จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 442หลบอยู่ข้างหลังฉัน
เมื่อเห็นหยางเฟยเย่นวางมือเล็กๆของเธอลงบนฝ่ามือของหลี่อู๋จี๋ทุกคนก็รู้สึกเศร้าใจ
ทุกคนดูหดหู่ใจคิดไม่ออกจริงๆคำโกหกแบบนี้ยังมีคนเชื่ออีก
“ผู้หญิงพวกนี้ช่างหลอกง่ายจริงๆ!”
“ไม่ใช่ว่าผู้หญิงเหล่านี้หลอกง่ายแต่พวกเขาเต็มใจที่จะถูกหลี่อู๋จี๋หลอกหากลองเปลี่ยนเป็นคุณคงถูกพวกเธอดุด่าแน่นอน!”
“คุณพูดถูกไม่ใช่เป็นเพราะพวกเธอหลอกง่ายแต่เป็นเพราะคนที่หลอกพวกเธอคือหลี่อู๋จี๋”
โล่เสว่ฉีมองไปที่สาวๆพวกนั้นและอดไม่ได้ที่จะพูดดูถูก“พวกชอบลุ่มหลงในฐานะผู้หญิงคนหนึ่งรู้สึกละอายใจแทนพวกเธอจริงๆ!”
ชายชราสำนักอู๋จี๋ยังคงตะโกนต่อไปว่า“คนต่อไป!”
หลินหยุนมองไปที่โล่เสว่ฉี“พวกเราไปกันเถอะ!”
“นี่……โอเค!”โล่เสว่ฉีมาครั้งนี้เพียงเพื่อมาดูความสนุกเท่านั้นเธอเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของตัวเองแม้ว่าจะแย่งของมีค่ามาได้ก็เหมือนไปหาที่ตาย
เพียงแต่ว่าได้ตอบตกลงที่จะร่วมทีมกับหลินหยุนอย่างงุนงง!
ตอนนี้ถึงอยากจะถอนตัวก็สายไปเสียแล้วเธอเพิ่งจะดุด่าหยางเฟยเย่นแล้วตัวเองจะเป็นคนที่ไม่รักษาสัญญาได้ไง
โล่เสว่ฉีทำได้เพียงกัดฟันสู้ต่อไป
เมื่อเห็นหลินหยุนกับเขาสองเดินขึ้นไปก็มีเสียงเยาะเย้ยจากฝูงชน
“ไอ้หนุ่มคนนี้ช่างใจกล้าจริงๆเลย!เขาคิดว่าตัวเองคือหลี่อู๋จี๋เหรอ?แม้ว่าจะเป็นหลี่อู๋จี๋ก็ต้องหาคนอย่างหยางเฟยเย่นมาช่วยเผชิญกับการโจมตีซึ่งๆหน้าผู้หญิงคนนี้แม้หน้าตาสะสวยแต่เห็นได้ชัดว่าเป็นคนในโลกบู๊ปลอมความแข็งแกร่งของเธอแค่กระบวนท่าเดียวก็คงแบกรับไม่ไหว!”
“ไอ้หนุ่มคนนี้คงจะได้รับแรงบันดาลใจจากหลี่อู๋จี๋หาผู้หญิงคนหนึ่งมาเป็นแพะรับบาปแต่เขาจะพลาดเพราะความฉลาดของตัวเองทำไมหลี่อู๋จี๋ต้องแย่งหยางเฟยเย่นไปจากเขา?เป็นเพราะหยางเฟยเย่นคืออัจฉริยะของตระกูลหยางซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดตระกูลใหญ่มีความแข็งแกร่งไม่เลวนั่นเป็นเหตุผลที่ต้องแย่งหยางเฟยเย่นมาจากเขาเพื่อมาร่วมทีม”
“อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาเอาผู้หญิงในโลกบู๊ปลอมคนหนึ่งมาเพื่ออยากเรียนแบบหลี่อู๋จี๋หาที่ตายชัดๆ!”
“เฮ้ยๆทุกคนรอดูละครดีๆเลย!รอดูว่าสักครู่ไอ้หนุ่มคนนี้จะตายยังไง!”
ท่ามกลางฝูงชนคนหนุ่มสาวเหล่านั้นที่มาจากโลกบู๊ดูเหมือนจะทนดูไม่ได้ที่โล่เสวีฉีถูกหลินหยุนลากไปตายด้วยกันโดยมีบางคนเดินออกมาเกลี้ยกล่อม“คุณโล่คุณทบทวนดีๆก่อนถ้าคุณมุทะลุไปฝ่าด่านเป็นไปได้อาจไม่มีชีวิตรอดกลับมา!”
“ใช่แล้วคุณอย่าไปเชื่อคำหลอกลวงจากคนอื่นเมื่อครู่จากความลำบากที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงคนนั้นเธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?เธออย่าให้คนอื่นมาหลอกใช้เลย!”
“คุณโล่เมื่อกี้หยางเฟยเย่นถูกคนอื่นหลอกใช้แต่โชคดีที่หลี่อู๋จี๋นั้นแข็งแกร่งมากในที่สุดทั้งสองคนรอดพ้นมาอย่างหวุดหวิดและในที่สุดก็ผ่านด่านไปได้แต่เพื่อนร่วมทีมของคุณในร่างกายไม่มีชี่แท้แม้แต่น้อยคิดว่าคงไม่มีความสามารถอะไรเขาแค่อยากใช้ความแข็งแกร่งของคุณฝ่าด่านนี้!”
“ใช่แล้วคุณโล่คุณอย่าไปหลงกลเด็ดขาด!”
คำพูดของผู้คนโล่เสว่ฉีได้ยินทั้งหมดและเธอก็เคยสงสัยหลินหยุนจะเหมือนหลี่อู๋จี๋ต้องการหลอกใช้เธอเพื่อให้ผ่านด่านหรือไม่
เพียงแต่ว่าเมื่อเธอนึกถึงสายตาที่บริสุทธิ์และจริงใจของหลินหยุนโล่เสว่ฉีก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อยเธอไม่เชื่อว่าคนที่มีสายตาแบบนั้นจะเป็นผู้ชายเลวที่ต้องการหลอกใช้ผู้หญิงเพื่อฝ่าด่าน
ยิ่งกว่านั้นเมื่อตอนที่เธออยู่ด้านหลังหลินหยุนหัวใจของเธอก็สงบมั่นคงอย่างน่าประหลาดเธอรู้สึกว่าร่างบางของหลินหยุนเป็นเหมือนภูเขาขนาดใหญ่ซึ่งทำให้ผู้คนอยากพึ่งพิง
โล่เสว่ฉีไม่ตอบสนองฝูงชนแต่เดินตามหลังหลินหยุนอย่างใกล้ชิดและเดินไปหาชายชราสำนักอู๋จี๋
หยางเฟยเย่นขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามด้วยความเป็นห่วงเล็กน้อย“พวกเขาจะทำได้หรือเปล่า?”
หลี่อู๋จี๋ยิ้มและพูดว่า“อย่ากังวลใครก็ตามที่กล้ามาฝ่าด่านนี้มีใครบ้างที่ไม่ได้วางแผนมา?หากไม่ได้เตรียมการก็กล้าที่จะมาฝ่าด่านคงต้องเป็นคนโง่แน่นอน!”
คำพูดของหลี่อู๋จี๋ดูเหมือนจะปลอบโยนหยางเฟยเย่นแต่จริงๆแล้วกำลังขัดขวางการล่าถอยของหลินหยุน
ถ้าหลินหยุนฝ่าด่านได้สำเร็จแสดงว่าเขามีสายตาที่แหลมคม
หากหลินหยุนฝ่าด่านล้มเหลวถ้างั้นหลินหยุนจะกลายเป็นคนโง่อย่างที่เขาพูด
คนๆนี้เป็นคนที่เข้าใจยากจริงๆ
ซูจื่อเลียงชำเลืองมองคนที่ดูถูกหลินหยุนอย่างเย็นชาพร้อมกับมีใบหน้าที่ยิ้มเยาะ“กลุ่มคนที่โง่เขลาพวกแกไม่รู้หรอกว่าอาจารย์ดำรงอยู่ยังไง!”
ชายชราสำนักอู๋จี๋มองไปที่หลินหยุนและโล่เสว่ฉีด้วยความรังเกียจดูถูกออร่าอันทรงพลังที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขาเต็มไปด้วยภัยคุกคาม
“เตรียมพร้อมหรือยัง?ถ้าตอนนี้ล้มเลิกก็ยังทันไม่เช่นนั้นถ้าฉันลงมือแล้วจะมาเสียใจมันก็สายเกินไป”
โล่เสว่ฉีรู้สึกกลัวเล็กน้อยเธอถามตัวเองแม้แต่กระบวนท่าเดียวของชายชราเธอคงไม่สามารถรับมือได้
“หลินหยุนหรือพวกเราล้มเลิกดีไหม?พูดตามตรงฉันฉันไม่มีความมั่นใจ!”
หลินหยุนไม่หันหลังกลับแต่พูดเบาๆว่า“สักพักคุณแค่ยืนอยู่ข้างหลังฉันและไม่ต้องเข้ามาแทรกที่เหลือปล่อยเป็นหน้าที่ของฉันเอง”
“อ๊ะทำอย่างนี้ได้เหรอ?”โล่เสว่ฉีอุทานออกมาเช่นนี้ก็กลายเป็นว่าหลินหยุนต้องต่อสู้กับชายชราสำนักอู๋จี๋เพียงลำพังและเธอจะกลายเป็นตัวภาระ
หลินหยุนไม่ตอบแต่มองไปที่ชายชราสำนักอู๋จี๋และพูดเบาๆ“เริ่มกันเลย!”
“ดี!นี่คือทางเลือกของพวกคุณอยู่หรือตายขึ้นอยู่กับโชคชะตา!”ชายชราพูดออกมาและชกไปหนึ่งหมัดใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายเห็นได้ชัดว่าไม่เห็นพวกหลินหยุนอยู่ในสายตาเลย
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของหลินหยุนพวกเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะซ้ำแล้วซ้ำเล่า
คราวนี้แม้แต่ผู้สูงอายุบางคนก็อดไม่ได้ที่จะพูดเยาะเย้ย
“ไอ้หนุ่มคนนี้หยิ่งยโสสุดๆต้องการต่อต้านผู้อาวุโสสำนักอู๋จี๋คนเดียว
ไม่ใช่ต่อต้านแต่เป็นการต่อสู้ที่เผชิญหน้าอย่างหนักหน่วงต้องเข้าใจว่าเขายังแบกตัวภาระไว้อีกคนต่อสู้กับผู้อาวุโสสำนักอู๋จี๋นอกจากเผชิญหน้าต้านรับซึ่งๆหน้าแล้วไม่มีทางที่จะหลบหลีกได้!สิ่งนี้ควบคุมการหลบหลีกของเขาได้เพื่อไม่เป็นการยื้อเวลาของสิบกระบวนท่า”
“กล่าวคือเว้นแต่เขาจะสามารถเอาชนะผู้อาวุโสสำนักอู๋จี๋ได้มิเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ว่าขณะที่มีตัวภาระอีกคนยังทนรับสิบกระบวนท่านี้ได้”
“ฮ่าๆนี่เป็นไปได้อย่างไร!คนอย่างเขาก็อยากเอาชนะผู้อาวุโสสำนักอู๋จี๋เหรอ?ฝันไปเถอะ!หวังว่าเขาจะไม่ถูกผู้อาวุโสสำนักอู๋จี๋ฆ่าตายด้วยกระบวนท่าเดียว!”
“ฮ่าๆไม่เช่นนั้นพวกเรามาเดิมพันกันฉันจะเป็นเจ้ามือพนันว่าไอ้หนุ่มคนนี้จะถูกฆ่าตายในกระบวนท่าเดียว!”
“ตกลงฉันจะแทงว่าไอ้หนุ่มคนนี้จะถูกฆ่าตายในกระบวนท่าเดียว!”
“ฉันก็จะแทงว่าถูกฆ่าตายในกระบวนท่าเดียว!”
“ฉันฉันด้วย……”
ชายหนุ่มที่เป็นเจ้ามือก็ดุด่าทันที“ให้ตายสิพวกแกทุกคนก็แทงเขาถูกฆ่าตายในกระบวนท่าเดียวแล้วจะเดิมพันกันยังไง!”
โล่เสว่ฉีเกลียดจนอยากจะไปอุดปากคนเหล่านี้แต่เธอก็ไม่กล้าพูดออกมากลัวจะทำให้หลินหยุนเสียสมาธิ
ได้แต่สาปแช่งในใจ“คนสมควรตายเหล่านี้หยุดพูดพล่อยๆได้ไหม!”
หลินหยุนไม่ได้ฟังคำเหล่านี้เลยแต่เฝ้าดูหมัดที่ต่อยมาของผู้อาวุโสสำนักอู๋จี๋อย่างเงียบๆ
หมัดนั้นไม่เร็วและกำลังก็ไม่แรงเป็นพิเศษแต่มันเหมือนภูเขาลูกเล็กถูกกดลงไปการโจมตียังมาไม่ถึงแต่ได้ล็อคพลังปราณของหลินหยุนและสกัดกั้นการล่าถอยของหลินหยุน
ดูเหมือนว่าผู้อาวุโสสำนักอู๋จี่จะกังวลว่าหลินหยุนจะยื้อเวลาการต่อสู้และใช้กลยุทธ์หลบหนีดังนั้นการลงมือของเขาจึงไม่หวังความรวดเร็วและความโหดเหี้ยมแต่ต้องการความแม่นยำ
เพราะการโจมตีเพียงครั้งเดียวก็ต้องการให้ตาย!
แม้แต่โล่เสว่ฉีที่อยู่ข้างหลังหลินหยุนก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดันที่ดูเหมือนจะมีอยู่ทุกหนทุกแห่งและอุทานด้วยเสียงเบา“หลินหยุนนายสามารถต้านทานได้เหรอ?”
หลินหยุนไม่ได้พูดแต่ตอบเธอด้วยหมัดเบาๆ
ตูม!
ภูเขาที่มองไม่เห็นนั้นถูกทำลายโดยหมัดของหลินหยุน
ชั่วขณะความกดดันอันทรงพลังนั้นก็หายไป
ทันใดนั้นผู้อาวุโสสำนักอู๋จี๋ถอยหลังไปก้าวหนึ่งดวงตาของเขามองหลินหยุนด้วยความตกใจเล็กน้อย
“ไอ้หนุ่มไม่เลวที่แท้ก็เก็บซ่อนตัวตนไว้อย่างดี!หมัดนี้แม้ว่าฉันจะใช้ฐานการฝึกฝนเพียงห้าสิบเปอร์เซ็นต์แม้แต่นักบู๊พรสวรรค์ขั้นสูงสุดก็ไม่สามารถต้านทานได้นายไม่เพียงแต่สามารถต้านทานได้อย่างง่ายดายยังสามารถทำให้ฉันสะเทือนจนถอยหลังเห็นได้ชัดว่าฐานการฝึกฝนของนายไม่ธรรมดา!”ผู้อาวุโสสำนักอู๋จี๋พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม