จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 402 ทำไมต้องอธิบายให้แกฟังด้วย
มือของหลินหยุนถือถาดอาหารใบหนึ่งอยู่ ด้านบนยังมีแก้วไวน์ทรงสูงสองใบด้วย
อีกทั้งยังใส่ชุดสีดำที่เหมือนกับพนักงานของที่นี่อีกด้วย ซึ่งง่ายมากที่จะทำให้คนเข้าใจผิดว่าเขาก็เป็นพนักงานของที่นี่เช่นกัน
เถียนชุ่ยชุ่ยคล้ายกับว่าได้ค้นพบดินแดนแผ่นดินใหญ่แห่งใหม่ สีหน้าท่าทางทั้งประหลาดใจ เหยียดหยาม และตะลึงงันเลยทีเดียว
ครั้งก่อนที่ได้เหยียบย่ำให้หลินหยุนอับอายขายหน้าอย่างรุนแรงนั้น ทำให้เถียนชุ่ยชุ่ยเบิกบานใจไปได้หลายวัน
ครั้งนี้ก็เป็นโอกาสที่ดีอีกครั้งหนึ่งแล้ว!
เถียนชุ่ยชุ่ยมีเสน่ห์งดงามเป็นธรรมชาติ โดยมองไปยังหลินหยุนที่อยู่ในสภาพที่น่าผิดหวังทั้งที่คาดหวังไว้ว่าเขาจะดีขึ้น แต่ก็กลับมองว่ามันผิดแปลกและน่าขันไม่น้อย: “ตอนนั้นที่บาร์โล่เฉิน ฉันเคยได้เตือนนายเอาไว้ว่า นายอย่ามาทำงานในบาร์แบบนี้ ควรที่จะคิดวางแผนเพื่ออนาคตของตนเองให้ดี นายก็ตอกกลับอย่างรุนแรงจนทำให้ฉันต้องขายหน้า พูดบอกว่าฉันคือพวกมด โดยที่ไม่มีทางที่จะเข้าใจว่านายมีชีวิตการดำรงอยู่อย่างไรกัน! ”
“คิดไม่ถึงว่าที่นายพูดออกมาอย่างสง่าผ่าเผย แต่พอหันกลับมาอีกทีกลายเป็นนายที่มาเป็นพนักงานที่นี่ไปได้! ”
“นายทำให้ฉันต้องผิดหวังมากจริง ๆ! หากนายเป็นแบบนี้ หญิงสาวคนไหนที่ฝากชีวิตอยู่กับนาย คงไม่โชคร้ายตกอับไปแปดชั่วโคตรอย่างนั้นเหรอ? ”
ทักษะการแสดงที่เป็นธรรมชาติของเถียนชุ่ยชุ่ย บวกกับเสน่ห์ความงดงามที่เป็นธรรมชาติของเธอ ซึ่งเมื่อได้พูดกล่าวคำพูดนี้ออกไป ก็เหมือนกับหญิงสาวที่หลงใหลในความรักที่ถูกเอารัดเอาเปรียบไม่ได้รับความเป็นธรรม ส่วนหลินหยุนก็คือชายที่ชั่วช้าเลวทรามคนนั้น
หวางหยู่หันยิ้มอย่างเย็นชาด้วยสีหน้าเหยียดหยาม: “หลินหยุน ที่จริงแล้วนายก็มีความสามารถเพียงเท่านี้! ต่อให้นายจะมีทักษะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม ก็จะไปมีประโยชน์อะไร? สุดท้ายก็มาถือถาดอาหารบริการคนอื่นไม่ใช่เหรอ! ”
จางเหมิงท่าทางเย่อหยิ่ง เหมือนว่าไม่อยากจะมองไปที่หลินหยุน: “พนักงานถือถาดอาหารคนหนึ่ง ยังกล้าที่จะดูถูกปรมาจารย์หลิน! นายมีสิทธิ์อะไรที่พูดโอ้อวดโดยไม่ละอายแก่ใจ! ”
“ฉินโส่ว เห็นแล้วหรือยัง? นี่ก็คือรูปลักษณ์ตัวจริงของเพื่อนรักของนายยังไงล่ะ! พนักงานคนหนึ่งในโรงแรม ในครั้งก่อนกล้าที่จะขัดขวางโหลวจิ้งโยวไม่ให้ช่วยนาย และยังดูถูกปรมาจารย์หลินอีก! นายคิดดูดี ๆ นะว่า ตกลงเขามีความคิดอะไรในใจกันแน่? ”
ฉินโส่วขมวดคิ้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่า หลินหยุนจะมาทำงานเป็นพนักงานอยู่ที่นี่!
ถ้าหากหลินหยุนบอกกับเขาก่อน เขาคงจะบอกกับหลินหยุนไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าให้ขอลาหยุด เพื่อให้หลินหยุนหลีกเลี่ยงที่จะพบกับความอับอาย
ฉินโส่วพูดว่า: “หลินหยุนเกิดในตระกูลที่ฐานะไม่ดี มาทำงานหาเงินก็เป็นเรื่องปกติทั่วไป ไม่มีอะไรน่าแปลกเลย ทุกคนแยกย้ายกันไปได้แล้ว อย่ามามุงล้อมกันอยู่แบบนี้ เดี๋ยวจะไปสร้างความรบกวนให้กับคนใหญ่คนโตเข้ามันจะไม่ดีเอา”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงนี้ ได้สร้างความรบกวนต่อใครหลายคนมาสักพักหนึ่งแล้ว
แต่ เมื่อเห็นว่าเป็นเด็กกลุ่มหนึ่งที่กำลังเอะอะโวยวาย คนส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไร
แต่ว่า จงเฟยหยู่กับเซี่ยหยู่เวยทั้งสองกลุ่มเล็กนั้น เมื่อเห็นหลินหยุนแล้ว ก็รีบเข้ามามุงล้อมด้วยความอยากรู้อยากเห็นทันที
“หลินหยุน เขามาที่นี่ได้อย่างไรกัน? ” จงเฟยหยู่มองไปที่หลินหยุนด้วยสายตาที่อยากรู้อยากเห็น ซึ่งทักษะวิชาการแพทย์ของหลินหยุนเธอเคยได้รับรู้รับทราบกับตัวเองมาแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าตระกูลของหลินหยุนมีสถานะอย่างไร?
เซี่ยหยู่เวยมองไปที่หลินหยุน ด้วยแววตาที่ซับซ้อน ตอนอยู่ที่บ้านตระกูลอีที่เจียงหนาน เธอถูกสยบด้วยความสามารถที่ไม่ธรรมดาของหลินหยุน ซึ่งเสียใจเป็นอย่างมาก
แต่ เธอชัดเจนว่า ระหว่างเธอกับหลินหยุน ไม่มีทางที่จะกลับมาคืนดีกันได้
ดังนั้น เซี่ยหยู่เวยจึงต้องอยู่กับเว่ยเทียนหมิงต่อไป แม้ว่าในสายตาของเธอนั้น เว่ยเทียนหมิงไม่สามารถเทียบเคียงกับหลินหยุนได้
แต่ว่า เว่ยเทียนหมิงก็ยังถือว่ายอดเยี่ยมมีความสามารถกว่าบรรดาคนทั่วไป เป็นตัวเลือกที่ไม่ได้เลวเลย ถ้าหากต่อไปมีพัฒนาการก้าวหน้าที่ดี อาจจะไม่ด้อยไปกว่าหลินหยุนด้วย
“จากระดับความสามารถของเขา ได้รับเชิญมาร่วมงานไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกอะไร แต่ว่าวันนี้มีปรมาจารย์หลินหยู่ หากเขาคิดที่จะแสดงตัวออกหน้า เกรงว่าคงจะยากพอดู ความสามารถของเขาคงจะเทียบไม่ได้กับปรมาจารย์หลินอย่างแน่นอน”
เซี่ยหยู่เวยรู้แต่เพียงว่าหลินหยุนมีความสามารถที่ไม่ธรรมดาเปรียบได้ดั่งเซียน แต่กลับไม่รู้ว่า หลินหยุนก็คือปรมาจารย์หลิน สักครู่หากว่าความจริงถูกเปิดเผยขึ้น เกรงว่าเซี่ยหยู่เวยจะยิ่งเสียใจมากขึ้นไปอีก
เว่ยเทียนหมิงในเวลานี้ ได้หลุดพ้นออกมาจากเงามืดของหลินหยุนแล้ว แต่ คิดไม่ถึงว่าจะได้พบเจอกับหลินหยุนอีกครั้ง
ตอนอยู่ที่บ้านตระกูลอีที่เจียงหนาน เงามืดที่หลินหยุนได้ฝังเอาไว้ในจิตใจของเขา ก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งโดยพลัน
ขณะที่พบเห็นหลินหยุน เว่ยเทียนหมิงที่สุขุมหนักแน่นมาโดยตลอด นึกไม่ถึงว่ามือสองข้างจะสั่นไหวเล็กน้อย
“ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้! หรือว่าเขามีความสัมพันธ์อะไรกับปรมาจารย์หลินอย่างนั้นหรือ? ”เว่ยเทียนหมิงเกิดความสงสัย ตอนนี้เพียงแค่มีเรื่องราวอะไรที่เกี่ยวข้องกับหลินหยุน เขาก็อดไม่ได้ที่จะคิดไปในเรื่องที่เลวร้ายที่สุด
เสิ่นจงซูเข้าใจในตัวของหลินหยุน ก็เพียงแค่ทักษะวิชาการแพทย์เท่านั้น แต่ เขาสามารถรู้สึกได้ว่า ความรู้สึกของจงเฟยหยู่ที่มีต่อหลินหยุน เหมือนกับว่ามีเสน่หาอย่างอื่นรวมอยู่ด้วย
ดังนั้น ความรู้สึกของเสิ่นจงซูที่มีต่อหลินหยุน จึงมีความเป็นศัตรูที่แค้นเคืองกันมากทีเดียว
“เขามาทำอะไรที่นี่? และยังจะแต่งตัวเหมือนกับพนักงานอีก! ” เสิ่นจงซูไม่ได้คิดอย่างโง่เขลาว่า หลินหยุนทำงานอยู่ที่นี่
เขาชัดเจนว่า ระดับทักษะวิชาการแพทย์ของหลินหยุน เพียงแค่แสดงออกมาเล็กน้อยเท่านั้น ก็มีกินมีใช้อย่างมีความสุข จะต้องมาทำงานที่โรงแรมแบบนี้อยู่อีกทำไม?
หลินหยุนกวาดสายตามองไปยังทุกคน เขาพบว่ามีใบหน้าที่สนิมสนมคุ้นเคยกันอยู่เป็นจำนวนมาก
แต่ เขาก็เกียจคร้านที่จะอธิบาย โดยคนที่สนใจและห่วงใยเขาจริง ๆ คงไม่เป็นเพราะเขามาทำงานเป็นพนักงานอยู่ที่นี่ แล้วก็รังเกียจเขา
สำหรับพวกคนที่ไม่ได้สนใจห่วงใยเขาแล้วนั้น……เอ่อ เขาต่างก็ไม่สนใจคุณ แล้วคุณจะไปสนใจพวกเขาทำไมกันล่ะ?
มองไปที่ฉินโส่ว หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ข้าได้รับเชิญให้มาร่วมงานเลี้ยงฉลอง ไม่ได้ทำงานอยู่ที่นี่”
ไม่ทันรอให้ฉินโส่วพูด เถียนชุ่ยชุ่ยก็พูดเยาะเย้ยขึ้นทันที: “ยังคิดจะมาแก้ตัวเล่นลิ้นอีก! ถ้าหากนายไม่ได้ทำงานอยู่ที่นี่ แล้วนายจะใส่เสื้อผ้าที่เหมือนกันกับพนักงานที่นี่ทำไมกันล่ะ! ”
“ถ้าหากนายไม่ได้ทำงานอยู่ที่นี่ แล้วนายจะถือถาดอาหารของพนักงานทำไม? ”
“คนยากจนที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างนายนี้ เหมาะสมที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองของปรมาจารย์หลินด้วยเหรอ! ใครจะเชิญนายมาล่ะ? ฮึฮึ แต่งเรื่องโกหกโดยที่ไม่ได้ร่างเนื้อหาเอาไว้บ้างเลย! ”
คำพูดของเถียนชุ่ยชุ่ย ซึ่งคิดเอาเองว่าได้เปิดโปงสถานภาพจอมปลอมของหลินหยุนออกมา จนหมดแล้ว ทำให้หลินหยุนอับอายขายหน้าอย่างมาก
จางเหมิงที่อยู่ด้านข้างก็ยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า: ชุ่ยชุ่ย คนยากจนที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างเขานี้ จะไปรู้ได้อย่างไรว่าปรมาจารย์หลินคือใคร? คุณควรที่จะเล่าเรื่องราวของปรมาจารย์หลินที่ดำเนินชีวิตอันยอดเยี่ยมอย่างไรให้เขาฟังสักหน่อยเถอะ!
หวางหยู่หันก็พูดขึ้นด้วยท่าทางเหยียดหยาม: “เหมิงเหมิงพูดได้ถูกต้องเลย เขาคงไม่รู้หรอกว่าปรมาจารย์หลินคือผู้ที่ยิ่งใหญ่ยอดเยี่ยมมากขนาดไหน ไม่มีทางเข้าใจได้อย่างแน่นอน ซึ่งงาน เลี้ยงฉลองที่จัดขึ้นของปรมาจารย์หลินนี้ จะเชิญคนยากจนที่ไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างนายมาร่วมงานได้อย่างไรกันล่ะ”
“คำพูดโกหกนี้ช่างน่าตลกขบขันเสียจริงเชียว! ”
เสิ่นหย่งกับหลี่หงถู ต่างก็พากันหัวเราะเยาะเย้ย
“หลินหยุน แม้แต่ข้าเองก็ยังติดตามพ่อของข้าถึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองในครั้งนี้ แล้วนายจะถูกรับเชิญได้อย่างไรกัน? พอได้แล้ว อย่ามาทำเป็นโอ้อวดเกินไปหน่อยเลย พวกเราเป็นเพื่อนนักเรียนกัน อย่ามาเสแสร้งเกินไปหน่อยเลย! ”
หลินหยุนกวาดสายตามองผ่านไปที่ใบหน้าของคนเหล่านี้ ในดวงตาของเขา ไม่มีใครอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย พวกคนเหล่านี้ถูกละเลยกลายเป็นอากาศไปทั้งหมด
หลินหยุนไม่อยากที่จะยุ่งพัวพันอะไรกับพวกเขา ถือถาดอาหารขึ้น แล้วเตรียมที่จะไปหาที่นั่งใหม่
แต่ว่า เถียนชุ่ยชุ่ยหาโอกาสที่จะดูถูกโจมตีหลินหยุนได้ไม่ง่ายดายนัก แล้วจะปล่อยให้เขาหลุดพ้นไปได้ง่าย ๆ อย่างไรกัน!
“โอ้ว หลินหยุน นี่นายจะไปที่ไหนเหรอ? เตรียมที่จะหลบซ่อนเป็นเต่ามุดหัวอยู่ในกระดองอย่างนั้นเหรอ? ”
“เฮ้ยเฮ้ย พนักงาน เอาเหล้ามาให้ฉันแก้วหนึ่ง! ” เถียนชุ่ยชุ่ยแกล้งเป็นทำท่าทีเรียกใช้งานหลินหยุน
“ฮ่าฮ่า……” เสิ่นหย่งและคนอื่น ๆ ต่างก็หัวเราะเยาะเย้ยที่เห็นคนอื่นเป็นทุกข์
หลินหยุนมองดูเถียนชุ่ยชุ่ยที่กำเริบเสิบสานเป็นอันมากอย่างน่าสมเพช และพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: “ข้าพูดอีกครั้งหนึ่งว่า ข้าไม่ใช่พนักงาน อย่าได้มายุ่งวุ่นวายกับข้าอีก มิเช่นนั้นคุณจะไม่สามารถรับผลที่จะเกิดขึ้นได้”
“น่าขัน หากนายไม่ใช่พนักงาน แล้วนายมาทำอะไรอยู่ที่นี่? ” เถียนชุ่ยชุ่ยยังคงไม่ปล่อยให้พ้นไปได้ง่าย ๆ
หลินหยุนสีหน้าแปรเปลี่ยน แสดงท่าทางอันทรงพลังออกมา ทำให้ทุกคนตัวสั่นกันไปหมด จิตวิญญาณก็ยังสั่นไหว
เถียนชุ่ยชุ่ยเป็นผู้แบกรับอันตรายอยู่เป็นคนแรก ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็ซีดขาว แล้วมองไปยัง หลินหยุนที่อยู่เบื้องหน้า รู้สึกได้ทันทีว่าเดิมทีร่างกายที่ผอมบางของหลินหยุน ราวกับเป็นม่านแห่งท้องฟ้า ที่กว้างใหญ่ไพศาลสุดลูกหูลูกตา
เสียงของหลินหยุนเหมือนกับว่าดังมาจากสรวงสวรรค์ ดังสะเทือนเลือนลั่น ราวกับกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก และทรงพลังอย่างที่สุด
“ข้าหลินชางฉองจะทำอะไรในช่วงชีวิตนี้ ทำไมต้องอธิบายให้แกฟังด้วย! ”
“ข้าหลินชางฉองจะทำอะไรในช่วงชีวิตนี้ ทำไมต้องอธิบายให้แกฟังด้วย……ทำไมต้องอธิบายให้แกฟังด้วย…..