จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 409 สภาพจิตใจที่ซับซ้อนของทุกคน
บนเวทีที่อยู่ด้านหน้า เจี่ยงสงถือไมโครโฟน กล่าวแนะนำทั่วไป
หลินหยุนนั่งอยู่ด้านหลังของเขาอย่างสงบเงียบ แววตาสงบนิ่งวางเฉย ราวกับเป็นเซียน
ด้านล่างเวที กงซื่อซวนที่มีสีหน้าท่าทางโง่เขลา ซึ่งก็ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจกับเขาแล้ว
“เป็นไปได้อย่างไรกัน? เขาทำไมถึงเป็นปรมาจารย์หลินไปได้! ”
จนถึงตอนนี้ กงซื่อซวนก็ยังคงไม่กล้าที่จะเชื่อ
แต่ว่า มีเพียงปรมาจารย์หลินเท่านั้นที่สามารถทำให้เจี่ยงสงยอมศิโรราบ ทำให้ควีนจินนอบน้อม
คิดถึงเมื่อครู่นี้ที่เขายังตะโกนพูดให้ปรมาจารย์หลินออกมาจัดการหลินหยุนนั้น กงซื่อซวนก็ใบหน้าร้อนผ่าว
ตนเองบอกให้ปรมาจารย์หลินออกมาจัดการกับปรมาจารย์หลิน นี่มันไม่ใช่เรื่องตลกน่าขัน หรอกเหรอ?
เวลานี้ เขาจึงเข้าใจได้ถึงความตั้งใจที่ดีของควีนจินกับเจี่ยงสง
แต่ว่า กงซื่อซวนก็ยังคงไม่ยอม: “ต่อให้นายเป็นปรมาจารย์หลินแล้วจะทำไม? ข้าคือผู้สืบทอดของตระกูลกงแห่งมณฑลซีหนิง นายกล้าที่จะตัดขาสองข้างของข้า รอให้ข้ากลับไปถึงตระกูลกงก่อน จะต้องล้างแค้นความอับอายที่เกิดขึ้นในวันนี้อย่างแน่นอน! ”
เถียนชุ่ยชุ่ยกับเพื่อนคนอื่น ๆ ที่ทำตัวกำเริบเสิบสานต่อหน้าหลินหยุนมาโดยตลอด ตอนนี้นั่งอยู่บนเก้าอี้ โดยที่ตัวสั่น และมีสีหน้าขมขื่น
เถียนชุ่ยชุ่ยก็เหมือนกับหุ่นเชิดที่ไร้จิตวิญญาณ บ่นพึมพำกับตัวเองไม่หยุด: “เป็นไปได้อย่างไร? หลินหยุนเป็นเพียงแค่คนยากจนที่ไม่ได้เรื่องไร้ความสามารถ จะกลายเป็นปรมาจารย์หลินได้อย่างไรกันล่ะ? ”
“มิน่าล่ะเขาถึงได้เรียกตนเองว่าหลินชางฉอง และยังพูดว่าเขากับฉันนั้นอยู่กันคนละโลก ที่จริงแล้วเขาก็คือปรมาจารย์หลินที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เหอะเหอะ เป็นคนที่อยู่กันคนละโลกจริง ๆ ด้วยสิ! ”
มองไปยังบนเวที เห็นหลินหยุนกำลังได้รับการชื่นชมเยินยออย่างมากจากพวกผู้มีอิทธิพลอำนาจนับไม่ถ้วน จิตใจของเถียนชุ่ยชุ่ยเหมือนกับกำลังมีเลือดไหลหยดออกมา เสียใจอย่างมากจนลำไส้กลายเป็นสีเขียวไปแล้ว
“ฉันคิดฝันอยู่ตลอดว่าต้องการหาบุคคลที่ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริงสักคน เพื่อสามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาชีวิตของตนเอง โดยคิดไม่ถึงว่าจะเอาปรมาจารย์หลินมาเป็นตัวสำรองและยังทอดทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดีด้วย! ”
“เหอะเหอะ ช่างน่าขันเสียจริง น่าเศร้า ฮ่าฮ่า! ” เถียนชุ่ยชุ่ยได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่นอยู่ภายในจิตใจ
เธอคิดว่าจนเองฉลาดหลักแหลมจนหาผู้ใดเปรียบมิได้ จึงได้ตัดใจทอดทิ้งหลินหยุน แล้วเลือก เสิ่นหย่งแทน
และยังมักจะใช้ให้เสิ่นหย่งมาเหยียบย่ำทำให้หลินหยุนอับอายขายหน้า
ตอนนี้มาคิด ๆ ดูแล้ว พฤติกรรมทั้งหมดในตอนนั้น ช่างน่าขันเป็นอย่างมาก!
“ฉันก็คือคนที่โง่เขลาที่สุดแล้ว! ” เถียนชุ่ยชุ่ยคิดอยากที่จะตาย: “ตอนนั้นที่ฉันใช้ให้เสิ่นหย่งมาเหยียบย่ำดูถูกเขา ในใจของเขาคงจะหัวเราะเยาะว่าฉันเป็นไอ้คนโง่อยู่อย่างแน่นอน! ”
“ตอนอยู่ที่อิมพีเรียลคอร์ทนั้น เขาคงจะจงใจทำลงไปอย่างแน่นอน! ”
“เขากำลังแก้แค้นฉันอยู่ เขาจงใจที่จะปกปิดสถานะของตนเอง ก็เพื่อให้ฉันเหมือนกับเป็นตัวตลก ที่กระโดดโลดเต้นไปมาต่อหน้าของเขา! ”
“เหอะเหอะ หลินหยุน ปรมาจารย์หลิน นายช่างโหดร้ายเสียจริง! ” เพียงชั่วครู่เถียนชุ่ยชุ่ยเหมือนกับว่ามีอายุมากขึ้นไปสิบปี โลกทั้งใบของเธอนั้น พังทลายแตกสลายไปในทันที
หวางหยู่หันก็ตกตะลึงจนลูกตาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้าแล้ว: “เป็นไปได้อย่างไรกัน! จะเป็นไปได้อย่างไรกัน! ไอ้คนที่ไม่ได้เรื่องได้ราวไร้ความสามารถนี้ จะกลายเป็นปรมาจารย์หลินไปได้! ”
“ใช่แล้ว เมื่อครู่เขาพูดกับเถียนชุ่ยชุ่ยว่า ข้าหลินชางฉองจะทำอะไรในช่วงชีวิตนี้ ทำไมต้องอธิบายให้แกฟังด้วย! ”
“เขาคือหลินชางฉอง เขาก็คือหลินชางฉอง! เขาก็คือหลินชางฉองผู้ที่เคยให้เงินรางวัลหนึ่งแสนหยวนกับฉันครั้งหนึ่ง! ”
“เขาทำไมถึงกลายเป็นหลินชางฉองไปได้? ”
โลกของหวางหยู่หันก็พังทลายลงหมดสิ้นเช่นกัน นับตั้งแต่ที่หลินชางฉองได้ให้เงินรางวัลเธอผ่านช่องไลฟ์สดแล้ว เธอก็ได้ตามหาหลินชางฉองคนนี้ไปทั่วทุกแห่งหน แต่ว่า หลินชางฉองก็ไม่เคยได้ปรากฏตัวออกมาอีกเลย
เดิมที หลินชางฉองก็อยู่ข้างกายเธอมาโดยตลอด เป็นเธอเองที่มีตาหามีแววไม่ มองไม่ออกเองก็เท่านั้น
“ครั้งนั้นเขาคงไม่ได้ที่จะให้เงินรางวัลฉันจริง ๆ หรอกใช่ไหม แต่เป็นเพราะจางซือจู่พวกเขาถูกหลี่หงถูดูถูกเหยียดหยาม ดังนั้นเขาจึงออกมาให้เงินรางวัลกับฉันในทันที และยังพูดอีกว่าอย่ารังแกดูถูกวัยรุ่นที่ยากจน เพื่อจงใจที่จะเหยียบย่ำให้หลี่หงถูอับอายขายหน้า! ”
“มิน่าล่ะแม้แต่กู้ซิวหรั่นคุณชายกู้เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ต่างก็ถูกบังคับควบคุมไปหมด ที่จริงแล้วเขาก็คือปรมาจารย์ผู้ที่มีพลังอานุภาพเหนือธรรมชาติ! ”
“หลินหยุน นายปกปิดได้อย่างลึกลับมากเลยทีเดียว! ”
ฉินโส่วอ้าปากกว้าง โดยที่ไม่ได้หุบลง ความรู้สึกเช่นนี้ก็เหมือนกับว่ามีอยู่วันหนึ่งทันใดนั้น ได้ทราบว่าเพื่อนนักเรียนที่ใช้ชีวิตอยู่กับตนเองมาหลายปี เป็นยอดมนุษย์ เป็นมนุษย์ค้างคาว โดยเรื่องที่ไร้สาระเช่นนี้ กลับเป็นความรู้สึกที่เหมือนกับมีหลักฐานที่ยืนยันได้อย่างแน่ชัด
“ใช่แล้ว ถ้าหากหลินหยุนคือปรมาจารย์หลิน ถ้าอย่างนั้นครั้งก่อนก็เป็นเขานี่แหละที่ช่วยเหลือตระกูลฉินของพวกเราถึงจะถูก! ”
โหลวจิ้งโยวที่อยู่ด้านข้าง ก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง: “ฉันเข้าใจแล้ว มิน่าล่ะที่ครั้งก่อนเขาให้ฉันไม่ต้องไปเชื่อจางเหมิง และยังให้สัญญาว่าให้ฉันรอหนึ่งวัน ที่จริงแล้วเขาก็คือปรมาจารย์หลินตัวจริง โดยที่เขาได้คอยแอบช่วยเหลือฉินโส่วอยู่”
“น่าโกรธเสียจริง ที่ตอนนั้นฉันกลับคิดว่าเขามีเจตนาร้ายแอบแฝงอยู่ หวังว่าเขาคงจะไม่ถือโทษโกรธฉันก็พอ! ”
จางเหมิงราวกับถูกฟ้าผ่าลงมาที่ร่างกาย และมองไปที่หลินหยุนอย่างงุนงง
“ปรมาจารย์หลิน เขาคือปรมาจารย์หลิน หลินหยุนก็คือปรมาจารย์หลิน! ”
“ถ้าเป็นแบบนี้ ตอนนั้นก็คือหลินหยุนที่ได้ช่วยฉันเอาไว้! ”
“ไม่ เป็นไปไม่ได้ คนที่ช่วยฉันคือเหยียนเสวเหวินต่างหากล่ะ! ตอนนั้นพ่อของฉันยังอยู่ต่อหน้าของหลินหยุน แล้วให้เหยียนเสวเหวินโทรศัพท์ไปเพื่อยืนยันด้วย! ”
จางเหมิงจ้องมองไปที่เหยียนเสวเหวินด้วยความสงสัย และถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: “เหยียนเสวเหวิน นายบอกกับฉันมานะว่า นายโกหกฉันใช่ไหม? ตอนนั้นไม่ใช่เพื่อนของพ่อนายที่ช่วยเหลือฉันเอาไว้ใช่ไหม? ”
เหยียนเสวเหวินรับทราบว่าหลินหยุนก็คือปรมาจารย์หลิน ก็ตื่นตระหนกตกใจจนจิตวิญญาณล่องลอยไปไกลแล้ว เขาได้ภาวนามาโดยตลอดว่าขออย่าให้ปรมาจารย์หลินรับรู้เรื่องราวที่ว่าเขาได้สวมรอยแอบอ้างรับความดีความชอบแทน หากว่าปรมาจารย์หลินไม่ทราบ ต่อให้ตนเองถูกจับได้ว่าสวมรอยแอบอ้างรับความดีความชอบ เขาก็ยังที่จะสามารถหาข้ออ้างมากลบเกลื่อนคำโกหกได้
แต่ เขาคิดไม่ถึงว่า ตอนที่เขาสวมรอยแอบอ้างรับความดีความชอบนั้น ปรมาจารย์หลินตัวจริงก็ยืนอยู่ข้างกายของเขาดูเขาแสดงละครอยู่
เมื่อคิดว่าตนเองได้พบเจอกับตัวจริงแล้วต่อให้จะพูดว่าตนเองจริงแค่ไหนก็พูดได้ไม่เต็มปากแล้ว เหยียนเสวเหวินถึงกับอับอายจนทนไม่ไหวซึ่งแทบจะหาร่องมุดเข้าไปแล้ว!
“เหมิงเหมิงต้องขอโทษด้วย ฉันเองที่โกหกคุณ! ตอนนั้นพ่อของฉันได้ไปหาเพื่อนที่แซ่หลินให้ช่วยเหลือ แต่ก็ไม่ได้พบกับตัวตนที่แท้จริง โดยคนที่ช่วยเหลือคุณจริง ๆ นั้น ก็คือหลินหยุน! ”
ได้ยินเหยียนเสวเหวินยอมรับจากปากของตนเอง จางเหมิงก็สมองระเบิดพังทลายในทันที
มือสองข้างของเธอจับไปที่ปกเสื้อของเหยียนเสวเหวิน และตะโกนใส่อย่างบ้าคลั่ง: “แล้วทำไมนายไม่บอกกับฉันตั้งแต่แรก! ทำไมต้องโกหกฉันด้วย! นายไอ้คนหลอกลวง ไอ้คนหลอกลวง! ”
เหยียนเสวเหวินถูกเขย่าตัวจนเกิดความโมโหขึ้น แล้วก็สะบัดจางเหมิงทิ้ง ยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า: “ใช่ฉันที่โกหกคุณงั้นเหรอ? คือพวกคุณต่างหากที่นำเอาความดีความชอบยกยอให้กับฉัน ทำไมคุณถึงชื่นชอบฉัน จางเหมิงในใจของคุณเองไม่ชัดเจนหรือยังไงกัน? ”
“ถ้าหากไม่ใช่คุณที่เข้าใจผิดว่าพ่อของฉันรู้จักกับปรมาจารย์หลิน คุณจะชื่นชอบในตัวฉันไหม? ผู้หญิงที่ชอบประจบสอพลอแบบคุณ จะมาชื่นชอบคนอัปลักษณ์อย่างฉันได้อย่างไรกันล่ะ? ”
จางเหมิงไม่พูดไม่จาอะไรแล้ว เอามือกุมหน้าและร้องไห้เสียงดัง
คิดถึงตอนนั้นที่หลินหยุนเป็นคนที่ช่วยเหลือเธอ แต่เธอกลับยังมุ่งเป้ากล่าวหาหลินหยุนไปทุกอย่าง รวมถึงดูถูกเหยียดหยามหลินหยุนด้วย
เธอกับเหยียนเสวเหวินประสบอุบัติเหตุรถคว่ำ หลินหยุนยังได้นำผลไม้ Dilufic ไปเยี่ยมเยียนเธอ แต่กลับถูกเธอมองว่าเป็นขยะที่เก็บมา แล้วดูถูกหลินหยุนอย่างรุนแรง ต่อหน้าเพื่อนนักเรียน
คิดดูว่าในแต่ละครั้งแต่ละครั้งตอนที่เธอโอ้อวดต่อหน้าเพื่อนนักเรียนว่าแฟนของตนรู้จักปรมาจารย์หลิน ซึ่งปรมาจารย์หลินตัวจริงนั้นก็นั่งมองดูอยู่ด้านข้าง จางเหมิงอับอายขายหน้ามากจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี
ความสำนึกผิด ความอับอาย ความเสียดาย เต็มเกลื่อนภายในจิตใจของจางเหมิง ทำให้โลกทัศน์ของเธอทั้งหมดก็พังทลายลงไปอย่างหมดสิ้นเช่นกัน
เสิ่นหย่งกับหลี่หงถูและเพื่อนคนอื่น ๆ ต่างก็ตกตะลึง และสำนึกผิดเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะเสิ่นหย่ง ที่ได้ทำการดูถูกเหยียดหยามหลินหยุนนับครั้งไม่ถ้วน และทำตัวโอ้อวดต่อหน้าหลินหยุนก็เพราะเถียนชุ่ยชุ่ย ซึ่งตอนนี้เสิ่นหย่งเกิดอยากที่จะเอาหัวพุ่งเข้าไปชนกำแพงให้ตายกันไปเลยทีเดียว!
“ต้องโทษเถียนชุ่ยชุ่ยผู้หญิงที่ชอบประจบสอพลอคนนี้ หากไม่ใช่เธอ ฉันก็คงไม่ไปล่วงเกินปรมาจารย์หลินอย่างแน่นอน! ”
เสิ่นหย่งได้แอบตัดสินใจเอาไว้แล้วว่า อีกสักครู่เขาจะหาโอกาสเพื่ออธิบายเรื่องทั้งหมดต่อหน้าหลินหยุน เพื่อทอดทิ้งผู้หญิงที่ชอบประจบสอพลออย่างเถียนชุ่ยชุ่ยนี้
เซี่ยหยู่เวยกับเพื่อนกลุ่มเล็กนั้นก็ยังคงตกตะลึงด้วยเช่นกัน
“เขาก็คือปรมาจารย์หลิน! ”
“เหอะเหอะ บางทีฉันควรที่จะคิดออกก่อนน่านี้คงจะถูก! นอกจากปรมาจารย์หลินแล้ว ใครจะมีพลังความสามารถที่แข็งแกร่งขนาดนั้นได้อีกล่ะ! ”
ตอนอยู่ที่ตระกูลอี เซี่ยหยู่เวยเพียงแค่ได้พบว่าเห็นหลินหยุนมีความสามารถมีพลังบู๊ที่แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่ทราบถึงสถานะตัวตนที่แท้จริงของหลินหยุน
ตอนนี้ ในที่สุดก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว