จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 487 คุณเองก็มาสิ
“เป็นพลังปราณโลหะที่แข็งแกร่งมาก!”
ดวงตาของหลินหยุนสั่นไหวไปพักหนึ่ง เปิดใช้งานดวงตาผ้อว่าง หินยักษ์รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่อยู่ตรงหน้านั้น แย่งกระจายออกเป็นด้ายสีดำนับไม่ถ้วน
ใจกลางด้ายสีดำเหล่านั้น หรือก็คือตำแหน่งใจกลางของหิน ด้ายสีดำตรงนั้นหนาแน่นเป็นพิเศษ
“ตามประสบการณ์ที่ผ่านมา ด้ายสีดำยิ่งหนาแน่นพิเศษ ก็ยิ่งเป็นการบ่งบอกว่ามีพลังงานมากขึ้นเท่านั้น”
“ข้างในหินก้อนนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมีแกนหยกผลึกทอง”
ปิดการทำงานของดวงตาผ้อว่าง หลินหยุนเดินไปอยู่ข้างหน้าก้อนหินนั้น ผ่าก้อนหินนั้นด้วยฝ่ามือ
อย่างที่คิดไว้ ข้างในปรากฏแสงสีทองออกมา
หลินหยุนทำการผ่าต่อ ฝ่ามือของเขาเหมือนกับใบมีดที่คมที่สุด ผ่าต่อจนแสงสีทองนั้นสว่างขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นถึงยอมหยุด
หินขนาดยักษ์ที่มีรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ตอนนี้โดนหลินหยุนผ่าจนกลายเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสที่มีขนาดประมาณลูกบาส
จ้องมองก้อนหินตรงหน้าที่กำลังปล่อยพลังปราณโลหะที่แข็งแกร่งออกมา หลินหยุนแอบดีใจ “นึกไม่ถึงจริงๆ เหล่าลูกศิษย์ของสำนักเจ็ดดาวพวกนี้ กลับเหลือสมบัติที่มีค่าที่สุดเอาไว้ที่นี่”
“ถ้าเกิดมีแกนหยกผลึกทองก้อนนี้ ก็ใกล้จะสร้างค่ายกลฮู่ซานได้แล้ว”
แกนหยกผลึกทองก้อนนี้ เป็นหนึ่งในหยกห้าธาตุ ถ้าพูดแบบทั่วไป หยกผลึกทองก็เพียงพอที่จะให้ผู้บำเพ็ญเซียนใช้แล้ว แกนหยกผลึกทองยิ่งเป็นหยกผลึกทองที่ผ่านกาลเวลามานับพันปี จนหล่อเลี้ยงกลายเป็นสมบัติล้ำค่า
มีประสิทธิภาพมากกว่าหยกผลึกทองหลายเท่าตัว สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ
เหล่าลูกศิษย์ของสำนักเจ็ดดาวพวกนั้น จ้องมองหลินหยุนผ่าหินก้อนยักษ์ที่อยู่ใต้กล่องไม้ด้วยความสงสัย แถมยังดูท่าทางดีใจ ยิ่งทำให้สงสัยเข้าไปใหญ่
ไม่เข้าใจว่าหินก้อนนี้ มีค่าที่จะทำให้ปรมาจารย์ดีใจถึงขั้นนี้เลยเหรอ
แต่ พวกเขาก็ไม่กล้าถาม กลัวว่าจะทำให้ปรมาจารย์หลินโมโห แล้วมาสังหารพวกเขา
หลินหยุนเก็บแกนหยกผลึกทองก้อนนั้นไว้ที่แหวนเก็บของ แล้วกวาดสายตามองคลังสมบัติอีกรอบ พอแน่ใจแล้วว่าไม่เหลือสมบัติอะไรอีก ก็หันหน้าเดินออกไป
เหล่าลูกศิษย์ไปยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องโถงของสำนักเจ็ดดาวอีกครั้ง หลินหยุนมองเหล่าลูกศิษย์ของสำนักเจ็ดดาวพวกนั้น แล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆว่า “พอแล้ว พวกเจ้าเป็นอิสระแล้ว”
ทันใดนั้นเหล่าลูกศิษย์ก็อึ้งไปสักพัก จ้องมองหลินหยุนด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
จนกระทั่งหลินหยุนหันหน้าเดินจากไป พวกเขาถึงเหมือนกับคนที่เพิ่งตื่นจากฝัน
“อิสระแล้วเหรอ?”
“ปรมาจารย์หลินปล่อยพวกเราแล้วเหรอ?”
“แต่ว่า ต่อจากนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี?”
พวกเขาทำหน้าสับสน เมื่อไม่มีสำนักเจ็ดดาวแล้ว พวกเขาควรจะทำยังไงดี?
ห่างออกไป ก็มีเสียงเรียบๆของหลินหยุนดังขึ้นมา “สำนักเจ็ดดาวไม่ได้มีความแค้นกับข้าแล้ว พวกเจ้าสามารถอยู่ที่นี่ต่อ เพื่อฟื้นฟูสำนักเจ็ดดาวขึ้นมาใหม่ ให้สำนักเจ็ดดาวมีผู้สืบทอดต่อไป”
คำพูดของหลินหยุนก็เหมือนกับแสงสว่างที่เกิดขึ้นในคืนที่มืดมิด ทันใดนั้นเหล่าลูกศิษย์ก็รู้แล้วว่าตัวเองควรเดินไปทางไหน
“ใช่แล้ว สืบทอดสำนักเจ็ดดาวต่อไป แบบนี้ถึงจะสามารถสู้หน้าบรรพชนของสำนักเจ็ดดาวได้!”
หลินหยุนลงจากเขา เตรียมตัวที่จะมุ่งหน้าไปหาตระกูลกง แก้ปัญหาของตระกูลก่อน จากนั้นค่อยไปหารือกับตัวแทนการขาย
เวลานี้เอง มือถือของเขาก็ดังขึ้นมา
มองสักพัก คนที่โทรมาก็คืออันซินนี่เอง
หลินหยุนกดรับสาย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “ไม่ได้เจอกันนานเลย!”
“ไม่เจอกันนานเลย” น้ำเสียงของอันซินดูตื่นเต้นเล็กน้อย อาจเป็นเพราะไม่ได้ติดต่อหลินหยุนมานาน จู่ๆก็โทรหาหลินหยุน ทำให้อึดอัดเล็กน้อย
“ทางบ้านสบายดีไหม?” หลินหยุนถาม ครั้งก่อนเป็นเพราะหลินหยุน ถึงทำให้บ้านของอันซินต้องพบเจอกับอันตราย หลินหยุนรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
“สบายกันดี” น้ำเสียงของอันซินดูไหลลื่นขึ้นมาก
“จริงสิหลินหยุน ฉันจะไปที่มณฑลซีหนิง เพื่อไปร่วมงานแต่งของเพื่อนในห้อง นายจะไปกับฉันได้ไหม?”
หลินหยุนเงียบไปสักพัก นี่มันจะบังเอิญไปหรือเปล่า
พอเห็นว่าหลินหยุนไม่ส่งเสียงอะไร อันซินคิดว่าหลินหยุนกำลังจะปฏิเสธ จึงรีบพูดขึ้นมาว่า “ฉันรู้ว่าทำแบบนี้มันออกจะกะทันหัน แต่ฉันนึกไม่ออกจริงๆว่าควรจะชวนใครไปกับฉัน ดังนั้น ถึงได้ขอให้นายช่วยเหลือ”
“ถ้าเกิดนายไม่ว่าง ก็ไม่เป็นไร ฉันจะลองหาคนอื่นดู” พอพูดถึงประโยคสุดท้าย เสียงของอันซินดูผิดหวังเล็กน้อย
หลินหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้อยู่แล้ว”
“จริงเหรอ!” อันซินดีใจมาก
“จริงสิ ตอนนี้ฉันอยู่ที่มณฑลซีหนิงแล้ว เธอมาหาฉันได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย ฉันจะรอเธออยู่ที่นี่” หลินหยุนพูด
อันซินพูดด้วยเสียงตกใจ “อะไรนะ! นายอยู่ที่มณฑลซีหนิง? นี่ นี่มันจะบังเอิญเกินไปแล้ว!”
“นายอยู่ที่ไหน? ฉันจะไปหานายเดี๋ยวนี้” พออันซินพูดจบ ทางด้านนั้นก็มีเสียงเก็บข้าวของดังขึ้นมาทันที
“ฉันจะรอเธออยู่ที่สถานีรถไฟก็แล้วกัน!” หลินหยุนพูด
“ได้”
พอวางสาย หลินหยุนที่เดิมกำลังจะเดินทางไปตระกูลกง เปลี่ยนใจกะทันหัน มุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟ
หลินหยุนยืนรอสาวในชุดกระโปรงสีชมพู ผู้หญิงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อย่างอันซิน
ถึงแม้ใบหน้าของอันซินจะไม่ใช่ผู้หญิงที่มีใบหน้างดงามที่สุดเท่าที่หลินหยุนรู้จัก แต่ว่าอันซินมีรูปร่างที่ดีมาก
“หลินหยุน!”
พออันซินออกจากสถานี ก็วิ่งไปหาหลินหยุนทันที หน้าอกเด้งไปเด้งมา เป็นสิ่งที่สวยงามมาก
“ไม่เจอแค่ไม่กี่วัน สวยขึ้นอีกแล้วนะ” หลินหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม จ้องมองอันซินด้วยความสดใส
เหล่าผู้ชายที่เดินผ่านไปมา สำรวจหลินหยุนตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาแห่งความอิจฉานั้น แทบจะแทงทะลุหัวใจของหลินหยุน
“เฮิง ผู้หญิงที่ดีขนาดนี้ กลับโดนคนแบบนี้เอาไปสักได้ น่าเสียดายจริงๆ”
อันซินพอได้ยินคำพูดเหยียดหยามพวกนั้น กลัวว่าหลินหยุนจะโมโห “หลินหยุน พวกเราไปคุยทางนั้นกันเถอะ!”
“ได้!” หลินหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม
ทั้งสองคนเดินมาอยู่ตรงถนนที่เงียบสงบ หลินหยุนหันไปถามอันซิน
“เพื่อนของเธอเป็นใครกัน ถึงได้แต่งงานเร็วขนาดนี้?”
“อันซินยิ้ม “เพื่อนจากมหาลัย”
พอพูดจบ สีหน้าของอันซินดูหมองลงเล็กน้อย ราวกับมีเรื่องในใจ
เข้าร่วมงานแต่งควรจะแสดงสีหน้าดีใจไม่ใช่หรือไง? เห็นได้ชัดว่าอันซินมีปัญหาในใจ ดูเหมือนงานแต่งนี้จะไม่ธรรมดาสักแล้ว
“งานแต่งจัดขึ้นเมื่อไหร่เหรอ?” หลินหยุนถาม
“พรุ่งนี้” อันซินตอบ
“วันนี้พวกเราไปพักที่บ้านของเธอสักคืนก่อน จะได้ปลอบใจเธอด้วย”
ปลอบใจ?
ประโยคนี้ถ้าเกิดพูดกับผู้หญิงที่กำลังจะแต่งงาน ล้วนเป็นการบ่งบอกว่าเป็นเรื่องที่โชคร้าย
“งั้นฉันจะไปพักที่โรงแรมสักคืนก็แล้วกัน!” หลินหยุนพูด
“ไม่จำเป็น บ้านเธอใหญ่มาก แถมเธอก็อาศัยอยู่คนเดียว ไม่เป็นไรหรอก” อันซินพูดอธิบาย
“แถมมีนายอยู่ด้วย ฉันจะได้สบายใจ”
หลินหยุนจ้องมองอันซินสักพัก “ได้ งั้นฉันจะไปกับเธอ”
บ้านเพื่อนร่วมชั้นของอันซินคนนี้ ใหญ่โตจริงด้วย เป็นคฤหาสน์ที่เป็นบ้านเดี่ยว
ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมชั้นของอันซินคนนี้ จะเป็นคนที่ร่ำรวยมาก
อันซินและหลินหยุนยืนอยู่หน้าประตูของคฤหาสน์
“รอแป๊บ ฉันขอโทรหาซือหนันก่อน!” อันซินพูด พร้อมกับหยิบมือถือขึ้นมา
พอพูดไปไม่กี่คำ อันซินก็กดวางสาย
“เธอจะมารับพวกเราเดี๋ยวนี้” อันซินพูดพร้อมกับมองหลินหยุน
ข้างในสวนของคฤหาสน์ เริ่มจากมีเสียงที่วิ่งมาด้วยอาการหอบ จากนั้นก็มีหญิงสาวหน้าตาสะสวยในชุดกระโปรงขาว เดินออกมาจากห้องรับแขก
“อันซิน!”
ผู้หญิงที่อยู่ห่างประตู เริ่มร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจ
“ซือหนัน!” อันซินเองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน ทั้งสองคนเหมือนกับเพื่อนในสนามรบที่ไม่ได้เจอกันนานสิบปี
ประตูรั้วเหล็กถูกเปิดออก ผู้หญิงทั้งสองกอดกัน น้ำตาอาบท่วมหน้า
“เร็ว รีบเข้ามาเร็ว!” โหซือหนันสงบสติอารมณ์ ทำมือทำท่ายินดีต้อนรับ เรียกหลินหยุนเข้ามา
อันซินมองหลินหยุนด้วยใบหน้าแดงก่ำแล้วพูดว่า “ให้นายเจอภาพน่าอายสักได้ นี่เป็นเพื่อนร่วมห้องของฉัน โห้ซือหนัน”
“นี่เป็นเพื่อนสนิทของฉัน หลินหยุน”
อันซินทำการแนะนำทั้งสองฝั่ง
“เข้าไปคุยข้างในกันเถอะ!” โห้ซือหนันพูด
“ได้”
หลินหยุนเข้าไปยังห้องรับแขก สำรวจสักพัก การตกแต่งภายในบ้านนั้นมีความหมายแอบแฝงอยู่มาก เรียบง่ายและสง่างาม เจ้าของบ้านควรจะเป็นผู้ใหญ่ที่ผ่านเรื่องต่างๆมามากมาย
บ้านหลังนี้ไม่น่าจะเป็นบ้านของโห้ซือหนัน