จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 522 แผนชั่วร้ายของตระกูลส้ง
หลินหยุนมองไปยังเขา สายตาดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่
“ที่แท้ ต้นแห่งชีวิตที่เขาพูดถึง นั่นก็คือ ไม้ทิพย์พรสวรรค์ ”
“ไม้ทิพย์พรสวรรค์มีพลังแข็งแกร่งที่สามารถทำให้ฟื้นฟูและเกิดใหม่ได้ เหมาะสมแล้วจริงๆที่ได้ชื่อว่าต้นแห่งชีวิต”
“แต่ว่า ระหว่างเทพธิดาปัญญากับเทพีจันทรานั้น มีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่?”
ประเด็นนี้ หลินหยุนเองก็ยังคิดไม่ออกเช่นกัน ได้แต่รอโอกาสไปทางโลกตะวันตกก่อน แล้วค่อยสืบหาข้อเท็จจริงต่อไป
คาร์นอตวิลเลียมเหมือนกับเด็กน้อยคนหนึ่งที่ได้ค้นพบของเล่นชิ้นวิเศษ เอาตัวหมอบลงแนบไปบนรากทิพย์พรสวรรค์ มือทั้งสองข้างก็โอบกอดรากทิพย์พรสวรรค์ไว้ ราวกับว่ากำลังปกป้องของวิเศษที่หายาก แล้วค่อยๆลูบไล้ไปมา
หลินหยุนเข้าไปหาดึงปกเสื้อของเขาขึ้นมา แล้วโยนเขาลงไปอยู่ข้างๆ
หลังจากนั้น สำรวมกระแสจิต จากนั้น รากทิพย์พรสวรรค์ก็ถูกเขาเก็บเข้าไปในแหวนเก็บของแล้ว
คาร์นอตวิลเลียมตกตะลึง ดูเหมือนกำลังคิดว่าต้นแห่งชีวิตของเขาทำไมจึงหายวับไปกับตาได้
“ต้นแห่งชีวิต ต้นแห่งชีวิตของฉันล่ะ?”
“เจ้าเด็กน้อยโลกตะวันออก แกเอาต้นแห่งชีวิตของฉันไปซ่อนไว้ที่ไหนแล้ว?”
“รีบเอามาคืนให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
คาร์นอตวิลเลียมตะคอกใส่หลินหยุน แม้แต่ท่วงท่าอันสง่างามของผู้มีสกุลสูงศักดิ์ก็ไม่เหลืออีกแล้ว
หลินหยุนมองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “อยากสู้กันสักตั้งไหมล่ะ?”
“เออ……”
คาร์นอตวิลเลียมดูเหมือนผิดหวังหมดกำลังใจ สงบเงียบลงทันที
ถึงแม้ต้นแห่งชีวิตจะดียังไงก็ตาม แต่ว่าก็ต้องมีชีวิตรอดก่อนจึงจะไปเอามาได้นะ!
ชาวโลกตะวันออกที่อยู่ตรงหน้าคนนี้ สามารถสังหารเขาในเสี้ยววินาทีได้อย่างง่ายดาย
หลินหยุนมองหน้าคาร์นอตวิลเลียม แล้วพูดว่า “ถ้าแกยังอยากใช้ชีวิตอยู่ในโลกตะวันออกแล้วละก็ งั้นก็จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของที่นี่ด้วย”
“พวกเราไปกันเถอะ!” หลินหยุนพูดพลางมองไปยังปู่รองเติ้ง
ครับ!”
ทั้งสองคนเดินลงมาจากบันไดหิน กำลังเตรียมที่จะจากไป
“โปรดรอสักครู่ครับ!” ทันใดนั้นคาร์นอตวิลเลียมก็ตะโกนขึ้นมาจากข้างหลัง
หลินหยุนจึงหันหน้าไปมองเขา
เขาก็กระโดดลงมาจากหน้าผา ดูราวกับค้างคาวตัวหนึ่งค่อยๆบินร่อนลงมาหยุดลงตรงหน้าของหลินหยุน
“ท่านปรมาจารย์เวทมนตร์แห่งโลกตกตะวันออกผู้ยิ่งใหญ่ ฉันอยากจะติดตามท่านไปโปรดรับฉันไว้ด้วยเถิด!” คาร์นอตวิลเลียมโค้งคำนับหลินหยุนอย่างจริงจัง
“ตามฉันเหรอ?” หลินหยุนงอึ้งไปสักครู่ เขาดูออกว่า เป้าหมายของคาร์นอตวิลเลียม ก็คือ รากทิพย์พรสวรรค์นั่นเอง
แต่ว่านี่ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ในเมื่อตอนนี้รากทิพย์พรสวรรค์อยู่ในกำมือของหลินหยุนแล้ว ใครก็ไม่สามารถที่จะแย่งชิงไปได้
อีกอย่าง ถ้าหากวันหน้ามีโอกาสได้ไปทางโลกตะวันออกหากแล้ว อาจไม่แน่จะต้องอาศัยไหว้วานคาร์นอตวิลเลียมก็ได้
“ได้ คุณก็ตามฉันไปก่อนก็แล้วกัน”
“ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง!” คาร์นอตวิลเลียมก็ก้มศีรษะอันสูงส่งของเขาลง เขาคิดไม่ถึงว่าหลินหยุนจะพูดง่ายขนาดนี้
ทั้งสามคนหก็พากันออกจากพระราชวังไป หลินหยุนก็มองไปยังคาร์นอตวิลเลียม “เออใช่แล้ว คุณปล่อยเด็กหลินหยุนคนนั้นด้วย”
“ท่านครับ นั่นเป็นอาหารของฉันนะครับ” คาร์นอตวิลเลียมพูด
“ไปปล่อยซะ” หลินหยุนพูดซ้ำอีกครั้งหนึ่ง
คาร์นอตวิลเลียมทำท่ายักไหล่ แล้วรีบเดินออกไป “ฉันรู้สึกอยากลดน้ำหนักอยู่พอดี”
ผ่านไปไม่นาน คาร์นอตวิลเลียมก็กลับมาอย่างรวดเร็ว
“ปล่อยไปแล้วครับ ตอนนี้ฉันสามารถตามคุณไปได้หรือยังล่ะ?” คาร์นอตวิลเลียมถามอย่างมีความหวัง
“ถ้าจะตามฉันมา ก็จะต้องเชื่อฟังฉันทุกอย่าง ถ้าแกทำไม่ได้ ก็ระวังชีวิตอันน้อยนิดของแกก็แล้วกัน” หลินหยุนพูดอย่างเรียบเฉย
“วางใจเถอะครับ ฉันจะทำตามคำสั่งของท่านทุกอย่างเลย”
คาร์นอตวิลเลียมก็โค้งคำนับอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งสามคนก็ลงมาถึงพื้นราบแล้ว ได้พบกับพวกนักผจญภัยหลายคน
หลินหยุนจึงเอาน้ำและอาหารทิ้งไว้ให้พวกเขา จากนั้นก็พาปู่รองเติ้งและคาร์นอตวิลเลียมเดินออกจากทะเลทรายไป
ณ บริษัทหัวอัน กรุ๊ป มณฑลจงโจว
ส้งหัวอันนั่งอยู่ในห้องทำงาน ใช้นิ้วมือเคาะโต๊ะอยู่ตลอดเวลา มองดูรายงานใบเสร็จรับเงินที่กองอยู่บนโต๊ะนั้น
ส้งอันหมิงนั่งรถเข็นเข้ามา พูดด้วยสีหน้าที่โหดเหี้ยมว่า “พ่อครับ บริษัทตงหวาง กรุ๊ป เริ่มคุกคามเข้ารวบโรงงานผลิตแหล่งทุนชิ้นสุดท้ายของพวกเราแล้ว”
“ถ้าปล่อยให้เป็นอย่างนี้อีกต่อไป พวกเราก็คงต้องจบลงแล้วจริงๆ”
ตั้งแต่หลินหยุนคอยช่วยเหลือให้ท้ายบริษัทตงหวาง กรุ๊ปแล้ว ทำให้บริษัทตงหวาง กรุ๊ปแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน เดิมทีคนที่มาพึ่งพิงอาศัยตระกูลส้งจำนวนมากมาย แต่ตอนนี้กลับแปรพักตร์ไปอยู่กับบริษัทตงหวาง กรุ๊ปแล้ว
ตอนนี้ บริษัทตงหวาง กรุ๊ปได้เข้ามาแทนที่บริษัทหัวอัน กรุ๊ปของตระกูลส้ง กลายเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการธุรกิจการค้าของมณฑลจงโจวแล้ว
ส่วนบริษัทหัวอัน กรุ๊ปนับวันก็ยิ่งดิ่งลงเหวทุกวัน ตอนนี้ก็เข้าสู่ขั้นวิกฤติแล้ว
“เวลาที่รุ่งโรจน์ได้ผ่านไปแล้ว!” ส้งหัวอันถอนหายใจเฮือกใหญ่ แม้ว่าวิสัยทัศน์ของเขาจะก้าวไกลมากเพียงใดก็ตาม แต่ว่า กลับสู้ปรมาจารย์หลินเพียงคนเดียวไม่ได้เลย
“พ่อครับ พวกเราจะมานั่งรอความตายไม่ได้แล้วนะ! จำเป็นจะต้องลุกขึ้นมาสู้ตอบโต้เป็นครั้งสุดท้ายแล้ว” สีหน้าของส้งอันหมิงแสดงออกถึงความโหดเหี้ยม
ส้งหัวอันมองดูเขา นี่เป็นลูกชายที่เขาเคยฝากความหวังไว้มากที่สุด แต่ว่าตอนนี้กลายเป็นคนพิการไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนเป็นฝีมือของปรมาจารย์หลินที่ประทานให้ทั้งนั้น
“แกต้องรู้นะว่า ถ้ายอมเสี่ยงทุ่มเททั้งหมดเพื่องานนี้จริงๆละก็ หากเกิดพ่ายแพ้ขึ้นมา งั้นพวกเราตระกูลส้งทั้งหมด อาจจะต้องล่มสลายจนไม่มีวันฟื้นกลับคืนมาได้อีกเลย!”
“ปรมาจารย์หลินคนนั้น คงไม่ใช่พวกที่จะรับมืออะไรได้ง่ายๆเลย!”
การสู้ตอบโต้เป็นครั้งสุดท้ายตามที่ส้งอันหมิงพูดมานั้น ส้งหัวอันเข้าใจดีว่า นั่นไม่ใช่วิธีการแข่งขันทางด้านธุรกิจที่ตรงไปตรงมา
ถ้าหากว่าตระกูลส้งทำเช่นนี้แล้วล่ะก็ เกิดทำให้ปรมาจารย์หลินบันดาลโทสะขึ้นมา ทางการรัฐบาลจีนจะยังปกป้องตระกูลส้งของพวกเขาอีกหรือไม่ ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดเดาได้
ถ้าทางการรัฐบาลจีนทอดทิ้งพวกเขาแล้ว งั้นปรมาจารย์หลินก็จะต้องแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งแน่นอน
แล้วตระกูลส้งทั้งตระกูล ก็จะต้องเผชิญกับภัยพิบัติใหญ่หลวงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ส้งหัวอันพูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า “ถ้าพวกเราลดการผลิตสินค้าลง แล้วแข่งขันตามปกติทั่วไป ถึงแม้ว่าอาจจะถูกเบียดไปอยู่ในแวดวงธุรกิจระดับรองลงมาก็ตาม แต่ก็ยังคงประคับประคองชีวิตพวกเราตระกูลส้งให้อยู่ดีกินดีเหมือนเดิมได้ แล้วเป็นเศรษฐีมั่งคั่งที่มั่นคงตลอดไป”
สายตาของส้งอันหมิง ส่องประกายความเคียดแค้นออกมา
“พ่อครับ ในใจพ่อยอมที่จะถูกบริษัทตงหวาง กรุ๊ปกดหัวเราไว้ตลอดไปเหรอ? พ่อคิดว่าถ้าพวกเรายอมที่จะลดตัวลงไปอยู่ธุรกิจระดับล่างแล้ว บริษัทตงหวาง กรุ๊ปก็จะปล่อยพวกเราไปอย่างงั้นเหรอ?”
“ไม่มีทาง พวกเขาไม่มีวันที่จะยอมรามือจากตระกูลส้งของพวกเราหรอก!”
“เมื่อไรก็ตามที่พวกเราตระกูลส้งหมดอำนาจบารมีแล้ว บริษัทตงหวาง กรุ๊ปก็จะต้องถือโอกาสตามไล่ล่า แล้วเหยียดหยามพวกเราตลอดไป อนาคตพวกเราก็ได้แต่อยู่อย่างทนทุกข์ทรมานยิ่งกว่าตายเสียอีก”
“ดังนั้น อาศัยที่พวกเรายังมีโอกาสตอบโต้พวกเขาได้ ทุ่มสุดตัวสู้ให้ถึงที่สุดไปเลย!”
“ขอยอมสู้จนตัวตาย ดีกว่าต้องอยู่อย่างอดสู!”
ส้งหัวอันนิ่งเงียบไปสักพักหนึ่ง สีหน้าเคร่งขรึม นิ้วมือที่เคาะบนโต๊ะนั้น ยิ่งเคาะเร็วมากยิ่งขึ้น
ส้งอันหมิงที่อยู่ข้างๆก็รู้สึกร้อนใจ ตะคอกเสียงเบาว่า “พ่อครับ พ่อยังลังเลอะไรอีกล่ะ! พ่อดูสภาพของฉันตอนนี้สิ มันล้วนเป็นฝีมือของปรมาจารย์หลินประทานมาให้ทั้งนั้นเลย!”
“พ่อคิดว่าบริษัทตงหวาง กรุ๊ปชนะแล้ว เขาก็จะปล่อยพวกเราไปอย่างนั้นเหรอ?”
“อีกอย่าง ต่อให้พวกเราปฏิบัติการคราวนี้ล้มเหลวก็ตาม ปรมาจารย์หลินก็ไม่มีทางที่จะสืบมาถึงพวกเราได้หรอก ต่อให้เขาสงสัยว่าเป็นฝีมือของพวกเราก็จริง แต่ก็หาหลักฐานอะไรออกมาไม่ได้เลย”
“ถ้าไม่มีหลักฐาน เขาก็ไม่กล้าที่จะแตะต้องพวกเรา ถ้าเขากล้าแตะต้องพวกเราละก็ ตระกูลหวางที่เมืองหลวงก็มีข้ออ้าง ที่จะยกพลเข้าโจมตีเขาได้!”
“ถ้ารอให้บริษัทหัวอัน กรุ๊ปปิดกิจการไปแล้ว ถึงเวลานั้น ต่อให้พวกเราไปขอร้องตระกูลหวาง คาดว่าตระกูลหวางก็คงไม่เหลียวแลพวกเราอย่างแน่นอน”
“อาศัยตอนนี้พวกเรายังพอมีกำลังที่จะตอบโต้ได้ ก็อย่าลังเลอีกเลย!”
นิ้วมือของส้งหัวอันก็หยุดเคาะทันที สายตาส่องประกายความเด็ดเดี่ยว
“ไปเอาพวกนักรบพลีชีพที่พวกเราเลี้ยงไว้เข้ามา!”
ส้งอันหมิงสีหน้าดีใจ “ได้ครับ ฉันจะรีบไปตามมาให้!”
สามวันต่อมา หลินหยุนทั้งสามคนก็ได้เดินออกจากทะเลทราย กลับเข้ามาสู่หมู่บ้านหวงสืออีกครั้ง
เมื่อมาถึงแนวเขตชายแดนหมู่บ้าน ทันใดนั้นปู่รองเติ้งก็หยุดเดิน แล้วมองไปยังหลินหยุน พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ปรมาจารย์หลินครับ เมืองผีฉันก็พาคุณไปแล้ว สิ่งที่คุณต้องการหาก็ได้พบแล้ว ชีวิตของฉัน คุณก็สามารถเอาไปได้เลย!”
หลินหยุนมองไปยังเขาแล้วพูดว่า “ฉันฆ่าลูกหลานตระกูลเติ้งของคุณ ก็เป็นการทำลายล้างตระกูลเติ้งของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย แล้วคุณไม่คิดจะล้างแค้นบ้างเหรอ?”
ปู่รองเติ้งส่ายหน้า “ชีวิตของฉันทั้งชีวิต ในสายตามีแต่มุ่งมั่นในการฝึกบู๊ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเพลงฝึกบู๊ของฉันฝึกฝนจนถึงที่สุดแล้ว ฉันคงไม่ทุ่มเทแรงกายแรงใจที่ดั้นด้นไปหาตระกูลเติ้งหรอก”
“นับตั้งแต่วันที่พวกเขาส่งฉันออกไปเป็นต้นมา ฉันก็ไม่เคยคิดว่าฉันเป็นคนตระกูลเติ้งอีกแล้ว”
หลินหยุนมองออกว่า คำพูดของเขาเป็นคำพูดที่ออกมาจากใจจริง
“ฉันไม่ฆ่าคุณหรอก คุณไปเถอะ!”
“ขอบคุณปรมาจารย์หลิน!” ปู่รองเติ้งโค้งคำนับขอบคุณ ก้าวเดินไปข้างหน้า จากนั้นก็หยุดชะงักทันที