จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 515 เมืองผี
หลินหยุนอยากจะพูดว่า มีคนจำนวนมากที่ต้องการจะเคารพบูชาเขาเป็นอาจารย์ แต่คนแบบปู่รองเติ้งนี้ ยังไม่มีคุณสมบัติที่เพียงพอ
แต่ว่า เมื่อชายชราอายุมากกว่าแปดสิบปีคนหนึ่ง พูดจากับคุณอย่างเคารพ และเรียกขานคุณว่า อาจารย์ หลินหยุนก็ไม่กล้าที่จะไปทำร้ายจิตใจของปู่รองเติ้งจริง ๆ
“ที่ข้ารอนายได้สติฟื้นคืนมา ไม่ใช่เพราะว่าจะรับนายเป็นลูกศิษย์ แต่เป็นเพราะคลังสมบัติของตระกูลเติ้ง” หลินหยุนได้พูดอย่างชัดเจนกับสิ่งที่ตนเองกำลังคิด ในเมื่อตระกูลเติ้งใช้ชีวิตดำเนินกิจการที่นี่มากว่าหลายสิบปี อย่างนั้นจะต้องมีสิ่งของที่เป็นประโยชน์อย่างแน่นอน
ปู่รองเติ้งจิตใจกว้างขวาง พูดตามตรงว่า: “ท่านตามข้ามา! ”
ปู่รองเติ้งพาหลินหยุน มายังสถานที่พักอาศัยเป็นประจำของเขา
“ที่นี่ก็คือคลังสมบัติของตระกูลเติ้ง! ”
ที่นี่คือห้องเก็บของใต้ดิน ภายในมีอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมาก แต่ว่าสำหรับสิ่งของที่นักบู๊ใช้ในการฝึกฝน กลับไม่มีเลยสักอย่างเดียว
“อาวุธเหล่านี้แอบลักลอบขนลำเลียงมาจากต่างประเทศ คือทรัพย์สมบัติของตระกูลเติ้งในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา”
หลินหยุนไม่ได้มีความสนใจกับสิ่งของเหล่านี้เลย: “ข้าหมายถึงสิ่งของล้ำค่าที่ใช้ในการบำเพ็ญฝึกฝนต่างหาก”
ปู่รองเติ้งส่ายศีรษะ: “ไม่มี นับตั้งแต่ปีนั้นที่สำนักถูกทำลายลง ข้าโชคดีที่หลบหนีเอาตัวรอดออกมาได้ แล้วข้าก็บำเพ็ญฝึกฝนด้วยตนเองมาโดยตลอด ต่อให้มีสิ่งของล้ำค่าอะไรข้าเองก็ไม่รู้จัก”
หลินหยุนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เดิมทีคิดว่าตระกูลเติ้งที่ได้ใช้ชีวิตดำเนินกิจการในทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีนมานานหลายสิบปี และยังมีนักบู๊อย่างปู่รองเติ้งด้วย คงจะมีการเก็บสะสมสิ่งของสำคัญในการบำเพ็ญฝึกฝนจำนวนมากเอาไว้อย่างแน่นอน
คิดไม่ถึงว่าปู่รองเติ้งคนนี้จะไม่มีวิธีการฝึกฝนที่เป็นแบบแผน ต่อให้มีสิ่งของล้ำค่าเขาเองก็ไม่รู้จัก
“โอ้วใช่แล้ว ในปีนั้นตอนที่ข้าอยู่ที่เมืองผีได้รับสิ่งของมาชิ้นหนึ่ง ข้ารู้สึกว่ามันไม่ธรรมดา จึงได้นำมันออกมาด้วย ท่านดูหน่อยว่ามันใช้ได้หรือไม่! ” ปู่รองเติ้งพูดขึ้นอย่างกะทันหัน
หลังจากนั้น ก็เดินไปที่มุมห้อง แล้วนำกล่องใบหนึ่งออกมา ด้านในมีไม้เท้าอยู่ด้ามหนึ่ง
ก็เหมือนกับไม้เท้าของคนชรา โดยส่วนหัวของไม้เท้ามีลักษณะเป็นพระจันทร์เสี้ยว
ตอนที่เห็นไม้เท้า แววตาของหลินหยุนขยับเคลื่อนไหว กลิ่นอายของไม้เท้านี้ค่อนข้างเบาบางมากแล้ว แม้แต่เขาเองก็ยังไม่สังเกตเห็น
แต่ว่า เพียงแค่กลิ่นอายที่เบาบางนี้ เขาสามารถสรุปได้เลยว่า นี่คือไม้ทิพย์พรสวรรค์
เพียงแต่ อาจเป็นเพราะมีมาแต่โบราณ หรือว่ามีคนได้ดูดซับพลังแฝงของไม้จนหมดสิ้นแล้ว ดังนั้นหลินหยุนแทบจะไม่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของสิ่งนี้
ปู่รองเติ้งพูดขึ้นว่า: “ไม้เท้าด้ามนี้ข้าได้นำมันมาจากในมือของรูปปั้นเทพเจ้ารูปหนึ่งในตอนที่ข้าอยู่ในเมืองผี ข้ารู้สึกว่าด้านบนของมันมีกลิ่นอายของพลังที่แกร่งกล้า ดังนั้นทุกครั้งที่บำเพ็ญฝึกฝนก็จะนำมันติดตัวไปด้วย”
“หลายสิบปีมานี้ ข้าพบว่ากลิ่นอายของมันลดลงอยู่ตลอด โดยไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด”
หลินหยุนเข้าใจแล้วว่า พลังของไม้ทิพย์พรสวรรค์ด้ามนี้ แน่นอนว่าได้ถูกปู่รองเติ้งดูดซับเข้าไปแล้วโดยไม่ตั้งใจ
นี่เกรงว่าคงจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เขากลายเป็นปรมาจารย์
โดยภูตป่าพรสวรรค์ที่แฝงอยู่ในไม้ทิพย์พรสวรรค์ สามารถที่จะทำให้เขาฝึกฝนจนทะลุถึงขั้นปรมาจารย์ได้อย่างไม่มีปัญหา
แต่เสียดายที่เป็นการทำลายสิ่งของตามอำเภอใจ ไม้ทิพย์พรสวรรค์ไม่ได้ใช้งานแบบเขาอย่างนี้
ภูตป่าพรสวรรค์จำเป็นต้องใช้การดูดซับ ซึ่งการดูดซับแบบเขาอย่างนี้ พลังของไม้ส่วนใหญ่ ต่างย้อนกลับคืนสู่ฟ้าดินไปหมดแล้ว เหลือเพียงแค่ส่วนเล็กน้อยที่ถูกเขาดูดซับ
“เมืองผีอยู่ที่ไหน? ” หลินหยุนถามขึ้น
ในเมื่อปู่รองเติ้งสามารถตามหาไม้เท้าที่ทำขึ้นโดยไม้ทิพย์พรสวรรค์ได้ ถ้าอย่างนั้นคงจะมีไม้ทิพย์พรสวรรค์ในรูปแบบอื่นอีกใช่หรือไม่?
ใบหน้าของปู่รองเติ้งเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัว: “เมืองผี ก็อยู่ที่ตำแหน่งใจกลางของทะเลทรายซาฮาร่า”
“แต่ว่า ที่นั้นน่ากลัวอย่างมาก ข้าเคยไปครั้งหนึ่ง และคงจะไม่ลืมไปตลอดชีวิต”
หลินหยุนพูดว่า: “ทำไมนายถึงไปที่นั่นได้? ”
ปู่รองเติ้งพูดว่า: “ตอนนั้นสำนักถูกทำลาย พวกเราถูกคนตามฆ่า ในช่วงที่ตื่นตกใจไม่รู้ว่าจะไปทิศทางไหน ข้าคนเดียวก็ได้วิ่งเข้าไปที่ทะเลทรายซาฮาร่า จากนั้น ข้าก็ได้ประสบกับพายุทราย โดยตอนที่ข้าได้สติตื่นขึ้นมา ก็พบเห็นเมืองผีแล้ว”
“เมืองผีมีลักษณะอย่างไร? ” หลินหยุนถามขึ้น
สีหน้าของปู่รองเติ้งแสดงท่าทางย้อนคิดถึงความทรงจำ: “เปล่าเปลี่ยว เงียบสงัด ไม่มีคน ถูกความมืดปกคลุม หดหู่น่ากลัวมาก! ”
“ข้าไม่มีทางลืมเลือนไปได้ ท่ามกลางทะเลทรายสีเหลืองนั้น เมืองผีได้ถูกเมฆดำปกคลุม สำหรับ ข้าแล้ว นั่นเป็นฝันร้ายโดยสิ้นเชิง”
หลินหยุนครุ่นคิดเล็กน้อย คาดว่าเมืองผีนั้น คงน่าจะเป็นเมืองโบราณแห่งหนึ่งที่ถูกทะเลทราย ทับถม ไม่แน่ว่าอาจจะยังมีไม้ทิพย์พรสวรรค์อยู่อีกก็เป็นได้
“พาข้าไปเมืองผี”
“นี่……” สีหน้าของปู่รองเติ้งเผยให้เห็นถึงความลำบากใจ สำหรับประสบการณ์ของเมืองผี เขาไม่อยากที่จะไปคิดถึงมันอีก
“วางใจเถอะ ลองไปอีกครั้ง นายก็สามารถที่จะเอาชนะเงามืดในจิตใจได้แล้ว” หลินหยุนพูดอย่างมั่นใจ
ประสบการณ์ของปู่รองเติ้ง สำหรับการแพทย์ในยุคปัจจุบัน บางทีอาจจะเรียกว่าอาการหวาดกลัวในความมืด
เมืองผีแม้จะใหญ่โต แต่ก็เป็นเมืองร้าง ราวกับช่องว่างที่มืดมิดขนาดใหญ่
คนหนึ่งคนหากหลงเข้าไปในนั้น เป็นเวลานานไม่ได้พบเจอสัมผัสกับคนพวกเดียวกัน แน่นอนว่าจะต้องเกิดเงามืดในจิตใจ
หากว่าปู่รองเติ้งไม่ใช่นักบู๊ ที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวเหนือกว่าคนทั่วไป ไม่แน่ว่าเขาอาจจะฆ่าตัวตายในเมืองผีไปแล้วก็เป็นได้
“ท่านไว้ชีวิตของข้า และยังช่วยให้ข้าบรรลุ ข้าสมควรที่จะตอบแทน! ”
“ข้าจะพาท่านไป! ” ปู่รองเติ้งสีหน้าท่าทางเศร้าอาดูรคลุกเคล้าไปด้วยความฮึกเหิม มีความรู้สึกที่จะไปตายดาบหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว
ทั้งสองคนซื้อน้ำดื่มเล็กน้อย รวมถึงสิ่งของจำเป็นที่ใช้ในการผจญภัยในทะเลทราย จากนั้นก้เดินทางเข้าสู่ทะเลทรายซาฮาร่า
เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มนักผจญภัยเหล่านั้นแล้ว หลินหยุนกับปู่รองเติ้งสองคนมีความรวดเร็วกว่าพวกเขาไม่รู้กี่เท่า
เวลานี้ปู่รองเติ้งเป็นถึงปรมาจารย์แดนพรสวรรค์แล้ว ส่วนการฝึกฝนของหลินหยุนไม่จำเป็นที่ต้องไปพูดถึงมากนัก ต่อให้ทั้งสองคนไม่ได้กินไม่ได้ดื่มในช่วงที่อยู่ในทะเลทรายนานเป็นเดือน ก็ไม่มีอันตรายใด ๆ ต่อชีวิต
ใช้เวลาสามวัน ปู่รองเติ้งก็มาถึงตำแหน่งของเมืองผีในความทรงจำในตอนนั้น
แต่ว่า สิ่งที่พบเห็น มีเพียงทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไกลสุดลูกหูลูกตา มีเงาของเมืองผีที่ไหนกันล่ะ
สองคนเสาะหาต่อไป โดยอาศัยพลังความสามารถในการรับรู้ที่แข็งแกร่งของหลินหยุน ทั้งสองคนสามารถที่จะแยกแยะทิศทางขณะที่อยู่ในทะเลทรายได้อย่างชัดเจน
สำรวจค้นหามาเป็นเวลาสี่วันแล้ว โดยที่เอาตำแหน่งของเมืองผีในความทรงจำของปู่รองเติ้งเป็นจุดศูนย์กลาง ซึ่งได้สืบเสาะค้นหาภายในพื้นที่บริเวณโดยรอบประมาณสองร้อยกิโลเมตรจนทั่วแล้ว ก็ยังไม่พบเมืองผีแต่อย่างใด
“เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไรกัน? ตอนนั้นข้าจำได้อย่างแม่นยำว่าอยู่ที่ตรงนี้ ทรายสีเหลืองตลบอบอวล เมฆดำปกคลุม มีความรู้สึกกดดันเหมือนกับสวรรค์ใกล้ที่จะแตกสลาย ซึ่งในเวลานั้นเองเมืองผี ก็ได้ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าของข้า ทอดยาวไปกว่าสิบกิโลเมตร ใหญ่โตอลังการหาเปรียบมิได้ ทำไมถึงหายสาบสูญไปในอากาศได้ล่ะ? ” ปู่รองเติ้งพูดขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
ภายใต้แสงอาทิตย์ที่ร้อนแรง แม้ว่าการฝึกฝนของทั้งสองคน จะสามารถละเลยผลกระทบที่เกิดขึ้นจากอุณหภูมิในร่างกายได้ แต่จิตใจก็ยังบอกเป็นนัยว่ารู้สึกไม่ค่อยสบายสักเท่าไหร่
หลินหยุนถามขึ้นว่า: “ตอนนั้นนายพบเห็นเมืองผีได้อย่างไร? ”
ปู่รองเติ้งพูดว่า: “ข้าประสบกับพายุทราย พอตื่นขึ้นมาก็อยู่ในเมืองผีแล้ว”
พายุทรายที่สามารถพัดพาให้นักบู๊ตัวปลิวได้ แรงลมคงจะเกินกว่าระดับสิบ
หรือว่าเมืองผีถูกทับถมอยู่ใต้ดินแล้ว?
หรือว่าจะต้องมีเงื่อนไขพิเศษจึงจะทำให้เกิดขึ้นได้?
“อย่างนั้นพวกเราก็รอพายุทรายกัน” หลินหยุนกล่าว
ปู่รองเติ้งตกใจ: “ปรมาจารย์หลิน อานุภาพของพายุทราย ไม่ธรรมดาทีเดียว ต่อให้ข้าเป็นถึงปรมาจารย์ระดับแดนพรสวรรค์แล้ว ก็ยังไม่กล้าพูดว่าจะสามารถต้านทานมันได้! ”
“นั่นเป็นถึงพลังอานุภาพของฟ้าดิน ท่านควรจะต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ! ”
หลินหยุนสีหน้าเฉยชา: “ไม่เป็นไร รอกันไปเถอะ”
ทั้งสองคนบำเพ็ญฝึกฝนอยู่กับที่ เพื่อรอพายุทรายมาถึง
ฤดูกาลนี้ เป็นช่วงฤดูลมของทะเลทราย ดังนั้นรอเพียงแค่วันเดียว พายุทรายก็พัดมาแล้ว
มองไปยังเส้นสีเหลืองสลัวที่ขอบฟ้า ปู่รองเติ้งก็ตะโกนขึ้นอย่างตื่นเต้น: “ปรมาจารย์หลิน มาแล้ว พายุทรายมาแล้ว! ”
หลินหยุนได้สังเกตเห็นก่อนหน้านี้แล้ว
“จะบรรยายอย่างไรดี? เหมือนกับสุดขอบเขตท้องฟ้า กาแล็กซียุบสลาย น้ำท่วมถล่มอย่างไม่สิ้นสุด โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างรุนแรงด้วยเสียงคำรามที่กังวานรวมถึงมีความรวดเร็วเป็นอย่างมาก”
ผ่านไปไม่กี่นาที ทั้งสองคนก็ได้สัมผัสกับอะไรที่เรียกว่าพลังอานุภาพของฟ้าดินที่แท้จริงแล้ว