จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 520 แผนที่ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
หลินหยุนไม่ได้ออมมือ ทั้งสองหมัดนี้ได้ใช้พลังไปอย่างเต็มที่
ต่อให้เป็นปรมาจารย์ระดับขั้นสูงสุด ถูกหลินหยุนชกเข้าใส่สองหมัดติดต่อกัน ก็คงจะอาเจียนเป็นเลือดเสียชีวิตไปนานแล้ว
แต่ว่า คาร์นอตวิลเลียมกลับเพียงแค่อาเจียนเป็นเลือด แล้วก็ยังสามารถจู่โจมกลับต่อได้อีก
แสดงว่า ร่างกายของเผ่าโลหิตมีความแข็งแกร่งมาก
คาร์นอตวิลเลียมลุกยืนขึ้นอีกครั้ง ในที่สุดสีหน้าที่หยิ่งยโสก็ได้หมดสิ้นไป แต่ว่า การเคลื่อนไหวของเขาก็ยังคงสง่างาม ก็เหมือนกับคนตระกูลผู้ดีที่แม้จะตกอับก็ยังคงรักษาเกียรติของตนเองอย่างที่สุดท่ามกลางความสิ้นหวัง
แต่ว่า ท่าทางของเขากลับไม่ได้ทำให้คนรู้สึกรังเกียจเลย เหมือนกับเขามีความสง่างามแบบนี้โดยธรรมชาติมาตั้งแต่กำเนิด
แม้ว่าจะต้องตายไปในตอนนี้ ก็ยังคงต้องสง่างามไปจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต
“ไอ้หนุ่มตะวันออก นายช่างแข็งแกร่งมากจริง ๆ ยังแข็งแกร่งมากกว่าเจ้าพระยาแดร็กคิวล่า เสียด้วยซ้ำ! ”
“แต่ว่า ข้าคือฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าที่สูงศักดิ์ ข้าไม่มีทางที่จะพ่ายแพ้! ”
พูดจบ ในมือของคาร์นอตวิลเลียมก็มีกระบี่สั้นปรากฏขึ้น ซึ่งมีความยาวประมาณสิบฟุต
รูปทรงของกระบี่สั้น ชัดเจนว่าเป็นอาวุธเย็นในสมัยตะวันออกโบราณ ไม่ใช่รูปทรงสไตล์ของทางตะวันตก
อีกทั้ง กระบี่สั้นเล่มนี้ยังเป็นหยก
แน่นอนว่า ที่ทำให้หลินหยุนตกตะลึงที่สุดก็คือ พลังทิพย์ที่แผ่กระจายออกมาจากกระบี่สั้น นึกไม่ถึงว่าหลินหยุนจะมีความรู้สึกคุ้นเคย
“ไอ้หนุ่มตะวันออกที่แข็งแกร่ง ข้าเตรียมจะใช้อาวุธแล้ว นายก็สามารถนำอาวุธของนายออกมาได้” คาร์นอตวิลเลียมสมแล้วที่เป็นตระกูลผู้ดี มีความเป็นสุภาพบุรุษอย่างมาก
แม้แต่จะใช้อาวุธ ก็ยังต้องบอกกันก่อน
“ไม่จำเป็น” หลินหยุนสีหน้าเฉยชา: “ลงมือเถอะ! ”
คาร์นอตวิลเลียมมีความโกรธขึ้นบ้าง: “นายกล้าที่จะดูถูกเจ้าชายเผ่าโลหิต นายจะต้องเสียใจภายหลังต่อการหยิ่งผยองของนาย”
คาร์นอตวิลเลียมแปลงกายเป็นเงาดำอีกครั้ง แล้วพุ่งเข้าโจมตีหลินหยุน
จากนั้น ก็ถูกชกกระเด็นลอยไปไกลอีกครั้ง
“พุ่งโจมตีอีกครั้ง! ”
โครม!
กระเด็นออกไปอีกครั้ง!
โจมตีติดต่อกันนับสิบครั้ง ในที่สุดคาร์นอตวิลเลียมก็หมอบราบลงไปที่พื้น หอบหายใจแฮกแฮก
ตระกูลผู้ดีอะไร สง่างามอะไร สุภาพบุรุษอะไร ท่าทางอะไร ไม่ต้องการอะไรทั้งหมดแล้ว
ตอนนี้เขาก็ได้นึกถึงเมื่อสักครู่ตอนที่ถูกหลินหยุนกักขังตัวไว้ เขารู้สึกว่าที่หลินหยุนปล่อยเขาออกมา ไม่ใช่ว่าคิดที่จะปล่อยเขา แต่คิดที่จะสั่งสอนเขาต่างหาก
หลินหยุนยืนอยู่กับที่ มองไปที่เขาด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก: “ยังจะต่อสู้อีกไหม? ”
“ไม่! ”
คาร์นอตวิลเลียมตะโกนขึ้นเสียงดัง ใบหน้าที่หล่อเหลาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ราวกับประสบ มหันตภัยร้าย
“คนตะวันออกที่แข็งแกร่งและน่าเคารพ นายชนะแล้ว ข้ายอมศิโรราบ”
“ข้ายินดีที่จะตอบทุกคำถามของนาย นายถามมาเถอะ! ”
คาร์นอตวิลเลียมนั่งลงไปที่พื้น ด้วยท่าทางเคารพนอบน้อมต่อหลินหยุน
หลินหยุนมองไปที่กระบี่หยกในมือของเขา และถามขึ้นว่า: “กระบี่เล่มนี้ในมือของนาย นำมันมาจากที่ไหน? ”
คาร์นอตวิลเลียมเหมือนกับว่าถูกหลินหยุนชกจนยอมแล้วจริง ๆ จึงได้ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า: “นี่คือสมบัติล้ำค่าของตระกูลแดร็กคิวล่าของพวกเรา เป็นเครื่องชี้แนะเตือนสติที่เทพีแห่งปัญญาหลงเหลือให้กับพวกเราไว้! ”
เทพีแห่งปัญญา?
“เทพีแห่งปัญญาท่านนั้นของพวกนาย ยังได้หลงเหลือแผนที่เอาไว้ให้กับพวกนายบ้างหรือไม่? ”หลินหยุนถาม
คาร์นอตวิลเลียมตกใจ พยักหน้าอย่างเชื่อฟังและตอบว่า: “ใช่แล้ว แต่ข้าจะขอล่วงเกินสอบถามสักหน่อยว่า นายเป็นนักพยากรณ์ด้วยหรือ? ”
“แผนที่ฉบับนั้นของนาย สามารถนำมาให้ข้าดูได้ไหม? ” หลินหยุนถาม
คาร์นอตวิลเลียมลำบากใจเล็กน้อย แต่ว่าคิดถึงเมื่อครู่ที่ถูกชกจนไม่สามารถตอบโต้กลับไปได้เลย เขาจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธ
“ได้เลยนายท่าน! ” คาร์นอตวิลเลียมล้วงแผนที่ฉบับหนึ่งออกมาจากร่างกายของตน
บนแผนที่นั้นวาดภาพภูเขาลูกหนึ่งที่อยู่ท่ามกลางเมฆหมอก บนยอดภูเขามีกระบี่สั้นหนึ่งเล่ม คาดว่าคงจะเป็นเล่มเดียวกันกับที่อยู่ในมือของคาร์นอตวิลเลียม
“แผนที่ฉบับนี้และกระบี่สั้น เก็บรักษาอยู่ที่ตระกูลแดร็กคิวล่าของพวกนายมาโดยตลอดใช่ไหม? ” หลินหยุนถาม
“ใช่เลยนายท่าน นี่คือสมบัติล้ำค่าที่เทพีแห่งปัญญาหลงเหลือไว้ให้กับพวกเรา มีเพียงแค่เจ้าชายในแต่ละรุ่น จึงจะมีคุณสมบัติเก็บรักษาเอาไว้” คาร์นอตวิลเลียมตอบอย่างเคารพ
“แผนที่ฉบับนี้ของนาย และกระบี่เล่มนั้น สืบทอดมาเป็นเวลานานเท่าไหร่แล้ว? ” หลินหยุนถามขึ้นอีก
“นานมากแล้ว ตั้งแต่ฝ่าบาทแดร็กคิวล่ารุ่นแรก สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน คาดว่าน่าจะกี่พันปีแล้ว” คาร์นอตวิลเลียมกล่าว
หลินหยุนไม่ได้สอบถามเพิ่มอีก สีหน้าท่าทางเผยถึงการคิดใคร่ครวญ
ถ้าหากแผนที่ฉบับนี้กับกระบี่สั้น เป็นสิ่งที่เทพจันทราหลงเหลือเอาไว้ โดยชี้ชัดไปยังดินแดนลึกลับบางแห่ง แต่ว่า ทำไมในมือของแวมไพร์ก็มีแผนที่อยู่หนึ่งฉบับเช่นกัน!
หรือว่าเทพจันทราเคยไปยังตะวันตก?
แต่ว่า เทพีแห่งปัญญาอีกล่ะหมายความว่าอย่างไร?
หลินหยุนเคยได้ศึกษาทำความเข้าใจประวัติตำนานของตะวันตก ทราบว่ามีบุคคลที่ยิ่งใหญ่อย่างเทพีแห่งปัญญาอยู่จริง ๆ แต่ เหมือนกับว่าไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเทพจันทรา
แต่ว่า คาร์นอตวิลเลียมกลับเดินทางมายังโลกตะวันออก ค้นพบซากปรักหักพังแคว้นป้ายเยว่ที่ศาสตราจารย์โบราณคดีใช้เวลานานหลายปีกว่าจะค้นพบ
เขาเป็นแวมไพร์ที่ไม่ได้ทราบประวัติศาสตร์ของจีนเลย แล้วยึดตามอะไรถึงได้ค้นพบซากปรักหักพังแคว้นป้ายเยว่ที่อยู่ท่ามกลางทะเลทรายซาฮาราได้?
“นายมาทำอะไรที่นี่? ” หลินหยุนยิ่งรู้สึกแปลกใจกับแวมไพร์ตนนี้
“ข้า……ไม่พูดได้ไหม? ” คาร์นอตวิลเลียมพูดขึ้นอย่างลำบากใจ
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราสู้รบกันต่อ” หลินหยุนกล่าว
คาร์นอตวิลเลียม: “……”
“ข้าพูดออกมาดีกว่า! ”
“ข้ามาที่นี่ เพื่อตามหาต้นแห่งชีวิต! พวกเราเผ่าโลหิตโดยกำเนิดก็มีข้อบกพร่อง จำเป็นต้องอาศัยการดูดเลือดสาวพรหมจารี”
“เพียงแค่ค้นพบต้นแห่งชีวิต จึงสามารถที่จะชดเชยข้อบกพร่องทางร่างกายได้ ไม่จำเป็นต้องอาศัยการดูดเลือดเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิต อีกทั้งยังช่วยเสริมพลัง เพื่อไว้ต่อกรกับเจ้าพระยาแดร็กคิวล่า”
หลินหยุนมองไปที่เขา ถามขึ้นอย่างแปลกประหลาดว่า: “ถ้าเป็นแบบนี้ นายก็เพื่อหลบหนีการตามฆ่าถึงได้เดินทางมาถึงที่นี่ได้? ”
“ไม่ใช่! ” คาร์นอตวิลเลียมโต้แย้งเสียงดัง: “ข้าคือฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่า เจ้าพระยาแดร็กคิวล่าคือลูกน้องของข้า ข้าเพียงต้องการที่จะเพิ่มเติมพลัง จึงได้ตามหาต้นแห่งชีวิต ไม่ใช่หลบหนี ไม่ใช่! ”
คิดไม่ถึงว่าพูดคำว่าหลบหนี ปฏิกิริยาของคาร์นอตวิลเลียมจะรุนแรงมากขนาดนี้
แวมไพร์เหล่านี้ ถึงตายก็ยังจะต้องรักษาเกียรติหน้าตาเอาไว้จริง ๆ ชัดเจนอยู่ว่าได้หลบหนีมายังที่นี่ แต่ก็ไม่ยอมให้พูด
หลินหยุนถามต่อว่า: “นายรู้ได้อย่างไรว่าต้นแห่งชีวิตอยู่ที่นี่? ”
“แน่นอนว่าเทพีแห่งปัญญาได้ชี้แนะให้กับพวกเรา” คาร์นอตวิลเลียมมีสีหน้าที่เคารพ
หลินหยุนพบว่า เมื่อพูดถึงเทพีแห่งปัญญา คาร์นอตวิลเลียมก็จะแสดงท่าทางที่เคารพนับถือ
ดูเหมือนว่า ในจิตใจของแวมไพร์แล้วเทพีแห่งปัญญานั้น มีสถานะที่สูงส่งอย่างที่สุด
“แล้วนายพบเจอที่นี่ได้อย่างไร? ” หรือว่าเป็นเทพีแห่งปัญญาที่ชี้แนะให้พวกนายอีกเช่นกัน? หลินหยุนถาม
“ใช่แล้ว ถ้าหากไม่มีเทพีแห่งปัญญาคอยให้คำชี้แนะ ข้าไม่มีทางที่จะพบเจอที่นี่ได้อย่างแน่นอน” คาร์นอตวิลเลียมสารภาพตามตรงแล้ว
หลินหยุนแทบจะยืนยันได้แล้วว่า เทพีแห่งปัญญานี้ ไม่ใช่เทพีแห่งปัญญาตามตำนานเล่าลือของตะวันตกอย่างแน่นอน เธอมีความเกี่ยวข้องกับเทพจันทราเป็นแน่
อีกทั้ง ที่นี่คือแคว้นป้ายเยว่ ที่นี่นับถือบูชาเทพจันทรา
แต่ว่า คำชี้แนะของเทพีแห่งปัญญากลับพูดว่าต้นแห่งชีวิตอยู่ที่นี่
ถ้าอย่างนั้น เทพีแห่งปัญญากับเทพจันทรามีความสัมพันธ์อะไรกัน?
แคว้นป้ายเยว่บูชานับถือเทพจันทรา แล้วกับเทพจันทราของวังจันทรา มีความเกี่ยวข้องอะไรกัน อีกล่ะ?
ที่เรียกว่าเทพจันทรา ตกลงคือเย่เยว่ใช่ไหม?
นอกจากนี้ ต้นแห่งชีวิตนั้น คืออะไรอีกล่ะ?
หลินหยุนคิดว่า จำเป็นที่จะต้องไปตะวันตกสักครั้ง
แต่ ไม่ใช่ตอนนี้
ที่จีนนี้ ยังมีเรื่องอีกมากมายที่จะต้องจัดการ
ตระกูลส้ง ตระกูลหวาง รวมไปถึงพลังอำนาจที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา
ต้องจัดการเรื่องราวในจีนให้เรียบร้อยเสียก่อน จึงสามารถที่จะไปตะวันตกเพื่อสำรวจค้นหาความจริงให้ถึงที่สุด
“แล้วนายตามหาต้นแห่งชีวิตเจอแล้วหรือยัง? ” หลินหยุนถาม
“ยังหาไม่เจอ ข้าเพิ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน พวกนายก็ตามมากันแล้ว” คาร์นอตวิลเลียมลำบากใจเล็กน้อย
“ข้าคิดที่จะทำให้พวกนายตกใจแล้วหนีไป คิดไม่ถึงว่าพลังความสามารถของนายจะแข็งแกร่งมากขนาดนี้! ”
หลินหยุนถามว่า: “หากเป็นเช่นนี้ นายก็ถูกพายุทรายนั้นพัดมายังที่แห่งนี้เหมือนกัน”
“ถูกต้อง ต้องขอบคุณพายุทรายลูกนั้น” ย้อนคิดถึงพายุทรายนั้น คาร์นอตวิลเลียมทั้งตกใจและหวาดกลัว
“ใช่แล้ว หญิงสาวที่นายจับตัวไป เป็นอย่างไรบ้าง? ” หลินหยุนถาม
“เดิมทีข้าคิดที่จะดูดเลือดของเธอ หญิงสาวที่งดงามขนาดนั้น ข้าอดทนอดกลั้นไม่ไหวแม้แต่น้อย แต่ว่าตอนนี้ข้าได้ซ่อนตัวเธอเอาไว้ ยังไม่ทันได้ดูดเลือด” คาร์นอตวิลเลียมกล่าว