จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 527 สวรรค์ลงทัณฑ์คนชั่วขจัดความไม่ยุติธรรมให้หมดสิ้น
- Home
- จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์
- บทที่ 527 สวรรค์ลงทัณฑ์คนชั่วขจัดความไม่ยุติธรรมให้หมดสิ้น
ภายในห้องนั้น ค่ายกลรูปวงรีขนาดใหญ่นั้น ราวกับกาแล็กซี่ทางช้างเผือกที่เปล่งประกายแสงเจิดจ้าสดใสพาดผ่านท้องฟ้า ส่องสว่างไปทั่วทั้งหลังคาตึก
ปลายสุดของทางช้างเผือกนั้น เป็นลายเส้นหลายๆสายที่มองไม่เห็น เป็นรอยทางเดินที่เชื่อมต่อระหว่างแผ่นฟ้ากับแผ่นดินเข้าด้วยกัน
ค่ายกลใหญ่ทั้งหมด เปรียบเสมือนระบบดวงดาวจักรวาลขนาดย่อย
ส้งหัวอันตกตะลึงไปทั้งตัว
ปฏิบัติการที่สะท้านฟ้าเช่นนี้ เขาเป็นเพียงแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ไหนเลยจะมีโอกาสเคยได้เห็นมาก่อน?
หลินหยุนในสายตาของเขา ตอนนี้ดูเราวกับเป็นเทวดา
“นี่คืออะไร?” มองดูค่ายกลขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้แค่มือเอื้อมบนศีรษะของเขา ในใจส้งหัวอันหวาดผวาตื่นกลัวเหลือเกิน เขามีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่า ตราบใดที่เขาเอามือไปแตะค่ายกลนั้น ก็จะต้องถูกดูดเข้าไปในถ้ำมืดที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นบึ้งนั้น แล้วไม่สามารถได้ผุดได้เกิดอีกเลย
“ค่ายกลสืบญาณเชื้อสาย!”
เสียงของหลินหยุน ค่อยๆดังขึ้น เยือกเย็นไร้ความปรานี ราวกับทวยเทพที่สถิตอยู่บนเบื่องสูง
“แกคิดจะทำอะไรกันแน่!” ต่อให้ส้งหัวอันไม่เข้าใจค่ายกลขนาดใหญ่นี้เอาไว้ทำอะไร แต่ด้วยสัญชาตญาณก็รู้สึกได้ว่า ค่ายกลขนาดยักษ์นี้มีอันตรายอย่างเหลือล้น
หลินหยุนไม่ได้ตอบ ยกมือไปขึ้นแล้วเล็งไปยังส้งหัวอัน แขนของส้งหัวอันก็ปรากฏรอยบาดแผลขึ้นมาทันที เลือดจากบาดแผลราวกับลำแสงสีเลือดพุ่งเข้าไปในค่ายกลสืบญาณเชื้อสายนั้น
เพียงชั่วพริบตาเดียว ค่ายกลขนาดใหญ่นั้นสว่างไสวขึ้นมาทันที เปล่งประกายลำแสงสีเลือดออกมา
เสียงของหลินหยุนดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เยือกเย็นไร้ความปรานี
“ฉันจะให้แกเห็นกับตาตัวเองว่า ตระกูลเก้าชั่วโคตรของแก หายสาบสูญไปต่อหน้าแก”
ในใจส้งหัวอันสะดุ้งเฮือก มองไปยังหลินหยุนด้วยความหวาดกลัว “ไอ้เด็กเวร แกจะทำอะไรกันแน่? รีบหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
ส้งหัวอันไม่ได้เชื่อคำพูดของหลินหยุดที่ว่าจะประหารเขาเก้าชั่วโคตร ตัวหลินหยุนก็ยืนอยู่ภายในห้องนี้ จะประหารเขาเก้าชั่วโคตรได้อย่างไรกัน?
จะว่าไปแล้ว เก้าชั่วโคตรของเขา แม้แต่ส้งหัวอันเองก็จำไม่ได้ทั้งหมด
แต่ว่า ค่ายกลขนาดยักษ์บนศีรษะนั้น กลับทำให้เขามีความรู้สึกถึงอันตรายอันใหญ่หลวงที่รออยู่ สัญชาตญาณของเขาทำให้คิดที่จะหยุดยั้งหลินหยุนให้ได้
กลวิธีของหลินหยุนนั้น ส้งหัวอันย่อมไม่เข้าใจเป็นธรรมดา แต่ว่า เขาก็จะเข้าใจได้ในไม่ช้านี้แล้ว
เก้าชั่วโคตรหมายถึง: เทียด ทวด ปู่ พ่อ ตัวเอง ลูก หลาน เหลน ลื่อ
หลินหยุนจะทำให้ตระกูลส้งจากรุ่นก่อนจนถึงรุ่นหลังรวมเก้าชั่วโคตร หายสาบสูญไปจากโลกนี้อย่างสิ้นเชิง
หลินหยุนยืนตัวตั้งตรง บนใบหน้ามีรัศมีวงแหวนเป็นชั้นๆห่อหุ้มอยู่ ราวกับล่องลอยอยู่ท่ากลางเมฆหมอก
เขายื่นมือชี้นิ้วออกไป ลำแสงสีเขียวก็พุ่งไปยังค่ายกลสืบญาณเชื้อสายที่อยู่เหนือศีรษะ
“ประหาร!”
โป้ง!
ดูเหมือนสั่นสะเทือนไปทั้งห้อง เสียงของหลินหยุนนั้น ราวกับทะลุมิติกาลเวลา แล้วข้ามทะลุผ่านไปยังอดีตและอนาคต ออกคำสั่งบัญชาการไปทั่วทั้งฟ้าดิน
ท่ากลางอากาศนั้น มีเส้นแห่งชะตาชีวิตจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนเริ่มหมุนวนเวียนไปอย่างรวดเร็ว
มีพลังมหาศาลที่จัดเรียงเป็นระเบียบ รวมตัวกันขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อค้นหาทุกคนที่เป็นสายเลือดเดียวกับส้งหัวอัน
ภายในคฤหาสน์ตระกูลส้ง ส้งอันหมิงนั่งอยู่บนรถเข็น กำลังโทรศัพท์กับลูกน้องคนสนิทของเขา เพื่อสอบถามสถานการณ์ของบริษัทตงหวาง กรุ๊ป
ทันใดนั้น ก็เกิดเสียงดังราวกับฟ้าร้อง ระเบิดขึ้นภายในสมองของเขา
“ประหาร!”
เปรี้ยง!
ท่ามกลางอากาศนั้น เกิดลำแสงสายฟ้าแสบขนาดเท่าแขนคนผ่าลงมาอย่างแรง ฟาดลงตรงศีรษะของส้งอันหมิงพอดี
ส้งอันหมิงยังไม่ทันจะได้รู้สึกตัวเลย ก็กลายเป็นเถ้าถ่านหายสาบสูญไปในพริบตา
ภายในห้องทำงานของส้งหัวอัน บริษัทหัวอัน กรุ๊ป
ค่ายกลยักษ์ที่อยู่บนศีรษะ แสดงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่อย่างชัดเจน
มองดูลูกชายส้งอันหมิงถูกสายฟ้าแลบที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันนั้น ผ่าลงมาจนทำให้กลายเป็นเถ้าถ่านหายสาบสูญไป ในใจของส้งหัวอันก็สะดุ้งตกใจสุดขีด
“ไม่ เป็นไปไม่ได้ นี่ไม่ใช่เรื่องจริง!”
“นี่ก็เป็นแค่กลวิธีสร้างภาพลวงตาของแก!”
“ฉันไม่เชื่อ แกยืนอยู่ที่นี่ ถึงกับสามารถไปฆ่าคนที่อยู่ห่างไกลเกินพันลี้ได้เชียวเหรอ?”
ส้งหัวอันเป็นเพียงแค่คนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่งเท่านั้น ต่อให้เขามีเงินมากกว่าคนอื่นก็ตาม แต่ยังไงเสียก็ยังเป็นคนธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง จะไปเข้าใจถึงความสามารถที่แข็งแกร่งของผู้บำเพ็ญเซียนได้อย่างไรกัน
หลินหยุนไม่ได้ไปสนใจ ส้งอันหมิงเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นเท่านั้น ต่อจากนี้ไปค่ายกลดูดวิญญาณสายเลือดก็จะต้องหมุนวนเวียนไปอย่างเต็มที่ ตระกูลส้งเก้าชั่วโคตร จะต้องไม่มีใครหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว
ในสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ชายหนุ่มคนหนึ่งที่ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับตระกูลส้งเลย กำลังโอบกอดเด็กสาวคนหนึ่งไว้ บังคับให้เด็กสาวคนนั้นดื่มสุรา
เด็กสาวคิดจะขัดขืน ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ดื่มเข้าไป ถ้าเหล้ากระเด็นออกมาแม้แต่หยดเดียว แกจะต้องช่วยฉันเลียให้สะอาด!”
“คุณชายส้งคะ คุณปล่อยฉันไปเถอะนะ! ขอร้องล่ะ…….” เด็กสาวร้องไห้ออกมา
แต่ว่า ชายหนุ่มคนนั้นไม่ยอมเลิกรา กลับหัวเราะเสียงดังด้วยสีหน้าระรื่น “แกมาสถานที่แบบนี้ ไม่ใช่เพื่อหวังเงินเหรอ? วันนี้ขอเพียงแกบริการชายน้อยอย่างฉันให้มีความสุข รับรองได้ว่าเงินที่ช่วยรักษาพ่อแก ฉันจะช่วยออกให้หมดเลย”
พวกคุณชายเศรษฐีร่ำรวยทั้งหลายที่อยู่ข้างๆ ต่างก็แสดงท่าทีอยากที่จะดูเรื่องดราม่า และยังมีคนคอยยุยงส่งเสริมอีกด้วย
“ดื่ม รีบดื่มเร็วสิ!”
“คุณชายส้งพวกเรามีเงินเยอะแยะเลยนะ!”
ชายหนุ่มคนนั้นสีหน้าภาคภูมิใจ มองดูเด็กสาวที่น้ำตานองหน้า ยกแก้วเหล้าที่ดีกรีสูงแก้วหนึ่งขึ้นมาดื่มจนหมด จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา
ในขณะนั้นเอง บนท้องฟ้าก็มีเสียงดังขึ้นมาทันที ราวกับเทวดาพิโรธ สวรรค์ลงทัณฑ์
“ประหาร!”
เปรี้ยง!
สายฟ้าแลบผ่าลงมา ชายหนุ่มคนนั้นเหมือนกับส้งอันหมิงทุกอย่าง กลายเป็นเถ้าถ่านหายสาบสูญไปในพริบตา ราวกับว่าไม่เคยปรากฏอยู่บนโลกใบนี้มาก่อนเลย
ผู้คนที่เหลืออยู่ต่างก็ตกใจกลัวเมื่อได้เห็นฉากนี้ หลังจากยืนงงไปสักพัก ทุกคนต่างก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมา วิ่งหนีกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทาง
พวกเขาต่างก็คิดว่า เป็นเพราะว่าการกระทำของชายหนุ่มคนนั้นชั่วช้าสามานย์ ทำให้สวรรค์พิโรธ ดังนั้นจึงส่งเทพเจ้ามาลงทัณฑ์
ส่วนพวกลูกเศรษฐีทั้งหลายนั้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ต่างก็ทำตัวดีขึ้น ไม่กล้าที่จะทำเรื่องชั่วร้ายอีกเลย
ภายในห้อง ส้งหัวอันเมื่อเห็นภาพฉากนี้แล้ว ตกใจกลัวสุดขีด
ฐานะของชายหนุ่มคนนั้นมีไม่กี่คนที่รู้จัก
นั่นคือลูกชายนอกกฎหมายของเขา
แม้แต่ส้งอันหมิงก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ
แต่ว่า หลินหยุนรู้ได้ยังไงกัน?
หรือว่าค่ายกลขนาดยักษ์นี้ สามารถที่จะประหารเขาเก้าชั่วโคตรได้จริงเหรอ?
ค่ายกลสืบญาณเชื้อสายก็ยังคงหมุนต่อไปอย่างต่อเนื่อง
ที่เมืองหย่งโจว มณฑลยู่หนัน
ทัณฑสถานแห่งหนึ่ง กำลังคุมขังหญิงสาวคนหนึ่งที่ดื่มเหล้าเมาจนไม่ได้สติ
หญิงสาวอายุ 20 กว่า เป็นหลานสาวของส้งหัวอัน ชื่อส้งจื่อฉี
หญิงสาวคนนี้เมื่อคืนดื่มเหล้าเมา ขับรถชนแล้วหนี หลังจากกวาดชนรถสิบกว่าคันรวดแล้ว ยังชนเข้าไปยังรถบีเอ็มดับบลิวที่จอดรอไฟแดงคันหนึ่งเหาะกระเด็นออกไป
ทำให้รถบีเอ็มดับบลิวคันนั้นไฟลุกท่วมทั้งคัน มีคนตาย 2 บาดเจ็บ 4
ตามกฎหมายของประเทศจีนแล้ว จะต้องได้รับโทษหนัก แต่ว่า ต่อให้เป็นการลงโทษที่รุนแรงที่สุดตามกฎหมายประเทศจีนแล้ว ก็ไม่สามารถตัดสินประหารชีวิตเธอได้
แต่ว่า คนบริสุทธิ์ที่ตายอย่างอนาถพวกนั้นล่ะ มีความผิดอะไรกันเหรอ?
มิหนำซ้ำหญิงสาวคนนั้น ยังตะคอกใส่พนักงานของทัณฑสถาน พูดข่มขู่ว่า “ฉันรู้จักคนเบื้องสูงที่นี่ดี ทางที่ดีพวกแกเกรงใจฉันหน่อยนะ!”
ใครถือท้ายให้แกกล้าดีได้ถึงขนาดนี้! หลังจากแกฆ่าคนตายแล้ว ยังกล้าที่จะโอหังอวดดีเช่นนี้อีก!
ถึงแม้ในใจของพนักงานจะโกรธเคืองก็ตาม แต่ติดอยู่ที่ว่ากำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ จึงไม่ไปต่อล้อต่อเถียง
ในขณะที่หญิงสาวยังตะโกนอวดอ้างบารมีอยู่นั้น ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวผ่านทะลุข้ามมิติลงมา
“ประหาร!”
เปรี้ยง!
สายฟ้าแลบทะลุผ่านหลังคาลงมา แต่ไม่ได้ทำให้หลังคาเสียหายแม้แต่นิดเดียว ส่วนหญิงสาวคนนั้นกลับหายตัวไปไม่เหลือร่องรอยให้เห็นเลย
กลายเป็นเถ้าถ่านหายสาบสูญไป!
ภายในห้องนั้น สีหน้าส้งหัวอันตื่นตกใจกลัว นั่นคือหลานสาวของเขา อยู่ที่มณฑลยู่หนัน หลินหยุนไม่มีทางที่จะรู้จักเธออย่างแน่นอน
“หยุด รีบหยุดเลยนะ! ฉันขอร้องล่ะ รีบหยุดเร็ว!” ส้งหัวอันล่มสลายแทบจะทรุดลงไปทั้งตัว ในที่สุดเขาก็เชื่อแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตรงหน้ามันเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ไม่ใช่กลยุทธ์การสร้างภาพลวงตาของหลินหยุนเลย
“เมื่อไหร่ที่ค่ายกลสืบญาณเชื้อสายเริ่มหมุนไปแล้ว ก็จะไม่มีทางที่จะหยุดลงได้เลย นอกเสียจากว่าเก้าชั่วโคตรของแกจะถูกประหารจนหมดสิ้นเสียก่อน!”
เสียงของหลินหยุนเยือกเย็นไร้ความปรานี ราวกับเทพเจ้าที่สถิตอยู่บนเบื้องสูง
ฉากที่ปรากฏอยู่บนค่ายกลสืบญาณเชื้อสายกำลังเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง
ในห้องสมุดแห่งหนึ่ง บรรยากาศเงียบสงบมาก
ทันใดนั้น หลานชายอายุสิบขวบของส้งหัวอันชื่อส้งว่านหลี่ ก็เริ่มเล่นเกมออนไลน์ อีกทั้งยังเปิดเสียงดังลั่นขึ้นมา
คนอื่นที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ ต่างก็มองเขาด้วยสายตาที่รังเกียจ
แม่ของเขาที่อยู่ข้างๆก็ตามใจลูก กลับไม่มีวี่แววที่จะไปห้ามเตือนอะไรเลย
พนักงานดูแลห้องสมุดก็เดินเข้าไป พูดเตือนด้วยเขาด้วยเสียงเบาว่า “โปรดรักษาความสงบด้วยค่ะ อย่าส่งเสียงรบกวนคนอื่น!”
ส้งว่านหลี่ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็กจนเสียคน เขากำลังเล่นติดลมอยู่ ใครกล้ามารบกวนเขา!
“แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ถ้าแกขืนพูดอีกคำเดียว เชื่อไหมว่าฉันจะอัดแกให้น่วมเลย!” ส้งว่านหลี่งจ้องหน้าพนักงานดูแลห้องสมุดด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
พนักงานดูแลห้องสมุดสีหน้าตกตะลึง เธอแทบไม่อยากที่จะคิดเลยว่า เด็กอายุเพียงแค่สิบขวบทำไมถึงได้โอหังอวดดีได้ถึงขนาดนี้
ถ้าวันหลังโตขึ้นมาแล้วจะขนาดไหน!
น่าขำที่สุดก็คือ แม่ของเขายังปลอบใจพนักงานดูแลห้องสมุดอยู่ข้างๆว่า “เด็กเขายังเล็กอยู่ ไม่ประสีประสาอะไร คุณก็อย่าไปถือสาเขาเลยนะ!”