จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 509 ข้าจะตามนายไป
หลินหยุนไม่ได้เหลียวมองกี่คนนี้เลยแม้แต่น้อย เป็นอีหลิงที่อดใจไม่ไหว พูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “พอกันได้แล้ว พวกคุณไปเถอะ หลินหยุนไม่ได้คิดที่จะเอาเรื่องเอาความกับพวกคุณหรอก! ”
กี่คนนี้ไม่เชื่อในคำพูดของอีหลิงเท่าไหร่ หลินหยุนจึงได้กวาดสายตาอันเยือกเย็นมองไปยังพวกเธอ: “ยังจะไม่ไปอีกเหรอ”
กี่คนนี้ถึงจะมีท่าทีดีอกดีใจ ราวกับได้รับการนิรโทษ: “ขอบคุณคุณหลินมาก ขอบคุณคุณหลินมาก! ”
เติ้งเจียหลุนนั่งอยู่กับที่อย่างเงียบสงบ ตั้งแต่ที่นายท่านเสี้ยงขึ้นบนเวที จนถึงหลินหยุนกลับออกมา เขาก็มีสีหน้าท่าทางที่หม่นหมองโดยไม่พูดไม่จาอะไรสักคำเลย
เวลานี้ เขาก็ได้ลุกยืนขึ้นอย่างกะทันหัน เดินไปยังด้านข้างของหลินหยุนด้วยสีหน้าท่าทางที่ยิ้มเยาะ
“ไอ้หนุ่มน้อย ต้องพูดว่า คราวนี้นายกระทำการได้อย่างเก่งจริง ๆ! ”
“แต่ว่า ข้าก็เพียงแค่เสียหน้าเล็กน้อยเท่านั้น ตระกูลเติ้งแห่งซีไห่ต่างหากที่เป็นรากฐานของข้า ส่วนวงการบันเทิงนั้นข้าก็เพียงแค่ลองเล่น ๆ ก็เท่านั้น”
“ถ้าหากต้องการให้ข้ายอมแพ้ อย่างนั้นก็มาที่ตระกูลเติ้งของข้า ข้าจะรอนายอยู่ที่บ้าน! ”
“อย่าทำให้ข้าต้องผิดหวังล่ะ! ”
เติ้งเจียหลุนยิ้มให้กับหลินหยุนด้วยท่าทางที่โหดเหี้ยม หันหลัง ด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่องแล้วก็เดินจากไป
อีหลิงรีบพูดเตือนขึ้นอย่างเป็นกังวล: “หลินหยุน ห้ามไปเด็ดขาด จะต้องมีกับดักอย่างแน่นอน! ”
“ใช่สิ นี่มันก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? มีกับดักรออยู่อย่างแน่นอน คนโง่เท่านั้นที่จะติดกับดักนี้! ” จางซือจู่ยิ้มเยาะอย่างเหยียดหยาม โดยคิดว่าตนเองนั้นได้เปิดโปงแผนการชั่วร้ายของเติ้งเจียหลุนแล้ว
หลันโร่หลินก็พูดเตือนขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด: “หลินหยุน ตระกูลเติ้งเป็นถึงเจ้าพ่อท้องถิ่นแห่ง ซีไห่ ต่อให้คุณเป็นเจ้านายของหัวหยา กรุ๊ป ขณะอยู่ที่ซีไห่ก็ไม่สมควรที่จะไปปะทะกับตระกูลเติ้งอย่างซึ่ง ๆ หน้า”
หลินหยุนแววตาเฉยชา ลึกซึ้งอย่างกับยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาว
“นี่ไม่ใช่กลอุบายลับ แต่คือกลอุบายเปิดเผย เขารู้ว่าฉันจะต้องไปที่ตระกูลเติ้งอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงได้จงใจพูดแบบนี้ออกมาเพื่อยั่วยุฉัน”
อีหลิงถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจว่า: “ทำไม? ไม่ไปตระกูลเติ้งไม่ได้อย่างนั้นเหรอ? ”
หลินหยุนส่ายศีรษะ: “ครั้งนี้ที่ฉันมาซีไห่ ก็เป็นเพราะต้องการจะไปที่ตระกูลเติ้ง”
“โดยการมาที่นี่ เป็นเพียงแค่ความสนใจที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญก็เท่านั้น”
หลันโร่หลินเหลือบตาขาวใส่ กับคำพูดที่ว่าเกิดความสนใจขึ้นโดยบังเอิญ โดยที่ความสนใจของนายที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญนั้นได้ทำให้งานที่ยิ่งใหญ่ของวงการบันเทิงสับสนอลหม่าน ซึ่งหากกว่านายตั้งใจที่จะมาจริง ๆ แล้ว คงจะทำให้การประชุมควบรวมกิจการในครั้งนี้ตาลปัตรวุ่นวายกันไปหมดเป็นแน่!
หลินหยุนพูดว่าจะไปก็เตรียมที่จะไปจริง ๆ โดยได้มองไปที่อีหลิง และพูดว่า: “ที่นี่หลังจากนี้ก็คงจะไม่มีเรื่องราวอะไรแล้ว พวกคุณสนุกสนานกันต่อที่นี่อย่างวางใจได้เลย”
“ฉันขอไปดูสักหน่อยว่า ตระกูลเติ้งได้เตรียมการอะไรไว้ให้กับฉัน”
“คุณระวังตัวให้ดีด้วย ถ้าหากพบปะอันตราย จำไว้นะว่าให้โทรศัพท์มาหาพวกเรา” อีหลิงทราบดีว่าไม่มีทางที่จะห้ามเตือนหลินหยุนได้ จึงกำชับขึ้นอย่างเป็นห่วง
“ตกลง”
หลังจากที่แยกตัวออกมาจากอีหลิงแล้ว หลินหยุนก็ได้โทรศัพท์ไปหาอู๋ติ่งหมิง ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำแห่งชีวิตในมณฑลซีไห่ เพื่อนัดพบเจอกับเจ้าบ้านผู้อาวุโสของตระกูลอู๋ที่เป็นที่รู้จักว่าเป็นผู้ที่มีเมตตาและซื่อตรงมาโดยตลอด
ในร้านน้ำชา หลินหยุนพบกับเจ้าบ้านอู๋
เจ้าบ้านอู๋มีอายุหกสิบกว่าปีแล้ว ผมขาวกว่าครึ่งศีรษะ แม้ว่าร่างกายจะผอมบาง แต่สีหน้ามีความเป็นธรรม มีท่าทางที่น่าเกรงขาม
ทั้งสองคนนั่งอยู่ตรงกันข้ามกัน โดยเจ้าบ้านอู๋ได้รินน้ำชาให้กับหลินหยุน
“ข้าขอดื่มชาแทนเหล้า คารวะปรมาจารย์หลินหนึ่งแก้ว! ” เจ้าบ้านอู๋พูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“เชิญ! ” หลินหยุนยกแก้วขึ้น และดื่มจนหมดแก้ว
เจ้าบ้านอู๋เหมือนกับว่าอัดอั้นมานาน ไม่ได้พูดคำเกรงใจอะไร โดยเข้าสู่ประเด็นทันที
“ปรมาจารย์หลิน น้ำแห่งชีวิตของท่าน ช่างมีขึ้นเพื่อสร้างความสุขให้กับประชาชนชาวจีนกันอย่างถ้วนหน้าเสียจริง! แม้ว่าข้าจะไม่สามารถเป็นตัวแทนของประชาชนชาวจีนทั้งหมดได้ แต่ยังไงก็ต้องขอกล่าวกับท่านว่าขอบคุณ! ”
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “เจ้าบ้านอู๋พูดเกินไปแล้ว ข้าไม่ได้ทำเพื่อประชาชนชาวจีน แต่เพื่อทำตามคำสัญญา”
ประชาชนชาวจีน ในสายตาของหลินหยุนแล้ว บางทีอาจจะไม่สำคัญมากขนาดนั้น
เศร้าโศกเสียใจกับเรื่องไม่ดีที่เกิดขึ้น โกรธเคืองเสียใจกับเรื่องที่ผิดหวังไม่ยุติธรรม
ความสุขความเป็นอยู่ที่ดีของทุกคน ควรที่จะอาศัยพวกเขาเองในการไขว่คว้าให้ได้มา ซึ่งไม่ใช่ที่จะไปพึ่งพาพวกวีรบุรุษที่ยอมเสียสละตนเองเหล่านั้น
ประธานหลิวแห่งสมาคมการแพทย์แห่งประเทศจีน คือวีรบุรุษแบบที่กล่าวมานี้
เพื่อประชาชนชาวจีน ยอมวางระดับสถานะของตนลง และไปขอร้องหลินหยุนอย่างไม่ลังเล
เจ้าบ้านอู๋คิดว่าหลินหยุนเพียงแค่ถ่อมตัว จึงไม่ได้ใส่ใจ และพูดต่อว่า: “ปรมาจารย์หลิน ข้านั้นเป็นเพราะโอกาสความบังเอิญ ที่ทำให้ได้พบเจอกับน้ำแห่งชีวิต ในตอนนั้น ข้าเองยังไม่เชื่อว่าโลกใบนี้จะมียาวิเศษที่อัศจรรย์ถึงขนาดนี้! ”
“ลูกศิษย์ของข้า ไปถึงเมืองหลินโจวและซื้อกลับมาให้ข้าเล็กน้อย นี่เองที่ทำให้ข้าเชื่อมั่นในน้ำแห่งชีวิต”
“ตอนนั้นข้าคิดอยู่ว่า ในเมื่อมีสิ่งของที่ดีขนาดนี้แล้ว ทำไมมณฑลซีไห่ของข้าถึงยังไม่มี? จากนั้นข้าก็ได้ยินข่าวคราวที่ท่านประกาศรับสมัครตัวแทนจำหน่ายทั่วทั้งประเทศ”
“โดยข้าก็ไป และก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่าย แต่ว่า มณฑลซีไห่นี้เป็นพื้นที่ห่างไกลที่รัฐบาลไม่สามารถปกครองได้อย่างทั่วถึง ต่อให้น้ำแห่งชีวิตเป็นยาวิเศษที่สร้างความสุขสงบให้กับประชาชนชาวจีนได้ แต่มีคนบางกลุ่มที่ไม่ได้ใส่ใจในความสุขของประชาชนชาวซีไห่ คิดทำแต่เพื่อผลประโยชน์ของตน จึงได้ห้ามขัดขวางไม่ให้จำหน่ายน้ำแห่งชีวิตในมณฑลซีไห่! ”
พูดมาถึงตรงนี้ เจ้าบ้านอู๋ก็เกิดสีหน้าท่าทางที่โกรธแค้น ไม่ใช่เพราะว่าเกิดจากความโกรธแค้นในส่วนของตน แต่เป็นความโกรธแค้นที่เกิดจากความเห็นอกเห็นใจ ที่เห็นความสุขความเป็นที่อยู่ที่ดีของประชาชนใต้หล้าได้ถูกขัดขวางกีดกันเอาไว้
“ที่ข้ามีหนังสือคำร้องของประชาชนซีไห่ คนเหล่านั้นมาหาข้าที่นี่ ไม่ว่าอย่างไรก็ขอให้ข้าจำหน่ายน้ำแห่งชีวิตในซีไห่ให้ได้! ”
ขณะที่พูด เจ้าบ้านอู๋ก็นำผ้าสีขาวผืนหนึ่งออกมา ด้านบนเต็มไปด้วยชื่อของคนมากมาย
หลินหยุนมองไปที่ตัวหนังสือสีดำบนผ้าสีขาวด้วยความตกใจ สีหน้าท่าทางเย็นชา
หลังจากผ่านไปสักพัก เขาจึงพูดขึ้นอย่างเฉยเมยว่า: “ตระกูลเติ้ง สมควรตายจริง ๆ! ”
เจ้าบ้านอู๋มีสีหน้าที่ละอาย: “ปรมาจารย์หลิน ในเมื่อข้าได้รับมอบให้เป็นตัวแทนจำหน่ายน้ำแห่งชีวิตของมณฑลซีไห่ ข้าเองก็ต้องมีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหาและอุปสรรคที่พบเจอในระหว่างการจำหน่ายน้ำแห่งชีวิต แต่ว่า อิทธิพลอำนาจของตระกูลเติ้งในซีไห่ ยิ่งใหญ่มากเหลือเกิน ข้าเองก็จนปัญญาทำอะไรไม่ได้เลยจริง ๆ”
เจ้าบ้านอู๋มีสีหน้าท่าทางจำใจ ในขณะเดียวกัน ก็เผยให้เห็นถึงความโกรธแค้นอย่างสุดซึ้ง
หลินหยุนพูดว่า: “เจ้าบ้านอู๋ทราบไหมว่าพ่อลูกตระกูลเติ้งตอนนี้อยู่ที่ไหน? ”
เจ้าบ้านอู๋มองไปที่หลินหยุน ด้วยความตื่นตระหนก: “ปรมาจารย์หลิน ไม่ใช่ว่าท่านคิดจะบุกเข้าไปตระกูลเติ้งตามลำพังคนเดียวหรอกนะ? ”
“อย่าโดยเด็ดขาด ตระกูลเติ้งดำเนินกิจการใช้ชีวิตในซีไห่มาเป็นเวลาหลายสิบปี มีอิทธิพลอำนาจมากมาย มีฐานที่มั่นคงเข้มแข็งแล้ว ถึงขนาดที่ข้ายังเคยได้ยินว่า ตระกูลเติ้งได้แอบก่อตั้งกองกำลังทหารลับส่วนตัวของตนเอง แม้แต่คำสั่งรัฐบาลของทางการทหารมาถึงซีไห่ ตระกูลเติ้งก็ยังไม่สนใจเลย! ”
“กองทัพส่วนตัว! ” สีหน้าของหลินหยุนเผยความตกใจขึ้นบ้างเล็กน้อย เขาเพียงคาดเดาว่าตระกูลเติ้งคงจะมีไพ่เด็ดใบสุดท้ายแน่นอน แต่ไม่ทราบว่าไพ่เด็ดใบสุดท้ายคืออะไร
ตอนนี้ดูเหมือนว่า กองทัพส่วนตัว ก็คงจะเป็นไพ่เด็ดใบสุดท้ายของตระกูลเติ้งแล้ว
จากพลังความสามารถของหลินหยุนในตอนนี้ กองทัพทั่วไปไม่สามารถที่จะคุกคามอะไรกับเขาได้
แน่นอนว่า อย่างเช่นขีปนาวุธพลังสูง ระเบิด ก็ยังคงจะสร้างอันตรายให้กับหลินหยุนอยู่
“ข้าทราบแล้ว ขอให้เจ้าบ้านอู๋บอกที่อยู่ของพ่อลูกตระกูลเติ้งให้กับข้าหน่อย” หลินหยุนถามขึ้นด้วยความจริงจัง
เจ้าบ้านอู๋ขมวดคิ้ว เขาเห็นถึงความตั้งใจเด็ดเดี่ยวของหลินหยุน และก็เคยได้ยินเรื่องราวที่น่าอัศจรรย์ของหลินหยุนมาบ้าง จึงทราบว่าหลินหยุนไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
“ตกลง ในเมื่อปรมาจารย์หลินตั้งใจเด็ดเดี่ยว อย่างนั้นข้าก็จะบอกให้กับท่าน”
“พ่อลูกตระกูลเติ้ง ก็อยู่ที่คฤหาสน์มังกรตระกูลเติ้งของพวกเขา ตำแหน่งที่อยู่ก็คือที่นี่”
เจ้าบ้านอู๋เปิดใช้แผนที่บนโทรศัพท์ หาตำแหน่งที่ตั้งของคฤหาสน์มังกรตระกูลเติ้งให้กับหลินหยุน
หลินหยุนกล่าวขอบคุณ แล้วก็แยกตัวจากเจ้าบ้านอู๋ จากนั้นก็มุ่งหน้าตรงไปยังคฤหาสน์มังกรตระกูลเติ้งตามลำพังคนเดียว
เดินทางตามแผนที่แสดงตำแหน่ง ไม่นานหลินหยุนก็มาถึงคฤหาสน์มังกรแล้ว
คฤหาสน์หลังนี้ใหญ่โตมาก เมื่อกวาดตามองไป กลับมองไม่เห็นขอบเขตที่สิ้นสุด
ประตูตำหนักโบราณอันสง่างดงาม ที่สร้างขึ้นตามแบบซวนหวู่เหมินในราชวงศ์ถัง โดยอักษรคำว่ามังกรสองคำนี้ได้เลี่ยมฝังด้วยทองคำ แขวนสูงไว้อยู่บนประตู ถ้าหากไม่ทราบ คงจะคิดว่ามาถึงเมืองจักรพรรดิโบราณ
“ใช้คำว่ามังกรตั้งเป็นชื่อ แสดงว่าตระกูลเติ้งมีความมักใหญ่ใฝ่สูงไม่น้อย! ”
หลินหยุนยืนอยู่ด้านหน้าประตูใหญ่ มองไปยังสองคำนั้น เหมือนว่ากำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
แล้วก็เดินเข้าไปต่อ ตลอดทางก็ไม่ได้พบกับสิ่งกีดขวางอะไร แม้แต่คนตรวจสอบก็ไม่มี
หลินหยุนเดินตามถนนใหญ่เข้าไป จนมาถึงคฤหาสน์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในใจกลางของคฤหาสน์มังกร
แต่ว่า เมื่อมาถึงด้านหน้าประตูของคฤหาสน์ ชายผู้หนึ่งอายุห้าสิบกว่าปี ในชุดพ่อบ้าน ก็เดินออกมา
โดยมีสีหน้าท่าทางที่เคารพและได้ทำการโค้งคารวะต่อหลินหยุน: “ขอถามหน่อยว่าท่านคือปรมาจารย์หลินใช่ไหม? ”