จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 525 บุกขึ้นไปฆ่าล้างโคตรตระกูลส้ง
หวางซูเฟินและฉินหลันต่างก็ไม่พูดอะไร
หลินหยุนแสยะยิ้มแล้วพูดว่า “เป็นฝีมือตระกูลส้งใช่ไหม?”
หวางซูเฟินและฉินหลันก็ยังไม่พูดอะไรเช่นเดิม
“พวกคุณก็สงสัยตระกูลส้ง แต่ว่ายังหาหลักฐานไม่ได้ใช่หรือเปล่า?” หลินหยุนสักถามต่อไป
ฉินหลันเหลือบตามองหลินหยุนแวบเดียว แล้วพูดว่า “ตระกูลส้งน่าสงสัยที่สุด แต่ว่า ตระกูลส้งไม่มีทางที่จะให้พวกเราหาหลักฐานพบได้หรอก”
“ฉันได้ปรึกษากับผู้อำนวยการแล้ว จึงตัดสินใจซ่อนตัวไว้ชั่วคราวก่อน ถ้าเป็นแผนชั่วร้ายของตระกูลส้งที่สร้างสถานการณ์อุบัติเหตุรถชนครั้งนี้จริงละก็ งั้นพวกเขาก็คงจะต้องเตรียมแผนการรับมือตามมาอีกอย่างแน่นอน อีกทั้งหลังจากที่หลบซ่อนตัวไว้แล้ว ต่อให้ตระกูลส้งรู้ว่าพวกเรายังไม่ตาย ก็ไม่มีทางที่จะลงมือซ้ำอีกครั้งหรอก”
หลินหยุนพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ไม่ต้องยุ่งยากขนาดนั้นหรอก”
“พรุ่งนี้ ตระกูลส้งก็จะหายสาบสูญไปตลอดกาล”
น้ำเสียงของหลินหยุนแฝงไปด้วยความหนาวเหน็บที่บาดเข้าถึงกระดูก ราวกับเป็นเสียงสาปแช่งที่ผุดขึ้นมาจากขุมนรก
พูดจบ เขาก็หันหลังจากไป
หวางซูเฟินก็สะดุ้งตกใจ รีบพูดตะคอกว่า “ไอ้หนู แกกลับมาเดี๋ยวนี้นะ!”
หลินหยุนหยุดชะงักทันที ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงไม่ต้องไปสนใจ แต่หวางซูเฟินไม่เหมือนคนอื่น หลินหยุนไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟัง
หวางซูเฟินจ้องตาถลนใส่หลินหยุนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “แกคิดจะทำอะไร?”
“คิดจะบุกไปฆ่าล้างโคตรตระกูลส้ง? หรือคิดจะฆ่าคนปิดปากล่ะ!”
หลินหยุนไม่พูดจาอะไร แหงนหน้าขึ้นเล็กน้อย
“ฉันรู้ว่าแกสู้เก่ง แต่ที่นี่เป็นประเทศจีน เป็นสังคมที่ปกครองด้วยกฎหมาย ถ้าแกกล้าที่จะ บุกขึ้นไปฆ่าล้างโคตรตระกูลส้งละก็ พรุ่งนี้ก็จะต้องถูกประกาศจับไปทั่วประเทศอย่างแน่นอน”
“ต่อให้แกเก่งกาจขนาดไหน หรือจะสู้ชนะปืนได้ไหม? สู้ชนะพวกเครื่องบินปืนใหญ่ได้ไหม?”
หวางซูเฟินพูดตะคอกด้วยความโกรธ เห็นได้ชัดว่า เธอดูออกแล้วว่าหลินหยุนกำลังคิดจะทำอะไร
หลินหยุนเข้าใจดีว่า แม่แก่กำลังเป็นห่วงเขา
แต่ว่า แม่แก่ก็ดูเหมือนจะดูถูกเขามากไปแล้ว
ถึงแม้ตอนนี้หลินหยุนยังไม่แกร่งพอถึงขนาดที่แข็งขืนสู้รบกับกองทัพทหารก็จริง แต่เพียงแค่ป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยคงไม่ใช่เป็นปัญหาอะไรเลย นอกเสียจากว่าทางการกล้าที่จะใช้พวกระเบิดปรมาณู ขีปนาวุธ ที่เป็นอาวุธทำลายล้างสูง แล้วกราดยิงใส่พื้นที่ที่ตัวเองยืนอยู่
แต่ว่า เมื่อเผชิญหน้ากับการอบรมสั่งสอนของหวางซูเฟินแล้ว หลินหยุนกลับไม่กล้าที่จะต่อล้อต่อเถียงเลย ได้แต่เชื่อฟังแต่โดยดี ต่อให้เขาเป็นถึงมหากษัตริย์ชางฉองที่มีอำนาจอิทธิพลเหนือโลกต่างๆจำนวนนับหมื่นนับแสนก็ตาม ถ้าอยู่ต่อหน้าพ่อแม่ตัวเองแล้ว ก็ยังมีสถานภาพเป็นลูกชายคนหนึ่งเท่านั้น
ฉินหลันเห็นว่าหลินหยุนไม่พูดจาอะไร ก็เป็นห่วงว่าคำพูดของหวางซูเฟินจะรุนแรงเกินไป จนทำให้หลินหยุนเสียใจ
อย่างน้อย หลินหยุนก็ยังเป็นห่วงพวกเธอ
อีกทั้ง หลินหยุนก็ยังเป็นผู้มีพระคุณสำหรับพวกเธอด้วย
“หลินหยุน ผู้อำนวยการก็แค่หวังดีกับคุณนะ เรื่องนี้ ไม่ใช่อาศัยแต่ใช้กำลังมาแก้ไขปัญหานะ! คุณน่าจะใจเย็นลงมากกว่านี้ก่อน เรื่องนี้คุณยังไม่ต้องยุ่งก่อน ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันและผู้อำนวยการจัดการเองเถอะ!”
หลินหยุนมองไปยังฉินหลัน แล้วถามว่า “พวกคุณคิดจะจัดการยังไงล่ะ?”
ฉินหลันคิดดูแล้ว ก็พูดว่า “พวกเราคิดหาทางไปหาคนขับรถบรรทุกสินค้าคันนั้นก่อน ขอเพียงให้เขายอมรับสารภาพ ตระกูลส้งก็หนีไม่พ้นอย่างแน่นอน”
“เกรงว่าตอนนี้คนขับรถคนนั้น คงตายไปแล้วล่ะ” หลินหยุนพูด
“เรื่องอย่างอื่น ฉันยอมเชื่อฟังพวกคุณ แต่คราวนี้ พวกคุณจำเป็นที่จะต้องฟังฉันบ้าง!” หลินหยุนพูดอย่างแข็งกร้าว
“พอแล้ว!” หวางซูเฟินตะคอกเสียงดังขึ้นมาทันที “เจ้าหนู ถึงแม้แกมีบุญคุณกับพวกเรา แต่นี่เป็นเรื่องของพวกเราเอง พูดไปแล้วแกก็เป็นเพียงคนนอกคนหนึ่ง มีสิทธิ์อะไรมายุ่ง เรื่องภายในของบริษัทตงหวาง กรุ๊ปของพวกเราด้วย!”
“เรื่องนี้คุณไม่จำเป็นต้องมายุ่งด้วย บุญคุณที่คุณมีต่อบริษัทตงหวาง กรุ๊ปของพวกเรา ฉันจะหาทางตอบแทนให้ แต่ว่า ต่อไปนี้คุณกับพวกเราบริษัทตงหวาง กรุ๊ปจะไม่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น ต่อจากนี้ไป บริษัทตงหวาง กรุ๊ปจะไม่ต้อนรับคุณอีกแล้ว!”
สีหน้าของหวางซูเฟินเยือกเย็น น้ำเสียงไร้ความปรานี
สายตาของฉินหลันรู้สึกสงสารเห็นใจ คิดอยากจะพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดออกมา
หลินหยุนยิ้มเยาะเย้ยแล้วพูดว่า “เป็นคนนอกคนหนึ่งเหรอ ไม่ต้อนรับฉันเหรอ?”
“ดี ต่อจากนี้ไป คุณคือคุณ ฉันคือฉัน ฉันกับพวกคุณบริษัทตงหวาง กรุ๊ป ต่างเดินกันคนละทาง!”
“ฉันจะทำอะไร ก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพวกคุณบริษัทตงหวาง กรุ๊ปทั้งสิ้น!”
พูดจบ หลินหยุนก็หันหลังเดินจากไป
ฉินหลันยื่นมือออกไป คิดอยากจะห้ามไว้ แต่ว่ายื่นไปครึ่งหนึ่งแล้วก็วางมือลง
รอให้หลินหยุนจากไปแล้ว ฉินหลันพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยว่า “ผู้อำนวยการ ทำอย่างนี้ถูกต้องแล้วเหรอ?”
“ฉันเห็นท่าทีเขาแล้ว ไม่เหมือนคนที่สามารถเปลี่ยนความคิดอะไรง่ายๆได้เลย!”
หวางซูเฟินมองไปยังทิศทางที่หลินหยุนจากไปด้วยสีหน้าซับซ้อน “เจ้าเด็กคนนี้ไม่เคยเกรงกลัวกฎหมายอะไรเลย ถ้าหากไม่ทำให้เขาเสียใจกับพวกเราบ้าง เขาคงจะกล้าบุกไปฆ่าล้างโคตรบ้านตระกูลส้งจริงๆ”
“ถึงเวลานั้น ไม่มีใครที่จะช่วยเขาได้เลย!”
“เขามีบุญคุณต่อพวกเราบริษัทตงหวาง กรุ๊ปดุจดั่งขุนเขา ฉันไม่อาจทนเห็นเขาไปทำเรื่องโง่ๆหรอก!”
ฉินหลันย่อมเข้าใจความคิดของหวางซูเฟินอย่างแน่นอน “แต่ว่า ฉันก็ยังรู้สึกว่ามันทำเกินเหตุไปหน่อย ขอเพียงให้พวกเราค่อยๆเตือนสติเขา เขาก็น่าจะเปลี่ยนใจได้นะ”
“ในเมื่อทำไปแล้ว ก็ไม่ต้องไปกังวลอะไรอีกมากมาย ทำอย่างนี้ก็เพื่อหวังดีต่อเขาทั้งนั้นหรือว่าคุณลืมไปแล้ว ที่เมืองหลวงก็ยังมีศัตรูที่แข็งแกร่งจนพวกเราได้แต่แหงนมองแล้วเหรอ?” เรื่องนี้ต่างหากที่เป็นเรื่องที่หวางซูเฟินกังวลอย่างแท้จริง
ตระกูลหวาง นั่นเป็นผู้นำของสี่ตระกูลสูงศักดิ์ที่ยิ่งใหญ่ทีเดียว
ถ้าหลินหยุนอยู่ใกล้ชิดบริษัทตงหวาง กรุ๊ปมากเกินไปละก็ ตระกูลหวางคงไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน
ก่อนหน้านั้นหลินหยุนได้ช่วยเหลือบริษัทตงหวาง กรุ๊ป สังหารปรมาจารย์ของตระกูลหวางไป ถ้าตระกูลหวางจะจัดการกับบริษัทตงหวาง กรุ๊ปละก็ สิ่งแรกที่เขาจะต้องทำก็คือกำจัดหลินหยุนก่อนเป็นอันดับแรก
มีเพียงแต่ต้องทำให้หลินหยุนแตกหักกับบริษัทตงหวาง กรุ๊ป จนถึงขั้นที่ไม่เผาผีกันเลยเป็นดีที่สุด เช่นนี้จึงจะสามารถทำให้ตระกูลหวางปล่อยเขาไปได้
“ฉันเข้าใจแล้ว” ฉินหลันรู้สึกอบอุ่นใจ ถึงแม้ผู้อำนวยการท่าทางภายนอกที่ดูเมินเฉยกับหลินหยุนก็ตาม แต่แท้ที่จริงแล้วเขาทำเพราะหวังดีต่อหลินหยุนทั้งนั้น
เพียงแต่ไม่รู้ว่า เจ้าหมอนั่นจะเข้าใจถึงความตั้งใจของผู้อำนวยการหรือเปล่า?
หลินหยุนเดินออกจากบริษัทตงหวาง กรุ๊ป ด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น พลังจิตสังหารในตัวเยือกเย็นจนทำให้คนสั่นสะท้านไปทั้งตัว
เขาเข้าใจความคิดของหวางซูเฟินดี หวางซูเฟินเจตนาที่จะถอยห่างจากตัวเขาไป แท้ที่จริงแล้วเป็นการปกป้องตัวเขาอยู่
แต่ว่า หลินหยุนก็ถือโอกาสแผนซ้อนแผนทำเป็นแตกหักกับบริษัทตงหวาง กรุ๊ปไปเลย ก็เพื่อปกป้องบริษัทตงหวาง กรุ๊ปเช่นกัน
เพราะว่าเรื่องต่อจากนี้ไปที่เขาจะทำนั้น เป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะต้องถูกทางการรัฐบาลจีนตามไล่ล่าอย่างไม่มีข้อยกเว้น
อีกทั้ง ตระกูลหวางที่เมืองหลวงก็จะต้องถือโอกาสนี้ เข้าถล่มโจมตีเพื่อสังหารเขาทันที
ดังนั้น จึงต้องรีบตัดความสัมพันธ์กับบริษัทตงหวาง กรุ๊ปไปก่อน ถึงเวลานั้นต่อให้หลินหยุนจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาก็ตาม จะได้ไม่ต้องพัวพันไปถึงบริษัท คงหวาง กรุ๊ปอีก
เดินออกจากประตูบริษัทตงหวาง กรุ๊ปไป หลินหยุนก็ลดความเร็วลง
ยามรักษาความปลอดภัยคนนั้นเมื่อเห็นเงาร่างของหลินหยุนแล้ว ดูเหมือนเคยเห็นมาก่อน “แปลกจัง เขาทำไมปรากฏตัวขึ้นมาอีกล่ะ? ดูเหมือนว่าฉันน่าจะตาฝาดไปแล้วจริงๆ!”
ขณะเวลาเดียวกับที่หลินหยุนออกจากบริษัทตงหวาง กรุ๊ปนั้น ในห้องทำงานของส้งหัวอัน ที่บริษัทหัวอัน กรุ๊ป
ส้งหัวอันนั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน สีหน้าเคร่งขรึม
ส้งอันหมิงนั่งรถเข็นเข้ามาในห้อง
“พ่อครับ ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว คนขับรถฆ่าตัวตายหนีความผิด ไม่มีใครสามารถที่จะสืบสาวมาถึงพวกเราได้แล้ว” ส้งอันหมิงพูดด้วยสีหน้ามะรืนดีใจ
ส้งหัวอันมองไปยังส้งอันหมิง พูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า “แล้วมีข่าวคราวของหวางซูเฟินหรือเปล่า?”
“ไม่มี บริษัทตงหวาง กรุ๊ปตอนนี้ถูกกั้นบริเวณห้ามเข้าออกแล้ว ดูไปแล้ว ต่อให้หวางซูเฟินไม่ตาย ก็คงมีชีวิตอยู่ได้ไม่กี่วัน” สีหน้าส้งอันหมิงแสดงความโหดเหี้ยมออกมา
“เพียงแต่น่าเสียดายฉินหลัน เดิมทีฉันคิดว่าจะทรมานเธอสักหน่อยก่อน แต่ตอนนี้กลับต้องตายพร้อมกับหวางซูเฟินไปแล้ว”
ดวงตาของส้งหัวอันส่องประกายวาววับออกมา พูดด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวออกมาทันทีว่า “หวางซูเฟินยังไม่ตาย!”
ส้งอันหมิงตกใจ “เป็นไปไม่ได้!”
“ฉันส่งคนไปดูรถคันนั้นแล้ว ถูกชนจนเละไม่เป็นท่าแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนรอดชีวิตออกมาได้!” สีหน้าของส้งก็ยังคงมั่นใจ
“ถ้าหากก่อนหน้านั้นปรมาจารย์หลินยื่นมือออกมาช่วยไว้ล่ะ?” ส้งหัวอันถาม
สีหน้าส้งอันหมิงเคร่งเครียด พูดอย่างมั่นใจเช่นเดิมว่า “เป็นไปไม่ได้! นอกจากว่าเขาจะเป็นเทวดา ไม่เช่นนั้นแล้วอุบัติเหตุรถชนรุนแรงขนาดนี้ ไม่มีทางที่จะมีคนรอดชีวิตออกมาได้เด็ดขาด!”
“แกส่งคนไปจับตาดูบริษัทตงหวาง กรุ๊ปต่อไป ภายในสองสามวันนี้อย่าได้ทำอะไรเด็ดขาด” ส้งหัวอันพูดด้วยเสียงหนักแน่น
“พ่อครับ ตอนนี้บริษัทตงหวาง กรุ๊ปขาดผู้นำแล้ว ต่างก็ระส่ำระสายไปทั่ว มันเป็นเวลาที่เหมาะสำหรับพวกเราที่จะตอบโต้พวกเขาเลยนะ!” ส้งอันหมิงพูดอย่างไม่เข้าใจ
“ทำตามที่ฉันบอก ช่วงเวลานี้ห้ามเคลื่อนไหวอะไรทั้งนั้น” ส้งหัวอันสีหน้าเคร่งขรึม
ในใจส้งอันหมิงยังไม่ค่อยยินยอมเท่าไร แต่ก็ไม่กล้าขัดคำสั่งของส้งหัวอัน “ครับ!”
ช่วงเช้าเวลาสิบโมงครึ่ง หลินหยุนก็มาถึงหน้าตึกอาคารบริษัทหัวอัน กรุ๊ป