จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 463 หม่ายู่หวาหลบหนี
หลินหยุนยื่นมือออกมา ทันใดนั้น เปลวไฟที่สูงกว่าสองเมตรก็ลุกโชติช่วงขึ้น
อุณหภูมิความร้อนนั้น ทรงพลังเหนือกว่าลูกไฟของฉีต้าถงมากมายหลายเท่าตัว
“พุ่งไป! ”
ฉีต้าถงตะโกนขึ้นด้วยความโกรธ ลูกไฟเหล่านั้นก็ลอยพุ่งไปที่หลินหยุนในทันที
หลินหยุนพลิกฝ่ามือ เล็งเป้าไปที่ฉีต้าถง: “พุ่งไป! ”
ลำแสงเปลวไฟราวกับมังกรไฟ พุ่งตรงเข้าใส่ฉีต้าถงอย่างรวดเร็ว
ลูกไฟเหล่านั้นปะทับเข้ากับเปลวไฟที่หลินหยุนปล่อยออกมา แล้วก็พวยพุ่งขึ้นเป็นควันดำ แหลกสลายหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ส่วนเปลวไฟที่หลินหยุนปล่อยออกมาได้พุ่งเข้าใส่ร่างกายของฉีต้าถง และก็ลุกไหม้ขึ้นในทันที
“ฮึ ฝีมือช่างกระจอกสิ้นดี! ” ข้าฉีต้าถงเล่นไฟมาแล้วครึ่งชีวิต จะสามารถได้รับบาดเจ็บจากเปลวไฟกระจอกของนายได้อย่างไร! ฉีต้าถงสีหน้าท่าทางหยิ่งผยอง
“ดับลง! ”
ฉีต้าถงทำท่าทางจับข้อนิ้ว คิดที่จะควบคุมเปลวไฟ
แต่ว่า เปลวไฟนั้นไม่เพียงแต่ไม่ดับลง แต่กลับยิ่งลุกไหม้รุนแรงขึ้น
จากนั้น ก็เกิดอาการเจ็บปวดที่เข้าไปถึงกระดูก
“อ่า! ”
ฉีต้าถงร้องโอดครวญอย่างเศร้ารันทด พลิกตัวกลิ้งไปมาบนพื้นอย่างไม่หยุด เพื่อที่จะดับเปลวไฟนั้นลง
“ไอ้หนุ่มน้อย นี่มันเปลวไฟอะไรของนาย? ทำไมวิชาควบคุมไฟของข้าถึงควบคุมไม่ได้! ” ขณะที่ฉีต้าถงร้องโอดครวญ ก็ได้สอบถามขึ้นด้วยความหวาดกลัว
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “วิชาควบคุมไฟของนายนั้นก็เป็นเพียงแค่วิชาส่วนเล็กน้อยในเวทมนตร์ เบญจธาตุจะสามารถดับเปลวไฟที่แท้จริงของข้าได้อย่างไรกันล่ะ”
“ไว้ชีวิต ไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด! ” ฉีต้าถงได้กลายเป็นคนไฟ คุกเข่าลงไปที่พื้นและก้มคำนับร้องขอชีวิต
เหอเหลียนเฉิงตกใจจนหน้าซีดเซียว และก็ได้ร้องขอชีวิตแทนฉีต้าถง: “ท่านปรมาจารย์ มีอะไรก็พูดคุยกันดี ๆ ขอร้องท่านได้โปรดเมตตาให้อภัยด้วยเถิด! ”
“เมตตาให้อภัย? พวกนายกล้าที่จะคิดทำร้ายเพื่อนของข้า ทุกคนสมควรตาย! ”
หลินหยุนสีหน้าเย็นชา หันหน้ากลับมามองเหอเหลียนเฉิงเล็กน้อย เหอเหลียนเฉิงก็รู้สึกว่าร่างกายเยือกเย็นไปทั้งตัว ราวกับตกลงไปอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
เหอเหลียนเฉิงตะโกนขึ้นด้วยความหวาดกลัว: “ช้าก่อน เพื่อนของนายคือใคร? พวกข้าไม่เคยที่จะไปล่วงเกินเลย! ”
“ที่พวกนายพูดกันว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ ก็คือเพื่อนของข้า ตอนนี้นายก็ควรที่จะตายได้แล้วล่ะสิ! ” หลินหยุนน้ำเสียงเฉยชา และมีเจตนาสังหารรุนแรง
“นายคือเพื่อนของธิดาศักดิ์สิทธิ์! ”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
เหอเหลียนเฉิงสีหน้าดูย่ำแย่ พวกเขาคิดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่า ธิดาศักดิ์สิทธิ์จะมีเพื่อนที่มีความเก่งกาจสามารถได้ถึงขนาดนี้
ตอนนี้พวกเขาต้องการที่จะฆ่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ แล้วหลินหยุนจะไว้ชีวิตพวกเขาได้อย่างไรกันล่ะ?
“ตราห้าฟ้าผ่า! ”
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ อย่างนั้นก็ลองลุยกันสักตั้ง!
เหอเหลียนเฉิงทราบดีว่าไม่มีทางที่จะแก้ไขให้ดีขึ้นแล้ว จึงได้อาศัยช่วงจังหวะที่หลินหยุนไม่ทันระวังตัว และลอบทำร้ายเขา
เดิมทีหม่ายู่หวาที่เฝ้าคุ้มกันอยู่ที่หน้าประตูได้ยินหลินหยุนพูดว่าตนเองคือเพื่อนของธิดาศักดิ์สิทธิ์ สีหน้าก็ถึงกลับเปลี่ยนไป แม้ว่าเขาจะรับคำสั่งให้มาปกป้องธิดาศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็ไม่ได้เป็นการทำดีต่อธิดาศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างไร กลับเป็นการคุมตัวธิดาศักดิ์สิทธิ์เอาไว้รอให้พระบุตรศักดิ์สิทธิ์กลับมา
โดยได้อาศัยช่วงจังหวะตอนที่เหอเหลียนเฉิงลอบจู่โจมหลินหยุน เขาได้ส่งสายตาให้กับภรรยา นำพาคนกลับไปยังที่ห้องโถงใหญ่
หลินหยุนสังเกตเห็นว่าหม่ายู่หวากำลังพาคนหลบหนี แต่ เขาก็ไม่ได้รีบตามไป เพราะภายใต้สายตาของเขา ต่อให้เขาหนีไปก็คงหนีไปไหนได้ไม่ไกลหรอก!
“วิชาอัสนีของนายนี้ มันเหมาะสมที่จะเรียกว่าตราห้าฟ้าผ่าด้วยเหรอ? ” หลินหยุนแสดงสีหน้าท่าทางเหยียดหยาม ยื่นมือออกมาโบก และพูดว่า: “ฟ้าผ่าลงมา! ”
เปรี้ยง!
กลางอากาศปรากฎสายฟ้าแลบขึ้น ซึ่งสายฟ้าแลบที่หนาขนาดถังน้ำนั้นได้ฟาดผ่าลงมาทันที
“อ่า! ”
เหอเหลียนเฉิงร้องโอดครวญ ร่างกายของเขาได้ถูกไฟลุกไหม้จนเกรียม และล้มลงไปกองที่พื้นพร้อมกับมีควันพวยพุ่งออกมาไม่หยุด
เพียงชั่วครู่ เหอเหลียนเฉิง ฉีต้าถง ยายงู ได้ตายไปสองคนและบาดเจ็บสาหัสอีกหนึ่งคน
ลูกน้องที่ทั้งสามคนได้พามาด้วยนั้น เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก็ตกใจกลัวจนขาอ่อนไปตั้งแต่แรกแล้ว ถึงขนาดที่ไม่กล้าที่จะหลบหนี คุกเข่าลงที่พื้น ก้มคำนับหลินหยุนอย่างไม่หยุด: “ปรมาจารย์ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย ปรมาจารย์ได้โปรดไว้ชีวิตด้วย! ”
ยายงูเดิมทีก็บาดเจ็บสาหัสแล้ว มองเห็นเหตุการณ์นี้ ตกใจถึงกับตากลับ และสลบลงไปทันที
โชคดีที่คฤหาสน์ตระกูลหม่าตั้งอยู่บริเวณที่ค่อนข้างเปลี่ยว กอปรกับตระกูลหม่าได้เคยจงใจเล่าลือเรื่องตำนานผีสิงหลอกหลอน ทำให้บริเวณรอบข้างแทบจะไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ ไม่อย่างนั้นสถานการณ์ทั้งที่มีฟ้าผ่าและมีเปลวไฟแบบนี้ หากคนธรรมทั่วไปพบเห็น เกรงว่าในวันรุ่งขึ้นคงจะเป็นข่าวใหญ่โต
หลินหยุนไม่ได้สนใจพวกลูกน้องเหล่านั้น หันหลังเดินเข้าไปในลานบ้าน
บริเวณลานบ้านไม่มีคนอยู่แล้ว หม่ายู่หวาได้นำลูกน้องทุกคนพร้อมกับโม่หยู่หลบหนีไปกันจนหมดแล้ว
หลินหยุนได้พบเจอประตูหลังในห้องแห่งหนึ่ง ซึ่งพวกเขาได้หลบหนีออกไปทางประตูหลังนี้
หลินหยุนไม่ได้รีบร้อน โดยออกไปทางประตูหลังเพื่อติดตาม
บนเส้นทางที่เปล่าเปลี่ยว โม่หยู่เห็นหม่ายู่หวากับภรรยาที่ตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก จึงค่อย ๆ เกิดความสงสัยเกิดขึ้น
“หม่ายู่หวา นายพูดว่าคนทั้งสามตระกูลหลังจากที่เอาชนะพวกนายได้แล้ว กลับเกิดการทะเลาะขัดแย้งกันเอง? ดังนั้นนายจึงอาศัยช่วงจังหวะนี้พาฉันหลบหนีออกมางั้นเหรอ? ”
โม่หยู่ถามขึ้นด้วยความสงสัย
หม่ายู่หวาที่อยู่ด้านหน้าไม่ได้หันหลังกลับมา แต่กลับมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป: “ใช่สิ หากไม่ใช่ว่าพวกเขาสามคนทะเลาะขัดแย้งกัน ข้าเองก็คงไม่มีโอกาสที่จะแอบนำตัวคุณหลบหนีออกมาได้! ”
ภรรยาของเขาพูดขึ้นว่า: “ใช่เลยธิดาศักดิ์สิทธิ์ โชคดีที่เขาทั้งสามคนทะเลาะขัดแย้งกัน ไม่อย่างนั้นพวกเราก็คงจะต้องตายอยู่ที่นั่นเป็นแน่! ”
โม่หยู่จ้องไปที่สองคนนั้น: “แล้วพวกเขาทำไมจะต้องทะเลาะขัดแย้งกันเองด้วย? ”
“เรื่องนี้เหรอ……ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกันว่าทำไมพวกเขาถึงได้ทะเลาะขัดแย้งกัน! ” หม่ายู่หวาพูดเหตุผลออกมาไม่ได้
โม่หยู่ยิ่งสงสัยมากขึ้น ย้อนคิดอย่างละเอียดถึงสีหน้าท่าทางที่หวาดกลัวของหม่ายู่หวาในตอนที่พาเธอหลบหนีออกมา แน่ชัดว่าคงจะต้องพบเจอกับเหตุการณ์ที่น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
ภรรยาของเขารีบพูดขึ้นว่า: “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ เรื่องนี้จะต้องถามกันด้วยเหรอ? ชัดเจนว่าหลังจากที่พวกเขาทั้งสามคนเอาชนะพวกเราคู่สามีภรรยาได้แล้ว ก็คิดที่จะแย่งชิงความดีความชอบ จากนั้นจึงได้ทะเลาะขัดแย้งกันขึ้น”
หม่ายู่หวารีบพูดต่อว่า: “ถูกต้อง พวกเราสี่ตระกูลใหญ่แต่ไหนแต่ไรก็น่าเอือมระอาอย่างนี้มาตลอด ซึ่งคุณเองก็คงจะทราบดี”
โม่หยู่ไม่พูดไม่จา และเชื่อในคำพูดของหม่ายู่หวาในตอนนี้
ทั้งสี่ตระกูลใหญ่น่าเอือมระอาแบบนี้จริง ๆ โดยก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในสำนักมนตร์ขาวของพวกเธอ ก็ช่างน่าเอือมระอาแบบนี้เช่นกัน
แต่ว่า ทันใดนั้นเอง หม่ายู่หวาก็ได้หยุดฝีเท้าที่รีบร้อนของเขาลง
ด้านหลัง โม่หยู่ได้ถามขึ้นด้วยความสงสัย: “ทำไมไม่เดินทางต่อล่ะ? ”
หม่ายู่หวาไม่ตอบ
โม่หยู่เงยหน้าขึ้นมองไปยังด้านหน้า ชายหนุ่มในชุดสีดำคนหนึ่งยืนอยู่ใจกลางถนน โดยหันหลังให้กับพวกเขา และมือสองข้างไขว้อยู่ด้านหลัง เหมือนกับว่ารออยู่ที่นี่เป็นเวลานานแล้ว
“เงาร่างด้านหลังของคนผู้นี้ทำไมถึงรู้สึกว่ามีความคุ้นเคยอยู่บ้าง? ” โม่หยู่สงสัย
เวลานี้ หลินหยุนหันตัวกลับมา และมองไปที่หม่ายู่หวาด้วยสีหน้าที่เฉยชา: “ทำไมไม่หนีต่อไปล่ะ? ”
หม่ายู่หวาตกใจกลัวจนหน้าตาขาวซีด ชี้ไปที่หลินหยุน และพูดขึ้นด้วยเสียงสั่นว่า: “นาย ตกลงว่านายเป็นคนหรือเป็นผีกันแน่? ”
โม่หยู่อุทานขึ้น: “หลินหยุน ทำไมถึงเป็นคุณไปได้? ”
“เป็นเพราะพี่ฉินหลันบอกให้ฉันมาช่วยชีวิตคุณ” หลินหยุนพูดขึ้น
“เป็นเช่นนี้นี่เอง! ” โม่หยู่รู้สึกจิตใจอบอุ่น ที่ฉินหลันยังไม่ได้ลืมเธอไป
ยายหยูที่อยู่ด้านข้างถามขึ้นด้วยความสงสัย: “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ ไอ้หนุ่มนี้เป็นใครกัน? ทำไมเขาถึงกล้าที่จะขัดขวางหม่ายู่หวา! ”
โม่หยู่ตกใจ เขาเกือบจะลืมไปแล้วว่า หลินหยุนเป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไป
“หลินหยุน นายรีบหนีไป! เรื่องนี้นายไม่สามารถเข้ามายุ่งเกี่ยวได้” โม่หยู่พูดขึ้นอย่างร้อนรน
หม่ายู่หวาได้ยินโม่หยู่เตือนให้ชายหนุ่มลึกลับที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้หนีหลบหนีไป จึงเกิดความงุนงง ขึ้นบ้าง
คนที่ควรจะหลบหนีไปคือเขาเองแท้ ๆ!
หรือว่าเป็นเพราะโม่หยู่เป็นกังวลต่อพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นจึงได้เตือนให้ไอ้หนุ่มนี้หลบหนีไป?
ต้องเป็นอย่างนี้แน่นอน
หม่ายู่หวาคาดไม่ถึงอย่างแน่นอนว่า เดิมทีโม่หยู่ไม่ทราบถึงพลังความสามารถของหลินหยุน
คิดถึงเรื่องนี้ หม่ายู่หวากลับที่จะสงบจิตสงบใจลงได้บ้าง มองไปยังหลินหยุนแล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “ไอ้หนุ่มน้อย ข้าได้แจ้งให้พระบุตรศักดิ์สิทธิ์รับทราบแล้ว เขากำลังเดินทางมา ข้าเตือนนายให้รีบหลบหนีไป มิเช่นนั้นรอจนกว่าพระบุตรศักดิ์สิทธิ์มาถึง ใครก็ไม่สามารถที่จะช่วยนายได้! ”
“หลินหยุน นายรีบหนีไปเถอะ! ไม่ต้องมายุ่งสนใจฉัน ฉันเองตอนนี้ไม่มีอันตรายอะไร! ” ได้ยิน หม่ายู่หวาบอกว่าได้แจ้งให้กับพระบุตรศักดิ์สิทธิ์รับทราบแล้ว โม่หยู่สีหน้ายิ่งร้อนรนมากขึ้น
“เขามาก็ดีแล้ว ข้าเองก็อยากที่จะคิดบัญชีกับเขาเช่นกัน! ” หลินหยุนพูด
หลินหยุนเองก็เกียจคร้านที่จะไปตามหาเขา ถ้าหากพระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำมา งั้นก็ลงมือจัดการรวดเดียวไปเลย เหน็ดเหนื่อยเพียงครั้งเดียวแล้วก็จะได้สบายไปตลอด
ยายหยูที่อยู่ด้านข้างโม่หยู่ขมวดคิ้วและพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “ไอ้หนุ่มน้อย ธิดาศักดิ์สิทธิ์หวังดีที่จะให้นายหลบหนีไป แต่นายไม่เห็นค่า และยังกล้าที่จะพูดโอ้อวดสามหาวอยู่ที่นี่อีก! ”
“นายรู้ไหมว่าพระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำมีความเก่งกาจสามารถมากขนาดไหน? ลำพังแค่นายคนธรรมดาทั่วไป ต้องการที่จะคิดบัญชีกับเขา ช่างรนหาที่ตายชัด ๆ! ”
“เห็นว่านายกับธิดาศักดิ์สิทธิ์เป็นเพื่อนกัน ยายขอพูดเพิ่มอีกสักหน่อย รีบหลบหนีไปให้เร็วที่สุด อย่าได้รอจนต้องเสียชีวิตไปโดยเปล่าประโยชน์! ”