จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 526 ประหารเก้าชั่วโคตรล้างแค้นสะใจ
แสงแดดสาดส่องลงมา ตึกอาคารสูงยี่สิบกว่าชั้นของบริษัทหัวอัน กรุ๊ป เจิดจรัสอยู่ภายใต้แสงสว่างของดวงอาทิตย์
หลินหยุนยืนอยู่บนบันไดทางขึ้นหน้าตึกอาคารบริษัทหัวอัน กรุ๊ป มองไปยังป้ายชื่อของบริษัทหัวอัน กรุ๊ปด้วยสีหน้าที่เย็นชา
เมื่อชาติที่แล้ว ก็อยู่ที่นี่แหละ เขาถูกส้งอันหมิงใช้ขาเหยียบลงไปบนพื้นดิน จงใจเหยียดหยามให้อับอายขายหน้า
ตอนนั้น ในแวดวงลูกเศรษฐีจงโจวทั้งหลาย มายืนมุงดูอยู่ข้างๆ ยิ้มเยาะเย้ยด้วยความสะใจบนความทุกข์ของคนอื่น
พี่ฉินหลันเพื่อช่วยชีวิตเขาแล้ว ถึงกับแอบตกลงเงื่อนไขของส้งอันหมิง ยอมแต่งงานกับส้งอันหมิงด้วยความอดสู
ตอนที่รู้ข่าวคราวนี้ ก็ยังเป็นบัตรเชิญที่ส้งอันหมิงจงใจสั่งคนส่งมาให้เขาอีกด้วย
ตอนนั้น ความรู้สึกเจ็บปวดใจแทบขาดเช่นนั้น จนถึงทุกวันนี้หลินหยุนก็ยังไม่สามารถที่จะลืมเลือนได้เลย
เขามาถึงงานแต่งงานของฉินหลัน คิดจะเข้าไปขัดขวาง แต่ก็ถูกคนของส้งอันหมิง จับกดลงไปกับพื้นต่อหน้าพวกเศรษฐีจงโจวทั้งหลาย เหยียดหยามให้เขาอับอายขายหน้า
หลินหยุนถูกกดให้อยู่บนพื้น บีบบังคับให้ดูพิธีแต่งงานตลอดจนจบงาน
หลินหยุนเอาหัวมุดอยู่บนพื้นที่แข็งและเย็นเฉียบ เลือดทั้งตัวแทบจะแข็งตัวไปหมด ราวกับคนตายคนหนึ่ง ไม่ขยับเขยื้อนเลย
หลังจากงานแต่งงานจบสิ้นแล้ว เล็บมือของเขา ถูกฝนจนเรียบ พื้นหินอ่อนที่แข็งแกร่งนั้น ก็ยังถูกเขาข่วนจนเป็นรอยลึกลงไป
หยิกเล็บเจ็บเนื้อ ไม่ว่าจะโดนส่วนไหนก็เจ็บปวดทั้งนั้น แต่ว่า หลินหยุนตอนนั้นกลับไม่รู้สึกความเจ็บปวดอะไรเลย
ไม่มีอะไรที่เจ็บปวดรวดร้าวไปมากกว่านี้อีกแล้ว ที่ต้องทนเห็นพี่ฉินหลันที่ตัวเองเคารพรัก ยอมลดตัวแต่งงานกับศัตรูตัวฉกาจส้งอันหมิง เพื่อช่วยชีวิตของเขาไว้
แต่ว่า การเสียสละของฉินหลันนั้น ก็ไม่ได้ผลอะไรเลย ส้งอันหมิงกลับไม่รักษาคำพูด ก็ยังทำร้ายหลินหยุนต่อไปจนเสียชีวิตในที่สุด
หลังจากฉินหลันรู้ข่าวแล้ว ก็แขวนคอตายอยู่ในสวนของตระกูลส้ง………
ยังดีที่ชาตินี้ หลินหยุนได้มาเกิดใหม่อีกครั้ง
ได้มาเกิดใหม่ก่อนที่เหตุการณ์โศกนาฏกรรมนี้ยังไม่ทันได้เกิดขึ้น
อีกทั้งเขายังได้อาศัยวิญญาณของกษัตริย์เซียน กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งด้วย
ชาติก่อนนั้น เขาได้แต่มองดูญาติพี่น้องของตัวเอง จากเขาไปทีละคนๆ แต่ชาตินี้เขาจะไม่ยอมให้เรื่องพวกนี้เกิดซ้ำรอยขึ้นมาได้อีกเด็ดขาด
หลินหยุนยืนอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าตึกอาคารบริษัทหัวอัน กรุ๊ป แล้วยืนนิ่งอยู่สักครู่ใหญ่
ฉากที่ถูกข่มเหงรังแกนั้น แต่ละฉากล้วนทำให้เจ็บปวดรวดร้าวแถบขาดใจ ราวกับเหตุการณ์เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
มือทั้งสองข้างของเขากำไว้แน่นอย่างไม่รู้สึกตัว พลังจิตสังหารที่เยือกเย็น ครอบคลุมทั่วร่างของเขาภายในบริเวณสามเมตร
“เวลาผ่านไปแปดร้อยปีแล้ว คนตระกูลส้ง พวกแกคงคิดไม่ถึงว่า ฉันหลินหยุนใช้วิธีเช่นนี้ มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าพวกแก!”
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกแกติดค้างฉันไว้ ตอนนี้ ได้เวลาเอาคืนแล้ว”
หลินหยุนค่อยๆเดินขึ้นบันไดหิน แล้วเดินเข้าไปทางประตูกระจกของอาคารบริษัทหัวอัน กรุ๊ป
ยามรักษาความปลอดภัยที่อยู่หน้าประตูมองดูหลินหยุนแวบเดียว ก็ไม่ได้สนใจอะไร
หลินหยุนมาถึงหน้าเคาน์เตอร์ มองไปยังพนักงานต้อนรับสาวหน้าเคาน์เตอร์
“ฉันมาหาส้งหัวอัน” หลินหยุนพูดด้วยเสียงเรียบๆ
พนักงานต้อนรับสาวหน้าเคาน์เตอร์เมื่อเห็นหลินหยุนอายุน้อยเช่นนี้ ท่าทีดูถูกเหยียดหยามเล็กน้อย “คุณมาหาผู้อำนวยการเหรอ? คุณมีหมายนัดล่วงหน้าหรือเปล่า?”
“ไม่มี” หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆ
พนักงานต้อนรับสาวหน้าเคาน์เตอร์ยิ้มเยาะเย้ยในใจ สมัยนี้ไม่ว่าหมูหมากาไก่อะไรที่ไหนก็คิดอยากมาพบผู้อำนวยการทั้งนั้น
“ขอโทษค่ะ ถ้าอยากจะมาพบผู้อำนวยการพวกเรา จำเป็นจะต้องมีใบนัดล่วงหน้าก่อน”
“บอกฉันมาว่าส้งหัวอันไหน?” หลินหยุนมองไปยังพนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ ดวงตาส่องประกายลำแสงสีดำออกมา
พนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์ท่าทีเหม่อลอยทันที มองไปยังหลินหยุน แล้วชี้ไปยังลิฟต์ด้วยท่าทางแข็งทื่อ “ผู้อำนวยการอยู่ห้องทำงานชั้นสูงสุด”
หลินหยุนหันหลังกลับ แล้วเดินมุ่งไปยังลิฟต์
รอจนถึงหลินหยุนเข้าไปในลิฟต์แล้ว พนักงานสาวหน้าเคาน์เตอร์นั้นจึงได้สติคืนมา
“เจ้าเด็กคนนั้นหายไปไหนแล้ว? เมื่อกี้ฉันพูดอะไรออกไป?”
หลินหยุนนั่งลิฟต์ขึ้นไปจนถึงชั้นสูงสุด ชั้นที่ 33
เมื่อหาห้องทำงานของผู้อำนวยการพบแล้ว หลินหยุนจึงเคาะประตู
“เข้ามา”
เสียงที่เคร่งขรึมของส้งหัวอันก็ดังขึ้นมาจากข้างใน
หลินหยุนผลักประตูออก ส้งหัวอันกำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน กำลังจะโทรศัพท์หาใครสักคนหนึ่ง
เมื่อได้เห็นหน้าหลินหยุนในเสี้ยววินาทีนั้น ส้งหัวอันถึงกับตกใจอึ้งไปเลย
“แกนี่เอง!” ส้งหัวอันเอามือถือวางลงบนโต๊ะ แต่ยังไม่ได้วางสายโทรศัพท์ มองไปยังหลินหยุนด้วยสายตาเย็นชา
“แกคิดจะทำอะไร?” ส้งหัวอันถามด้วยเสียงเคร่งขรึม
“อุบัติเหตุรถชนนั้น เป็นฝีมือแกสิ!” น้ำเสียงของหลินหยุนเรียบเฉย ไร้ความรู้สึกแม้แต่นิดเดียว
ส้งหัวอันสีหน้าเรียบเฉย “ฉันไม่เข้าใจว่าแกกำลังพูดอะไรอยู่!”
“ในเมื่อกล้าทำ ทำไมถึงไม่กล้ารับ” จิตสังหารในตัวของหลินหยุนค่อยๆเข้มข้นขึ้น จนอุณหภูมิในห้องก็ลดต่ำลงไปด้วย
“แล้วหลักฐานล่ะ?” ส้งหัวอันมองไปยังหลินหยุน ไม่เกรงกลัวอะไรเลย “ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องอาศัยหลักฐานทั้งนั้น ไม่เช่นนั้นแล้ว ก็คือการใส่ความกล่าวหากัน”
คนขับรถบรรทุกคนนั้น เป็นนักรบพลีชีพที่ตระกูลส้งเลี้ยงดูมาหลายปี ส้งหัวอันมั่นใจว่าหลินหยุนและบริษัทตงหวาง กรุ๊ปไม่มีทางที่จะหาหลักฐานมาได้อย่างแน่นอน
สีหน้าของหลินหยุนแสดงออกถึงความเย้ยหยัน “แกคิดว่าถ้าฉันจะทำอะไร จำเป็นต้องเอาหลักฐานด้วยเหรอ?”
ส้งหัวอันสะดุ้งตกใจ หลินหยุน ไม่ใช่บุคคลธรรมดาทั่วไป ถ้าเขาไม่แยแสอะไรขึ้นมาจริงละก็ งั้นก็จะไม่มีใครที่จะขวางเขาได้
แต่ว่า ส้งหัวอันกล้าพนันว่าหลินหยุนไม่กล้าลงมือกับเขา เพราะว่าที่เมืองหลวงยังมีตระกูลหวางอยู่
“ปรมาจารย์หลินแห่งหลิงหนาน ชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วหล้า ไม่มีใครที่ไม่เลื่อมใส!”
“แต่ว่า ฉันคนแซ่ส้งคนนี้เป็นแค่คนธรรมดาทั่วไป ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับโลกบู๊แม้แต่นิดเดียว และยังไม่เคยทำผิดต่อปรมาจารย์หลินเลย”
“หรือว่า ปรมาจารย์หลินคิดจะฝ่าฝืนข้อบังคับที่ได้ตกลงกันระหว่างโลกบู๊กับโลกมนุษย์งั้นเหรอ?”
“อย่าลืมนะว่า คนของตระกูลหวางในเมืองหลวง กำลังจับตารอดูความผิดพลาดของปรมาจารย์หลินอยู่นะ!”
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า “แกไม่ต้องมาข่มขู่ฉันหรอก ในเมื่อวันนี้ฉันกล้ามาที่นี่ ก็เป็นการกำหนดโชคชะตาให้ตระกูลส้งต้องหายสาบสูญไปตลอดกาลแล้ว”
ส้งหัวอันจ้องมองหลินหยุนไม่กะพริบตา เขาดูออกว่า คำพูดของหลินหยุน ไม่ใช่คำโกหกมดเท็จอย่างแน่นอน
เขาคิดจะทำลายตระกูลส้งให้ดับสูญไปโดยไม่แยแสอะไรเลยจริงๆ
“ไอ้หนู ฉันอยากรู้จริงๆเลยนะว่า บริษัทตงหวาง กรุ๊ปให้ประโยชน์อะไรแกกันแน่ แกถึงกับยอมทำทุกอย่างเพื่อพวกเธอได้ถึงเพียงนี้! มิหนำซ้ำยังยอมแม้กระทั่งเสี่ยงต่อการจับกุมของทางการรัฐบาลจีน เพื่อที่จะมาจัดการตระกูลส้งของฉัน”
ทันใดนั้น สายตาของหลินหยุนก็มองไปยังมือถือของส้งหัวอันที่วางอยู่บนโต๊ะ
ยื่นมือชี้นิ้วออกไป ปล่อยพลังทิพย์ออกมา มือถือเครื่องนั้นก็แตกละเอียดทันที
ส้งหัวอันหน้าเปลี่ยนสีทันที พูดด้วยเสียงเข้มว่า “แกก็ระวังตัวดีนะ”
สีหน้าหหลินหยุนไร้ความรู้สึก “ไม่ใช่เพราะว่าฉันระวังตัว เพียงแต่คำพูดต่อไปนี้ ฉันไม่อยากให้คนอื่นได้ยินเท่านั้นเอง”
หลินหยุนก็โบกมือไปทั่วห้องเพื่อวางค่ายกลกันเสียงออก จากนั้นมองไปยังส้งหัวอัน แล้วอย่างพูดอย่างเรียบๆว่า “แกอยากรู้ใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงช่วยเหลือบริษัทตงหวาง กรุ๊ป?”
“เพราะว่าในอนาคตฉันจะเป็นทายาทผู้สืบทอดของบริษัทตงหวาง กรุ๊ป”
ส้งหัวอันอึ้งไปหลายวินาที จากนั้นก็อุทานขึ้นว่า “อะไรนะ!”
“แกก็คือลูกชายของหวางซูเฟิน!”
อยู่ในระดับฐานะอย่างส้งหัวอัน สำหรับเรื่องบางอย่างที่เกิดขึ้นในตระกูลหวางตอนนั้น ก็เคยได้ยินมาบ้างว่า หวางซูเฟินมีลูกชายคนหนึ่ง แต่ไม่รู้อยู่ที่ไหนแล้ว
“ฉันน่าจะคิดออกก่อนหน้านี้แล้วนะ” ส้งหัวอันยิ้มฝืดๆ
มีใครบ้างที่ไม่สนใจไยดีอะไรเลย เพื่อจะไปช่วยเหลือคนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นญาติมิตรอะไรกันเลย?
นอกจากเป็นคนที่มีสายเลือดใกล้ชิดกับตัวเองเท่านั้น
ส้งหัวอันมองไปยังหลินหยุน ในเมื่อรู้ฐานะของหลินหยุนแล้ว งั้นระหว่างเขากับหลินหยุนนั้น ก็ย่อมจะต้องต่อสู้กันจนตายไปข้างหนึ่งไปเลย
“แกคิดจะทำอะไร?”
“ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน ลูกหลานตระกูลส้งของฉัน จะไม่ยอมปล่อยคนของบริษัทตงหวาง กรุ๊ปแม้แต่คนเดียว”
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า “ฉันมาคราวนี้ ก็ไม่เคยคิดว่าจะให้คนของตระกูลส้งของแกมีชีวิตรอดไปได้แม้แต่คนเดียว”
พูดจบ มือทั้งสองข้างของหลินหยุนก็วาดลวดลายเส้นที่ลี้ลับขึ้นบนอากาศ ลายเส้นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนประสานไขว้กันไปมา ปรากฏขึ้นกลางอากาศ แล้วค่อยๆวาดเป็นค่ายกลรูปวงรีขึ้นมา
ค่ายกลที่ใหญ่โตมหึมานั้น ปกคลุมไปเกือบทั่วห้อง จนส้งหัวอันแค่ยกมือขึ้น ก็สามารถสัมผัสได้แล้ว
กลิ่นอายที่ลี้ลับ มืดครึ้ม และแปลกประหลาด กระจายคละคลุ้งไปทั่วห้อง
ส้งหัวอันได้ยินคำพูดของหลินหยุนแล้ว รู้สึกแตกตื่นตกใจย่างยิ่ง
ไม่เหลือแม้แต่คนเดียว……..
“แกคิดจะทำอะไร!” ส้งหัวอันตะคอกด้วยเสียงเข้ม
หลินหยุนก็ใช้มือวาดภาพลวดลายที่ซับซ้อนขึ้นมาบนอากาศอย่างต่อเนื่อง ค่ายกลขนาดใหญ่นั้น ดูเหมือนหลินหยุนต้องใช้พลังทิพย์ในปริมาณมาก จึงจะวางค่ายกลนั้นให้เสร็จสมบูรณ์ได้
ก่อนหน้านี้หลินหยุนเคยใช้เวลาในการวางค่ายกล อย่างมากก็ไม่เกินหนึ่งนาทีเท่านั้น จะเห็นได้ว่าการวางค่ายกลในครั้งนี้ยิ่งใหญ่ขนาดไหน
ภายในห้องนั้น กลิ่นอายที่มืดครึ้มและแปลกประหลาดยิ่งมายิ่งรุนแรงขึ้น ราวกับว่าหลินหยุนได้ปลุกเสกแม่น้ำในขุมนรกให้ผุดขึ้นมาจนหมดทั้งสาย
ส้งหัวอันรู้สึกแต่เพียงว่าวิญญาณของตัวเองดูเหมือนแทบจะถูกดูดเข้าไปจนหมดแล้ว
“ไอ้เด็กเวร แกคิดจะทำอะไรกันแน่!” ส้งหัวอันตะคอกเสียงดัง
หลินหยุนหยุดชะงักทันที น้ำเสียงเรียบเฉย ราวกับเทพเจ้าบนสวรรค์ชั้นเก้า ที่ก้มมองดูเหล่าสรรพสิ่งทุกชีวิตบนโลก
“ประหารแกเก้าชั่วโคตร”