จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 431 เจียงซ่างหมิงที่ชอบดูถูกคนอื่น
ที่นั่งที่อยู่ไม่ไกลนับ หลินหยุนจ้องมองหยูจงหยวนที่กำลังได้ใจด้วยความเย็นชา
มู่เฉิงสัมผัสได้อย่างชัดเจน เขาเองก็หันไปมองหยูจงหยวน แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชา “เฮิง ไอ้เจ้าหยูจงหยวนช่างเป็นคนที่จิตใจต่ำช้าสักจริงๆ แถมยังเป็นคนที่ไม่สำนึกบุญคุณ ขอแค่ให้ผลดีกับเขา ขายได้แม้กระทั่งพ่อแท้ๆของตัวเอง!”
พอเห็นว่าหลินหยุนไม่พูดอะไร หันกลับไปดื่มชาของตัวเองต่อ มู่เฉิงก็ทำหน้าสงสัยเล็กน้อย ไม่เข้าใจความคิดของหลินหยุนเอาสักเลย
จากนั้นหยูจงหยวน ก็เดินไปพูดคุยกับคนรับผิดชอบของแต่ละหมู่บ้านทั้งหมดจนครบ ยกเว้นหลินตงหัว
แต่ว่า ในเวลานี้เอง จู่ๆเจียงซ่างหมิงก็เดินจากข้างเวทีจนมาถึงกลางเวที แล้วหันไปคุยกับทุกคนที่อยู่รอบๆว่า “ทุกท่าน ขอบคุณที่ให้กับสนับสนุนการทำงานของกระผม การทำงานต่อจากนี้ กระผมก็ยังหวังว่าทุกคนจะให้การสนับสนุนผมต่อไป!”
“กระผม ขอสวัสดีปีใหม่กับทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้!”
มู่เฉิงรีบพูดอธิบายว่า “ส่วนใหญ่แล้วเจียงซ่างหมิงจะออกมาเป็นคนสุดท้าย หลังจากเขาออกมา งานเลี้ยงสังสรรค์ก็จะจบลง”
หลินหยุนถาม “งานเลี้ยงสังสรรค์แบบนี้ ตัวของเจียงซ่างหมิงก็เข้าร่วมด้วยเหรอ?”
มู่เฉิงพูดว่า “ใช่แล้ว เขาไม่เพียงแค่เข้าร่วม ทุกครั้งเขาก็จะออกมาเป็นคนสุดท้ายเพื่อกดรัศมีของคนอื่น! เขาเป็นผู้รับผิดชอบสูงสุดของอำเภอจีหมิง เขามั่นใจว่าสามารถกดรัศมีของผู้รับชอบแต่ละหมู่บ้านได้อย่างแน่นอน!”
“หึๆ โอกาสที่จะได้แสดงเป็นตัวเด่นแบบนี้ ไอ้เจ้าเจียงซ่างหมิงจะยอมปล่อยไปได้ยังไง?”
เป็นอย่างที่ว่าไว้ หลังจากที่เสียงของเจียงซ่างหมิงสิ้นสุดลง ก็มีคนลุกขึ้นมาในทันที “จ้าวฉี ขออวยพรปีใหม่กับพี่เจียง! ขออวยพรให้พี่เจียงในปีนี้ มีตำแหน่งที่สูงยิ่งกว่าที่แล้วๆมา!”
“หลิวฉองหลี่ขออวยพรปีใหม่กับคุณเจียง!” ผู้อาวุโสผมขาวคนหนึ่ง ผู้อาวุโสที่มีอายุมากกว่าหกสิบ เขาเองก็ลุกขึ้นมาพูดเอาใจเจียงซ่างหมิง
คนรอบๆต่างก็ลุกขึ้นมา อวยพรปีใหม่กับเจียงซ่างหมิง นักธุรกิจที่อยู่ในงานส่วนใหญ่ ยกเว้นซี่ไห่กับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป ล้วนมาเลียขาของเจียงซ่างหมิง
ยังไงซะเจียงซ่างหมิงก็เป็นผู้รับชอบสูงสุดของอำเภอจีหมิง นักธุรกิจพวกนี้ต่อให้มีธุรกิจที่ใหญ่โตแค่ไหน ก็ยังมีบางเวลาที่ต้องมาขอความช่วยเหลือจากเจียงซ่างหมิง
ในเวลานี้เอง ก็จะเห็นความพิเศษของบริษัทซี่ไห่กรุ๊ปกับบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ป
มีเพียงแค่หวางซี่ไห่และมู่ชิงซานสองคนนี้ ที่ไม่จำเป็นต้องลุกขึ้นมา เพื่อแสดงความภักดีต่อเจียงซ่างหมิง
หลินหยุนถามด้วยความสนใจเล็กน้อย “พวกนายไม่ต้องไปอวยพรปีใหม่ให้กับเขาเหรอ?”
มู่เฉิงยิ้มฮิๆแล้วพูดว่า “ไม่จำเป็น ถึงแม้อำนาจของเจียงซ่างหมิงจะใหญ่โต แต่ว่าอำนาจตระกูลมู่ของพวกเรากับอำนาจของบริษัทซี่ไห่กรุ๊ป เพียงพอที่จะนั่งในฐานะเดียวกับเขา เจียงซ่างหมิงไม่กล้าแตะต้องพวกเรากับตระกูลหวางยกเว้นเขาจะได้รับการสนับสนุนจากผู้มีอำนาจที่ยิ่งใหญ่อย่างท่านเจี่ยง ไม่งั้นถ้าเกิดเขากล้าแตะต้องพวกเรา เศรษฐกิจทั้งอำเภอจีหมิงจะต้องหยุดชะงักอย่างแน่นอน”
ถึงแม้ว่าบริษัทมู่ซื่อกรุ๊ปกับบริษัทซี่ไห่กรุ๊ป จะไม่ได้ลุกขึ้นมาสนับสนุนเจียงซ่างหมิง แต่ว่านักธุรกิจส่วนใหญ่ที่อยู่ในงาน ล้วนออกมาสนับสนุน ฉากดูยิ่งใหญ่ เมื่อเทียบกับพวกที่มาสนับสนุนผู้รับชอบของแต่ละหมู่บ้าน!
“ฮ่าๆๆๆ ขอบคุณทุกท่าน ขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุนกระผม!” เจียงซ่างหมิงหัวเราะด้วยใบหน้าที่ภาคภูมิใจ
พอพวกที่ลุกขึ้นมาสนับสนุนต่างก็ค่อยๆกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง เจียงซ่างหมิงก็พูดออกมาว่า “เอาล่ะ เวลาป่านนี้แล้ว ตอนนี้ได้เวลาเริ่มงานเลี้ยงอย่างเป็นทางการ!”
“รอก่อน ท่านเจียง! หลินตงหัวจากหมู่บ้านเปากู่ของพวกเรา ยังไม่ได้ออกมารายงานผลการทำงานเลย?” จู่ๆหยูจงหยวนก็ลุกขึ้นมา พูดด้วยรอยยิ้มเย็นชาพร้อมกับใบหน้าที่ไม่หวังดี
พอคำนี้ถูกพูดออกมา จู่ๆก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้นมาทันที
“หลินตงหัว? นั่นมันโลนเรนเจอร์ไม่ใช่เหรอ? เขาจะรายงานหรือไม่รายงานก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?”
“รีบเริ่มงานเลี้ยงเถอะ อย่าปล่อยให้เสียเวลาเลย!”
“ถ้าเกิดเมื่อไหร่ที่หลินตงหัวมีผู้สนับสนุนสักคนหนึ่ง งั้นฉันก็จะขอใช้นามสกุลหลินเหมือนกับเขา!”
“ฮ่าๆ……งั้นความหวังของแกบางทีคงไม่มีวันสมหวังแล้ว คนอย่างหลินตงหัว ชาตินี้ทั้งชาติก็คงไม่มีทางมีผู้สนับสนุนแม้แต่คนเดียวหรอก”
“อีกอย่าง มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่อยากจะไปสนับสนุนเขา!”
หยูจงหยวนยิ้มด้วยใบหน้าที่ชั่วร้าย เขาไม่ได้ต้องการให้หลินตงหัวขึ้นไปจริงๆหรอก เขารู้ดีว่างานเลี้ยงสังสรรค์ของทุกปีหลินตงหัวก็มักจะเป็นตัวตลกของทุกคน ครั้งนี้ก็คงเหมือนกัน เขาก็แค่ต้องการให้หลินตงหัวขายขี้หน้าต่อหน้าทุกคน
เจียงซ่างหมิงจ้องมองหลินตงหัวที่ก้มหน้าไม่พูดอะไรด้วยสายตาเหยียบหยาด แล้วส่งเสียงเฮิงออกมา “เขาจะออกมารายงานหรือไม่รายงานก็เหมือนกัน ไม่มีใครอยากจะสนับสนุนเขาหรอก!”
“ปีใหม่ทั้งที ก็ไม่อย่าให้เขาต้องขายขี้หน้า ทุกคนมาเริ่มงานเลี้ยงกันเถอะ!”
เจียงซ่างหมิงโบกมือปฏิเสธ เหมือนกับกำลังไล่แมลงวัน ไม่ได้สนใจหลินตงหัวแม้แต่น้อย
ตรงมุมหนึ่งที่ห่างออกไป หลินตงหัวที่ก้มหน้าอยู่ สีหน้าก็ยังเหมือนเดิม แต่ว่า เขาไม่ได้โมโหแม้แต่น้อย และไม่ได้แสดงท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจ ในแววตาของเขา มีเพียงแค่ความเหนื่อยใจซ่อนอยู่ตรงส่วนลึก
ราวกับว่า ความอับอายแบบนี้ ทำให้เขารู้สึกชินชาสักแล้ว คงจะเจอแบบนี้มาบ่อยมาก จนไม่สามารถส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขา
ความเจ็บปวดที่แท้จริง คือความเจ็บปวดที่ไม่มีเสียงออกมา
นักแสดงที่ร้องไห้โวยวายออกมาในภาพยนตร์ ล้วนเป็นของปลอม
ใบหน้าของฉินหลันเต็มไปด้วยความเย็นชา โกรธจนกำหมัดแน่นด้วยเรียวแขนที่ขาวราวกับหยกสีขาว “คนพวกนี้จะเกินไปแล้ว ไม่ว่าจะยังไงทุกคนก็เป็นเพื่อนร่วมงานกัน แต่พวกเขากลับเห็นการสาดเกลือลงบนแผลของเพื่อนร่วมงานเป็นเรื่องสนุก!”
หวางซูเฟินเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์มากกว่าฉินหลัน มีความอดทนมากกว่าหน่อยหนึ่ง แต่ว่าต่อให้เป็นอย่างนั้น ทุกครั้งที่กลับจากงานเลี้ยง หวางซูเฟินก็จะโกรธจนไม่ยอมทานข้าวเป็นวัน
“เปิดงานเลี้ยงเถอะเปิดงานเลี้ยง ไอ้หยูจงหยวน ลงมือแม้กระทั่งโลนเรนเจอร์ ช่างชั่วช้าจริงๆ!”
“สมควร ใครใช้ให้หลินตงหัวเป็นคนดื้อรั้น เอาแต่ทำเรื่องที่ทำให้คนอื่นโมโห”
“นั่นเรียกว่าคนที่ดื้อรั้นจนซื่อบื้อ! ฮ่าๆ……”
ทุกคนเริ่มโห่ร้องขึ้นมาอีกครั้ง เห็นหลินตงหัวเป็นตัวตลกอย่างสิ้นเชิง
หยูจงหยวนยิ้มด้วยใบหน้าที่เย็นชา มองไปยังหลินตงหัวด้วยแววตาที่ประสงค์ร้าย “หลินตงหัว ดูสิว่าจากนี้แกจะต่อต้านฉันยังไง!”
เจียงซ่างหมิงพูดเสียงดัง “เอาล่ะ ทุกคนอยู่ในความสงบ เตรียมเริ่มงานเลี้ยงได้!”
“ช้าก่อน!”
น้ำเสียงที่สงบนิ่ง ที่แฝงความเย็นชาเล็กน้อย จู่ๆก็ดังขึ้นมาจากห้องโถง
แต่ว่า มันเหมือนกับเป็นลมในฤดูหนาวที่พัดมาโดนคอ ทำให้ทุกคนได้ยินมันอย่างชัดเจน
“ใครกัน? มีเรื่องอะไรอีก?” เจียงซ่างหมิตะโกนออกมาด้วยความรำคาญเล็กน้อย
หลินหยุนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งของตัวเอง ยกถ้วยชาขึ้นมา จ้องมองเจียงซ่างหมิงที่อยู่บนเวทีด้วยสีหน้าที่เงียบสงบ “ทำไมถึงได้สองมาตรฐานแบบนี้? ทำไมถึงไม่ให้เขาขึ้นเวที?”
สายตาของเจียงซ่างหมิง จ้องมองไปยังคนที่ส่งเสียงออกมา
นึกไม่ถึงว่ากลับเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง แถมยังกล้าพูดด้วยน้ำเสียงสอบสวน จู่ๆก็ทำให้เจียงซ่างหมิงเดือดดันขึ้นมา
“แกมันก็แค่เด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้า จะไปรู้อะไร! ที่ฉันไม่ให้เขาขึ้นเวที ก็เพื่อตัวเขาเอง! เขาจะได้ไม่ต้องอับอายต่อหน้าคนอื่น!”
หลินหยุนพูด “แกไม่ให้เขาขึ้นเวที จะรู้ได้ยังไงว่าเขาจะต้องขายขี้หน้า? ฉันว่าแกก็แค่สองมาตรฐาน”
เจียงซ่างหมิงเป็นคนที่หวงชื่อเสียงของตัวเอง ไม่ยอมให้คนอื่นพูดจาแย่ๆใส่เขา เขาพูดด้วยความโกรธว่า “ไอ้หนุ่ม แกเป็นใครกัน มีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องอำเภอจีหมิงของพวกเรา?”
“ฉันเป็นใคร แกไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ เรื่องแย่ๆในอำเภอจีหมิงของแก ฉันเองก็ไม่อยากยุ่ง แต่ฉันไม่สนกระทำที่สองมาตรฐานของแกไม่ได้” หลินหยุนพูดด้วยเสียงเรียบๆ
“แก……บังอาจ!” เจียงซ่างหมิงโกรธจนหน้าแดง สูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังว่า “ได้ ในเมื่อแกอยากให้เขาขายขี้หน้า งั้นก็ให้เขาขึ้นเวที!”
“หลินตงหัว แกขึ้นมา!” เจียงซ่างหมิงตะโกนด้วยความโมโห
ทั้งบ้านของหลินตงหัว เพิ่งจะเห็นตัวของหลินหยุน
“ทำไมเสียวหยุนถึงอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?” จู่ๆหลินตงหัวก็ทำหน้าสงสัย
ฉินหลันรู้ฐานะของหลินหยุนดี ถ้าเขาอยากเข้ามา มันก็เป็นเรื่องง่ายๆราวกับพลิกฝ่ามือ
หวางซูเฟินพูด “บางทีอาจจะมีคนพาเขาเข้ามา”
หลินตงหัวกังกลเล็กน้อย “เขาทำให้เจียงซ่างหมิงโกรธสักแล้ว คนอย่างเจียงซ่างหมิง เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น เขามีปัญหาแล้ว!”
หวางซูเฟินยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “สบายใจได้ คนที่มีปัญหาไม่ใช่เขา!”