จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 408 สถานะของหลินหยุนถูกเปิดเผย
คิ้วที่อยู่ภายนอกผ้าคลุมหน้าของควีนจินได้ขมวดขึ้นอย่างมาก แต่ เธอทราบดีว่า เมื่อหลินหยุนตัดสินใจเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว ก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลง
ต่อให้เธอจะร้องขอหลินหยุนต่อไปอีกเท่าไหร่ ก็ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงได้ เป็นเพียงแค่การเพิ่มความยุ่งยากวุ่นวายใจให้กับตนเองมากกว่า
อีกทั้ง สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว
ควีนจินโค้งคารวะทำความเคารพอีกครั้ง: “ขอบคุณคุณหลินมากสำหรับบุญคุณที่ไว้ชีวิตเขา! ”
ทุกคนโดยรอบต่างก็พากันตกตะลึงขึ้นอีกครั้ง
ควีนจินออกหน้าขอร้องอ้อนวอนด้วยตัวเองแล้ว ไอ้หนุ่มนี้ก็ยังไม่ให้เกียรติกันขนาดนี้ ยังคงที่จะทำการตัดขาสองข้างของกงซื่อซวน ส่วนควีนจินกลับยังจะขอบคุณเขาอีกด้วย!
นี่มันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อคาดไม่ถึงอย่างมากที่สุดเลยทีเดียว!
ทุกคนต่างพากันคาดเดาว่า ตกลงแล้วหลินหยุนเป็นใครกันแน่? เจี่ยงสงเคารพนอบน้อมต่อเขาก็ยังพอที่จะเข้าใจได้ แต่ตอนนี้ถึงขนาดควีนจินแห่งมณฑลหลิงหนานที่โด่งดังก็ยังต้องเคารพนอบน้อมต่อเขาด้วยเช่นกัน
ไม่มีทางที่ทุกคนจะไม่เกิดความแปลกใจอยากรู้อยากทราบถึงสถานะที่แท้จริงของเขา?
ความตื่นตระหนกของกงซื่อซวน มีระดับที่เหนือกว่าทุกคนในที่นี้มาก
เขามองไปที่ควีนจินอย่างไม่น่าเชื่อ พูดขึ้นว่า: “คุณป้า เขาจะตัดขาทั้งสองข้างของข้าต่อหน้าท่าน ท่านกลับยังแสดงความขอบคุณต่อเขาอีก! ”
“ท่านได้สมรู้ร่วมคิดกับไอ้หนุ่มนี้มาก่อนหน้านี้แล้วใช่หรือไม่? ท่านทำแบบนี้ไม่เท่ากับว่าเป็นการทำผิดเนรคุณต่อพ่อของข้าเหรอ? ”
“หุบปาก! ” ควีนจินจ้องมองไปที่เขาอย่างฉับพลัน: “รีบขอโทษต่อคุณหลินเดี๋ยวนี้ และร้องขอให้เขาไว้ชีวิตนาย! ”
“ทำไม! ที่นี่คือพื้นที่ดูแลของปรมาจารย์หลิน เขาเป็นเพียงเด็กน้อยที่ไม่ได้เรื่องได้ราวคนหนึ่ง ทำไมข้าถึงต้องขอร้องเขาด้วย! ” กงซื่อซวนตะโกนพูดขึ้นด้วยความโมโห
“ถ้าหากว่าข้าเกิดเรื่องขึ้นที่นี่ ตระกูลกงแห่งมณฑลซีหนิงของข้าจะไม่มีวันยอมปล่อยให้นายรอดชีวิตไปได้อย่างเด็ดขาด! ”
เถียนชุ่ยชุ่ยกับเพื่อนคนอื่น ๆ ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาแล้ว
ก่อนหน้านี้คือเจี่ยงสง จากนั้นคือควีนจิน ต่างก็เคารพนอบน้อมต่อหลินหยุน
นี่ถึงกับทำให้เถียนชุ่ยชุ่ยพวกเธอนั้น ตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมาก
ไม่สนว่าเจี่ยงสงกับควีนจินจะเป็นเพราะเหตุผลอะไรก็ตาม หลินหยุนในตอนนี้ได้กลายเป็นบุคคลที่พวกเธอไม่สามารถจะไปหาเรื่องสร้างความวุ่นวายกับเขาได้อีกแล้ว
จางเหมิงสีหน้าตื่นตะลึง และก็พูดขึ้นอย่างกะทันหัน: “แม้แต่เจี่ยงสงผู้มีอิทธิพลอำนาจและควีนจินต่างก็เคารพนอบน้อมต่อหลินหยุนขนาดนี้ หลินหยุนอาจจะคือปรมาจารย์หลินก็เป็นได้! ”
เหยียนเสวเหวินก็ตกใจเช่นกัน แต่เขาไม่เชื่อว่าหลินหยุนคือปรมาจารย์หลิน ถ้าหากว่าหลินหยุนคือปรมาจารย์หลินแล้ว ถ้าอย่างนั้นตอนที่เขาสวมรอยแอบอ้างรับความดีความชอบของปรมาจารย์หลินนั้น หลินหยุนทำไมถึงไม่เปิดโปงเขาล่ะ?
“อย่ามาพูดสุ่มสี่สุ่มห้าไปหน่อยเลย หลินหยุนยังวัยรุ่นขนาดนี้ จะเป็นปรมาจารย์หลินได้อย่างไร กันล่ะ? ”
ควีนจินมองไปยังกงซื่อซวนที่มีสีหน้ากำเริบเสิบสาน สีหน้าภายใต้ผ้าคลุมหน้านั้นดูหม่นหมองเป็น อย่างมาก
เจี่ยงสงเบือนหน้าหนีไม่ได้สนใจ กงซื่อซวนโง่เขลามากจนหมดหนทางแก้ไขแล้ว จนถึงตอนนี้ยังไม่เข้าใจรับทราบถึงสถานะที่แท้จริงของหลินหยุนอีก
หลินหยุนสีหน้าไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า: “วันนี้ ข้าจะตัดขาทั้งสองข้างของนาย และหากว่าตระกูลกงแห่งมณฑลซีหนิงจะมาแก้แค้น ก็ให้มาหาข้าได้เลย”
พูดจบ หลินหยุนก็ชูมือข้างหนึ่งขึ้น
กงซื่อซวนตกใจจนหน้าตาขาวซีด อุทานขึ้นว่า: “ที่นี่คืองานเลี้ยงฉลองของปรมาจารย์หลิน ปรมาจารย์หลินท่านอยู่ที่ไหน? มีคนจะลงมือทำร้ายฆ่าคนในงานเลี้ยงฉลองของท่าน หรือว่าท่านจะไม่สนใจอย่างนั้นเหรอ? หากข่าวแพร่กระจายออกไปแล้วต่อไปในอนาคตปรมาจารย์หลินจะมีเกียรติมีหน้ามีตาอีกได้อย่างไรกัน! ”
มือของหลินหยุนได้ทำการชี้ออกไป แสงพลังทิพย์สองเส้นได้ทะลุผ่านหัวเข่าของกงซื่อซวน โดยกระดูกสะบ้าหัวเข่าได้แตกหักละเอียดเป็นผุยผงจนไม่สามารถกลับคืนสู่รูปร่างเดิมได้
โอ๊ย!
กงซื่อซวนส่งเสียงร้องโอดครวญอย่างน่าสงสาร โดยที่ขาสองข้างไม่มีสิ่งค้ำยัน จึงล้มลงไปกองที่พื้นอย่างกระเซอะกระเซิง
“ไอ้หนุ่มน้อย ข้าจะฆ่าแกให้ได้! ตระกูลกงแห่งมณฑลซีหนิงของข้าจะไม่มีวันปล่อยแกไปอย่างเด็ดขาด แกเตรียมตัวรอไว้ได้เลย ข้าจะทำให้แกตายทั้งเป็น! ” กงซื่อซวนตะโกนดุด่าด้วยท่าทางที่โหดเหี้ยม
“ยังไม่หุบปากอีก! ” ควีนจินตะโกนพูดขึ้น
ถ้าหากกงซื่อซวนยังคงไม่ยอมที่จะหยุดพูด หากหลินหยุนเปลี่ยนแปลงความคิดเมื่อไหร่ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีใครสามารถที่จะรักษาปกป้องชีวิตของกงซื่อซวนเอาไว้ได้อีกแล้ว
กงซื่อซวนที่เป็นคุณชายลูกผู้ดีแบบนี้ จะเคยถูกการทำร้ายเอาเปรียบแบบนี้ที่ไหน ในเวลานี้ความคิดที่จะแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งได้พุ่งเข้าสู่ในสมองของเขาแล้ว
กงซื่อซวนตะโกนกลับใส่ควีนจิน: “คุณต่างหากที่ต้องหุบปาก! ”
“คุณคือคุณป้าของข้า แล้วยังจะยืนดูให้ไอ้หนุ่มน้อยนั่นตัดขาทั้งสองข้างของข้าทิ้งอีก น่าเสียดายที่เป็นถึงผู้มีอำนาจแห่งมณฑลหลิงหนาน คุณก็แค่ไอ้คนขี้ขลาดตาขาวเท่านั้นเอง! ”
“พ่อของข้าพูดเอาไว้ได้อย่างถูกต้อง ผู้หญิง ไม่สามารถรับภาระหน้าที่อันใหญ่หลวงได้จริง ๆ! ”
ควีนจินโกรธจัดจนตัวสั่น และไม่ได้สนใจอะไรมาก ตะโกนด่ากลับไปว่า: “ไอ้เดรัจฉาน นายพูดบอกเองว่าจะมาเมืองหลินโจวเพื่อมาคารวะปรมาจารย์หลิน ซึ่งปรมาจารย์หลินก็ยืนอยู่เบื้องหน้าของนายแล้ว แต่นายกลับมองไม่ออกซึ่งมีตาหามีแววไม่ และกลับยังสร้างปัญหาความวุ่นวายจนทำให้ปรมาจารย์หลินโกรธเคืองอีก กงซิวซ่างทำไมถึงได้เกิดลูกชายที่โง่เง่าเหมือนสุกรแบบนี้ได้! ”
ขณะนี้ เวลาเหมือนกับหยุดการเคลื่อนไหวไปหนึ่งวินาที
หลายคนต่างมองไปที่ควีนจินด้วยสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึง
กงซื่อซวนฉลาดหลักแหลม ความโกรธลดลงไปกว่าครึ่ง แล้วก็มองไปที่ควีนจินด้วยความสงสัยและถามขึ้นว่า: “สักครู่นะ เมื่อครู่คุณพูดว่าอย่างไร? ปรมาจารย์หลินยืนอยู่ตรงหน้าของข้า ข้าสร้างปัญหาความวุ่นวายทำให้ปรมาจารย์หลินโกรธเคือง? ทำไมข้าถึงไม่เคยได้ทราบมาก่อนเลยล่ะ! ”
ในความเป็นจริงกงซื่อซวนอาจจะคิดได้ถึงความเป็นไปได้ในบางเรื่องแล้ว แต่เขาไม่กล้าที่จะเชื่อ และก็ไม่มีทางที่จะเชื่อด้วย
ก็เหมือนกับสภาพจิตใจของทุกคนที่อยู่โดยรอบ พวกเขาต่างก็เข้าใจชัดเจนในความหมายของคำพูดของควีนจิน แต่พวกเขาก็รู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้
ควีนจินทำเสียงฮึอย่างเย็นชา และพูดขึ้นคำหนึ่งว่า ซึ่งคำพูดนี้ก็เหมือนกับโอกาสสุดท้ายที่จะช่วยพลิกผันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทั้งหมด
“ฮึ คุณหลินที่อยู่เบื้องหน้าของนาย ก็คือปรมาจารย์หลินที่นายคิดต้องการที่จะมาคารวะ”
กงซื่อซวนแข็งไปทั้งตัว สมองขับเคลื่อนราวกับเครื่องจักรกล มองไปที่หลินหยุน ซึ่งแทบจะลืมความเจ็บปวดที่ขาสองข้างไปแล้ว
“คุณป้า ท่านทำไมถึงพูดล้อเล่นแบบนี้ได้ล่ะ? เขายังวัยรุ่นขนาดนี้ จะใช่ปรมาจารย์หลินได้อย่างไรกัน? ”
“ใครบอกพวกนายกันล่ะว่า ปรมาจารย์หลินจะต้องเป็นคนชราที่ผมขาวไปทั้งหัว? ” คนที่พูดขึ้นในครั้งนี้คือเจี่ยงสง พร้อมกับยิ้มเยาะอย่างเย็นชา
เหมือนกับว่าเพื่อต้องการพิสูจน์ยืนยันถึงคำพูดของเจี่ยงสง คนผู้หนึ่งก็กระโดดออกมาจากกลุ่มคน แล้วเดินไปยังเบื้องหน้าของหลินหยุน โค้งคารวะทำความเคารพ: “เส้เทียนหัวแห่งเมืองเว่ยเหอ ขอคารวะปรมาจารย์หลิน! ”
“ผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งเมืองเว่ยเหอ เส้เทียนหัว! ” ทุกคนอุทานขึ้นพร้อมกัน
มีอีกคนหนึ่งที่เดินออกมา: “ฟางเยว่แห่งชิงหยาง ขอคารวะปรมาจารย์หลิน! ”
ทุกคนต่างก็อุทานขึ้นอีก: “ผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งชิงหยาง ฟางเยว่! ”
จากนั้น ก็มีอีกคนหนึ่งที่เดินออกมา: “ฉีหมิงว่างแห่งหลอซาน ขอคารวะปรมาจารย์หลิน! ”
ทุกคนต่างก็อุทานขึ้นอีก: “ผู้มีอิทธิพลอำนาจแห่งหลอซาน ฉีหมิงว่าง! ”
ผู้มีอิทธิพลอำนาจทั้งสิบแปดเมืองในมณฑลหลิงหนาน ได้ออกมากันทั้งหมด แล้วก็แสดงความเคารพต่อหลินหยุน และเรียกขานว่าปรมาจารย์หลิน!
สุดท้าย ก็มีเงาร่างของอีกคนหนึ่ง เดินอย่างช้า ๆ มายังเบื้องหน้าของหลินหยุน ด้านหลังของเขา ยังมีหญิงสาวสวยคนหนึ่งติดตามมาด้วย
“อีหยุ่นแห่งเจียงหนาน ขอคารวะปรมาจารย์หลิน! ”
ทุกคนถึงกับตกตะลึงในทันที: “คุณอีแห่งเจียงหนาน! ”
คุณอีแห่งเจียงหนาน ที่ได้รับการขนานนามว่าอีป้านจู๋ ผู้ที่มีอิทธิพลและความสามารถที่มากกว่า ควีนจินกับตระกูลกงแห่งมณฑลซีหนิงเสียอีก
แม้แต่คุณอีแห่งเจียงหนานก็ยังแสดงตัวออกมาแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าที่จะสงสัยในสถานะของ หลินหยุนอีก
ต่อให้ทุกคนยังคงไม่กล้าที่จะเชื่อ แต่เรื่องราวที่แท้จริงก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า พวกเขาจะไม่เชื่อก็ไม่ได้
มองไปยังผู้มีอิทธิพลอำนาจทั้งสิบแปดเมืองของมณฑลหลิงหนาน ได้ทำการคารวะแสดงความเคารพต่อหลินหยุนกันอย่างพร้อมเพรียง สภาพนั้นเหมือนกับสมัยราชวงศ์ศักดินา ที่หมู่ขุนนาง ทำการคารวะต่อฮ่องเต้อย่างไรอย่างนั้น ซึ่งสร้างความสะเทือนใจให้กับทุกคนอย่างสุดซึ้ง
“ลุกขึ้นเถอะ! ” หลินหยุนพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก
“อีหลิง ขอคารวะปรมาจารย์หลิน! ” หญิงสาวที่งดงามไม่เหมือนใคร กำหมัดที่ขาวผ่องขึ้น ยิ้มอย่างน่าหลงใหล และกะพริบตาให้กับหลินหยุน
หลินหยุนยื่นมือออกมา ปล่อยคลื่นพลังที่อ่อนโยน ผ่านอากาศค้ำยันอีหลิงเอาไว้
“คุณก็มาด้วยเหรอ? ” หลินหยุนยิ้มและพูดขึ้น
อีหลิงพูดอย่างจริงจังว่า: “ปรมาจารย์หลินได้ช่วยเหลือฉันเอาไว้อย่างมากมาย ตอนนี้ปรมาจารย์หลินจัดงานเลี้ยงฉลอง ฉันจะกล้าไม่มาร่วมงานได้อย่างไรกันล่ะ? ”
อีหลิงพูดจบ ก็ขยับไปอยู่ยืนด้านข้าง เธอทราบดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมารบกวนหลินหยุน
ตอนที่มองเห็นเซี่ยหยู่เวย อีหลิงก็มีสีหน้าที่ซับซ้อน สุดท้ายก็ได้เดินเข้าไปหา เพื่อแสดงความทักทายกับเซี่ยหยู่เวย
หลินหยุนมองไปที่เจี่ยงสง ถามขึ้นว่า: “แขกมากันพร้อมหรือยัง? ”
เจี่ยงสงพูดขึ้นอย่างนอบน้อมว่า: “มากันพร้อมแล้ว งานเลี้ยงฉลองสามารถเริ่มต้นขึ้นได้แล้วขอเชิญปรมาจารย์หลินขึ้นเวทีดำเนินงาน! ”
“ให้นายเป็นคนดำเนินการเถอะ! ข้าจะรับผิดชอบควบคุมความเรียบร้อยให้! ” หลินหยุนพูดขึ้น
“ตกลง! ”
มองเห็นเจี่ยงสงกับพวกผู้มีอิทธิพลอำนาจทั้งหลาย กรูกันเข้าไปที่หลินหยุนเพื่อพาเดินไปขึ้นเวทีที่อยู่ด้านหน้า ทุกคนจึงได้ตื่นขึ้นมาราวกับว่าฝันไป
“เดิมทีเด็กหนุ่มผู้นั้น ก็คือปรมาจารย์หลิน! ”