้ว รู้สึกถึงบรรยากาศที่คุ้นเคย
ประตูหอพักถูกเปิดออก รูปร่างที่สูงใหญ่ของเทพฟ้าผ่าก็เดินออกมา
หลินหยุนไม่หันกลับมา และพูดเบาๆ “พูดมา เกิดเรื่องขึ้นกับฉินโสว่ใช่ไหม?”
เทพฟ้าผ่ามีสีหน้าประหลาดใจ “นายรู้ได้อย่างไร? ฉันเพิ่งได้ยินข่าวเรื่องนี้มาเล็กน้อย”
“เดาเอา” หลินหยุนหันกลับมา ยิ้มแล้วมองสีหน้าที่ประหลาดใจของเทพฟ้าผ่า “นายเป็นคนที่เก็บความลับอะไรไม่อยู่ ตอนที่ดื่มเหล้า สายตาของนายก็ทรยศตัวเองแล้ว”
“จากท่าทางที่ผิดปกติของนาย ฉันก็เดาได้ว่า บางทีฉินโสว่อาจจะเจอปัญหา”