จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 523 วิ่งไล่ตามรถไฟฟ้า
ความรู้สึกของปู่รองเติ้งว่างเปล่าเหมือนไม่มีจุดหมายในชีวิตที่แน่นอน
ไป ไปที่ไหนดีล่ะ? แล้วสามารถจะไปทางไหนได้บ้าง?
ตระกูลเติ้งก็ไม่มีแล้ว ตอนนี้เขานับได้ว่าเป็นคนที่ไร้ญาติขาดมิตรเหลือเพียงตัวคนเดียวจริงๆ
เขาไม่รู้จริงๆว่าควรจะไปทางไหนดี แล้วจะทำอะไรต่อไป?
เพลงฝึกบู๊ก็ฝึกฝนถึงขั้นสูงสุดแล้ว ต่อจากนี้ไปเขาอยากจะทำอะไรอีก?
ปู่รองเติ้งหันหน้ามามองหลินหยุน พูดด้วยสีหน้าหดหู่ “ปรมาจารย์หลิน ฉันไม่รู้ว่าควรจะไปทางไหนดี?”
ดูเหมือนหลินหยุนเข้าใจสภาพจิตใจที่เคว้งคว้างและหมดหนทางของปู่รองเติ้งเป็นอย่างดี จึงพูดอย่างเรียบๆว่า “คุณไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอีกแล้ว ก็ควรจะไปไขว่คว้าตามหาวิธีการฝึกบู๊ในระดับแดนที่สูงขึ้นกว่านี้”
“ระดับแดนที่สูงกว่า! หรือว่าเหนือปรมาจารย์ขึ้นไปก็ยังมีระดับแดนที่สูงกว่าอีกเหรอ?” ปู่รองเติ้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย มิหนำซ้ำเขายังคิดเสมอว่า ปรมาจารย์ก็คือสุดยอดของการฝึกบู๊แล้ว
หลินหยุนแหงนมองดูท้องฟ้าอันกว้างไกล บางครั้งก็มีเหยี่ยวหัวโล้นไม่กี่ตัวบินผ่านไปมา ภายใต้แผ่นฟ้าอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ มนุษย์ตัวเล็กๆก็เหมือนดั่งเม็ดทรายที่อยู่บนผืนทะเลทราย
“ตราบใดที่คุณยังไม่เข้าใจแหล่งต้นกำเนิดของจักรวาล ความลึกลับซับซ้อนของชีวิต เช่นนั้นแล้วหนทางในการฝึกบู๊ของคุณ ก็ยังเดินไปไม่ถึงจุดหมายปลายทางเลย”
“ไปเถอะ ไปค้นหาวิชาเพลงบู๊ที่แข็งแกร่งกว่านี้ ไปไขว่คว้าตามหาแดนที่สูงกว่านี้”
ปู่รองเติ้งสะดุ้งตกใจ ความรู้สึกเหมือนตาสว่างขึ้นจากคำชี้แนะขึ้นมาทันที ทำให้เขาค้นพบเป้าหมายที่จะต่อสู้ต่อไป ก็เหมือนกับนักผจญภัยที่เดินหลงทางอยู่กลางทะเลทรายคนหนึ่ง แล้วได้มองเห็นโอเอซิสในทันทีทันใด
“ขอบคุณปรมาจารย์หลินที่ให้คำชี้แนะ ไม่ว่าท่านจะเห็นด้วยหรือไม่ก็ตาม ต่อจากนี้ไป ฉันยอมปฏิบัติตัวเป็นลูกศิษย์ต่อท่าน!” ปู่รองเติ้งหันหน้าไปยังหลินหยุน แล้วโค้งคำนับ อย่างนอบน้อม
หลินหยุนย่อมไม่ยอมรับเขาอย่างแน่นอน แต่ก็ไม่อยากพูดให้เขาสะเทือนใจ
ต่อจากนี้ไปสำหรับเขาแล้วจะก้าวเดินไปถึงขั้นไหนนั้น ก็ต้องสุดแล้วแต่บุญแต่กรรมของตัวเขาเองแล้ว
“ไปกันเถอะ!” หลินหยุนมองดูท่าทางที่สูงส่งเย่อหยิ่งของคาร์นอตวิลเลียม เจ้าชายเผ่าโลหิตท่านนี้ที่ได้รักษาท่วงท่ากิริยาอันสง่างามและสูงส่งอยู่ตลอดเวลา
“พวกเราไปไหนกันล่ะ?” คาร์นอตวิลเลียมถาม
“ตามฉันมาก็แล้วกัน” หลินหยุนพูด
“ได้ครับ!”
“ปรมาจารย์หลินครับ ในเวลานี้ไม่มีรถที่วิ่งออกจากหมู่บ้านนี้เลย พวกคุณก็พักค้างคืนที่นี่สักคืนหนึ่งจะดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยเดินทางต่อไปเถอะ!” ปู่รองเติ้งพูด
ที่นี่เป็นเขตชายแดนทะเลทราย และก็เป็นฐานฝึกทหารลับของกองทัพส่วนตัวตระกูลเติ้งอีกด้วย จึงไม่มียานพาหนะใดๆทั้งสิ้น
หลินหยุนลองคิดดูแล้ว ไหนๆตระกูลเติ้งก็ถูกกำจัดแล้ว รากทิพย์พรสวรรค์ก็หาพบแล้ว ไม่ต้องรีบกลับไปก็ได้
“ได้”
ปู่รองเติ้งจึงหาห้องพักให้หลินหยุนและคาร์นอตวิลเลียมเข้าพักแรม
เวลาค่ำคืนค่อยๆมาเยือน
ห่างไกลออกไปจากเมืองจงโจวหลายพันลี้
หวางซูเฟินและฉินหลันได้เดินทางไปเมืองหานเพื่อไปเจรจาด้านการค้า อยู่ระหว่างทางที่นั่งรถกลับ
ภายในรถนั้น ฉินหลันก็พูดโอดครวญว่า “ผู้อำนวยการคะ คุณไม่รู้สึกเหรอว่าประธานหวางคนนั้นมีอะไรแปลกๆบ้างเลยเหรอ?”
“ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลส้งสนิทสนมกันมาโดยตลอด ทำไมจู่ๆถึงคิดอยากจะมาร่วมมือกับพวกเราล่ะ?”
“อีกอย่างเขาก็ยังจะให้พวกเราไปเจรจากับเขาด้วยตัวเองที่เมืองหานอีกด้วย พอพวกเราไปถึง เขาก็ยังห่วงหน้าผวงหลัง ท่าทีไม่ชัดเจน นี่มันเหมือนแกล้งล้อพวกเราเล่นชัดๆเลย!”
หวางซูเฟินพูดว่า“ท่าทีของประธานหวางรู้สึกแปลกประหลาดก็จริงอยู่ แต่จะไปโทษก็เขาไม่ได้ อย่างน้อยเขาก็เคยร่วมมือกับตระกูลส้งมาโดยตลอด แต่ว่าตอนนี้สถานการณ์ของตระกูลส้งย่ำแย่แล้ว ศักยภาพของตระกูลส้งตอนนี้ ไม่สามารถรองรับสินค้าที่มากมายขนาดนั้นของเขาไว้ได้ เขาจึงจำเป็นที่จะต้องมาร่วมมือกับพวกเรา”
“สำหรับที่ว่าทำไมจะต้องให้พวกเราไปหาเขาที่เมืองหานให้ได้นั้น หนึ่งก็เพราะว่าอยากจะดูความจริงใจของพวกเรา สองก็เกรงว่าตระกูลส้งจะเข้าใจเขาผิด ประธานหวางคนนี้ เป็นประเภทสุนัขจิ้งจอกเฒ่าชัดๆ”
ฉินหลันส่ายหน้า “ฉันก็ยังรู้สึกแปลกอยู่ดี ฉันมีความรู้สึกว่าคำพูดของประธานหวางคนนั้น รู้สึกไม่ค่อยจริงใจเลย อีกอย่างดูเหมือนเขามีคำพูดอะไรที่อยากจะพูดเตือนสติพวกเราด้วย”
หวางซูเฟินพูดว่า “ฉันก็รู้สึกเหมือนกัน ตอนที่กินข้าวด้วยกัน เขามักจะพูดตลอดว่า อะไรนะศัตรูที่แสดงตัวเปิดเผย ย่อมป้องกันได้ง่ายกว่าพวกที่แอบลอบกัดอยู่ข้างหลัง แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาอยากจะพูดอะไรกันแน่?”
“ถ้าหากอยากเตือนให้พวกเราระวังแผนลอบกัดของตระกูลส้งแล้วละก็ ฮึ่อ แผนลอบกัดข้างหลังของตระกูลส้งพวกเรายังเจอมาน้อยไปหรือไง?”
“อีกอย่าง ด้วยศักยภาพของบริษัทตงหวาง กรุ๊ปตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องกลัวแผนลอบกัดของตระกูลส้งอีกเลย”
ระหว่างที่พวกเธอกำลังพูดคุยอยู่นั้น รถก็ค่อยๆแล่นเข้าไปสู่ถนนที่ออกนอกชานเมือง เมื่อมาถึงทางหลวงระหว่างเมืองหานและมณฑลจงโจวที่ค่อนข้างเปลี่ยวช่วงหนึ่ง
ทันใดนั้น มีรถบรรทุกขนาดใหญ่คันหนึ่งที่อยู่ข้างหน้า ก็พุ่งตรงเข้ามาชนด้านข้างโดยไม่ส่งสัญญาณอะไรเลย
เสี่ยวหวางคนขับรถที่อยู่ข้างหน้าก็ตะโกนพูดว่า “ระวัง!”
จากนั้นก็รีบหักหวงมาลัยอย่างรวดเร็ว
โป้ง!
รถก็พลิกคว่ำไปทางด้านข้างหลายตลบ จนกระเด็นข้ามรั้วกั้นถนนริมทางไป แล้วกลิ้งตกลงไปในคูน้ำข้างถนน
ทันใดนั้น ป้ายหยกที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอกของหวางซูเฟินและฉินหลันนั้น ก็ส่องประกายแสงสว่างรำไรออกมา มีพลังงานบางอย่างที่มองไม่เห็น ห่อหุ้มร่างของพวกเธอทั้งสองคนเอาไว้ภายใน
หลังจากที่รถหยุดนิ่งแล้ว หวางซูเฟินและฉินหลันก็มองหน้าซึ่งกันและกันราวกับอยู่ในความฝัน
“เสี่ยวหลัน พวกเรายังไม่ตายใช่ไหม?” หวางซูเฟินรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเลย อย่างน้อยก็ถูกชนจนกระเด็นลงไปอยู่ในคูน้ำข้างถนนแล้ว ภายในร่างกายไม่มีบาดแผลแม้แต่นิดเดียว
นี่ไม่ใช่ปาฏิหาริย์แล้ว นี่เป็นเพราะเทพเจ้าคุ้มครองชัดๆ!
“ผู้อำนวยการคะ เป็นเพราะป้ายหยก ป้ายหยกที่หลินหยุนให้กับพวกเราแสดงอิทธิฤทธิ์แล้ว!” ฉินหลันหยิบป้ายหยกที่ห้อยอยู่ตรงหน้าอกออกมา พูดเสียงเบาๆด้วยสีหน้าที่แตกตื่น
หวางซูเฟินก็รีบหยิบป้ายหยกออกมาเช่นกัน วางอยู่บนมือ พูดด้วยสีหน้าที่เหลือเชื่อว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้ใช้ประโยชน์จริงๆ”
“เด็กคนนี้ช่างมหัศจรรย์จริงๆเลย!”
“เร็ว รีบไปดูว่าเสี่ยวหวางเป็นยังไงบ้างแล้ว?” หวางซูเฟินนึกถึงคนขับรถเสี่ยวหวาง เมื่อครู่พวกเธอเห็นกับตาว่า คนขับรถเสี่ยวหวางถูกแรงกระแทกจากรถบรรทุกที่ชนเข้าไปอย่างแรง จนกระเด็นออกนอกหน้าต่างรถไป
ตอนนี้ยังไม่รู้ว่ากระเด็นไปอยู่ที่ไหนเลย?
ฉินหลันรีบตะคอกด้วยเสียงเบาว่า “ผู้อำนวยการ! อย่าเพิ่งวู่วาม ระวังมีคนแอบจับตาดูพวกเราอยู่ข้างหลัง!”
หวางซูเฟินก็ไหวตัวขึ้นมาทันที มองไปยังฉินหลันด้วยความแตกตื่น “คุณกำลังจะบอกว่า นี่ไม่ใช่อุบัติเหตุรถชน แต่ว่าเป็นฝีมือของคน!”
“ฉันมักจะรู้สึกว่าประธานหวางคนนั้นท่าทางแปลกๆ ตอนนี้ก็เกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นฝีมือของคนหรือไม่ก็ตาม คราวนี้พวกเราประสบอุบัติเหตุที่รุนแรงขนาดนี้ แต่กลับเดินออกไปอย่างปลอดภัยไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลย คนอื่นเห็นเข้าจะคิดยังไงล่ะ?” ฉินหลันพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ความกังวลของคุณถูกต้องแล้ว แต่ว่าพวกเราต้องรีบออกไปจากรถก่อนดีกว่า”
หวางซูเฟินและฉินหลัน ค่อยๆคลานออกมาจากหน้าต่างรถ อาศัยความมืดค่ำ ไปหลบอยู่ หลังคันดินที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง หวางซูเฟินและฉินหลันก็เห็นชายหนุ่มสองคน เดินข้ามมาจากข้างถนน แล้วส่งสายตามองไปยังรถอย่างไม่ตั้งใจ จากนั้นก็รีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
“ผู้อำนวยการ ไม่งั้นพวกเราแจ้งความเลย!” ฉินหลันพูด
“อย่าเลย ตอนนี้พวกเราได้แต่ต้องเชื่อใจตัวเองเท่านั้น ห้ามไม่ให้คนอื่นรู้เรื่องของพวกเราเด็ดขาด” หวางซูเฟินหลังจากไหวตัวทันแล้ว ก็ยิ่งคิดไตร่ตรองรอบคอบมากขึ้น
“ฉันเข้าใจแล้ว พวกเรารีบออกไปจากที่นี่ก่อนดีกว่า ฉันจะโทรศัพท์ไปให้คนที่ไว้ใจได้ในบริษัทก่อน ให้พวกเขาส่งคนมารับพวกเรา!” ฉินหลันพูด
“ดีเลย”
ในขณะที่หวางซูเฟินและฉินหลันประสบอุบัติเหตุรถชนนั้น หลินหยุนที่อยู่ห่างไกลออกไปถึงพันลี้นั้น ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมาทันที
ยันต์หยกคุ้มกายที่เขาทิ้งไว้ให้กับฉินหลันและแม่แก่นั้น รอยจารึกวิญญาณเส้นบางๆนั้นได้พังสลายไปแล้ว
“เป็นใครกัน!”
กระแสจิตสังหารที่เยือกเย็น ก็แผ่ซ่านออกมาจากตัวของหลินหยุนอย่างรวดเร็วภายในชั่วพริบตา
กระแสลมพัดผ้าม่านหน้าต่างของห้องพักปลิวไสว เงาร่างของหลินหยุนก็ไปปรากฏอยู่นอกห้องแล้ว
อีกทั้งด้วยความเร็วที่สูงที่สุด วิ่งไปยังสถานีรถไฟฟ้า
คาร์นอตวิลเลียมก็รู้สึกสัมผัสได้เหมือนกัน จึงรีบมุดออกมาทางหน้าต่าง ด้วยความเร็วที่สูงสุด
แต่ว่า คาร์นอตวิลเลียมก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของหลินหยุนเลย
“อย่าทิ้งฉันไว้อย่างนี้นะ!” คาร์นอตวิลเลียมพูดอย่างอัดอั้นตันใจ
ปู่รองเติ้งยืนอยู่ตรงหน้าต่างภายในห้อง มองดูคาร์นอตวิลเลียมแล้วพูดว่า “คุณก็ไปหาเขาที่เมืองหลินโจวเองสิ!”
“เมืองหลินโจว? อยู่ที่ไหนล่ะ?” คาร์นอตวิลเลียมสีหน้าเคว้งคว้างว่างเปล่า
หลินหยุนรีบวิ่งไปยังสถานีรถไฟฟ้าเมืองซินเฉิง
ระหว่างทางนั้น หลินหยุนระเบิดความเร็วสุดตัวทั้งหมดออกมา ต่อให้วิ่งผ่านคนที่อยู่ด้านข้าง คนอื่นก็ได้แต่เห็นเป็นเพียงเงามืดดำแวบผ่านไป เหมือนเป็นกระแสลมพัดผ่านไปเท่านั้นเอง
หลินหยุนก็วิ่งไปตามถนนบนทางด่วน มุ่งหน้าไปยังทิศทางของสถานีรถไฟฟ้า รถที่วิ่งอยู่บนทางด่วนนั้น ความเร็วก็เกินร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงทั้งนั้น
ความเร็วของทั้งสองฝ่ายหักล้างกัน ดังนั้นคนที่นั่งอยู่ในรถ ก็ยังสามารถเห็นเงาร่างของหลินหยุนได้
รถยนต์ฮอนด้าคันหนึ่งที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองซินเฉิง ภายในรถมีชายหญิงสองคู่ที่แต่งตัว ทันสมัยมาก
ที่นั่งเบาะด้านหลัง มือของชายหนุ่ม ค่อยๆล้วงเข้าไปในกระโปรงของหญิงสาว…