จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 411 นับแต่นี้เขาเป็นที่เคารพนับถือ
เมื่อต้องเผชิญกับสายตาดูถูกของคนรอบๆ เซี่ยหยู่เวยรู้สึกเหมือนกับมีลูกธนูที่แหลมคม กำลังยิงมาหาตัวเอง
โดนลูกธนูปัดทั้งตัว จนร่างกายแตกสลาย
แต่ว่า ผู้ชายที่ตัวเองคิดว่าเป็นสมบัติล้ำค่ามาโดยตลอด ในเวลานี้กลับเอาแต่ก้มหน้า นั่งอยู่ข้างๆตัวเอง ไม่ได้สนใจไยดีตัวเอง ราวกับเป็นเต่าหัวหด!
ในเวลานั้น อยู่ๆเซี่ยหยู่เวยก็นึกถึงผู้ชายอีกคน คนที่ตัวเองเคยทอดทิ้ง ผู้ชายที่ตัวเองคิดว่าเป็นคนไร้ค่ามาโดยตลอด
ผู้ชายที่ตัวเองเอาแต่ทำร้ายเขามาโดยตลอด แต่กลับเป็นคนที่ช่วยเหลือตัวเองกับครอบครัวมาโดยตลอด สิ่งที่น่าขำก็คือตัวเองไม่สนใจไยดี คิดว่านั้นเป็นสิ่งที่เขาสมควรทำ
ตอนนี้ ตอนที่เธอสูญเสียผู้ชายแบบนั้นไป เซี่ยหยู่เวยถึงได้เข้าใจ ที่แท้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะทำดีกับตัวเอง และไม่หวังผลตอบแทนเหมือนกับเขา!
ผู้ชาย ที่ถูกเธอดูถูกมาโดยตลอดต่างหาก ที่ปฏิบัติกับเธอด้วยความจริงใจอย่างแท้จริง
ถ้าเกิดสามารถย้อนเวลากลับไปได้ มันจะดีขนาดไหนกัน!
แต่น่าเสียดาย เวลาไม่มีทางหวงกลับ บนโลกนี้ไม่มียาสำนึกผิด
ก็เหมือนกับประโยคที่หลินหยุนเคยบอก ทุกคนต่างก็ต้องรับผิดชอบกับหนทางที่ตัวเองเลือก
เซี่ยหยู่เวยได้ชดใช้แล้ว แต่ว่าการชดใช้นี้ กลับทำให้เธอเจ็บปวดจนรับแทบไม่ไหว
จู่ๆเซี่ยหยู่เวยก็ยืนขึ้นมาอย่างเงียบๆ ลุกขึ้นจากที่นั่ง ราวกับซากศพที่กำลังเดินอยู่
ไปดีกว่า หนีไปซะก็ดี อย่างน้อยๆก็ไม่ต้องทนรับสายตาที่ทิ่มแทงราวกับใบมีดแบบนั้น
ทุกคนต่างก็จ้องมาที่เธอ ไม่มีใครห้าม ยังดีที่หวางเสี่ยวซีที่อยู่โต๊ะข้างๆวิ่งเข้ามา ห้ามเธอเอาไว้ แล้วลากไปนั่งโต๊ะของตัวเอง
ไม่ไกลนับ หลินหยุนแค่มองเธออยู่เงียบๆ จากนั้นก็หันไปทางอื่น
ในชาตินี้ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับเขาตั้งนานแล้ว
นับตั้งแต่นี้ ต่างคนต่างเดิน
หลินหยุนเดินไปยังโต๊ะของแขกถัดไป คนบนโต๊ะนี้เต็มไปด้วยคนคุ้นหน้าคุ้นตา จางเหมิง เถียนชุ่ยชุ่ย เสิ่นหย่ง แล้วก็หวางหยู่หัน ล้วนเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขาแล้วก็ครอบครัวของพวกเขา
ความจริงแล้ว ด้วยฐานะของพวกเขา ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงที่เจี่ยงสงจัดขึ้นด้วยซ้ำ ยิ่งเป็นงานเลี้ยงของปรมาจารย์หลินยิ่งแล้วใหญ่
แต่ว่า เพื่อที่จะให้น้ำชี่ทิพย์โด่งดังได้ในทันที คนที่เจี่ยงสงต้องเชิญมาในงานเองก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย เพราะงั้นพ่อของพวกจางหมิงกับเสิ่นหย่ง ถึงได้มีสิทธิ์เข้าร่วมงานเลี้ยง
พอเห็นเจี่ยงสงและหลินหยุนเดินมาทางนี้ พออยู่ห่างกันแค่ไม่กี่เมตร ทุกคนต่างก็รีบลุกขึ้นมา แล้วทำความเคารพ ราวกับทหารยามที่กำลังโดนตรวจสอบอยู่
พวกจางหมิงเอง ก็รีบลุกขึ้นมา เอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้ามองหน้าของหลินหยุน
โดยเฉพาะเหยียนเสวเหวิน ที่หวาดกลัวจนหน้าขาวซีด กลัวว่าหลินหยุนจะคิดบัญชีกับเขา
“ขอคารวะปรมาจารย์หลิน ขอคารวะท่านเจี่ยง!”
พ่อของเสิ่นหย่ง เสิ่นยู่หงเป็นคนนำคนพวกนี้ ทำความเคารพทั้งสองคน
“ลุกขึ้นเถอะ!” หลินหยุนพูดด้วยเสียงเรียบๆ จากนั้นก็ถือแก้วไวน์ของตัวเองขึ้นมา แล้วดื่มมัน
ทุกคนต่างก็รีบดื่มตาม ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
พ่อของจางหมิง หลังจากที่ดื่มจนหมด ก็เทใส่แก้วตัวเองอีกหนึ่งแก้ว ประสานมือทั้งสองข้าง พูดด้วยสีหน้าตื่นเต้นว่า “ปรมาจารย์หลิน ท่านเจี่ยง ขอบคุณความช่วยเหลือจากท่านทั้งสอง!”
พอพูดจบ พ่อของจางหมิงก็ดื่มหมดในอึดเดียว
จากนั้น ก็เทให้ตัวเองอีกหนึ่งแก้ว
“ปรมาจารย์หลิน ก่อนหน้านี้ลูกสาวของผมมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้ผิดชอบชั่วดี ถึงได้สร้างปัญหาให้กับท่าน ท่านได้โปรดอย่าใส่ใจ!”
“ไม่เป็นไร” หลินหยุนพูดด้วยเสียงเรียบๆ ไม่ได้หันไปมองจางหมิงด้วยซ้ำ
ข้างๆ เสิ่นหย่งใช้โอกาสนี้ รีบลุกขึ้นมาแล้วพูดว่า “หลินหยุน ก่อนหน้านี้เป็นความผิดของผมเอง ผมหวังว่าในฐานะที่ผมเป็นเพื่อนร่วมห้องเดียวกันกับท่าน ท่านจะให้อภัยผม!”
“ท่านสบายใจได้ ระหว่างผมกับเถียนชุ่ยชุ่ยเราไม่เคยมีอะไรกัน ตอนนี้ผมจะอยู่ห่างจากเธอเดี๋ยวนี้ จากนี้ไปจะไม่คุยกับเธอแม้แต่คำเดียว!”
เถียนชุ่ยชุ่ยหน้าขาวซีด จ้องมองเสิ่นหย่งด้วยใบหน้าที่โกรธแค้น
ผู้ชายคนนี้น่ารังเกียจจริงๆ พอถึงเวลาคับขันกลับเอาผู้หญิงออกมารับเคราะห์แทน
เถียนชุ่ยชุ่ยแอบมองหลินหยุน หัวใจเต้นรัวมาก ถ้าเกิดหลินหยุนเต็มใจที่จะยอมรับเธอ งั้นนั้นก็เป็นสิ่งที่เธอหวังเป็นอย่างยิ่ง!
แต่ว่า หลินหยุนกลับไม่มองเธอแม้แต่น้อย หันไปมองฉินโส่วที่กำลังถือแก้วไวน์ด้วยความวิตกกังวล “สัตว์ป่า ตอนที่แกอยู่ต่อหน้าพวกที่แอบอ้างว่าช่วยเหลือแก แกดูสดใสขนาดนั้น ตอนนี้พออยู่ต่อหน้าคนที่ช่วยแกจริงๆ แกไม่มีอะไรจะพูดแล้วหรือไง?”
พอได้ยินคำว่าสัตว์ป่า ความอึดอัดทั้งหมดของฉินโส่วกลับหายไปจนหมด ราวกับย้อนไปยังช่วงห้องพัก ช่วงเวลาที่พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
จู่ๆฉินโส่วก็รู้สึกว่า ไม่มีคำไหน ที่ดูใกล้ชิดไปกว่าคำหยาบสองคำนี้!
“หลินหยุน ขอบคุณมาก!” ฉินโส่วถือแก้วไวน์ขึ้นมา แล้วดื่มมันจนหมด
ข้างๆ พ่อของฉินโส่ว ยิ้มด้วยใบหน้าที่พึงพอใจ เขาเองก็ถือแก้วไวน์ขึ้นมา แล้วดื่มมันอย่างเงียบๆ
จากนั้น หลินหยุนก็จากไป
ไม่ได้หันไปมองเถียนชุ่ยชุ่ยกับหวางหยู่หันแม้แต่น้อย
พอเห็นแผ่นหลังของหลินหยุนค่อยๆห่างออกไป เถียนชุ่ยชุ่ยก็ฟุบลงบนโต๊ะ แล้วเริ่มร้องไห้ขึ้นมา ร้องจนหัวใจแทบแตกสลาย
คนอื่นๆที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกัน ก็จ้องมองเธออยู่เงียบๆ สิ่งที่เถียนชุ่ยชุ่ยทำกับหลินหยุน พวกเขาล้วนเข้าใจกันดี ไม่มีใครที่คิดจะสงสารเธอ
พอเห็นหลินหยุนจากไป เหยียนเสวเหวินก็นั่งลงบนเก้าอี้อย่างกับคนที่ไร้เรี่ยวแรง ราวกับว่าได้เสียเรี่ยวแรงไปทั้งหมดแล้ว
“เมื่อก่อนฉันไม่เข้าใจ ทำไมพอมีคนช่วยเหลือจางหมิง กลับให้ฉันเป็นคนรับหน้าแทน”
“ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว เรื่องแบบนี้สำหรับเขาแล้ว มันง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ บางทีเขาอาจจะไม่เคยเห็นเรื่องพวกนี้อยู่ในสายตา แม้แต่คนอย่างพวกเรา เขาเองก็ไม่เคยเห็นพวกเราอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ”
สุดท้าย หลินหยุนก็ไปที่ที่อีหลิงนั่งอยู่ พูดคุยกับอีหลิงอยู่สักพัก ส่วนอีหยุ่น หลินหยุนไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
อีหยุ่นมองหลินหยุนที่กลับไปยังที่นั่งของตัวเอง แล้วถอนหายใจออกมา “ตั้งแต่นี้ไป ชื่อเสียงของปรมาจารย์หลินจะต้องทำให้ชาวจีนกว่าครึ่งต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน!”
ควีนจีนที่อยู่ข้างๆก็พยักหน้าเห็นด้วยแล้วพูดว่า “ตั้งแต่นี้ไป หลิงหนานจะให้ความเคารพปรมาจารย์หลินอย่างเต็มที่!”
หลังจากที่งานเลี้ยงสิ้นสุดลง ฉินหลันกับพี่โล่โล่ รอหลินหยุนอยู่ที่ห้องพัก
“หลินหยุน ปรมาจารย์หลิน!เหนือความคาดหมายของฉันจริงๆ!” พี่โล่โล่พูดด้วยใบหน้าที่ตื่นตกใจ “จนถึงตอนนี้ฉันก็ยังคิดว่าตัวเองยังอยู่ในความฝัน!”
หลินหยุนยิ้มแล้วพูดว่า “พี่โล่โล่ หลินหยุนกับปรมาจารย์หลิน มันต่างกันด้วยเหรอ?”
พี่โล่โล่มองหลินหยุนอย่างจริงจัง “นายว่าไงล่ะ?”
“ในสายตาของผม มันไม่ต่างกัน สำหรับพวกพี่แล้ว ก็คงไม่ต่างเหมือนกัน”
พี่โล่โล่ยิ้ม “นึกไม่ถึงว่าปรมาจารย์หลินที่เขาร่ำลือกัน กลับเคยทำงานที่บาร์ของฉัน ไม่ได้แล้ว ฉันจะต้องกลับไปซื้อบาร์ของตัวเองกลับมาเดี๋ยวนี้!จากนี้ฉันจะเขียนป้ายไว้หน้าบาร์ว่า บาร์ที่ปรมาจารย์หลินเคยทำงาน!เชื่อว่าอีกหน่อยลูกค้าจะต้องเต็มร้านอย่างแน่นอน”
พอพี่โล่โล่พูดจบก็เดินจากไป เธอเป็นคนฉลาด รู้ว่าควรปล่อยให้หลินหยุนคุยกับฉินหลันสองต่อสอง
เมื่ออยู่ต่อหน้าฉินหลัน หลินหยุนก็ไม่ใช่คนสูงส่งอย่าง มหากษัตริย์ชางฉองผู้พิชิตดาวมานับหมื่น แต่กลับเป็นน้องชายธรรมดาคนหนึ่ง
“พี่ฉินหลัน พี่มีเรื่องอะไรที่อยากจะคุยกับผมหรือเปล่า?” หลินหยุนเป็นคนเริ่มพูดทำลายความเงียบ เขาทนสายตาที่ฉินหลันมองเขาราวกับตัวประหลาดไม่ไหว
ฉินหลันพูดอย่างอึดอัด “อย่าเรียกฉันว่าพี่ ฉันรับตำแหน่งนั้นไม่ไหว!นึกไม่ถึงว่า ปรมาจารย์หลิน กลับลดตัวลงมาเป็นบอดี้การ์ดของฉัน!ไม่รู้ว่าปรมาจารย์หลินทำเพื่อความสนุก หรือว่ามีเป้าหมายอะไรกันแน่?”
หลินหยุนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะปิดบังจริงๆ ต่อให้ผมพูดออกไป พี่จะเชื่อเหรอ?”
มันก็จริง ถ้าเกิดหลินหยุนบอกว่าเขาคือปรมาจารย์หลิน ฉินหลันต้องไม่เชื่ออย่างแน่นอน แถมยังคิดว่าเขาจะต้องเป็นสิบแปดมงกุฎ
ก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่จู่ๆหลินหยุนก็บอกว่าเขาคือปรมาจารย์หลิน ฉินหลันยังคิดว่าเขาพูดเล่น
ดูเหมือนว่าฉินหลันจะเริ่มเข้าใจความขมขื่นของหลินหยุนขึ้นมาบ้างแล้ว
“ก็ได้ เห็นแก่ที่คุณช่วยเหลือพวกเรา ฉันจะไม่ถือสาคุณก็แล้วกัน!”
“ประธานให้ฉันมาขอบคุณปรมาจารย์หลิน ตอนนี้ก็ถือว่าฉันได้พูดต่อหน้าแล้ว ขอตัวก่อน!”
“รอก่อน!” นึกไม่ถึงว่าฉินหลันจะกลับไปแบบนี้ หลินหยุนจึงรีบพูดห้ามเอาไว้
“อะไรเหรอ?ปรมาจารย์หลินยังต้องการอะไรอีกเหรอ?” ฉินหลันพูดด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจ