จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 510 เชลยของตระกูลเติ้ง
หลินหยุนมองไปที่ผู้อาวุโส แม้ว่าเขาจะสวมใส่ชุดพ่อบ้าน แต่ลักษณะท่าทางกลับดูดีมีสง่า ทำให้คนผู้พบเห็นรู้สึกถึงความมั่นใจในตัวเขา
“ใช่” หลินหยุนตอบ
“ข้าคือพ่อบ้านของตระกูลเติ้ง คุณชายให้ข้ารอต้อนรับปรมาจารย์หลินอยู่ที่นี่ ถ้าหากปรมาจารย์หลินมาถึงแล้ว ขอเชิญท่านไปหาเขาที่หมู่บ้านหวงสือ” พ่อบ้านอาวุโสมีท่าทางที่เคารพนอบน้อมไม่แสดงออกถึงจุดบกพร่องอะไรเลย
“หมู่บ้านหวงสืออยู่ที่บริเวณริมเขตแดนทะเลทรายซาฮาร่า คือหมู่บ้านที่อยู่สุดริมเขตแดนของทะเลทราย พบเจอได้ง่าย” พ่อบ้านอาวุโสมีใบหน้ายิ้มแย้ม ราวกับเป็นมนุษย์หุ่นยนต์
“ตกลง”
หลินหยุนหันหลัง แล้วก็เดินออกจากคฤหาสน์ไป
ชัดเจนว่า หมู่บ้านหวงสือแห่งนี้ เกรงว่าในเวลานี้ได้เตรียมการทุกอย่างเอาไว้พร้อมแล้ว
แต่ว่า หลินหยุนไม่มีความเกรงกลัวอะไรแม้แต่น้อย
หมู่บ้านหวงสือ หมู่บ้านที่บริเวณริมเขตแดนทะเลทรายซาฮาร่า เป็นสถานที่สำรองเพิ่มเติมสุดท้ายสำหรับผู้ที่ชอบการผจญภัยในทะเลทราย ซึ่งมีชื่อเสียงอย่างมากในท้องถิ่นแห่งนี้ เพียงแค่สอบถามก็สามารถที่จะหาพบเจอได้
แต่ว่า กลับมีคนน้อยมากที่ทราบว่า หมู่บ้านหวงสือ ที่จริงแล้วคือฐานที่มั่นลับของตระกูลเติ้งที่ได้ดำเนินการมาเป็นเวลานานหลายปี
โดยกองทัพส่วนตัวของตระกูลเติ้ง ก็แอบซ่อนอยู่ที่นี่
ไม่อย่างนั้น หมู่บ้านขนาดเล็กแห่งนี้ จะเป็นสถานีกองหนุนสำรองได้อย่างไรกัน?
ขนาดของหมู่บ้านหวงสือ ก็เทียบเท่ากับอำเภอทั่วไป โดยสำรวจไปทั่วทั้งจีนแล้ว หมู่บ้านลักษณะนี้สามารถนับจำนวนได้
หลินหยุนค้นพบหมู่บ้านหวงสือได้โดยง่าย ซึ่งพบเห็นเป็นหมู่บ้านพิเศษที่เทียบได้กับฐานที่มั่นกองกำลังทหารแห่งนี้
ทั้งหมู่บ้านมีกำแพงที่ยาวมากล้อมรอบเอาไว้ ภายในมีสิ่งก่อสร้างที่เป็นเอกลักษณ์ในแบบทะเลทรายอยู่มากมาย
ที่ประตูใหญ่ของหมู่บ้าน มีจัดตั้งด่านรักษาความปลอดภัย ยามรักษาความปลอดภัยในชุดทำงานสี่คน ในมือถือกระบองตำรวจ เดินไปเดินมาอย่างองอาจเข้มแข็ง
หลินหยุนเดินไปตามเส้นทาง กลับไม่พบคนอื่นที่เดินสวนทางกัน แม้ว่าที่นี่จะได้ชื่อว่าเป็นสถานที่สำรองเพิ่มเติมสุดท้ายของทะเลทรายแห่งนี้ แต่โดยทั่วไปแล้วมีผู้คนเดินทางมากันน้อยมาก
เมื่อหลินหยุนเดินมาถึงที่หน้าประตู ยามรักษาความปลอดภัยคนหนึ่งที่ยืนพิงป้อมรักษาการณ์และสูบบุหรี่อยู่นั้น ก็มองมาที่เขา
แต่ว่า ก็ไม่ได้สอบถามอะไรกับหลินหยุน หลินหยุนเองก็ไม่ได้ไปใส่ใจอะไรพวกเขา แล้วก็เดินตรงเข้าไปด้านในราวกับว่าด้านข้างไม่มีใคร
รอจนหลินหยุนเดินเข้าไปด้านในของหมู่บ้าน ยามรักษาความปลอดภัยคนนั้นถึงได้นำภาพถ่ายขึ้นมาดูเปรียบเทียบ
“ถูกต้อง ก็คือเขา! แจ้งให้คุณชายรับทราบ คนผู้นั้นได้มาถึงแล้ว! ”
ยามรักษาความปลอดภัยอีกคนหนึ่งได้รีบโทรศัพท์แจ้งทันที
ภายในหมู่บ้าน ได้สร้างถนนสายหลักที่มีความกว้างประมาณสามสิบเมตร ถนนที่ใหญ่ขนาดนี้ปรากฏอยู่ในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เหมือนกับว่าใช้งานอย่างไม่คุ้มค่า
บริเวณสองข้างของถนนเป็นบ้านห้องแถวสูงสองถึงสามชั้น มีจำนวนมากที่เปิดบ้านประกอบธุรกิจ โดยสินค้าส่วนใหญ่นั้นล้วนเป็นสิ่งของที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตในทะเลทราย
หลินหยุนเดินตรงไปตามถนน ระหว่างทางเขาก็ได้สอบถามผู้คนถึงรายละเอียดของเติ้งเจียหลุน แต่ว่าหลายคนต่างก็ส่ายศีรษะ แสดงท่าทีว่าไม่ทราบ
และหลินหยุนก็มองออกว่า พวกเขานั้นไม่ทราบจริง ๆ ไม่ใช่ว่าตั้งใจที่จะปกปิด
เมื่อหลินหยุนเดินมาถึงบริเวณสี่แยก โดยที่ไม่รู้ว่าจะเดินต่อไปในทิศทางไหน ก็มีชายหนุ่มในชุดสูทสีดำคนหนึ่ง วิ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
“ปรมาจารย์หลิน คุณชายให้ฉันมานำทางท่าน! ” ชายหนุ่มพูดขึ้นอย่างเคารพ
“ไปกันเถอะ! ” หลินหยุนสีหน้าเฉยชา ไม่ได้ตกใจอะไร ซึ่งถ้าอิทธิพลอำนาจของตระกูลเติ้ง ยิ่งใหญ่มากเหมือนกับที่เจ้าบ้านอู๋ได้พูดเอาไว้แล้ว โดยเมื่อหลินหยุนเข้าสู่หมู่บ้านแห่งนี้แล้ว หากคนของตระกูลเติ้งยังไม่รับทราบ งั้นก็คงจะน่าแปลก
ชายหนุ่มได้นำหลินหยุนเดินทางต่อไป จนมาถึงประมาณตำแหน่งใจกลางของหมู่บ้าน หลินหยุน มองเห็นกำแพงล้อมรอบที่ยิ่งมีความสูงใหญ่ ซึ่งดูเหมือนเป็นลักษณะหมู่บ้านซ้อนในหมู่บ้าน
ประตูเหล็กบานใหญ่สีดำที่สร้างขึ้นโดยสแตนเลส คาดว่าแม้แต่กระสุนปืนรถถังก็คงจะยิงไม่ทะลุ
ที่ประตู ได้สร้างห้องยามรักษาความปลอดภัยหลังหนึ่งในลักษณะแบบป้อมปราการ มีเพียงด้านข้างที่เปิดหน้าต่างไว้บานหนึ่ง อีกทั้งยังได้ติดตั้งกระจกกันกระสุนเอาไว้อีกด้วย
ชายหนุ่มได้ล้วงสมุดโน้ตเล็กเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ส่งมอบให้กับยามรักษาความปลอดภัยในชุดสูทสองคนนั้น โดยที่ทั้งสองคนได้มองตรวจสอบ จากนั้นก็ปล่อยไปผ่านเข้าไป
เข้าไปภายในประตูใหญ่ ด้านในเป็นลานกว้าง มีขนาดเท่ากับสนามฟุตบอล บริเวณรอบข้างเป็นตึกแถวสามชั้นขนาดเล็ก และบริเวณที่ตรงข้ามกับประตูใหญ่นั้น เป็นบ้านเดี่ยวหกชั้นหนึ่งหลัง
บริเวณลานกว้างไม่มีคน ชายหนุมคนนั้นได้พูดกับหลินหยุนว่า: “รอสักครู่ ฉันจะไปแจ้งรายงาน! ”
จากนั้น ชายหนุ่มก็ได้เดินอย่างรวดเร็วตรงไปยังบ้านเดี่ยวหกชั้นหลังนั้น
“ปรมาจารย์หลิน ในที่สุดนายก็มาแล้ว! ”
เสียงหนึ่งดังขึ้นผ่านลำโพงในลานกว้าง แสบหูไม่น่าฟัง
นี่คือเสียงของเติ้งเจียหลุน แต่ว่าคนของเขากลับฟังกันไม่ออก
หลินหยุนยืนอยู่กับที่ไม่เคลื่อนไหว แล้วมองไปยังบ้านหกชั้นหลังนั้นที่อยู่ตรงข้าม และพูดขึ้นว่า: “ข้ามาแล้ว พวกนายตระกูลเติ้งมีความสามารถอะไร ก็แสดงออกมาให้หมดได้เลย! ”
“เหอะเหอะ ปรมาจารย์หลิน นายยังคงบ้าระห่ำเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน! อย่าเพิ่งรีบร้อน ก่อนที่จะให้นายได้เห็นพลังความสามารถของตระกูลเติ้งของข้านั้น จะให้นายได้เห็นก่อนว่าพวกข้าตระกูลเติ้งปฏิบัติอย่างไรต่อผู้กระทำความผิด”
สิ้นเสียงพูดของเติ้งเจียหลุน กลุ่มชายหนุ่มชุดดำ ก็ได้นำตัวชายหนุ่มห้าคนที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือดออกมาที่ตรงลานกว้าง
กี่คนนี้ ชัดเจนว่าได้ถูกทำร้ายทารุณไม่น้อย โดยสองคนในจำนวนนี้ กระดูกขาวได้โผล่ออกมาแล้ว
เสียงของเติ้งเจียหลุนดังขึ้นอีกครั้ง แฝงไปด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง: “ปรมาจารย์หลิน นายรู้ไหมว่าคนที่อยู่เบื้องหน้าพวกนี้เป็นใคร? ”
หลินหยุนมองไปที่กี่คนนั้น โดยสามารถรับรู้ได้จากลมหายใจในร่างกายของพวกเขาได้ว่า กี่คนนั้นล้วนเป็นนักบู๊ ซึ่งคนที่มีอายุมากที่สุดในนั้น น่าจะเป็นนักบู๊พรสวรรค์สูงสุด ส่วนพวกคนที่เหลือนั้น ต่างก็เป็นนักบู๊พรสวรรค์
“ตระกูลเติ้งมีความสามารถที่จะจับกุมนักบู๊ระดับขั้นแดนพรสวรรค์ได้ ดูเหมือนว่าความสามารถของตระกูลเติ้ง ไม่ใช่ว่าจะมีเพียงแค่กองทัพทหารส่วนตัวเท่านั้น”
นักบู๊ทั้งห้าคนนี้ กองทัพทหารทั่วไปหากคิดที่จะยิงสังหารพวกเขาบางทีอาจจะเป็นเรื่องง่าย แต่ว่าหากคิดที่จับพวกเขาทั้งเป็นนั้น คงไม่มีทางเป็นไปได้
ดังนั้น ตระกูลเติ้งคงจะมีนักบู๊ที่เก่งกาจอยู่เป็นแน่
“ข้าไม่ได้สนใจที่จะรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร ถ้าหากนายยังไม่ยอมออกมา อย่างนั้นข้าจะเข้าไปหานายเอง” หลินหยุนสีหน้าท่าทางไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก เมื่อพูดจบก็เดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว
“ช้าก่อน! ”
“ปรมาจารย์หลิน หรือว่านายไม่อยากรู้สถานะของพวกเขางั้นเหรอ? ”
“คนพวกนี้ ต่างก็เป็นคนของทางการจีนทั้งนั้น! ”
“ได้ยินว่า ยังเป็นคนของกองกำลังพิเศษอะไรด้วย พวกเขาคิดที่จะมาสอดส่องสำรวจกำลังความสามารถของข้าตระกูลเติ้ง จึงโดนคนของข้าจับตัวเอาไว้”
“นายไม่แปลกใจหรือยังไงว่า ข้าจะจัดการกับพวกเขาอย่างไร? ”
น้ำเสียงของเติ้งเจียหลุนเต็มไปด้วยการล้อเล่น ราวกับว่าเป็นนักหมากรุกที่กำลังจะชนะ
หลินหยุนไม่ได้ตอบ ในเมื่อตระกูลเติ้งกล้าที่จะเลี้ยงดูกองทัพทหารส่วนตัว ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าไม่ได้เห็นทางการจีนอยู่ในสายตา ซึ่งการที่ได้จับกุมตัวสมาชิกกองกำลังพิเศษของทางการจีนนั้น ก็คงไม่น่าจะแปลกใจอะไร
“คนที่ไม่เกี่ยวข้องพวกนี้ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้า ในเมื่อนายไม่ยอมออกมา อย่างนั้นข้าก็จะเข้าไปหานาย”
ขณะที่พูด หลินหยุนก็เดินหน้าต่อไปอีก เหมือนกับว่าค่อนข้างรีบร้อน
“ฮึ ในเมื่อนายรีบร้อนที่จะตาย งั้นข้าก็จะตอบสนองความต้องการของนาย! ” เสียงของเติ้งเจียหลุนแฝงไปด้วยความโกรธแค้น ชัดเจนว่ารู้สึกโมโหที่หลินหยุนขัดช่วงจังหวะของเขา
“ออกมากันทั้งหมดเลย! ”
สิ้นเสียงของเติ้งเจียหลุน ตึงตึงตึง ชายหนุ่มกลุ่มใหญ่ถืออาวุธปืนครบมือออกมา จากตึกรามบ้านช่องเหล่านั้นที่อยู่โดยรอบ
พวกเขาต่างอยู่ในชุดสูทสีดำ สีหน้าท่าทางแข็งทื่อ เหมือนกับกลุ่มนักรบที่ผ่านศึกสงครามมานับร้อยครั้ง ซึ่งไม่เหมือนกลุ่มทหารที่เพิ่งก่อตั้งกองกำลังขึ้นใหม่
กลุ่มคนนี้มีจำนวนประมาณห้าร้อยนาย โอบล้อมเป็นวงกลม โดยล้อมหลินหยุนเอาไว้ตรงกลาง และปลายกระบอกปืนสีดำเล็งเป้ามายังหลินหยุน
เพียงแค่เติ้งเจียหลุนสั่งการลงมา พวกเขาก็จะระดมยิงปืนใส่ไปที่ลานกว้างอย่างรอบด้าน
“ปรมาจารย์หลิน ได้ยินว่านายมีทักษะการต่อสู้ที่เก่งกาจ ขอให้ข้าดูหน่อยว่าตกลงนายต่อสู้เก่งกาจมากขนาดไหน? เสียงที่กระหยิ่มยิ้มย่องของเติ้งเจียหลุนดังขึ้นในลานกว้าง”
“จะทำให้ดั่งที่นายต้องการ! ” หลินหยุนมีสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก และตอบรับอย่างเฉยชา ก้าวเดินออกไป โดยร่างกายที่อยู่กับที่ได้หายวับไปพริบตา
ปังปังปัง……
เสียงปืนดังขึ้นอย่างอุตลุด โดยที่ยิงไม่โดนชายเสื้อของหลินหยุนเลยแม้แต่น้อย
ถัดมา เงาร่างของหลินหยุนก็ได้ปรากฏขึ้นอยู่กลางกองทัพทหารส่วนตัวของตระกูลเติ้ง
“รวดเร็วอย่างมาก! ” ลำโพง ได้ส่งเสียงที่ตกตะลึงของเติ้งเจียหลุนออกมา
สำหรับผู้มีฝีมือที่สูงส่งอย่างหลินหยุนแล้ว กองทัพทหารส่วนตัวทั่วไปเหล่านี้ไม่สามารถที่จะคุกคามสร้างอันตรายอะไรต่อเขาได้
แม้แต่นักบู๊ระดับขั้นแดนพรสวรรค์สูงสุดที่ถูกจับกุมตัวนั้น ก็ไม่เห็นกองทัพทหารส่วนตัวเหล่านี้อยู่ในสายตา
ดังนั้น จัดการกับพวกคนเหล่านี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องออกแรงอะไร