จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 466 การโจมตีโดยใช้จิตวิญญาณ
พระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำมองไปที่โม่หยู่ด้วยความโกรธแค้น พลังแสงสีเขียวในดวงตาเปล่งประกายสว่างจ้า
“ข้าขอเตือนคุณอีกครั้งว่า อย่าได้มาท้าทายขีดความอดทนอดกลั้นของข้าอีกเป็นครั้งที่สองครั้งที่สาม”
“ถ้าหากคุณยังคงไม่เชื่อฟัง ข้าก็จะไม่รังเกียจที่จะทำให้คุณกลายเป็นร่างที่ไร้วิญญาณ เมื่อถึงตอนนั้นก็คงไม่ได้ขัดขวางการรับตำแหน่งเจ้าสำนักของข้าแต่อย่างใด”
โม่หยู่สีหน้าเคร่งเครียด ทนไม่ได้จึงต้องถอยหลังหนึ่งก้าว ไม่กล้าที่จะจ้องสบตากับพระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำ
โม่หยู่ชัดเจนว่า พระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำฆ่าคนมาแล้วเป็นจำนวนมากมาย เขากล้าที่จะพูด และก็ทำตามที่พูดได้
“นายไม่มีโอกาสอีกแล้ว” เสียงของหลินหยุนดังขึ้น โดยยังคงมีท่าทางที่เฉยชาเช่นเดิม ราวกับ เทพเจ้า มองดูพวกมดพวกแมลง
พระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำหัวเราะด้วยเสียงที่ประหลาดและบาดหู: “ไอ้หนุ่มน้อย ข้ายอมรับว่านายมีพลังความสามารถที่แข็งแกร่ง เกรงว่าน่าจะอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับใหญ่ แต่ข้าไม่ได้เป็นนักบู๊ธรรมดาทั่วไป วิธีการต่อสู้ของข้านายไม่มีทางคาดเดาได้อย่างแน่นอน”
พูดจบ พระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำก็ถอยหลังโดยพลัน ในมือของเขาปรากฏเครื่องดนตรีที่แปลกประหลาดชิ้นหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะโบราณเรียบง่าย มีรูปร่างคล้ายกับกับสังข์
โม่หยู่กับหม่ายู่หวารวมถึงยายหยูต่างก็อุทานขึ้นพร้อมกัน: “ขลุ่ยมารกาโหล! ”
“ไอ้หนุ่มน้อย ไปตายซะเถอะ! ” พระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำหัวเราะฮิฮิ นำขลุ่ยมารกาโหลวางไว้กลางฝ่ามือ ขณะนั้น เสียงฮือที่แปลกปลาดก็ดังขึ้น
ขลุ่ยมารกาโหลนี้ไม่ได้ใช้ปากเป่า แต่ใช้ชี่แท้หรือพลังทิพย์เป่า นี่คือวิธีการโจมตีโดยใช้จิตวิญญาณ
เวทมนตร์มีวิชาหลากหลายแขนงเสียจริง
เสียงฮือ ๆ ราวกับเสียงเด็กร้องไห้จนเสียงแหบ ที่แทบจะไม่มีเสียงนั้น ก็เหมือนกับเสียงเล็บขูดขีดบนกระจกดังจื่ดๆ
หม่ายู่หวาพูดตะโกนใส่ภรรยาด้วยความหวาดกลัว: “เอามือปิดหู ควบคุมสติเอาไว้ ขลุ่ยมารกาโหลไม่ได้แบ่งแยกว่าใครเป็นใคร ถ้าหากต้านทานได้ไม่ดีพอ จะถูกทำลายจิตใจ กลายเป็นร่างที่ไร้วิญญาณได้! ”
โม่หยู่กับยายหยูใช้มือสองข้างป้องปิดที่หู โดยเห็นว่าหลินหยุนยังคงเอามือสองข้างไขว้หลัง ยืนอยู่กับที่ไม่ขยับเคลื่อนไหว โม่หยู่จึงตะโกนออกไปอย่างรีบร้อนทันที: “หลินหยุน เอามือปิดหู ควบคุมสติเอาไว้! ”
หลินหยุนไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่รับรู้สัมผัสถึงคลื่นพลังวิญญาณที่โจมตีเป็นระลอก ๆ อันเกิดจากเสียงของขลุ่ยมารกาโหลอย่างสงบเงียบ
ถ้าหากว่าเป็นจิตวิญญาณของนักบู๊ธรรมดา ส่วนใหญ่จะไม่สามารถต้านทานการโจมตีโดยจิตวิญญาณที่รุนแรงระดับนี้ได้ แต่ว่าผู้ยิ่งใหญ่อย่างมหากษัตริย์ชางฉอง จิตวิญญาณแทบจะไม่มีวันถูกทำลายลงได้ ซึ่งเพียงแค่วิธีการโจมตีโดยจิตวิญญาณระดับโลกมนุษย์ สำหรับเขาแล้วก็เหมือนกับอาการคันที่เกิดขึ้นตามร่างกายเท่านั้น
อีกทั้ง ความรู้สึกแบบนี้ค่อนข้างสบายตัว ก็เหมือนกับมีคนกำลังใช้น้ำอุ่น อาบชำระร่างกายของคุณอยู่เป็นระลอก ๆ
หลินหยุนถึงขนาดรู้สึกสบายใจจนปิดตาลง สีหน้าท่าทางดื่มด่ำกับความสุขเป็นอย่างมาก
“จบกัน! ” โม่หยู่อดไม่ได้ที่จะต้องปิดตาลง: “เห็นลักษณะท่าทางของหลินหยุน ชัดเจนว่าคงจะถูกเสียงของขลุ่ยมารกาโหลครอบงำทำให้เกิดการหลงใหลเคลิบเคลิ้มแล้ว จิตวิญญาณอีกไม่นานคงจะถูกทำลายลง”
โม่หยู่คิดที่จะพุ่งไปข้างหน้าโดยที่ไม่สนใจอะไร เพื่อเรียกสติหลินหยุนกลับคืน แต่ว่าตอนนี้เธอเองก็ยังจะต้องพยายามต่อสู้กับเสียงของขลุ่ยมารกาโหล หากเมื่อไม่มีดวงจิต แม้แต่เธอก็จะต้องถูกครอบงำจนเกิดอาการหลับใหลเช่นกัน
ทำอย่างไรดี? ทำอย่างไรดี?
โม่หยู่จิตใจร้อนรนกระวนกระจาย แต่ก็ไม่มีวิธีการใด ทำได้เพียงร้องตะโกนใส่พระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำ: “พอได้แล้ว รีบหยุดได้แล้ว! เขาหลับใหลจนลืมตนเองไปแล้ว หยุดเป่าได้แล้ว! ”
ดวงตาสองข้างที่ปรากฏของพระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำ แสงสีเขียวสว่างบ้างมืดบ้าง ชัดเจนว่าสภาพจิตใจกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่ตื่นเต้น
แม้ว่าจะมองไม่เห็นใบหน้าของเขา แต่ก็สามารถคาดเดาได้ว่าตอนนี้เขากำลังมีสีหน้าที่ตื่นเต้นดีใจอยู่อย่างแน่นอน
“ไอ้หนุ่มน้อย ทำให้ข้าถึงกับต้องสูญเสียหุ่นเชิดมนตร์ไปหนึ่งร่าง ข้าก็จะให้นายกลายเป็นร่างที่ไร้วิญญาณ เพื่อนำมาใช้กลั่นหุ่นเชิดมนตร์ร่างใหม่ขึ้น! ”
พระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำแน่นอนว่าไม่มีทางที่จะปล่อยหลินหยุนไปได้โดยง่าย โดยที่ขลุ่ยมารกาโหลของเขาได้ใช้แสดงพลังเป็นครั้งแรก ซึ่งหลินหยุนไม่ได้ต้านทานป้องกัน ดังนั้นเขาก็จะต้องทนทุกข์ทรมาน หากว่าแสดงพลังเป็นครั้งที่สอง ผลลัพธ์ก็จะไม่รุนแรงขนาดนี้
หลินหยุนมีพลังความสามารถ ที่เหนือกว่าเขามาก ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่มีทางที่จะปล่อยหลินหยุนไปแน่
เวลาผ่านไปสิบนาทีเต็ม หม่ายู่หวากับโม่หยู่ที่อยู่ด้านข้างต่างก็ทรุดตัวลงไปกองกับพื้น ขณะที่ใกล้จะสลบนั้น พระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำจึงได้หยุดเป่าการบรรเลงลง
ส่วนหลินหยุน ได้ปิดตาลงก่อนหนานี้แล้ว ร่างกายราวกับได้นอนหลับไปแล้วเป็นอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งคล้ายมากกับร่างที่ขาดสติและไร้วิญญาณ
“ฮ่าฮ่าฮ่า……” พระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำเงยหน้าหัวเราะอย่างภาคภูมิใจ: “ไอ้หนุ่มน้อย ต่อให้พลังความสามารถของนายจะเหนือกว่าข้า แล้วอย่างไรล่ะ? ก็ยังคงต้องกลายเป็นหุ่นเชิดมนตร์ของข้าอยู่ดี? ”
“ต่อกรกับข้า นายยังห่างไกลอยู่อีกมาก! ”
โม่หยู่ที่ได้สติขึ้นมาบ้างเล็กน้อย มองไปยังหลินหยุนที่ปิดตาลงอย่างเบา ๆ และยืนอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าท่าทางที่หลับใหล ใบหน้าเศร้าโศกเสียใจ: “จบกันแล้ว! ”
“หลินหยุน ทำไมนายไม่เชื่อฟังคำเตือนของฉัน ที่ให้รีบหลบหนีไป? ตอนนี้แม้แต่ชีวิตก็คงจะต้องจบลงที่นี่แล้ว ชั่วชีวิตนี้จิตใจของฉันคงจะไม่สงบสุขตลอดไปเป็นแน่! ”
โม่หยู่ตำหนิโทษตัวเองไม่หยุด น้ำตาไหลพราก
ยายหยูที่ได้สติกลับคืนมาแล้วได้พูดเตือนว่า: “ธิดาศักดิ์สิทธิ์อย่าได้เสียใจไปเลย เป็นเพราะไอ้หนุ่มนั่นหลงระเริงเกินไปหน่อย ธิดาศักดิ์สิทธิ์ได้เตือนเขาหลายรอบแล้ว เป็นเขาเองที่โอ้อวด ไม่เชื่อฟังคำเตือนของธิดาศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งจะโทษใครคนอื่นไม่ได้! ”
โม่หยู่มองไปที่หลินหยุน ด้วยสีหน้าที่เด็ดเดี่ยว จิตใจได้คิดถึงเรื่องความเป็นความตายเอาไว้แล้ว: “ไม่ว่าจะอย่างไร ที่เขาเสียชีวิตไปก็เพราะมาช่วยเหลือฉัน ฉันเองจะต้องทวงคืนความยุติธรรมให้กับเขาให้ได้! ”
เหมือนกับว่าได้ยินคำพูดอะไร ยายหยูจึงรีบเตือนขึ้นอย่างเคร่งเครียด: “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ คุณอย่าได้ทำเรื่องที่โข่เขลาเป็นอันขาด! คนของสำนักมนตร์ดำต่างก็โหดเหี้ยมอำมหิต พวกเขาจะทำให้คุณกลายเป็นร่างที่ไร้วิญญาณตามที่เขาพูดเอาไว้จริง ๆ! ”
หม่ายู่หวากับภรรยาก็เบาใจลงได้บ้าง สภาพร่างกายฟื้นฟูกลับคืนเป็นปกติแล้ว
มองไปยังหลินหยุนที่มีสีหน้าท่าทางหลับใหล และยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับเขยื้อน หม่ายู่หวาก็ได้ถอนหายใจเบา ๆ และพูดว่า: “ไอ้หนุ่มน้อย ถ้าหากนายไม่ชอบที่จะออกหน้าอวดดี ก็คงจะไม่จบชีวิตลงตรงนี้? โธ่ น่าเสียดายจริง ๆ! ”
“หัวหน้าหม่า รีบไปเก็บร่างของเขา รอข้ากลับไปก็จะเริ่มต้นกลั่นหุ่นเชิดมนตร์! ” พระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำมองไปยังหม่ายู่หวาพร้อมกับสั่งการ
“รับทราบ! ” หม่ายู่หวารู้ดีว่าพระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำต้องการให้เขาเข้าไปตรวจสอบดูว่าตกลงหลินหยุนได้เสียชีวิตแล้วจริง ๆ หรือหลอกลวงกันแน่ แต่ก็ไม่กล้าที่จะขัดขืนคำสั่ง
หม่ายู่หวาเดินเข้าไปด้วยความระมัดระวัง ทุกคน ซึ่งรวมไปถึงพระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำ ต่างก็อดไม่ได้ที่จะต้องกลั้นลมหายใจ ตั้งตารอดูผลลัพธ์
หม่ายู่หวายืนอยู่ด้านหน้าของหลินหยุน หลินหยุนก็ยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ
หม่ายู่หวามองไปยังพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ พระบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้ส่งสัญญาณ หม่ายู่หวาจึงได้ยื่นมือออกไป เพื่อสัมผัสที่ตัวของหลินหยุน
“เฮอ! ”
หลินหยุนหาวขึ้นในทันใด
“อ่า! ”
หม่ายู่หวาตกใจจนล้มลงไปนั่งที่พื้น และรีบคำนับอ้อนวอนร้องขอชีวิตต่อหลินหยุน: “ปรมาจารย์ ข้าก็เพียงแค่มาทำหน้าที่เรียกท่านให้ตื่นขึ้น ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร! ”
หม่ายู่หวาตกใจกลัวถึงพลังความสามารถของหลินหยุนมาก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้หลินหยุนยังสามารถที่จะต้านทานขลุ่ยมารกาโหลได้โดยไม่เป็นอะไร ยิ่งทำให้หม่ายู่หวาตกตะลึงมากขึ้นไปอีก
ถึงขนาดที่ในใจได้ยอมรับแล้วว่า พลังความสามารถของหลินหยุนเหนือกว่าพระบุตรศักดิ์สิทธิ์
ทันใดนั้นหลินหยุนก็ยื่นมือออกมา แล้วก็ยกชูสูงขึ้น
หม่ายู่หวาตกใจจนอกสั่นขวัญหาย และรีบคุกเข่าลงต่อหน้าของหลินหยุนคำนับร้องขอชีวิตอย่างไม่หยุด: “ปรมาจารย์ได้โปรดไว้ชีวิต ปรมาจารย์ได้โปรดไว้ชีวิตด้วยเถิด ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรจริง ๆ! ”
หลินหยุนยืดเส้นยืดสายท่อนแขนอย่างสบาย แล้วมองไปที่หม่ายู่หวา และพูดขึ้นว่า: “ไม่ต้องตื่นเต้นตกใจไป ข้าก็แค่ขยับเคลื่อนไหวร่างกายเท่านั้น”
ใบหน้าอันแก่ชราของหม่ายู่หวาแดงก่ำขึ้นในทันที เพียงแค่ขยับเคลื่อนไหวร่างกาย ก็ทำให้เขาตกใจได้ถึงขนาดนี้ ต่อไปหากเป็นที่ล่วงรู้ออกไป เขาเองก็คงไม่มีหน้าที่จะใช้ชีวิตอยู่แล้ว
โม่หยู่มองไปที่หลินหยุนด้วยความดีอกดีใจ พูดขึ้นว่า: “หลินหยุน คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ”
“คุณว่าฉันดูเหมือนกับมีปัญหาอะไรไหมล่ะ? การโจมตีโดยจิตวิญญาณระดับขั้นนี้ ก็เหมือนกับการอาบน้ำให้ฉัน สุขสบายจนฉันเกือบที่จะหลับไปแล้ว” สีหน้าของหลินหยุนเหมือนกับว่ายังคงสุขสบาย ท่าทางดูหมิ่นเหยียดหยามเป็นอย่างมาก
โม่หยู่นานทีที่จะแกล้งทำเสียงโกรธ: “นาย……ช่างน่ารำคาญเสียจริง ทำให้คนอื่นคิดไปกันว่านายได้ถูกขลุ่ยมารกาโหลกล่อมจนหลับใหลไปแล้ว โดยเป็นห่วงเป็นกังวลนายอย่างมาก แต่นายนั้น กลับเป็นดีเสียอีก นึกไม่ถึงว่าจะดื่มด่ำจนหลับสบายไปแล้ว! ”
“นานแล้วที่ไม่ได้ประสบกับการโจมตีโดยใช้จิตวิญญาณ อดทนไม่ไหวจริง ๆ ขอโทษด้วย! ” หลินหยุนแสดงความขอโทษต่อโม่หยู่ด้วยท่าทางที่จริงใจ โดยที่มองข้ามพระบุตรศักดิ์สิทธิ์สำนักมนตร์ดำที่อยู่ด้านข้างไปเลย
ยายหยูมองไปที่หลินหยุนด้วยความตกตะลึง: “นาย ทำไมนายถึงไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย? ขลุ่ยมารกาโหลเป็นหนึ่งในท่าไม้ตายการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักมนตร์ดำ ต่อให้เป็นถึงปรมาจารย์นักบู๊ก็ถูกครอบงำจนหลับใหล และก็ต้องกลายเป็นร่างที่ไร้วิญญาณ! ”
“เป็นไปได้อย่างไรที่นายจะไม่เป็นอะไรเลย? ”