จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 499 อีหลิงได้รับการดูถูก
การที่สามารถถูกเหล่ารุ่นน้องชายหญิงให้ความชื่นชม ย่อมเป็นเรื่องน่าภูมิใจของทุกคน ซึ่งหลินเสี่ยวลู่เองก็ไม่ต่างกัน
แต่เมื่อได้ยินอีหลิงพูดคำว่าดาราระดับสาม หลินเสี่ยวลู่ที่ยังไม่ทันได้คลายความหงุดหงิดก่อนหน้านี้ ก็ถึงกับเดือดขึ้นอีกครั้ง
เมื่อกี้นี้ เธออุตส่าห์ไปแย่งที่นั่งในแถวแรกได้แล้วเชียว แต่ดันมีคนมาไล่เธอให้มานั่งแถวข้างหลัง แล้วยังบอกอีกว่าเธอเป็นดาราระดับสาม ไม่เหมาะที่จะนั่งในแถวแรก
ซึ่งคนเหล่านั้นก็เป็นพวกดาราชื่อดังระดับหนึ่ง หรือไม่ก็เป็นผู้กำกับมือทองชื่อดัง หลินเสี่ยวลู่รู้ตัวว่าไม่สามารถไปลองดีกับพวกเขา จึงไม่กล้าที่จะทำอะไรผลีผลาม
แต่ว่าตอนนี้รุ่นน้องสาวคนหนึ่งกำลังบอกว่าตัวเองเป็นดาราระดับสาม หลินเสี่ยวลู่จึงโมโหฟึดฟัด และราวกับได้พบที่สำหรับระบายความโกรธพอดี
“ถุย คนต่ำๆ ก็เอาแต่พูดเรื่องต่ำๆ แล้วใครเป็นรุ่นพี่ของเธอกัน!อย่าทำเป็นตีสนิทกับฉัน คนแบบเธอฉันเจอมาเยอะแล้ว!”
“คิดจะใช้ความสัมพันธ์ของฉันเพื่อเข้าวงการหรือไง?ฉันขอบอกเธอไว้เลยว่าไม่มีทาง แล้วอย่าแม้แต่จะเพ้อฝัน ถ้าอยากจะโลดแล่นในวงการบันเทิงล่ะก็นะ ให้ลงมือทำทุกอย่างแบบตรงไปตรงมาดีกว่านะ อายุยังน้อยอย่าเอาแต่หาทางลัด”
“ดูเธอหน้าตาก็ไม่เลว ถ้าอยากจะเดินทางลัด แค่เธอยอมเดินไปประเคนตัวให้ถึงที่ ก็คงจะมีผู้ชายหลายคนที่ชอบอยู่แล้ว”
ประโยคสุดท้ายนี้ ล้วนเป็นคำพูดที่กำลังดูถูกอีหลิง
จ้าวจื่อฉีที่นั่งอยู่ข้างๆ เหลือบมองอีหลิงด้วยสายตาที่ดูถูก สำหรับพวกเธอแล้วเพื่อนร่วมอาชีพถือเป็นศัตรู และการต่อสู้ในวงการบันเทิงนั้นโหดร้ายเอามากๆ
เมื่อเจอผู้หญิงที่หน้าตาสะสวยอย่างอีหลิงแล้ว โดยสัญชาตญาณแล้วมักจะเป็นที่อิจฉาริษยาของผู้หญิงในวัยเดียวกัน
แต่ถึงอย่างนั้นด้วยฐานะของจ้าวจื่อฉีแล้ว แน่นอนว่าเธอไม่สามารถไปโจมตีอะไรกับอีหลิงได้
แต่ว่าอู่ซื่อหานที่คอยตามตัวจ้าวจื่อฉีนั้น เมื่อเห็นอีหลิง ใบหน้าของเธอก็ถึงกับตกใจ เมื่อกี้นี้เธอปล่อยความสนใจไปกับจ้าวจื่อฉีและหลินเสี่ยวลู่ จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นอีหลิง
ตอนนี้เมื่อได้เห็นว่าอีหลิงกำลังถูกหลินเสี่ยวลู่อาละวาดใส่ คนอย่างเธอที่มองอีหลิงว่าเป็นศัตรูในศึกดาวสถาบันมาโดยตลอด แน่นอนว่าจะไม่มีทางปล่อยโอกาสที่จะสามารถกดทับอีหลิงแบบนี้ไป
“เอ๊ะ ฉันก้คิดว่าใคร ?นี่มันดาวโรงเรียนอีของสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจวไม่ใช่หรอเนี่ย ?”
ตอนนี้เมื่อได้เห็นว่าอีปรากฏลิงกำลังถูกหลินเสี่ยวลู่อาละวาดใส่ คนอย่างเธอที่มองอีหลิงว่าเป็นศัตรูในศึกดาวโรงเรียนมาโดยตลอด แน่นอนว่าจะไม่มีทางปล่อยโอกาสที่จะสามารถกดทับอีหลิงแบบนี้ไป
“เอ๊ะ ฉันก็คิดว่าใคร ?นี่มันดาวโรงเรียนอีของสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจวไม่ใช่หรอเนี่ย ?”
“นี่มันอะไรกันดาวโรงเรียนอี?กำลังจะเตรียมจะเข้าวงการแล้ว แต่ดันไม่มีทางไป ดังนั้นก็เลยคิดจะมาพึ่งใบบุญของพี่เสี่ยวลู่หรือไง ?”
“น่าเสียดายจัง แบบนี้จะให้พี่เสี่ยวลู่ถูกใจเธอได้ยังไงกันเล่า ?แบบนี้เอาไหม ตอนนี้ฉันกำลังขาดคนวิ่งงานสองคนพอดี ถ้าเธอยอมเรียกฉันว่าพี่ ฉันจะยอมทำใจรับเธอเอาไว้ แบบนี้เป็นไง ?”
นักเรียนสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์ ถ้าหากว่ามีความสัมพันธ์หรือรู้จักกับคนในวงการ มีความเป็นไปได้ว่าพวกเขาเหล่านั้นอาจจะมีชื่อเสียงก่อนที่จะเรียนจบจากสถาบันเสียอีก
แต่ถ้าหากว่าไม่ได้มีความสัมพันธ์หรือรู้จักใครเลย โอกาสที่จะพัฒนาก็มีน้อย และส่วนมากก็ต้องอาศัยการเป็นตัวประกอบแทนหรือทำงานอย่างอื่นแทน
ดังนั้น นักเรียนจำนวนมากเลยมักจะมีการเตรียมตัวเอาไว้แต่เนิ่นๆ เหมือนกับอู่ซื่อหานในตอนนี้ ที่เธอเลือกจะไปเป็นที่รองมือรองเท้าให้กับรุ่นพี่จากสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หวู่หยางอย่างจ้าวจื่อฉี และกลายเป็นผู้ช่วยของจ้าวจื่อฉี ซึ่งถือเป็นการเดินล้ำหน้าคนอื่นไปหลายก้าวเลยทีเดียว
เมื่อเห็นว่าอีหลิงถูกหลินเสี่ยวลู่และจ้าวจื่อฉีเหยียดหยาม ทางด้านจางซือจู่และคนอื่นๆ จึงเกิดความโกรธเคืองขึ้นมาในทันที
การที่จ้าวจื่อฉีจะดูถูกอีหลิง ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร เพราะว่าทั้งสองสถาบันนั้นเป็นศัตรูกันมาโดยตลอด
แต่ว่าหลินเสี่ยวลู่เป็นรุ่นพี่ที่จบจากสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจว การที่รุ่นน้องจะเข้าไปทักทายรุ่นพี่ มันก็เป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้ว แต่หลินเสี่ยวลู่กลับพูดว่าเป็นการเข้าไปเพื่อสานสัมพันธ์ แล้วจะได้มีทางลัด แถมยังดูถูกอีหลิงว่าให้เอาตัวเองไปขาย……
หลินหยุนมองไปที่หลินเสี่ยวลู่ด้วยใบหน้าดูถูก สายตาที่เยือกเย็น จากแววตาที่แม่นยำของหลินหยุน เขาสามารถมองออกได้เลยว่าหลินเสี่ยวลู่กำลังใช้อีหลิงเป็นกระสอบทรายระบายอารมณ์
และยิ่งเมื่อได้ยินว่าอีหลิงคือดาวโรงเรียน ในใจของหลินเสี่ยวลู่ก็เกิดความริษยาเพิ่มขึ้นไปอีก
ในช่วงที่เธออยู่ในสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจว เธอเฝ้าหวังอยากจะกลายเป็นดาวโรงเรียน แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาความสวยของเธอนั้นยังมีไม่พอ ดังนั้นการเรียนอยู่ในสถาบันนานถึงสี่ปี เธอจึงไม่เคยสมหวังเลย
ถึงแม้ว่าหลังจากที่เธอมีชื่อเสียงแล้ว เหล่านักเรียนในสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจวจะได้มีการมอบตำแหน่งดาวโรงเรียนให้เธอ แต่นั่นก็เพียงเพื่อแค่ใช้ในการพูดโอ้อวดเท่านั้น
ตอนนี้เมื่อได้ยินว่าอีปรากฏลิงเป็นถึงดาวโรงเรียนของสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจว ความเคลงใจที่เก็บซ่อนไว้ในใจมานานหลายปี ในที่สุดก็ปะทุกลายเป็นความโกรธ และแน่นอนว่าเป้าหมายของเธอก็คืออีหลิงอีกครั้ง
“โอ๋ ดูไม่ออกเลยจริงๆ เธอเป็นถึงดาวโรงเรียนงั้นหรอ ?ไม่คิดจริงๆ เลยว่าสายตาของนักเรียนสถาบันภาพยนตร์และโทรทัศน์หลินโจวเดี๋ยวนี้จะแย่ขนาดนี้ คนแบบนี้ก็เลือกมาเป็นดาวโรงเรียนได้เนาะ !”
หลินเสี่ยวลู่ชำเลืองไปมองยังพวกหลินหยุน ก่อนจะพูดอย่างเยาะเย้ย : “ฉันว่าตำแหน่งดาวโรงเรียนของเธอ คงจะได้มาจากการร่วมนอนซะมากกว่าล่ะมั้ง !ผู้หญิงคนหนึ่ง มีผู้ชายติดสอยตั้งห้าหกคน ดูแล้วก็คงจะไม่ใช่ผู้หญิงปกติ”
จางซือจู่คำรามออกมาด้วยความเดือด: “หลินเสี่ยวลู่ คุณพอได้แล้ว !พวกเราเคารพคุณในฐานะรุ่นพี่ ดังนั้นก็เลยต้องการที่จะทักทายเท่านั้น คิดไม่ถึงว่าคุณจะพูดคำทุเรศๆ แบบนี้ออกมาได้!”
ฉินโส่วใบหน้าเดือดดาลไม่แพ้กัน เขาถลึงตามองไปยังหลินเสี่ยวลู่แล้วพูดต่อว่า : “ตอนแรกพวกเราก็มองว่าคุณเป็นรุ่นพี่ เลยคิดว่าถ้าเกิดว่าเจอหน้ากันแล้วไม่ทักทายก็คงจะดูไร้มารยาท คิดไม่ถึงว่ากลับถูกคุณดูถูกดูแคลนความปรารถนาดี”
หยางเทียนโย่วและเทพฟ้าผ่าต่างก็พากันพูดวิจารณ์ แม้แต่ไอ้หินที่ทำตัวระวังตัว และนิ่งเงียบมาโดยตลอดยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวตำหนิหลินเสี่ยวลู่ด้วยสีหน้าที่ขุ่นเคืองเหมือนกัน: “น่าละอายใจที่มีคุณเป็นรุ่นพี่จริงๆ ไม่คิดเลยว่าจะกล้าใช้คำพูดหยาบคายแบบนี้กับรุ่นน้องของตัวเอง น่าน้อยใจจริงๆ”
บางคนที่นั่งอยู่รอบๆ ที่ได้เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ต่างก็ชี้นิ้วไปที่ตัวหลินเสี่ยวลู่
หลินเสี่ยวลู่ที่ได้ระบายอารมณ์ ก็รู้สึกดีขึ้นมาทันตา แต่เพราะคำพูดของเธอนั้นโหดร้ายเกินไป เลยทำให้คนจำนวนมากเกิดความไม่พอใจ
จ้าวจื่อฉีแอบเข้าไปกระซิบข้างหูหลินเสี่ยวลู่ : “ที่นี่มีคนพูดซุบซิบเยอะ รักษาภาพพจน์หน่อย”
หลินเสี่ยวลู่ที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย การเป็นดารา สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือข่าวในเชิงลบ ยิ่งโดยเฉพาะตอนนี้เธอเป็นดาราระดับสามที่กำลังมีงานที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
แต่ถึงแม้ว่าเรื่องเลยเถิดมาถึงนี้แล้ว หลินเสี่ยวลู่ก็ไม่คิดที่จะกล่าวขอโทษใดๆ กับอีหลิง พร้อมทั้งยังหน้าด้านที่จะดึงดันต่อไป
ใบหน้าสะสวยของอีหลิงแดงก่ำขึ้นมา น้ำตาจากความน้อยใจเอ่อล้นออกมารอบดวงตา
ตอนแรกเธอก็ไม่คิดที่จะไปตีสนิทกับหลินเสี่ยวลู่อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะจางซือจู่ที่คะยั้นคะยอ เธอก็คงจะไม่มีทางทักทายหลินเสี่ยวลู่แน่นอน
อีกอย่างเดิมทีก็แค่ต้องการที่จะกล่าวทักทายกับรุ่นพี่เหมือนคนทั่วไป พร้อมกับทำความรู้จักรุ่นพี่เล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอการดูถูกที่โหดร้ายอย่างไร้เหตุผลแบบนี้
“รุ่นพี่หลินคะ ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดหรอกนะคะ ฉันก็แค่ต้องการกล่าวทักทายกับคุณอย่างจริงใจเท่านั้น คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ”
เมื่อเห็นสภาพที่น่าสงสารของอีหลิง ทุกคนต่างก็ใจสลายไม่น้อย
จากนั้นก็มีดาราชายระดับน้อยคนหนึ่งพูดวิจารณ์หลินเสี่ยวลู่ออกมา : “ฮึ หลินเสี่ยวลู่คนนี้ เรียกว่าเป็นผู้หญิงมีพิษ ถึงได้กล้าใช้คำพูดหยาบคายแบบนี้ดูถูกรุ่นน้องของตัวเอง ไร้มนุษยธรรม!”
“นั่นสิ แล้วผู้หญิงร้ายกาจแบบนี้ได้รับความนิยมได้ไงกัน ?มันน่าคิดจริงๆ !” ดาราชายอีกคนหนึ่งพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“พวกนายสองคนกล้าพูดถึงพี่เสี่ยวลู่แบบนี้ ไม่กลัวว่าพี่เสี่ยวลู่จะบล็อกพวกนายหรือไง ?” ดาราชายหัวเกรียนคนหนึ่งยิ้มเยาะออกมา
“บล็อก?ฉันล่ะรอให้เธอมาบล็อกฉันซะจริง แบบนี้ไม่แน่ฉันอาจจะดังขึ้นมาหน่อยก็ได้ ฮ่าๆ !” ชายทั้งสองหัวเราะเยาะอย่างเหยียดหยาม
ยังไงซะก็อยู่ในระดับน้อยแล้ว ยังจะมีอะไรให้กลัวอีก !
ทางหลินเสี่ยวลู่ที่ได้ยินคำพูดเลวร้ายแบบเดียวกันจากคนพวกนั้น ทำเอาเธอโกรธจนหน้าดำหน้าแดงไปหมด
ตอนนี้เธอพอจะเข้าใจความรู้สึกของอีหลิงแล้ว นี่ก็คงจะเป็นวัฏจักรแห่งมรรคฟ้า ผู้รับกรรมย่อมไม่ได้ผาสุกสินะ?
เมื่อกี้นี้เธอใช้คำพูดหยาบคายแบบนั้นดูถูกอีหลิง ตอนนี้ก็เลยมีคนที่ใช้คำพูดหยาบคายยิ่งกว่านั้นมาดูถูกเธอ
แต่ถึงอย่างไร ต่อให้เรื่องจะมาถึงขั้นนี้แล้ว หลินเสี่ยวลู่จะไม่มีทางยอมรับผิดเด็ดขาด ดังนั้นจึงต้องกัดฟันดึงดันแบบนี้ต่อไป
แล้วเอาความรับผิดชอบทั้งหมดโยนใส่ตัวอีหลิง แบบนี้ถึงจะทำให้ผลกระทบในด้านลบของเธอมีน้อยที่สุด
“หื้ม อย่ามาทำตัวน่าสงสาร ที่พูดดีขนาดนี้เนี่ย ไม่ใช่เพียงเพราะว่าอยากจะไปยั่วยวนมัดใจของพวกผู้ชายที่มักจะใช้ความคิดจากท่อนล่างหรอกหรือไง?”
“เธอเป็นแค่นักเรียนคนหนึ่ง แต่กลับมาที่งานรวมกิจการของบริษัทหวนตี้และบริษัทเกนเนอร์ ถ้าไม่ใช่เพื่อมาฉกฉวยโอกาส แล้วจะมาเพื่ออะไรกัน ?อย่ามาบอกฉันว่าเธอมาแค่ดูงานเพื่อความสนุกนะ คนโง่ถึงจะเชื่อ”
ผู้คนที่อยู่บริเวณถึงกับสะอึกทันที
ในงานรวมตัวกันของยักษ์ใหญ่แห่งวงการบันเทิงแบบนี้ การที่เหล่าดาราดังมากมายจะมาที่นี่ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไร แต่หากเป็นนักเรียนอย่างอีหลิงที่ยังเรียนอยู่ การมาที่นี่ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะมาเพื่อหาโอกาส