จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 414 มันเป็นแผนการ
“ยังต้องพิสูจน์อีกไหมว่าข้างในมีเงินอยู่เท่าไหร่?” หลินหยุนพูดด้วยเสียงเรียบๆ
“ไม่ ไม่จำเป็น!เชิญท่านเข้าไปข้างใน!” บอดี้การ์ดทั้งสองก้มหัวด้วยความเคารพ จินซื่อหรงเป็นคนใหญ่คนโตของหลินโจว ได้ยินมาว่าสนิทกับท่านเจี่ยงในหลินโจวไม่น้อย ถ้าเกิดหลินหยุนเป็นคนที่จินซื่อหรงนับถือจริงๆ บอดี้การ์ดเล็กๆสองคนอย่างพวกเขาไม่กล้ามีเรื่องด้วยอยู่แล้ว!
หลินหยุนเข้าไปในงาน ข้างในงานมีคนอยู่ไม่น้อย มีหลายสิบคน ล้วนแต่งตัวเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ
เห็นได้ชัดว่าขนาดงานประมูลยังไม่เริ่ม ทุกคนต่างก็เริ่มจัดกลุ่มอย่างน้อยสามถึงห้าคนเพื่อพูดคุยกัน
หลินหยุนมองรอบๆงาน เห็นชายหนุ่มยี่สิบต้นๆคนหนึ่งได้ในทันที
ชายหนุ่มคนนั้นไว้ทรงผมสุดหล่อ หน้าม้าปิดคิ้วเอาไว้ ทำให้เขาดูเป็นคนที่มีระดับมาก
ข้างๆชายหนุ่มคนนั้น ก็มีหญิงสาวในชุดสีขาว หญิงสาวได้ไว้ผมยาวทรงม้วนทะเล ดูอ่อนเยาว์และสวยงาม พอมองแล้วดูเหมาะสมกับชายหนุ่มอย่างมาก
ชายหนุ่มคนนี้ก็คือมู่เฉิง
แต่ว่า ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆหลินหยุนกลับไม่คุ้นหน้า เห็นได้ชัดว่า ในตอนที่หลินหยุนรู้จักกับมู่เฉิง ผู้หญิงคนนี้ได้ออกไปจากชีวิตของมู่เฉิงแล้ว
“หรือว่าผู้หญิงที่มู่เฉิงไม่ยอมลืมสักที จะเป็นเธอ?”
ใช่หรือไม่ใช่ แค่ถามก็รู้แล้ว ชาติก่อนตอนที่มู่เฉิงละเมอในความฝัน ไม่รู้ว่าเรียกชื่อของผู้หญิงคนนั้นออกมากี่รอบแล้ว ต่อให้หลินหยุนไม่อยากจำก็ยังเป็นเรื่องที่ยากเลย
มู่เฉิงพาผู้หญิงคนนั้น แล้วพูดคุยกับชายหนุ่มคนอื่นอย่างสนุกสนาน
หลินหยุนแอบเดินไปอยู่ข้างหลังของมู่เฉิง หยิบแก้วไวน์หนึ่งแก้ว แล้วไปยืนอยู่ตรงมุมกำแพง ไม่ได้รีบร้อนที่จะไปทักทายเขา
ยังไงซะ ตอนนี้ตัวเขาสำหรับมู่เฉิง ยังเป็นแค่คนแปลกหน้า
ข้างหน้ามู่เฉิงที่อยู่ไม่ไกลนับ ชายวัยกลางคนที่ดูแข็งแกร่ง กำลังพูดคุยกับคนอีกสามคนด้วยรอยยิ้ม คนคนนั้นก็คือพ่อของมู่เฉิง ประธานของบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ป มู่ชิงซาน
ดูจากท่าทางที่เคารพของทั้งสามคนก็สามารถมองออกว่า พวกเขาล้วนนับถือมู่ชิงซานเป็นอย่างมาก ยังไงซะ ตระกูลมู่ในตอนนี้ ก็เป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของอำเภอจีหมิง
ข้างในเวที พนักงานได้เตรียมตัวจนเสร็จสิ้นแล้ว พนักงานที่รับผิดชอบสถานที่ก็ได้หยิบไมโครโฟนและเริ่มทดสอบเป็นครั้งสุดท้าย
“โหล……โหลๆ……”
ทดสอบสักพัก พอแน่ใจว่าไม่มีปัญหาแล้ว พนักงานที่รับผิดชอบสถานที่ก็หันไปพยักหน้ากับพิธีกรสาวสวยที่สวมชุดกระโปรงยาว
พิธีกรสาวยกกระโปรงขึ้น เดินออกมาด้วยความระมัดระวัง รับไมโครโฟนมา จากนั้นก็พูดด้วยเสียงหวานๆว่า “กราบสวัสดีท่านประธาน และแขกที่มาเยือนทุกท่าน……”
จากนั้นก็เป็นการแนะนำผู้รับผิดชอบของอำเภอ……
หลังจากเปิดกล่าวงานเหมือนทั่วๆไป งานประมูลก็เริ่มต้นขึ้น
วันนี้มีที่ดินอยู่ห้าแห่ง แน่นอนว่า ที่ดินที่ดีที่สุด หรือก็คือราชาประมูลของงาน เป็นโรงเรียนประถมทดลองที่อยู่ตรงข้ามกับอำเภอที่กำลังถูกรื้อถอน
อยู่ใกล้สวนสาธารณะกับโรงแรมประถมปฏิบัติการ แค่คิดก็คงจะจินตนาการถึงศักยภาพของที่ดินผืนนั้นได้ไม่ยาก
ราชาประมูลส่วนใหญ่ล้วนเก็บไว้ท้ายสุด
ของที่เปิดประมูลในช่วงแรกๆล้วนเป็นพวกของเล็กๆน้อยๆ
ความสนใจของหลินหยุน อยู่ที่ตัวของมู่เฉิงโดยตลอด
ผู้หญิงที่อยู่ข้างมู่เฉิงจู่ๆก็กระซิบข้างหูของมู่เฉิง พูดกระซิบว่า “ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำ”
“อืม” มู่เฉิงพยักหน้า ด้วยใบหน้าที่อ่อนโยน
หลินหยุนมองเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่อีกที่ออกไปพร้อมกับ จึงตามไปอย่างเงียบๆ
คนอื่นมองไม่เห็น แต่ว่าหลินหยุนกลับเห็นได้อย่างชัดเจน ชายหนุ่มคนนั้นเมื่อกี้ได้ส่งสายตาให้กับผู้หญิงที่อยู่กับมู่เฉิง
อีกอย่าง หลินหยุนรู้จักชายหนุ่มคนนั้น เขาก็คือคู่ปรับของตระกูลมู่ คุณชายของบริษัทซี่ไห่กรุ๊ปหวางเจียเฉียง
พอเห็นท่าทางที่ผู้หญิงคนนั้นดูสนิทสนมกับมู่เฉิง ก็น่าจะเป็นแฟนสาวของมู่เฉิง แต่ว่าแฟนสาวของตัวเองกับส่งสายตาให้กับคุณชายของศัตรูของตระกูล ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าจะต้องไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ
หลินหยุนตามผู้หญิงคนนั้นมาจนถึงห้องน้ำ ผู้หญิงได้เข้าไปที่ห้องหน้าหญิง ส่วนหลินหยุนก็เข้าไปที่ห้องน้ำชาย
ด้วยประสาทการได้ยินของหลินหยุน ในสถานที่เสียงปกปิดไม่มิดชิดอย่างห้องน้ำ แม้แต่เสียงหยิบกระดาษทิชชู ขอแค่เขาอยากได้ยิน ก็สามารถเงียบหูฟังได้อย่างชัดเจน
หลินหยุนได้ยินเสียงเปิดประตูจากห้องน้ำตรงข้าม
เป็นเสียงฝีเท้าที่รีบร้อน เสียงการเดินของฝีเท้าดูหนักแน่น ไม่ใช่เสียงเดินของผู้หญิง
จากนั้นก็ได้ยินเสียงปิดประตูที่รีบร้อน
“เป็นไงบ้าง? ได้ตรวจสอบตระกูลมู่อย่างละเอียดหรือยัง?” เป็นเสียงของผู้ชายจริงๆด้วย ถึงแม้จะพยายามกดเสียงต่ำ แต่ว่าหลินหยุนก็ยังได้สัมผัสความโมโหที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงที่พยายามกดเสียงต่ำได้อย่างชัดเจน
จากนั้นก็เป็นเสียงของผู้หญิงคนนั้น “ได้ตรวจสอบมาแล้ว ตระกูลมู่จะต้องเอาที่ดินผืนนั้นมาให้ได้!”
“ดี!เธอได้ตรวจสอบมาไหมว่าพวกเขายอมออกเงินเท่าไหร่?”
“เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่รู้ มู่ชิงซานเป็นตาแก่ที่เจ้าเล่ห์และระมัดระวังอย่างมาก แม้แต่ลูกชายโง่ๆของเขาก็ยังไม่รู้” ตอนที่พูดถึงลูกชายโง่ๆคนนั้น น้ำเสียงของผู้หญิงเต็มไปด้วยความดูถูก ราวกับว่ากำลังเล่นมู่เฉิงอยู่บนฝ่ามือตัวเอง เป็นเรื่องที่ดูสำเร็จไปได้ด้วยดี
จากนั้น ก็เป็นเสียงที่ไม่เหมาะสมกับเด็ก
“อิอิ ที่รัก ต้องให้เธอลำบากอีกสักหน่อย ทางด้านท่านเจี่ยงใกล้จะส่งคนมาแล้ว ถึงเวลานั้นบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปก็จะกลายเป็นของฉัน จากนั้นอำเภอจีหมิงก็จะตกอยู่ในกำมือตระกูลหวางของฉัน!” หวางเจียเฉียงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
หลินหยุนไม่ได้ฟังต่อ เรื่องราวทั้งหมด เขาก็พอจะเดาได้แล้ว
บริษัทซี่ไห่กรุ๊ปและบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปเป็นคู่ปรับกัน แต่ว่า บริษัทซี่ไห่กรุ๊ปกลับไปประจบเจี่ยงสง พอเป็นแบบนี้ ก็มีความโลภที่จะยึดบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปมาเป็นของตัวเอง
ผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่โลภมาก จะต้องทำเพื่อผลประโยชน์สักอย่าง ถึงได้หักหลังมู่เฉิง
หลังจากที่หลินหยุนกลับมาที่ห้องโถง ผ่านไปสักพัก หวางเจียเฉียงกับผู้หญิงคนนั้นก็กลับมาพร้อมกัน
ผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะตั้งใจแต่งหน้าของตัวเองให้ดูสดชื่นขึ้น ดูสดใสและสวยงาม ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็จับมือของมู่เฉิงอีกครั้ง
การประมูลรอบแรกจบลงอย่างรวดเร็ว ถูกคนอ้วนคนหนึ่งเอาไป
มีคนมากมายที่ไปแสดงความยินดีกับคนอ้วนคนนั้น “ประธานหยวน ยินดีด้วย!”
คนอ้วนคนนั้นยิ้มด้วยความพึงพอใจแล้วพูดว่า “ฮ่าๆ ก็แค่โชคดี พวกคุณล้วนสนใจราชาประมูลของงานนี้ จึงไม่สนใจที่ดินนี้ แต่ว่าฉันเป็นคนมักน้อย ได้ที่ดินนี้มาก็พอใจแล้ว!”
การประมูลครั้งต่อๆไป มู่ชิงซานได้ที่ดินมาหนึ่งแห่ง หม่าซื่อไห่ของบริษัทซี่ไห่กรุ๊ปเองก็เอามาหนึ่งแห่ง
สุดท้าย ก็คือราชาประมูลของงานนี้
พอพิธีกรสาวเริ่มประกาศ คนในห้องโถงจู่ๆก็ตกอยู่ในความเงียบ บรรยากาศดูตื่นเต้น ให้ความรู้สึกราวกับว่าลมมักจะสงบก่อนพายุเข้า
“เอาล่ะ ที่ดินสุดท้าย ก็คือราชาประมูลของงานประมูลในครั้งนี้ ไม่รู้ว่าจะเป็นประธานคนไหนที่โชคดีได้ที่ดินนี้ไป!”
“ราคาขั้นต่ำของที่ดินผืนนี้คือสิบล้าน ทุกครั้งที่ประมูลจะต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งแสน”
“ดิฉันขอประกาศ เริ่มการประมูลได้”
เสียงที่พิธีกรสาวพูดออกมาดูสั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าแม้แต่เธอเองก็ตื่นเต้นไปด้วย
หลังจากที่สิ้นเสียงประกาศของพิธีกรสาว
ชายรูปร่างผอมสูงที่ใส่แว่นก็ยกป้ายในมือขึ้นมาทันที “สิบเอ็ดล้าน!”
“สิบห้าล้าน!”
“สิบหกล้าน!”
“สิบแปดล้าน!”
ในห้องโถง เต็มไปด้วยเสียงของผู้เข้าการประมูล มีทั้งเสียงตกใจและเสียงถอนหายใจของคนบางคนปะปนกันไป
แต่ว่า คนที่เสนอราคาในตอนนี้ล้วนเป็นบริษัทเล็กๆ บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างบริษัทมู้่ซื่อกรุ๊ปกับบริษัทซี่ไห่กรุ๊ป มองดูสถานการณ์ด้วยความใจเย็นอยู่ตลอด
มีออร่าปล่อยออกมาราวกับว่าโลกนี้อยู่ในการควบคุมของฉัน
สุดท้าย ในตอนที่ราคาพุ่งไปถึงยี่สิบหกล้านกับอีกห้าแสน ผู้เข้าร่วมการประมูลก็น้อยลงไปเรื่อยๆ เหลือแค่สองสามคนที่กำลังแข่งขันกันอยู่
แต่ว่า ราคาที่เพิ่มแต่ละครั้งก็เป็นแค่หนึ่งแสนถึงสองแสน ไม่เหมือนกับเมื่อกี้ ที่เพิ่มทีหนึ่งเป็นล้าน
ในเวลานี้เอง มู่เฉิงก็เริ่มนั่งไม่สุข กระซิบถามว่า “พ่อ พวกเราเสนอราคากันเถอะ!”
มู่ชิงซานมองไปยังบริษัทซี่ไห่กรุ๊ปแวบหนึ่ง ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ต้องรีบร้อน หวางซี่ไห่ยังไม่ได้เสนอราคาเลย!”
ฝั่งตรงข้าม ชายหนุ่มผอมสูงที่สวมชุดสูทสีดำ หรือก็คือประธานของบริษัทซี่ไห่กรุ๊ปหวางซี่ไห่ เขาเองก็กำลังจ้องมองมู่ชิงซาน
ทั้งสองต่างก็สบตากัน ราวกับว่ามีประกายไฟเกิดขึ้นบนอากาศ
หวางซี่ไห่หันไปพูดกับชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆว่า “เจียเฉียง เจ้าจิ้งจอกเฒ่าอย่างมู่ชิงซานถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหว จะต้องรอให้พวกเราเสนอราคาออกมาก่อนอย่างแน่นอน? แกเสนอราคาไปที่สามสิบล้าน!”