จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 529 มีคนมาจากเมืองหลวง
คฤหาสน์ประธานาธิบดีจีนในเมืองหลวง
หงซานเหอเข้ามาในคฤหาสน์ประธานาธิบดีจีนกลางดึก ด้วยอารมณ์ขุนหมองขับข้องใจ
ประธานาธิบดีจีนก็ยังไม่ได้นอนเลย ดูเหมือนว่ากำลังรอการมาถึงของหงซานเหอ
พอเดินเข้าประตูมา หงซานเหอก็ตะโกนพูดอย่างโมโหว่า “เจ้าเด็กนี่ มันทำเกินไปจริงๆ!”
“คราวนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับโลกมนุษย์ มันหนักหนาสาหัสจริงๆ!”
“อีกทั้ง เขาก็ช่างโหดเหี้ยมเสียจริง! ทั้งตระกูลส้ง หนำซ้ำยังรวมถึงคนที่อยู่ภายในสามชั่วอายุคน ล้วนตายจนหมดเกลี้ยงเลย”
“ไม่รู้จริงๆเลยว่าเจ้าเด็กนั่นใช้วิธีอะไร ถึงได้เฉียบขาดขนาดนี้!”
“ตอนนี้ ทุกคนต่างก็พูดลือกันไปว่า สวรรค์สำแดงฤทธิ์เดช ทัณฑ์สวรรค์ลงมาจุติ!”
“คาดว่าพรุ่งนี้คนของสี่ตระกูลใหญ่ ก็จะต้องมาพร้อมกันที่นี่ เรียกร้องให้จับเจ้าเด็กนั่นมารับโทษอย่างแน่นอน”
หงซานเหอพูดอยู่คนเดียวตั้งครึ่งค่อนวัน ก็ยังไม่เห็นว่าประธานาธิบดีแสดงความเห็นอะไรออกมาเลย
จึงรู้สึกร้อนรน “ท่านประธานาธิบดีครับ ท่านควรจะพูดอะไรบ้างนะ! เจ้าเด็กคนนี้ไม่เกรงกลัวกฎหมายขนาดนี้ ท่านก็มีส่วนทำให้เขาเป็นแบบนี้ด้วย”
ประธานาธิบดีสีหน้าเรียบเฉย พูดอย่างเรียบๆว่า “เจ้าหง คุณชักจะล้ำเส้นมากไปแล้ว”
หงซานเหอหยุดชะงัก ไม่พูดต่ออีก มองไปยังประธานาธิบดีด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก “คุณก็ควรจะพูดบ้างนะว่าคราวนี้ควรจะทำยังไงต่อไป?”
ท่าทีของประธานาธิบดีก็ยังคงเหมือนกับว่าต่อให้ภูเขาไท่ซานพังลงต่อหน้าสีหน้าก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงเช่นเดิม ราวกับว่าในโลกนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่สามารถทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นได้เลย
“คราวนี้เขาก่อเรื่องค่อนข้างใหญ่โตไปจริงๆ!”
หงซานเหอคงพูดอย่างตกตะลึงว่า “ค่อนข้างใหญ่เหรอ? ด้วยความเร็วการกระจายข่าวในสมัยนี้ รับรองว่าพรุ่งนี้คนจีนทั่วทั้งประเทศก็ต้องรู้กันหมดแล้ว”
“ถึงเวลาทุกคนก็ต่างก็พูดลือกันไปว่า ทัณฑ์สวรรค์ลงมาจุติ!”
“ขนาดนี้มันแค่ค่อนข้างใหญ่โตไปหน่อยเหรอ?”
ประธานาธิบดีมองดูหงซานเหอ แล้วถามอย่างเรียบๆว่า “รู้แล้วยังไงล่ะ?”
“แล้วคุณจะเชื่อไหมล่ะ?”
หงซานเหอหยุดชะงัก พูดอย่างเย็นชาว่า “ไม่เชื่อ!”
ก็เป็นความจริงที่ว่า สมัยนี้สังคมออนไลน์มีทั้งเรื่องจริงๆเท็จๆ เท็จจริงๆ สิ่งที่มองเห็นด้วยตาตัวเองก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องจริงเลย มิหนำซ้ำยังเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับอภินิหารเทวดาฟ้าดินเช่นนี้อีกด้วย
โดยทั่วไปแล้ว ถ้าหากไม่ใช่เห็นด้วยตาตัวเองละก็ คนส่วนใหญ่ก็มักไม่ค่อยเชื่ออยู่แล้ว
หงซานเหอพูดด้วยสีหน้ากังวลว่า “ข่าวที่พูดซ้ำกันทุกวันก็จะกลายเป็นข่าวจริงไปก็ได้ ถ้าคนจีนทั้งประเทศต่างก็พูดขยายเรื่องนี้ต่อไป ก็จะทำให้เกิดความแตกตื่นหวาดกลัวขึ้นอย่างแน่นอน”
“คำพูดคนช่างน่ากลัวจริงๆ! โดยเฉพาะพวกสื่อทั้งหลาย”
ประธานาธิบดีจีนพูดว่า “ต้นเหตุพวกนี้มันสมควรที่จะต้องคิดไตร่ตรองให้ดี ฉันได้สั่งการให้กรมประชาสัมพันธ์ไปกำชับสื่อพวกนั้นแล้ว ให้พวกเขาอย่าเพิ่งเสนอข่าวออกมา”
“สำหรับคนอื่นนั้น ก็ปล่อยให้พวกเขาแสดงความคิดเห็นไปเถอะ นานาจิตตัง ต่างคนต่างต่างจิตใจ ก็แล้วแต่พวกเขาจะคิดก็แล้วกัน”
สีหน้าหงซานเหอก็ยังคงกังวล “ต่อให้หลีกเลี่ยงการพูดถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นก็ตาม แต่ว่าสี่ตระกูลใหญ่ทางนั้น จะต้องไม่ยอมยุติเรื่องง่ายๆอย่างนี้หรอก”
“พรุ่งนี้เช้าตรู่ ฉันคาดเดาว่าพวกเขาจะต้องรวมหัวกันเข้ามา บีบให้พวกเราจัดการกับเจ้าเด็กนั่นให้ได้!”
ประธานาธิบดีจีนยิ้มเล็กน้อยด้วยสีหน้าลึกลับ “คุณก็ไม่น่าไปดูถูกหวางจิงหลงพวกเขาไปเลย พรุ่งนี้ พวกเขาจะไม่ยอมออกหน้า อีกทั้งนอกจากพวกเขาไม่มาหาฉันแล้ว ยังพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่พบหน้าฉันด้วยซ้ำไป”
“พวกเขาจะแอบอยู่ที่ลับ คอยสังเกตดูอย่างเงียบๆว่า พวกเราจะจัดการยังไง”
“สไนเปอร์ที่เปิดเผยตัวตนอยู่แนวหน้า ย่อมสู้พลังอำนาจยิ่งใหญ่ที่แอบซ่อนอยู่เบื้องหลังไม่ได้”
หงซานเหอไม่ค่อยเชื่อนัก “ฉันไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้นนะ ฉันรู้สึกว่าหวางจิงหลงพวกเขาคงไม่ยอมปล่อยโอกาสที่ดีๆแบบนี้ไปอย่างแน่นอน!”
“ตระกูลหวาง ตั้งหน้าตั้งตาคิดจะเอาชีวิตไอ้เด็กน้อยนั่นอยู่แล้ว!”
“อีกอย่าง ต่อให้เป็นไปอย่างที่คุณพูดก็ตาม พวกเขาได้แต่แอบมองพวกเราอยู่ที่ลับตา พวกเราก็จำเป็นจะต้องทำอะไรสักอย่างกับไอ้เด็กนั่น เพื่อชี้แจงอธิบายต่อคนทั้งใต้หล้าด้วย”
“อย่างน้อย คนที่รู้ความจริงเรื่องนี้ ก็ยังมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว”
ประธานาธิบดีจีนนวดขมับ รู้สึกลำบากใจ “ใช่สิ คงต้องหาวิธีที่จะควบคุมเจ้าเด็กนั้นให้ได้ ไม่เช่นนั้นแล้ว เขาก็จะยิ่งเหิมเกริมไม่เกรงกลัวกฎหมายมากขึ้น”
หงซานเหอพูดด้วยสีหน้าสงสัยว่า “จะควบคุมยังไงเหรอ? เขาจะเชื่อฟังไหม?”
ประธานาธิบดีเดินไปเดินมาในห้องสักครู่ แล้วหันหน้ากลับมา มองดูหงซานเหอแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านั้นหัวหน้ากองกำลังพิเศษมังกรฟ้า ยิ่งตงไหลกลับมาแล้ว เขาได้ไปเจอกับเจ้าเด็กนั่นที่ฝั่งทะเลตะวันตก แล้วยังเชิญชวนให้เจ้าเด็กนั่นมารับตำแหน่งครูฝึกกองกำลังพิเศษมังกรฟ้าอีกด้วย”
“ฉันรู้สึกว่าความคิดนี้ก็ไม่เลวเลย”
หงซานเหอตกใจสะดุ้ง “ความหมายของท่านคือจะหว่านล้อมให้เขาเข้าพวกเหรอ?”
“แล้วทำไมจะไม่ได้ล่ะ?” ประธานาธิบดีพูดด้วยรอยยิ้ม
หงซานเหอขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ถ้าสามารถชักชวนให้เขาเข้ามาเป็นพวกเราได้ ก็เป็นความคิดที่ยิงนกทีเดียวได้สองตัวเลยทีเดียว นอกจากจะสามารถควบคุมเขาได้แล้ว ก็ยังทำให้เขาช่วยทำงานให้กับประเทศจีนได้อีกด้วย”
“แต่ว่า ตระกูลส้งทำยังไงล่ะ? นั่นหมายถึงวิญญาณเร่ร่อนทั้งตระกูลเลยเชียวนะ!”
ประธานาธิบดียิ้มแต่ไม่พูดอะไร ผ่านไปสักครู่ จึงค่อยๆพูดว่า “ประเทศจีนสามารถยืนอยู่บนลำแข้งของตัวเองอย่างอิสระเช่นทุกวันนี้ ประเทศชาติรุ่งเรืองประชาชนมั่งคั่ง ก็ไม่รู้ว่าได้เสียสละนักปราชญ์ในอดีตไปมากมายเท่าไรแล้ว”
“อีกอย่าง อุบัติเหตุรถชนที่เกิดขึ้นกับหวังซูเฟินคราวนั้น คุณรู้สึกว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริงเหรอ?”
“เจ้าหง ตอนนี้คุณได้ยืนอยู่ที่สูงเช่นนี้ จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงความสุขของลูกหลานคนจีนทั่วประเทศนับพันล้านคนให้มากขึ้น อย่าไปคิดจำกัดเพียงแค่ตัวบุคคลคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ”
“ถ้าหากสามารถช่วยทำให้ประเทศจีนยืนตระหง่านอยู่จุดสูงสุดบนโลกใบนี้ได้ละก็ แล้วดีเลวมันต่างกันตรงไหนล่ะ?”
ไม่ได้ยินไม่ได้หมายความว่าไม่มีเสียง มองไม่เห็นไม่ได้หมายความว่าไม่มีตัวตน
เส้นแบ่งระหว่างความดีกับความเลวนั้น ก็ล้วนเป็นเพราะว่ามุมมองที่ต่างกันทำให้เกิดความแตกต่างทั้งนั้น
ประธานาธิบดีเข้าใจลึกซึ้งดีมาก นี่คือความมั่งคั่งของชาวจีนนับแสนนับล้านทั่วประเทศ
หงซานเหอก็เริ่มเข้าใจกระจ่างขึ้น ก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “ผู้น้อยน้อมรับคำสั่งสอน”
“งั้นฉันจะไปชักชวนเขาด้วยตัวเอง”
ประธานาธิบดียิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ ไม่ใช่ไปชักชวนเขา แต่เป็นการควบคุมเขาต่างหาก ให้เขามีโอกาสทำคุณไถ่โทษ เพื่อชดใช้ความผิดที่เขาได้ก่อขึ้นมา”
“แต่ว่า ถ้าเขาปฏิเสธจะทำยังไงล่ะ?” หงซานเหอรู้สึกเป็นกังวล อย่างน้อยสำหรับนิสัยของหลินหยุนแล้ว เขาก็เคยได้ศึกษามาบ้างแล้ว รู้ว่าหลินหยุนเป็นคนไม่ชอบถูกบังคับ
“วางใจเถอะ เขาจะต้องตกลงแน่” ประธานาธิบดีกลับมีสีหน้าที่มั่นใจเต็มร้อย
“งั้นฉันจะรีบไปจัดการเลย”
หงซานเหอก็หันหลังกลับแล้วเดินจากไป
วันรุ่งขึ้น หงซานเหอก็ได้มาถึงเมืองหลินโจวแล้ว
ส่วนเมืองหลวงทางนั้น ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆจากคนของสี่ตระกูลใหญ่จริงๆ เป็นไปตามที่ประธานาธิบดีคิดทุกอย่างเลย ไม่มีใครโผล่หน้ามาสักคนหนึ่ง ทุกคนล้วนแต่แอบมองอยู่ในที่ลับ
“ประธานาธิบดีทายแม่นหยั่งกับตาเห็นเลยจริงๆ!”
อุทานออกมา หงซานเหอก็ทำตามข่าวสารที่ได้รับจากหน่วยสืบราชการลับ จากนั้นก็รีบพาคนตรงไปยังทะเลสาบเยว่หยา
ณ ห้องทำงานของผู้อำนวยการบริษัทตงหวาง กรุ๊ป มณฑลจงโจว
ฉินหลันมาถึงห้องทำงานของหวังซูเฟินด้วยความร้อนใจ ยังไม่ทันได้เคาะประตู ก็รีบบุกเข้าไปแล้ว
“ผู้อำนวยการ แย่แล้ว! ฉันได้ข่าวมาว่าส้งหัวอันทั้งครอบครัว ถูกคนฆ่าตายหมดแล้วแม้แต่ศพก็ยังไม่ทิ้งไว้ให้เลย”
หวังซูเฟินถอนหายใจเฮือก เงยหน้าขึ้นมาจากหลังคอมพิวเตอร์ พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “ไม่เพียงแต่ครอบครัวของส้งหัวอันเท่านั้น ยังมีพี่ชายน้องชายแล้วก็ญาติของส้งหัวอัน ภายในสามชั่วอายุคน ก็แทบจะหายสาบสูญไปหมดเลย!”
“เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่โตมาก ทุกคนต่างพูดลือกันว่า นั่นคือทัณฑ์สวรรค์!”
ฉินหลันพูดว่า “คุณคิดว่า มันเป็นทัณฑ์สวรรค์จริงๆเหรอ?”
“ทัณฑ์สวรรค์เหรอ? จะเป็นไปได้ยังไงว่าคือทัณฑ์สวรรค์! คนชั่วมีตั้งมากมาย ทำไมจะต้องมาลงทัณฑ์เฉพาะตระกูลส้งล่ะ?”
ไม่ต้องคิดแล้ว มันจะต้องเป็นฝีมือของหลินหยุนแน่นอน
หวางซูเฟินสีหน้าเคร่งขรึม แล้วพูดว่า “โทรศัพท์ไปหาหลินหยุน ถามว่าเขาอยู่ที่ไหน? คราวนี้เขาก่อเรื่องใหญ่โตมากไปจริงๆ!”
“ได้!” สีหน้าฉินหลันเคร่งเครียด เธอก็สามารถดูออกว่าผลร้ายแรงที่จะต้องเกิดขึ้นตามมาจากเรื่องนี้
ฉินหลันรีบโทรศัพท์เข้ามือถือของหลินหยุน
เมื่อโทรศัพท์ดังขึ้น หลินหยุนก็รับสาย
“หลินหยุน คุณอยู่ที่ไหน?” ฉินหลันถามด้วยความร้อนใจ
หลินหยุนยืนอยู่บนดาดฟ้าของคฤหาสน์เย่หยาหู สีหน้าเรียบเฉย ในใจก็เข้าใจจุดประสงค์ของฉินหลันที่โทรศัพท์มาหาคราวนี้
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?” หลินหยุนไม่ได้ตอบคำถามของฉินหลัน แต่เป็นการถามอย่างเรียบๆ
“คุณบอกฉันมาก่อนว่าคุณอยู่ที่ไหน?” ฉินหลันพยายามจะเค้นหาคำตอบให้ได้
หลินหยุนบ่นพึมพำเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ฉันอยู่ที่คฤหาสน์เย่หยาหู”
ผ่านไปสักครู่ ฉินหลานจึงถามขึ้นว่า “เรื่องของตระกูลส้ง คุณเป็นคนทำล่ะสิ!”