จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 462 แสดงฝีมือต่อหน้าผู้ชำนาญ
หม่ายู่หวายิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า: “พวกนายทำไมถึงต้องนำตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์กลับไปด้วย?พวกนายทราบดีว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์เป็นคนที่สำคัญของพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ในการรับสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนัก พวกนายนำตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์ไป คิดต้องการจะทำอะไรกันแน่? ”
“ข้ากลับมองว่าพวกนายต่างหากที่คิดจะเป็นกบฏ มีเจตนาเป็นอื่นซึ่งก็สมควรตาย! ”
ภายในห้องโถงหลักของคฤหาสน์ โม่หยู่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ด้านข้างมีหญิงชราผมขาวคนหนึ่งยืนอยู่
“คุณยาย หม่ายู่หวาคงจะไม่เกิดเรื่องอะไรใช่ไหม? โม่หยู่ถามขึ้น แต่ในคำพูดนั้นกลับไม่ได้มีความกังวลอะไร เหมือนกับแค่ถามทั่วไปอย่างนั้นเฉย ๆ”
คุณยายผมขาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบว่า: “ธิดาศักดิ์สิทธิ์วางใจเถอะ สี่ตระกูลใหญ่แม้ว่าจะมีความภักดีต่อบุคคลที่แตกต่างกัน แต่ว่าในช่วงหลายปีมานี้ต่างก็ยังคงเชื่อมต่อความสัมพันธ์อันดีต่อกัน คงน่าจะไม่ต่อสู้กันจนถึงขั้นที่ไม่ตายกันไปข้างหนึ่งก็ไม่ยอมหยุดหรอก”
“ตระกูลหม่าจงรักภักดีต่อพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ โดยพระบุตรศักดิ์สิทธิ์จะต้องแต่งงานกับธิดาศักดิ์สิทธิ์จึงจะสามารถสืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักมนตร์ดำได้ ดังนั้น เพียงแค่หม่ายู่หวายังมีชีวิตอยู่ เขาก็คงไม่มีทางที่จะให้คนของอีกสามตระกูลนั้นเข้ามานำตัวคุณไปได้อย่างแน่นอน”
“ถ้าหากหม่ายู่หวาขัดขวางเอาไว้ไม่ได้จริง ๆ ก็ยังมีคนรับใช้ที่ชราภาพอย่างฉันอยู่? ฉันจะเป็นคนปกป้องธิดาศักดิ์สิทธิ์เอง”
โม่หยู่ซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก: “ขอบคุณคุณยายที่ต้องลำบากแล้ว! ”
ด้านนอก การทะเลาะกันของทั้งสองฝ่ายยังคงดำเนินไปต่อเนื่อง แต่ว่า ทั้งสองฝ่ายต่างก็แสดงท่าทีที่ร้อนรนทนไม่ไหวกันแล้ว
หญิงชราที่มีริ้วรอยดั่งหนังงูมีสีหน้าหม่นหมองและตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “หม่ายู่หวา ทั้งสี่ตระกูลมีสัมพันธ์ไมตรีที่ดีต่อกัน แต่นายกลับมาทำตัวเป็นศัตรูกับพวกข้าก็เพราะธิดาศักดิ์สิทธิ์ มันคุ้มค่าแล้วเหรอ? ”
หม่ายู่หวายิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า: “คุ้มค่าแน่นอน พระบุตรศักดิ์สิทธิ์มีบุญคุณที่ได้ช่วยชีวิตตระกูลหม่าของพวกข้า! และอีกอย่าง เวลานี้คุณเพิ่งคิดได้ถึงความสัมพันธ์มิตรไมตรีของตระกูลใหญ่ทั้งสี่ โดยในตอนนั้นที่เจ้าสำนักกำลังทำลายกวาดล้างตระกูลหม่าของพวกข้า พวกคุณไปอยู่ที่ไหนกัน? ”
“หากไม่ใช่พระบุตรศักดิ์สิทธิ์ช่วยชีวิตพวกข้าเอาไว้ ตอนนี้ตระกูลหม่าก็คงจะไม่เหลือผู้สืบสกุลแล้ว”
เหอเหลียนเฉิง ยายงูและฉีต้าถง ทั้งสามคนมีสีหน้าท่าทางที่แสดงให้เห็นถึงความละอายขึ้นแวบหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์ในตอนนั้น พวกเขาละอายใจต่อตระกูลหม่าจริง ๆ
ดังนั้น พวกเขาจึงมีความละอายใจต่อตระกูลหม่ามาโดยตลอด ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เสียเวลาพูดไร้สาระกับหม่ายู่หวาอยู่อย่างนี้ ซึ่งคงจะจัดการบุกเข้าไปสังหารไปตั้งแต่แรกแล้ว
เหอเหลียนเฉิงถอนหายใจ: “หม่ายู่หวา เหตุการณ์ในปีนั้นได้ผ่านพ้นไปเป็นเวลานานแล้ว ทำไมนายถึงยังพะว้าพะวงอยู่ในใจอีกล่ะ? อีกทั้ง ในปีนั้นพวกเราทั้งสามตระกูลต่างก็มีอันตรายกันทุกคนไม่ใช่เหรอ? แล้วจะมีเวลามาใส่ใจตระกูลหม่าของนายได้อย่างไรกัน! ”
“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่สามารถที่จะมากล่าวโทษพวกข้าทั้งหมดเพียงอย่างเดียวได้! ”
หม่ายู่หวายิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า: “ข้าไม่ได้กล่าวโทษพวกนาย เพียงแค่กล่าวโทษตระกูลหม่าของข้าว่าตาบอดไปเสียจริง แต่ก็นับว่าดีแล้ว ผิดพลาดไปครั้งหนึ่ง ก็ฉลาดขึ้นมาครั้งหนึ่ง ต่อไปตระกูลหม่าของข้าก็คงจะไม่มีทางติดกับโดนหลอกอีกแล้ว! ”
“นาย……โธ่! ” เหอเหลียนเฉิงมีสีหน้าท่าทางที่จำใจ
ยายงูมีสีหน้าหม่นหมอง และพูดขึ้นด้วยความโกรธว่า: “ในเมื่อเขาไม่ยอมรับพวกเราทั้งสามตระกูล แล้วพวกเราจะไปเกรงใจอะไรกับเขาอีกล่ะ บุกสังหารเข้าไปเลย แล้วก็นำตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์ออกมา! ”
“ก็คงต้องเป็นเช่นนี้แล้วล่ะ! ” เหอเหลียนเฉิงพูดขึ้นอย่างจำใจ
หม่ายู่หวายิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า: “ในเมื่อคิดตั้งแต่แรกแล้วว่าจะลงมือ แล้วเมื่อสักครู่ทำไมจะต้องมาแกล้งทำว่ามีเมตตามีสัจธรรมที่จอมปลอมด้วยล่ะ? ”
“เข้ามาเลย พวกเราลมฟ้าผ่าน้ำและไฟตระกูลใหญ่ทั้งสี่ นานแล้วที่ไม่ได้ประลองฝีมือกันอย่างจริงจัง ครั้งนี้พวกเรามาซ้อมประลองกันให้เต็มที่เลย! ”
เหอเหลียนเฉิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเย็นชาว่า: “หม่ายู่หวา นี่นายเป็นผู้บีบบังคับพวกข้าเองนะ! ”
“อย่างนั้นข้าขอรับมือก่อนแล้วกัน หลายปีมานี้ วิชาควบคุมพายุของพวกนายตระกูลหม่าได้พัฒนาฝีมือไปถึงขั้นไหนแล้ว! ”
หม่ายู่หวายิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า: “ดีเลยข้าเองก็อยากที่จะเห็นวิชาอัสนีของพวกนายตระกูล เหอบ้างแล้วเช่นกัน”
เหอเหลียนเฉิงตะโกนเสียงดัง มือทั้งสองข้างทำท่าทางจับข้อนิ้วที่ซับซ้อน ทันใดนั้นก็มีสายฟ้าแลบพวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา
หม่ายู่หวาเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ เหยียดราบมือทั้งสองข้างออกไป ชุดคลุมเคลื่อนไหวเองโดยที่ไม่มีลมพัด และมีพายุทอร์นาโดขนาดเล็กได้พัดวนหมุนล้อมรอบกายของเขา
“อัสนีจู่โจม! ” เหอหลียนเฉิงตะโกนเสียงดัง นิ้วสายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าจู่โจมไปยังหม่ายู่หวา
หม่ายู่หวาตะโกนเสียงดัง: “พายุไซโคลนสังหาร! ”
พายุทอร์นาโดขนาดเล็กทั้งห้าได้พัดวนหมุนล้อมรอบกายเพื่อปกป้องหม่ายู่หวา พลังฟ้าผ่าที่จู่โจมเข้ามาทั้งหมดนั้น ได้ถูกมังกรพายุสังหารพัดจนกระจายไปหมด
“แม้แต่ฟ้าผ่าก็ยังสามารถป้องกันได้ วิชาควบคุมพายุของตระกูลหม่าช่างเก่งกาจเสียจริง! ” เหอเหลียนเฉิงอุทานออกมาเล็กน้อย
แต่ว่า นี่ยังไม่ใช่ท่าไม้ตายของเหอเหลียนเฉิง กระบวนท่าวิชาเมื่อครู่นี้เป็นเพียงแค่การหยั่งเชิง โดยดูว่าหลายปีที่ผ่านมา วิชาควบคุมพายุของตระกูลหม่ายังคงหลงเหลือลวดลายความสามารถอีกเท่าไหร่
“ตราห้าฟ้าผ่า! ”
เหอเหลียนเฉิงตะโกนเสียงดัง มือจับข้อนิ้ว ฟ้าร้องสนั่นไปทั้งชั้นฟ้าและชั้นดิน ฟ้าผ่าทั้งห้าลำแสงที่หนาราวกับท่อนแขน พุ่งไปยังที่หม่ายู่หวาแล้วก็ฟาดผ่าลงไป
หม่ายู่หวาเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ ตะโกนเสียงดัง: “มังกรพายุสังหาร! ”
พายุทอร์นาโดขนาดใหญ่ห้าลูกปรากฏขึ้นกลางอากาศ แล้วพุ่งตกลงมาจากอากาศไปยังสายฟ้าผ่า
โครม!
ฟ้าผ่าถูกพายุทอร์นาโดพัดขัดขวาง พลังอานุภาพลดลงอย่างมาก แต่ว่าในที่สุดก็จู่โจมทะลุผ่านพายุทอร์นาโด มุ่งหน้าไปยังหม่ายู่หวา
“คุณพี่หม่าระวังตัวด้วย! ”
ภรรยาของหม่ายู่หวา รีบยื่นมือออกไปโบกพัด ปกป้องรับมือสายฟ้าผ่าเหล่านั้นแทนเขาเอาไว้
“หม่ายู่หวา นายพ่ายแพ้แล้ว! ” เหอเหลียนเฉิงตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง
“ตอนนี้ มอบตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์ออกมาได้แล้ว! ”
หม่ายู่หวาเงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วก็หัวเราะ: “เหอเหลียนเฉิง นับว่านายเก่งกาจ! แต่ว่า ข้าได้เคยพูดไว้เมื่อไหร่กันว่า หากพ่ายแพ้แล้วจะมอบตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์ให้? ”
เหอเหลียนเฉิงโมโหอย่างมาก: “หม่ายู่หวา นายเล่นลูกไม้อย่างหน้าด้าน! ”
“เล่นลูกไม้แล้วจะทำไม? ช่างไร้เดียงสาสิ้นดี! ” หม่ายู่หวาส่งเสียงฮึอย่างเย็นชา สีหน้าท่าทางเหยียดหยาม
ยายงูตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ: “ยังจะไปพูดพร่ำเพรื่ออะไรกับเขาอีกล่ะ บุกเข้าไปพร้อมกันเลย ลงมือจัดการเขา และสังหารธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้วกลับไปรายงาน! ”
“ตกลง! ” เหอเหลียนเฉิงตะโกนเห็นด้วยเสียงดัง
“ตราห้าฟ้าผ่า! ”
เหอเหลียนเฉิงลงมือเป็นคนแรก
ยายงูรีบลงมือต่อ: “มีดน้ำแข็ง! ”
น้ำภายในลานคฤหาสน์แข็งตัวกลายเป็นน้ำแข็งโดยพลัน มีดคมก่อตัวขึ้นกลางอากาศ จากนั้นพุ่งตรงไปที่หม่ายู่หวากับภรรยาของเขา
ฉีต้าถงสีหน้าสงบ ยื่นมือออกมา ลูกไฟที่มีขนาดเท่ากับลูกบาสเกตบอลพุ่งชนไปยังร่างกายของ หม่ายู่หวา
ผู้นำของทั้งสามตระกูลร่วมกันลงมือ หม่ายู่หวากับภรรยาของเขาไม่ม่ทางที่จะสามารถรับมือต้านทานเอาไว้ได้เลย
“ลุยเข้าใส่พวกเขาอย่างเต็มที่! ”
หม่ายู่หวาร้องตะโกนเสียงดัง ใช้พละกำลังที่เหลืออยู่ทั้งหมด ก่อพายุทอร์นาโดหกลูกขึ้น แล้วกระจายโจมตีไปยังสามคนนั้น
ภรรยาของเขาก็มีสีหน้าที่หม่นหมอง ควบคุมมีดลม เพื่อรับมือกับมีดน้ำแข็งของยายงู
แต่ว่า เดิมทีพลังความสามารถของทั้งสองคนก็ไม่ได้เหนือกว่าพวกเขาทั้งสามคน ตอนนี้ยังถูกรุมโจมตี มีอันตรายเกิดขึ้นรอบด้านอย่างไม่หยุด ซึ่งอีกไม่นาน ก็คงจะต้องพบกับความพ่ายแพ้
เวลานี้ น้ำเสียงที่เรียบเฉยก็ได้ดังขึ้นอย่างกะทันหัน: “ท่าที่สามของสิบแปดท่าต้าเต๋า ค้อนดาวร่วง! ”
ทั้งสามคนที่กำลังเข้าจู่โจมหม่ายู่หวา ทันใดนั้นก็รับรู้ได้ถึงวิกฤตอันตรายครั้งใหญ่
“แย่แล้ว รีบถอยร่นเร็ว! ”
ฉีต้าถงลงมือเป็นคนสุดท้าย อยู่ในระยะที่ค่อนข้างห่าง จึงวิ่งหนีได้รวดเร็วที่สุด ไม่โดนค้อนดาวร่วงกระทบกระเทือนไปถึง
แต่ว่า เหอเหลียนเฉิงกับยายงูไม่ได้โชคดีแบบนั้นแล้ว แม้ว่าจะไม่ได้ถูกทุบเข้าที่ตัวโดยตรง แต่เพียงแค่คลื่นพลังก็ทำร้ายทั้งสองคนจนหมอบราบลงไปกับพื้น และกระอักเลือดออกมา
“เป็นใครกัน? ใครที่ลอบทำร้ายพวกเรา! ชั่วช้าสิ้นดี! ” ยายงูดิ้นรนเพื่อที่จะยืนขึ้น และตะโกนดุด่ายกใหญ่
เงาร่างของหลินหยุนค่อย ๆ ลงมาจากอากาศ เมื่อครู่นั้นเขาก็ได้มาถึงแล้ว และมองดูอยู่เล็กน้อย เพื่อทำความเข้าใจถึงความสัมพันธ์ของคนเหล่านี้ โดยรอจนกว่าหม่ายู่หวาและภรรยาใกล้ที่จะพ่ายแพ้ จึงได้ลงมือ
“งั้นตอนนี้ข้าจะไม่ลอบทำร้ายแล้ว นายลองรับมือพลังหมัดของข้าดูอีกสักครั้ง”
พูดจบ หลินหยุนก็ได้ปล่อยพลังหมัดอีกครั้ง
“ท่าแรกของสิบแปดท่าต้าเต๋า ท่าสยบเขา! ”
ยายงูตกตะลึงจนหน้าซีด เธอสามารถรู้สึกได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งของหมัดนี้ ถึงขนาดที่จะปลิดชีวิตของเธอได้
ดังนั้นเธอจึงพยายามลุกขึ้นโดยใช้พลังที่เหลืออยู่ทั้งหมด เพื่อรีบหนีเอาชีวิตรอด
แต่ว่า การโจมตีของหลินหยุนจะสามารถหลบหลีกได้โดยง่ายดายอย่างนั้นเหรอ?
ยายงูถูกพลังหมัดชกเข้าใส่จนลอยกระเด็นไปไกล ร่วงหล่นลงมาในบริเวณที่ไกลออกไปสิบกว่าเมตร และสลบไปโดยไม่รู้สึกตัวอะไรเลย
“ไอ้หนุ่มน้อย นายเป็นใคร? พวกเรากับนายไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน ทำไมถึงต้องลงมืออย่างรุนแรงขนาดนี้ด้วย! ” เหอเหลียนเฉิงสีหน้าท่าทางตื่นตระหนกและโกรธแค้น ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมอยู่ ๆ หลินหยุนต้องยื่นมือเข้ามายุ่งด้วย
ฉีต้าถงที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เย็นชา: “ข้าจะลงมือจัดการเขาเอง! ”
“พลังอัคคีเดือด! ”
ลูกไฟขนาดใหญ่เท่ากับลุกฟุตบอลห้าดวง หมุนวนอยู่รอบบริเวณด้านหน้าของฉีต้าถง แผ่กระจายอุณหภูมิอันร้อนแรง มองดูแล้วมีพลังอานุภาพที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
หม่ายู่หวาอุทานขึ้น โดยพูดว่า: “ระวังตัวด้วย นี่คือท่าไม้ตายของฉีต้าถง! ”
หลินหยุนไม่ได้สนใจ และยิ้มอย่างเฉยชา โดยรอยยิ้มมีความเหยียดหยามอยู่บ้าง: “เล่นไฟกับข้าเหรอ? นายยังอ่อนหัดอยู่อีกมาก”