จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 476 ควีนจินมีอันตราย
อาจารย์อาครุ่นคิดค่ายกลนี้อย่างรอบคอบอีกครั้ง
อย่าพึ่งท้อใจ ฉันคิดว่าค่ายกลฮู่ซานนี้ไม่ได้แข็งแกร่งเกินไป พวกเรามาลองอีกครั้ง!”
เขารู้สึกและสัมผัสได้ว่า ค่ายกลนี้ไม่ได้มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งเกินไป
“ตามฉันมา!” หลังจากที่อาจารย์อาพูดจบ ก็เดินเข้าไปก่อน
คราวนี้ พวกเขาระมัดระวังตัวมาก อาจารย์อานำทาง และในไม่ช้าพวกเขาก็เดินออกจากค่ายกลได้
“ค่ายกลฮู่ซานของปรมาจารย์หลิน ก็แค่นี้เอง!” ยืนอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ตึกว่างเยว่ อาจารย์อายิ้มอย่างมีชัย
อันที่จริงค่ายกลฮู่ซานที่แท้จริง หลินหยุนยังไม่มีเวลาสร้าง นี้เป็นค่ายกลเพ้อฝันที่มีผลพวงมาค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์
ความแข็งแกร่งของอาจารย์อา อยู่ในระดับปรมาจารย์ระดับใหญ่ ขอเพียงมีความตั้งใจหน่อย ค่ายกลเพ้อฝันนี้ย่อมไม่สามารถควบคุมเขาได้
“พี่เสิ่นนี่เก่งกาจมาก!” กงซิวซ่างยิ้มและชื่นชม
ในคฤหาสน์ ควีนจินกับเจี่ยงสงและคนอื่นๆ ยืนอยู่บนดาดฟ้า มองอาจารย์อาและคนอื่นๆ
เจี่ยงสงพูดด้วยความตื่นเต้น “พวกเขาเข้ามาแล้ว!”
“ค่ายกลนี้ไม่สามารถควบคุมพวกเขาได้!”
“ตอนนี้พวกเราควรจะทำอย่างไรดี?”
ใบหน้าของควีนจินถูกคลุมด้วยผ้าคลุม ดูไม่ออกว่าโกรธ แต่ว่า เสียงของเธอเผยให้เห็นว่าต้องการสู้เป็นสู้ตายอย่างกล้าหาญ
“สู้ตายกับพวกมัน!”
เจี่ยงสงขมวดคิ้ว “ก็คงทำได้แค่นี้”
กงซิวซ่างพาอาจารย์อาและคนอื่นๆเดินเข้าไปในคฤหาสน์ ควีนจินก็พาเจี่ยงสงและหยุนเยว่กับเฟิงเหมียน เตรียมพร้อมรับมือเต็มที่
กงซิวซ่างมองไปที่ควีนจิน ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน พูดถึงเรื่องแล้ว ควีนจินกับเขามีความสัมพันธ์เป็นญาติกัน
เพียงแต่ว่า ควีนจินยอมปล่อยให้หลินหยุนตีขากงซื่อซวนซึ่งเป็นลูกชายของเขาจนขาหัก ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก นับจากวันนั้น ในใจของเขาก็เกลียดควีนจิน
“น้อง(ลูกพี่ลูกน้อง) สบายดีใช่ไหม!” กงซิวซ่างพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่
ควีนจินสีหน้าเคร่งเครียด จ้องไปที่กงซิวซ่าง “ถ้าในสายตาของคุณยังมีน้องสาว(ลูกพี่ลูกน้อง)อย่างฉัน วันนี้คงจะไม่พาคนมายืนอยู่ที่นี่!”
“คุณกำลังตำหนิผมใช่ไหม” ใบหน้าของกงซิวซ่างเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ฮึ่ม ในตอนนั้นคุณเห็นลูกชายของฉันถูกปรมาจารย์หลินตีจนขาหัก คุณยังจำพี่ชาย(ลูกพี่ลูกน้อง)คนนี้ได้ไหม!”
ควีนจินยิ้มเยาะเย้ย “ฉันรู้อยู่แล้ว คุณจะไม่มีวันปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปแน่นอน”
“เพียงแต่ว่า ไม่ว่าคุณจะตำหนิฉัน หรือโทษฉัน เรื่องของซื่อซวน ฉันได้ทำสุดความสามารถแล้ว”
“ถ้าจะโทษ ก็ต้องโทษตัวเขาเองเท่านั้นแหละ ที่ไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตา!”
กงซิ่วซ่างยิ้มเยาะเย้ย “คนที่ทำสุดความสามารถแล้ว! ถ้าคุณสุดความสามารถจริง แล้วทำไมลูกชายของฉันถึงขาหัก แต่คุณยังยืนอยู่ที่นี่อย่างสบายใจ!”
“คุณมันเป็นสุนัขรับใช้ของปรมาจารย์หลิน!”
ควีนจินยิ้มแหย่ๆ ถ้าคนที่กงซื่อซวนทำให้ขุ่นเคืองไม่ใช่ปรมาจารย์หลิน และถ้าปรมาจารย์หลินไม่ใช่คนที่มีพระคุณต่อเธอ เช่นนั้นควีนจินคงจะสู้สุดชีวิตเพื่อปกป้องกงซื่อซวนไว้อย่างแน่นอน
แต่ว่า จะให้ควีนจินทำเพื่อหลานชายที่ไม่เอาไหน แล้วไปบาดหมางกับผู้มีพระคุณของตัวเอง เพื่อสู้ให้ตายกันไปข้างหนึ่งเหรอ?
“แล้วแต่คุณจะพูด ฉันบริสุทธิ์ใจก็พอ!” ควีนจินไม่ต้องการโต้เถียงกับกงซิวซ่างต่อไป
เพียงแต่ว่า หยุนเยว่ที่อยู่ข้างหลังเธอรู้สึกทนดูต่อไปไม่ไหว และพูดแทนควีนจิน “เจ้าบ้านกง ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้านายของฉันอ้อนวอนปรมาจารย์หลินไว้ ลูกชายของคุณคงจะไม่ใช่แค่ขาหัก แต่อาจเป็นคอขาด!”
“คุณไม่ขอบคุณเจ้านายของฉัน แต่กลับมาดูถูกเธอ จิตใต้สำนึกของคุณหายไปไหน”
“นอกจากนี้ตอนที่ปรมาจารย์หลินอยู่ พวกคุณไม่กล้ามาหาเขา แต่ใช้โอกาสที่ปรมาจารย์หลินไม่อยู่ แล้วแอบโจมตี พวกคุณก็แค่กลัวคนที่แข็งแกร่งกว่าแล้วมารังแกคนที่อ่อนแอกว่า!”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคำตำหนิของหยุนเยว่ กงซิวซ่างก็หน้าแดง “ใช่ ฉันไม่กล้าแก้แค้นปรมาจารย์หลิน แต่ตอนนี้เขาตายแล้ว!”
“นี่เป็นเพราะสวรรค์มีตาจริงๆ!”
“เขาตายแล้ว ฉันเลยมาหาเขาเพื่อแก้แค้น! ทุกสิ่งทุกอย่างของเขา จะต้องกลายเป็นของฉัน”
ใบหน้าที่น่ารังเกียจและไร้ยางอายของกงซิวซ่าง แสดงได้เหมือนจริงมาก
หยุนเยว่ดูโกรธ เป็นครั้งแรกที่เธอค้นพบว่า เป็นถึงเจ้าบ้านตระกูลกงในซีหนิง ไร้ยางอายได้เพียงนี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขามีกงซื่อซวนลูกชายแบบนี้ออกมาได้
ใบหน้าภายใต้ผ้าคลุมของควีนจิน สั่นเล็กน้อย และเห็นได้ชัดว่า เธอพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อระงับความโกรธ
เจ้าบ้านกง ปรมาจารย์หลินไม่ตายแน่นอน ไม่มีใครสามารถฆ่าปรมาจารย์หลินได้ ฉันแนะนำให้คุณอย่าหลงกลกับแผนการยืมมือคนอื่นฆ่าคนเลย!”
กงซิวซ่างพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “คุณท่านจิน ฉันก็ขอแนะนำคุณ ยอมจำนนเถอะ ไม่เช่นนั้นอย่าโทษฉันที่ไม่ไว้หน้า!”
ควีนจินยิ้มอย่างเย็นชา “ถ้าต้องการแย่งชิงทุกสิ่งจากที่นี่ ข้ามศพของฉันไปก่อน!”
“ถ้าอย่างนั้นก็อย่าโทษที่ฉันทำตัวไม่สุภาพ” กงซิวซ่างที่หน้าด้านแสดงใบหน้าที่เคร่งเครียดออกมา
“พี่เสิ่น รบกวนท่านล่ะ!” กงซิวซ่างพูดกับอาจารย์อา
อาจารย์อาพยักหน้า และมองไปยังควีนจินด้วยความสนใจ ในดวงตาเผยให้เห็นแสงอันเร่าร้อน
“ดูจากความแข็งแกร่งของเธอแล้ว เธอก็มีการฝึกฝนถึงขั้นสูงสุดด้วย นานมากแล้วที่ไม่ได้พบกับปรมาจารย์หญิง!”
“อะเฉิง อะอู มาเถอะ พวกนายสองคนไปจัดการก่อน ระวัง อย่าให้ได้รับบาดเจ็บ!”
ทั้งสองคนมีหน้าตาคล้ายวัยกลางคน ยิ้มอย่างชั่วร้าย และพยักหน้าพร้อมกัน “ได้ครับ!”
อาจารย์อามีนิสัยยังไง พวกเขาเข้าใจดี ปรมาจารย์หญิงที่อยู่ตรงหน้า คิดว่าคงจะหนีไม่พ้นเงื้อมมือมาร
หยุนเยว่กระซิบ “เจ้านาย หรือให้พวกเราสองคนไปสู้ก่อน!”
ควีนจินส่ายหัว “สองคนนี้เป็นปรมาจารย์ขั้นสูงสุด ความแข็งแกร่งเทียบเท่าฉัน พวกเธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
หยุนเยว่ขมวดคิ้ว และดูกังวลใจ “เป็นปรมาจารย์ทั้งสองคน! ท่านเพิ่งได้ขึ้นขั้นเป็นปรมาจารย์ขั้นสูงสุด สามารถจัดการกับพวกเขาทั้งสองได้หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เจี่ยงสงที่อยู่ข้างๆก็ตัวสั่น ถ้าแม้แต่ควีนจินยังพ่ายแพ้ แล้วเขาควรทำอย่างไร?
ควีนจินสามารถสู้ตายเพื่อหลินหยุน แต่เจี่ยงสงไม่ต้องการทำเช่นนี้ เขาเป็นแค่นักธุรกิจคนหนึ่ง ไม่ว่าจะติดตามหลินหยุน หรือติดตามปรมาจารย์หวาง สำหรับเขามันไม่สำคัญ
ในใจเจี่ยงสงได้เริ่มวางแผนลับๆ
ควีนจินพูดว่า “ถึงขั้นนี้แล้ว ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ได้แต่หวังว่าปรมาจารย์หลินจะกลับมาโดยเร็วที่สุด”
อะเฉิงกับอะอู ได้เดินมาถึงตรงหน้าควีนจิน มองหน้าควีนจินแล้วครุ่นคิดอย่างไม่เกรงกลัว เหมือนนักล่าที่กำลังตรวจสอบเหยื่อของพวกเขา
“สาวน้อย คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเราสองพี่น้อง ยอมจำนนและเชื่อฟัง คุณจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมาณ!” อะอูพูดอย่างเย็นชา
“จะเป็นคู่ต่อสู้หรือไม่ ไม่ใช่สิ่งที่พวกนายกำหนด ต้องสู้กันก่อนถึงจะรู้” ควีนจินไม่อยากพูดเรื่องไร้สาระกับทั้งสองคน และต่อยหมัดออกไปทันที
เดิมทีการฝึกฝนของควีนจิน มีความข้อบกพร่องส่วนหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้รับการปรับปรุงซ่อมแซมจากหลินหยุน และตามวิชาของผู้บำเพ็ญเซียน ได้ดัดแปลงใหม่
ดังนั้น ตอนนี้วิชาที่ควีนจินกำลังฝึกฝนอยู่นั้น แข็งแกร่งกว่าวิชาของสำนักเจ็ดดาว
แม้ว่าควีนจินจะใช้เวลาน้อยมากในการเข้าสู่ขั้นสูงสุด แต่ถ้าจะจัดการกับปรมาจารย์ระดับเล็กอย่างอะเฉิงและอะอูนั้น ก็พอได้
ในตอนแรก ควีนจินรู้สึกจะต่อสู้อย่างยากลำบาก แต่ตอนหลังรู้สึกว่าเริ่มคุ้นเคยมากขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆอาศัยพลังอำนาจของวิชา และได้เปรียบกว่า
หลังจากผ่านไปสามสิบกว่ารอบ ควีนจินก็ต่อยจนทั้งสองคนปลิวออกไป
กงซิวซ่างรู้สึกตกใจ “ไม่คาดคิดว่าหลังจากหายไปไม่กี่ปี อาการบาดเจ็บภายในของควีนจินไม่เพียงแต่รักษาหาย แต่พลังยังแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนหลายสิบเท่า!”
“หรือว่าทั้งหมดนี้ไอ้หนุ่มหลินหยุนเป็นคนมอบให้? ไม่น่าแปลกใจเลยที่เพื่อไอ้หนุ่มคนนั้น ควีนจินถึงกับยอมสู้ตาย”
อะเฉิงและอะอูละอายใจ “ท่านอาจารย์ ผู้หญิงคนนี้มีวิชาที่ทรงพลังมาก พวกเราสองคนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอ!”
“คนไร้ประโยชน์!” อาจารย์อาจ้องทั้งสองคนอย่างเย็นชา เดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ มองไปที่ควีนจิน และพูดอย่างเย็นชา
“ความแข็งแกร่งของคุณไม่เลว หรือคุณมาติดตามฉันไหม! คุณกับฉันมาฝึกคู่ ไม่เพียงแต่สามารถอิ่มเอมไปกับความสุขของโลกมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเพิ่มการฝึกฝนอย่างรวดเร็วด้วย”
เอก
เขียนบทได้ห่วยมากไปเลย ซ้ำๆเดิมๆ ให้ตัวร้ายทำร้ายฝ่ายตัวดี ก่อนแล้วตัวเอกก็เข้ามาช่วยตลอด ไม่มีบทที่พระเอกฉลาดวางกลอุบายหรือวางแผนก่อนจะลงมือทำอะไรป้องกันยังไง ทั้งไปที่รู้ว่ามีศัตรูอยู่ที่จะมาทำร้ายพวกพระเอก นิยายเรื่องนี้สู้เรื่องจักรพรรดเทพมังกรไม่ได้เลย ความฉลาดไม่มี