จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 496 การตอบแทนของนายท่านเสี้ยง
หยางหยิงมองดูท่าทีของหลินหยุนไม่เหมือนกำลังเสแสร้ง จึงถามอีกครั้ง : “นี่อย่าบอกนะว่าคุณไม่ได้กลับไปที่หัวหยา กรุ๊ปเลย ?”
หลินหยุนเคยได้ยินเรื่องของหัวหยา กรุ๊ปเมื่อชาติที่แล้ว ว่าเป็นบริษัทบันเทิงที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ไม่เป็นสองรองใครในประเทศจีนและแม้แต่ในเอเชียเลย
เมื่อเปรียบเทียบกับหัวหยากรุ๊ปแล้ว สามบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนนั้นยังตามหลังอยู่มาก
“ยัง” หลินหยุนตอบกลับอย่างเฉยเมย เขาไม่ได้มีเรื่องอะไรกับหัวหยา กรุ๊ปสักหน่อย แล้วจะให้เขาไปทำอะไรที่หัวหยา กรุ๊ป
หยางหยิงถึงกับตกใจ: “จนถึงตอนนี้คุณก็ยังไม่เคยไปที่หัวหยา กรุ๊ปเลยงั้นหรอ ถึงว่าล่ะว่าทำไมคุณถึงแสดงท่าทีเหมือนไม่รู้อะไรแบบนี้”
หลินหยุนถามกลับ: “แล้วผมควรจะรู้อะไรหรอ?”
หยางหยิงตอบ: “หัวหยา กรุ๊ป ตอนนี้อยู่ภายใต้ชื่อของคุณแล้ว”
ถ้าหากเป็นคนอื่น เมื่อได้ยินว่าหัวหยา กรุ๊ปกลายเป็นบริษัทของตัวเองแล้ว คาดว่าเขาคนนั้นก็คงจะดีใจจนหัวใจวายไปแล้ว
เพราะนั่นเป็นถึงบริษัทบันเทิงที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเอเชีย มีมูลค่าทรัพย์สินหลายหมื่นล้านเลยทีเดียว
แต่ว่าหลินหยุนกลับตอบกลับเพียงแค่ “อ๋อ” คำเดียวอย่างเรียบนิ่ง พร้อมถาม : “ทำไม?”
หลินหยุนไม่รู้เลยว่าเพราะอะไรที่ทำให้อยู่ๆ ก็มีบริษัทบันเทิงที่มีความยิ่งใหญ่ขนาดนั้นมาตกมาอยู่ในการดูแลของเขาเพิ่มอีกอัน
หยางหยิงตอบ: “คุณยังจำอาจารย์ของฉันที่คุณรักษาอาการป่วยของเขาจนหาย แล้วเขาเคยบอกว่าจะมอบทรัพย์สมบัติของเขาให้คุณครึ่งหนึ่งได้หรือเปล่า ?”
“จำได้”
หยางหยิงกล่าวต่อ: “หัวหยา กรุ๊ป ก็คือสิ่งที่อาจารย์เขาให้คุณเป็นการตอบแทนไงล่ะ เขารู้ว่าคนอย่างคุณคงจะไม่สนใจดูแลจัดการบริษัท ดังนั้นก็เลยช่วยจัดหาทีมบริหารมืออาชีพมา เพื่อช่วยคุณในการดำเนินงาน จากนั้นก็แบ่งสัดส่วนของทรัพย์สินออกมาแล้วจดลงในนามของคุณ ซึ่งคุณก็คือผู้บริหารใหญ่ของหัวหยา กรุ๊ปตัวจริง”
“ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ทางหัวหยา กรุ๊ปสร้างผลกำไรได้ไม่น้อยเลยทีเดียว รวมทั้งการที่บริษัทหวนตี้และบริษัทเกนเนอร์รวมเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็มาจากการจัดการของทีมบริหารของหัวหยา กรุ๊ปเหมือนกัน”
หลินหยุนถึงกับยิ้มออกมา: “ความหมายของคุณก็คือ บริษัทหวนตี้และบริษัทเกนเนอร์อะไรนั่นถูกกวาดซื้อจากหัวหยา กรุ๊ปที่อยู่ภายใต้ชื่อของผมงั้นหรอ ?”
หยางหยิงพยักหน้าอย่างจริงจัง: “ถูกต้อง”
ทันใดนั้นภายในสมองของหลินหยุนก็ปรากฏภาพของประธานเสี้ยงชายชราผู้ดื้อรั้นคนนั้นขึ้นมา : “อาจารย์ของคุณเนี่ย ช่างเป็นคนที่น่าสนใจจริงๆ เลยนะ”
หยางหยิงพูดกลับด้วยท่าทีตะลึงเล็กน้อย: “อาจารย์ของฉันก็พูดเกี่ยวกับคุณแบบนี้เหมือนกัน”
“อาจารย์คนนี้ของคุณ ดูท่าแล้วจะไม่ใช่คนง่ายๆ เลย” หลินหยุนยิ้มตอบอย่างจางๆ
การที่นายท่านเสี้ยงยืนกรานที่จะตอบแทนเขา ทั้งยังแบ่งทรัพย์สินส่วนตัวให้กับเขาตั้งครึ่งหนึ่งอีก แบบนี้สามารถบอกได้เลยว่านายท่านเสี้ยงคนนี้เป็นคนที่รักษาสัจจะพูดคำไหนคำนั้น และยังเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์ที่แตกต่างจากคนทั่วไปอีก
เขาได้มองวิเคราะห์หลินหยุนเป็นอย่างดีแล้ว ดังนั้นครึ่งหนึ่งของทรัพย์สินครั้งนี้ จึงถือว่ากำลังเป็นการลงทุนไปในตัว
ส่วนตัวหลินหยุนถึงแม้จะไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วตระกูลเสี้ยงมีกำลังอำนาจมากขนาดไหน แต่เมื่อดูจากหัวหยา กรุ๊ปแล้ว สามารถบอกได้เลยว่าตระกูลเสี้ยงนั้นมีอำนาจที่แข็งแกร่งกว่าระดับของควีนจินคนนั้นแน่นอน
ซึ่งสามารถไล่เลี่ยได้กับสี่ตระกูลใหญ่ของเมืองหลวงได้เลย
ดังนั้นส่วนมากพวกตระกูลแบบนี้ มักจะไม่ขาดแคลนเงินทองอยู่แล้ว
สิ่งที่ขาดก็มีเพียงแค่คนคนหนึ่งที่จะสามารถทำให้พวกเขามีโอกาสเพิ่มขึ้นไปอีกขั้นเท่านั้น
ดังนั้นการที่นายท่านเสี่ยงยินยอมที่จะจ่ายเงินนี้เพื่อตอบแทนแก่หลินหยุน นั่นเป็นเพราะเขาคิดว่าหลินหยุนก็คือโอกาสที่ว่านี้นั่นเอง
หยางหยิงพูดขึ้นอีกครั้ง: “จริงด้วย การที่บริษัทหวนตี้และบริษัทเกนเนอร์รวบกิจการครั้งนี้ เหล่าศิลปินที่อยู่ภายใต้สังกัดของพวกเขาก็ตกเป็นของคุณเหมือนกันนะ ซึ่งเติ้งหลุนเจียคนนั้นก็เป็นคนของบริษัทหวนตี้ด้วย ฉันรู้นะว่าพวกคุณเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน แต่ยังไงฉันก็ขอเตือนคุณให้มองเรื่องส่วนรวมเป็นใหญ่ เขาเป็นดาราที่สามารถทำเงินได้คนหนึ่ง คุณไม่จำเป็นต้องไปเอาเรื่องอะไรกับเขา ปล่อยเขาทำงานให้คุณก็พอเถอะ !”
จู่ๆ หลินหยุนก็อยากจะหัวเราะออกมา: “เติ้งเจียหลุนกลายเป็นศิลปินภายใต้สังกัดของผม!”
“ผมเริ่มตั้งตารอไม่ไหวแล้วสิว่าถ้าเติ้งเจียหลุนได้ยินข่าวนี้ เขาจะมีสีหน้ายังไง”
เมื่อนึกถึงท่าทีของเติ้งเจียหลุนที่แสนจะหยิ่งยโสเจ้าบงการ และจองหองในตอนนั้นที่อยู่ต่อหน้าอีหลิง ถ้าปล่อยให้เขารู้ว่าที่ผ่านมาเขาต้องทำงานให้กับหลินหยุนชายคนนั้นที่เขาดูถูกมาโดยตลอด คิดไม่ออกเลยว่าสีหน้าของเติ้งเจียหลุนจะประหลาดใจขนาดไหนเชียว
หลินหยุนอมยิ้มมองไปยังหยางหยิง: “คุณเองก็จะไปร่วมงานเฉลิมฉลองการรวมกิจการของบริษัทหวนตี้และบริษัทเกนเนอร์ด้วยใช่ไหม ?”
หยางหยิงส่ายหน้า: “ฉันก็อยากจะไปอยู่หรอก แต่ว่าดาราระดับฉันเนี่ย ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปเข้าร่วมน่ะสิ!คนที่เขาเชิญไปล้วนแต่เป็นเหล่าราชา ราชินีแห่งวงการทั้งนั้น คุณสมบัติของฉันยังมีไม่มากพอ”
“อีกอย่างฉันก็กำลังจะไปที่เมืองอูของมณฑลซีไห่ เพื่อเข้าร่วมงานแสดง แต่แค่คิดไม่ถึงว่าจะบังเอิญมาเจอกับคุณระหว่างทางแบบนี้”
หลินหยุนถาม: “แล้วคุณเป็นศิลปินในสังกัดของผมหรือเปล่า?”
หยางหยิงถามกลับอย่างติดตลก: “คุณคิดจะทำอะไร?ฉันไม่ใช่ทั้งคนของบริษัทหวนตี้และบริษัทเกนเนอร์ ดังนั้นตอนนี้จึงไม่ได้เป็นคนที่อยู่ใต้สังกัดของคุณ ถ้าเกิดคุณคิดที่จะทำอะไรแผลงๆ หยุดคิดไปได้เลยค่ะ”
หลินหยุนรู้ว่าหยางหยิงกำลังหยอกล้อกับเขาอยู่ จึงยิ้มรับจางๆ ก่อนจะถามต่อ : “หัวหยา กรุ๊ปอันนั้นหน่ะ ผมสามารถที่จะดึงอำนาจบริหารกลับมาได้ตามใจตัวเองหรือเปล่า ?ถ้าเกิดว่าอยู่ๆ ผมอยากจะเปิดเผยตัว พวกเขาจะรู้จักผู้บริหารใหญ่อย่างฉันหรือเปล่า?”
“แน่นอนว่าได้อยู่แล้ว!นี่เป็นบริษัทของคุณ ส่วนCEOของหัวหยา กรุ๊ปในเวลานี้เขาก็เป็นเพียงแค่ผู้จัดการที่ทำงานให้กับคุณเท่านั้น แน่นอนว่าคุณสามารถเรียกอำนาจทั้งหมดคืนได้ตามอำเภอใจเลย อีกอย่างทีมบริหารผู้เชี่ยวชาญพวกนั้น สิ่งแรกที่พวกเขาต้องทำเมื่อเข้ามาในหัวหยา กรุ๊ปก็คือการจดจำรูปภาพของคุณ ถ้าเกิดว่าคุณไปปรากฏตัว พวกเขาจะต้องจำได้แน่นอน”
“อีกเรื่องหนึ่งเลยก็คือครั้งนี้นายท่านเสี้ยงอาจจะไปปรากฏตัวในงานด้วย ถ้าคุณมีคำถามอะไร สามารถที่จะไปถามเอาความชัดเจนจากนายท่านเสี้ยงได้เลย”
ดวงตาของหลินหยุนประกายแสงออกมา ถ้าพูดแบบนี้ เขาก็คงต้องไปที่งานรวบกิจการนั้นสักหน่อยแล้ว
ในขณะนั้นเอง จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของหยางหยิงก็ดังขึ้น
“ขอโทษนะ ฉันขอรับสายสักครู่” หยางหยิงมองไปยังหลินหยุน พร้อมกล่าวขอตัว
“ตามสบาย” หลินหยุนตอบกลับ
ทางด้านหยางหยิงก็ไม่ได้เกรงใจอะไร พร้อมกดปุ่มรับสายโดยตรง
“พี่หลัน ตอนนี้ฉันถึงเมืองซินเฉิงแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้กำลังพูดคุยอยู่กับเพื่อน อะไรนะคะ?คุณก็อยู่ที่เมืองซินเฉิงแล้วเหมือนกัน ตอนนี้จะมาหาฉัน !”
“งั้นก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันจะส่งที่อยู่ไปให้นะคะ”
หยางหยิงวางสายลง แล้วมองไปยังหลินหยุนด้วยสีหน้าแปลกๆ ก่อนจะยิ้มพูด : “ท่านประธานหลิน ฉันจะแนะนำคนให้รู้จักนะคะ รองประธานของบริษัทหวนตี้ ตอนนี้เธอกำลังมาที่นี่ อีกสักครู่พวกคุณลองทำความรู้จักกันสักหน่อยนะคะ”
หลินหยุนถาม: “เพื่อนของคุณหรอ?”
“ใช่แล้วค่ะ เพื่อนที่ดีมากๆ แถมยังเป็นผู้หญิงที่หายากด้วยนะ จากนี้ไปก็จะเป็นคนของคุณแล้ว ยังไงซะคุณก็ช่วยดูแลหน่อยแล้วกัน”
“ไม่มีปัญหา” หลินหยุนตอบ
จากนั้นเขาก็พูดคุยเรื่องทั่วๆ ไปกับหยางหยิงอีกสักพัก ก่อนที่ประตูห้องส่วนตัวของพวกเขาจะถูกเปิดออก
หญิงสาวสวมชุดสูททำงานสีดำของผู้หญิง รูปร่างสูงเพรียว หน้าตาสะสวยดูมีความเป็นผู้ใหญ่ เดินเข้ามาด้านในพร้อมกับกลิ่นหอมฟุ้ง
“หยางหยิง!” เสียงของหญิงสาวนุ่มนวลชัดเจน และฟังดูสบายอย่างมาก
“พี่หลัน ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ สวยขึ้นเยอะเลยนะเนี่ย ถ้าคุณไปเดินบนถนนใหญ่ ก็ไม่รู้ว่าจะไปยั่วยวนให้ผู้ชายหลงใหลขนาดไหนเชียว” หยางหยิงยิ้มพูดอย่างหยอกล้อ
“ปากหวานเชียวนะ!คนนี้ก็คือเพื่อนของเธองั้นหรอ?”
หลันโร่หลินตวาดสายตาไปมองยังหลินหยุน แววตาประกายความสงสัยออกมา
สำหรับตัวหลันโร่หลินแล้วเธอนั้นมีความมั่นใจถึงรูปลักษณ์ของตัวเองมาโดยตลอด โดยทั่วไปแล้วการที่ได้พบกับผู้ชายครั้งแรก ขอเพียงแค่เป็นชายหนุ่มที่มีจิตนิสัยปกติ พวกเขาก็มักจะมองเธอค้างอยู่อย่างนั้นนานหลายวินาที และก็จะมีบางคนที่อาจจะมองนานหลายนาทีก็ยังไม่ละสายตา
ซึ่งสายตาเหล่านั้นล้วนมีความเร่าร้อนแฝงอยู่ ราวกับสามารถแผดเผาคนที่มองได้เลย
แต่ว่า หลินหยุนกลับต่างไป หลินหยุนเพียงชำเลืองมองหลันโร่หลินเพียงพริบตาเดียวก็หันหน้ากลับไปแล้ว แถมสีหน้าของเขาก็เรียบเฉยดูธรรมชาติอย่างมาก ซึ่งไม่เหมือนคนที่ภายในใจนั้นแทบจะกลืนกินหลันโร่หลิน แต่แสร้งทำสีหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นเลย
ความเฉยเมยของหลินหยุนที่มีต่อหลันโร่หลินนั้นเป็นสิ่งที่ออกมาจากใจ
อีกทั้งแววตาของหลินหยุนก็ใสสะอาดอย่างมาก ไม่มีความปรารถนาแสนสกปรกอะไรแบบนั้นเลยสักนิด
ผู้ชายแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะจิตมีปัญหา อย่างนั้นก็คงจะเป็นนักบวช ถึงได้สามารถยับยั้งอารมณ์ภายในใจได้อย่างสมบูรณ์แบบนี้
หรือบางทีเขาอาจจะพบเห็นสาวงามที่ไม่มีใครเทียบมาเยอะแล้ว ดังนั้นจึงได้มีภูมิคุ้มกันสำหรับสาวสวยระดับนี้อย่างหลันโร่หลินแล้ว