จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 531 ถ้าฉันไม่ยอมตกลงล่ะ
หลินหยุนจิบน้ำชาโดยไม่ได้หันไปมองหงซานเหอเลย แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “ท้าทายกฎหมายเหรอ? ในสายตาของฉัน มันเป็นแค่เรื่องเล็กขี้ปะติ๋วที่ไม่น่าจะไปพูดถึงเลยด้วยซ้ำ”
หงซานเหอโกรธจนตัวสั่น “เรื่องเล็กขี้ปะติ๋วที่ไม่น่าจะไปพูดถึงเลยเหรอ? เจ้าหนู ฉันเคยได้ยินมาตั้งนานแล้วว่าแกยโสโอหังมาก วันนี้ได้มาเจอด้วยตัวเอง แกยโสโอหังมากกว่าที่ฉันคิดไว้เสียอีก!”
“แกสังหารตระกูลส้งสามชั่วอายุคน ยังจะพูดว่าเป็นเรื่องเล็กขี้ปะติ๋วไม่น่าจะไปพูดถึงเลย! งั้นแกบอกฉันมาซิว่า ในสายตาของแก อะไรถึงจะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่มั่ง?”
หลินหยุนพูดแก้ไขว่า “มันคือเก้าชั่วโคตรต่างหาก”
“แก!” สีหน้าหงซานเหอเย็นชา คิดจะอาละวาด แต่ว่านึกถึงเป้าหมายที่มาครั้งนี้ จึงได้แต่กล้ำกลืนฝืนทนไว้
เมื่อระงับโทสะในใจลงได้แล้ว หงซานเหอก็จ้องมองหลินหยุนอย่างดุร้าย พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรว่า “แกทำอย่างนี้ ก็เท่ากับเป็นการผิดสัญญาข้อตกลงระหว่างวงการโลกบู๊และโลกมนุษย์ ถ้าคนในวงการโลกบู๊ทุกคนต่างก็เหมือนแกละก็ เกรงว่าใต้หล้านี้คงวุ่นวายไปหมดแล้ว!”
“ดังนั้น แกจำเป็นจะต้องได้รับการลงโทษ จะได้ไม่เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป!”
คราวนี้หลินหยุนถึงได้มองไปยังหงซานเหอ แล้วถามด้วยความรู้สึกนึกสนุกขึ้นมาว่า “งั้นพวกคุณเตรียมจะลงโทษฉันยังไงล่ะ?”
หงซานเหอพูดว่า “เจ้าเด็กน้อย ถึงแม้คุณทำความผิดใหญ่หลวงไว้ก็จริง แต่ว่าเห็นแก่ที่อายุคุณยังน้อย ยังมีอนาคตที่ก้าวไกล ฉันจะให้โอกาสคุณครั้งหนึ่ง เพื่อให้คุณทำคุณไถ่โทษ”
“ถ้าคุณยอมเข้ามาอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของฉัน ต่อไปก็เชื่อฟังคำสั่งของฉัน เรื่องนี้ฉันสามารถที่จะหาทางแก้ไขให้คุณได้”
หลินหยุนพูดด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “ขอโทษนะ ฉันไม่ชอบถูกคนอื่นบังคับ”
หงซานเหอทำตาหรี่ “นี่คุณปฏิเสธเหรอ?”
หลินหยุนไม่พูดอะไรเป็นการยอมรับ
“คุณคิดให้ดีก่อนแล้วค่อยตอบคำถาม คุณต้องรู้นะว่า คนของสี่ตระกูลยิ่งใหญ่แห่งเมืองหลวง ตอนนี้ต่างก็รอดูผลสรุปในการจัดการเรื่องนี้อยู่นะ! พวกเขาต่างก็อยากจะให้คุณตายไปทั้งนั้น ถ้าคุณปฏิเสธ งั้นก็ไม่มีใครที่จะสามารถช่วยคุณรับมือกับคนของสี่ตระกูลยิ่งใหญ่นี้ได้ อาจไม่แน่พรุ่งนี้ทะเลสาบเยว่หยาของคุณ อาจถูกถล่มจนราบเป็นหน้ากลองทั้งหมดเลยก็ได้!”
“นี่ฉันไม่ได้พูดจาข่มขู่นะ คุณลองคิดให้ดีๆก็แล้วกัน” หงซานเหอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หลินหยุนมองไปยังหงซานเหอ ในตัวก็ระเบิดกลิ่นอายความเยือกเย็นออกมาทันที ราวกับการฟื้นคืนชีพของสัตว์ในตำนานโบราณยิ่งใหญ่ตัวหนึ่ง
“ถ้าเขากล้าที่จะแตะต้องทะเลสาบเยว่หยาของฉันแม้แต่ปลายเล็บ ฉันก็จะทำให้สี่ตระกูลใหญ่เปลี่ยนเจ้าบ้านรุ่นใหม่ทันที”
หงซานเหอรู้สึกแต่เพียงกลิ่นอายเยือกเย็นที่กล้าแกร่ง ถาโถมเข้ามาตรงหน้าอย่างแรง ก็เหมือนกับพื้นผิวทะเลเดิมทีที่ราบเรียบ อยู่ๆก็เกิดคลื่นทะเลยักษ์ปะทุขึ้นมาอย่างกะทันหัน
กลิ่นอายที่กล้าแกร่งบนตัวของหลินหยุนนั้น ทำให้หงซานเหอนายพลที่ผ่านสนามรบมามากมายท่านนี้ ก็ยังอดไม่ได้ที่สะดุ้งตกใจ
หงซานเหออึ้งอยู่ราวประมาณหนึ่งนาที จึงขจัดความแตกตื่นไปได้ แล้วพูดด้วยเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าหนู แกช่างยโสโอหังสุดๆจริงๆเลยนะ!”
“เจ้าบ้านของสี่ตระกูลใหญ่ ต่างล้วนเป็นเสาหลักของประเทศจีนเราทั้งนั้น ถ้าคุณกล้าที่จะแตะต้องพวกเขา ก็เป็นการเขย่าฐานรากของประเทศจีนพวกเราอย่างไม่ต้องสงสัย ถ้าหากว่าประเทศจีนจะเกิดความวุ่นวายเพราะสาเหตุนี้แล้วละก็ คุณก็จะกลายเป็นคนบาปตลอดกาลที่จารึกในประวัติศาสตร์จีนเลยทีเดียว!”
หลินหยุนมองดูเขาอย่างเย็นชา สีหน้าแสดงออกถึงความเหยียดหยาม “นั่นมันเป็นประวัติศาสตร์ของพวกคุณ แต่ไม่ใช่ประวัติศาสตร์ของฉัน”
“ประวัติศาสตร์ของฉัน ลำพังแค่ประเทศจีนไม่สามารถที่จะจารึกไว้ได้ ที่สามารถจารึกประวัติศาสตร์ของฉันได้ ก็มีเพียงแต่ท้องฟ้าหมู่ดาวในจักรวาลที่ไร้ขอบเขตเท่านั้น”
“คุณคิดว่าระหว่างประวัติศาสตร์ของประเทศจีนเมื่อเปรียบเทียบกับท้องฟ้าหมู่ดาวในจักรวาลแล้ว จะเป็นยังไงล่ะ?”
หงซานเหอแสดงสีหน้าโกรธจัด หลินหยุนช่างเหิมเกริมมากเกินไปจริงๆ
ประวัติศาสตร์ของประเทศจีนเมื่อเปรียบเทียบกับท้องฟ้าหมู่ดาวในจักรวาลแล้ว ย่อมเป็นแค่เม็ดทรายในท้องทะเล ไม่คู่ควรที่จะไปพูดถึงเลย
แต่ว่าท้องฟ้าหมู่ดาวในจักรวาลช่างกว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขตขนาดไหน เขาถึงกับกล้าพูดว่าประวัติศาสตร์ของตัวเองมีแต่ท้องฟ้าหมู่ดาวในจักรวาลเท่านั้นจึงจะสามารถจารึกไว้ได้!
มันช่างยโสโอหังขนาดไหน ช่างหยิ่งผยองขนาดไหน!
“เจ้าหนู แกคิดจะเป็นศัตรูกับคนจีนทั่วทั้งประเทศจริงเหรอ?” หงซานเหอมองไปยังหลินหยุนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
ถึงแม้ว่าหลินหยุนจะยโสโอหังมากก็จริง ถึงแม้ว่าเขาทนดูไม่ไหวกับนิสัยหยิ่งผยองพองขนของหลินหยุนก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หลินหยุนเป็นบุคคลที่มีความสามารถเก่งกาจจริงๆ
ถ้าสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ให้ถูกทาง เขาก็จะกลายเป็นเทพแห่งสงครามคนต่อไปของเมืองหลวง เจียงร่อโจ๋
ดังนั้น หงซานเหอจึงไม่อยากคิดที่จะปล่อยหลินหยุนไป
สีหน้าของหลินหยุนก็ยังเรียบเฉยเหมือนเดิม “ฉันไม่ได้เจตนาที่จะเป็นศัตรูกับใครทั้งนั้นแต่ว่า ฉันก็ไม่เกรงกลัวที่จะเป็นศัตรูกับใครหรืออำนาจอะไรทั้งนั้น”
“ถ้าคิดอยากจะให้ฉันเข้าไปร่วมงานกับพวกคุณ ก็ไม่ใช่ว่าไม่ได้นะ เพียงแต่ว่าฉันไม่ชอบถูกคนควบคุมความเป็นอิสระ”
เมื่อเห็นว่าการเจรจาเริ่มจะถึงทางตันแล้ว หงซานเหอจึงพูดว่า “ข้อเรียกร้องของคุณ ฉันไม่สามารถตัดสินใจเองได้ จำเป็นที่จะต้องขออนุญาตจากเบื้องบนก่อน”
“เชิญตามสบาย” หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆ
“คุณรอสักครู่” หงซานเหอลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกไปนอกประตู
ผู้สูงวัยทั้งสองคนที่มาพร้อมกับหงซานเหอ ก็เดินตามหลังหงซานเหอออกไปข้างนอกด้วย
ทั้งสามคนมายืนอยู่มุมด้านซ้ายของคฤหาสน์ หงซานเหอมองไปยังผู้สูงวัยทั้งสองคนแล้วถามว่า “ท่านฉิน ท่านจ้าว ถ้าพวกคุณประมือกับเจ้าเด็กนั่น มีโอกาสชนะหรือไม่?”
ท่านฉินส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ฉันเกรงว่าจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
หงซานเหอก็มองไปยังท่านจ้าว
ท่านจ้าวก็ส่ายหน้า “ฉันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเหมือนกัน”
หงซานเหอขมวดคิ้ว “พวกคุณทั้งสองคนต่อให้ประมือกับเจียงร่อโจ๋ โดยที่ยังไม่ทันได้รู้แพ้ชนะก็ยังกล้ารับมือเลย ทำไมตอนนี้ถึงมั่นใจว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาล่ะ?”
ท่านฉินพูดด้วยความละอายใจว่า “เจียงร่อโจ๋ถึงแม้ชื่อเสียงโด่งดังก็จริง พละกำลังก็แข็งแกร่งกว่าพวกเรา แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าเจียงร่อโจ๋ อย่างน้อยที่สุดพวกเราก็ยังสามารถประเมินพลังความสามารถของเขาได้”
“แต่ว่า เวลาที่อยู่ต่อหน้าเจ้าเด็กนี้ พวกเราถึงกับไม่สามารถประเมินพลังความสามารถของเขาได้เลย”
“ผลสรุปมีเพียงอย่างเดียวก็คือ พลังความสามารถของเจ้าเด็กคนนี้ อยู่เหนือพวกเราอย่างมากทีเดียว!”
ท่านจ้าวพูดว่า “ถูกต้อง มีแต่ผู้แข็งแกร่งที่มีพละกำลังเหนือกว่าพวกเราเท่านั้น ที่พวกเราไม่มีทางที่จะประเมินพลังความสามารถของเขาได้เลย”
สีหน้าของหงซานเหอตกตะลึงมาก “ผู้แข็งแกร่งที่อยู่เหนือพวกคุณ!”
“พละกำลังของเจ้าเด็กคนนี้ แข็งแกร่งมากขนาดนั้นจริงๆเชียวเหรอ?”
ท่านฉินและท่านจ้าวต่างก็พยักหน้าพร้อมกัน
หงซานเหอขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ดูเหมือนว่าข้อมูลข่าวสารที่พวกเราเคยได้รับมาก่อนหน้านั้นผิดพลาดเสียแล้ว ดูถูกเจ้าเด็กคนนี้มากเกินไป”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นฉันก็จะขอคำชี้แนะจากประธานาธิบดีก่อน เพื่อฟังความคิดเห็นของเขา”
หงซานเหอก็รีบโทรศัพท์ไปหาประธานาธิบดีทันที
“ท่านหง เป็นยังไงบ้างล่ะ?” ในมือถือก็ได้ยินเสียงราบเรียบและอบอุ่นของประธานาธิบดีดังแว่วออกมา
หงซานเหอพูดว่า “ท่านประธานาธิบดีครับ ไม่ค่อยราบรื่นเลย เจ้าเด็กนั่นยอมเข้าพวกกับพวกเราก็จริง แต่ไม่ยอมอยู่ใต้บังคับบัญชาใคร อีกอย่าง พลังความสามารถของเจ้าเด็กคนนั้น แข็งแกร่งมากเกินกว่าที่พวกเราได้ยินมาเสียอีก!”
ประธานาธิบดีแทบจะไม่ต้องคิดไตร่ตรองอะไรเลย ก็พูดขึ้นว่า “ตกลงตามเขา พวกเราไม่จำเป็นที่จะต้องจำกัดเสรีภาพของเขา อีกทั้งก็ยังจะไม่ต้องไปก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของเขาด้วย แต่ว่า เขาจำเป็นที่จะต้องอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศจีนอย่างเคร่งครัดเท่านั้น”
“ฉันเข้าใจแล้วครับ”
หลังจากวางสายแล้ว หงซานเหอก็หันไปพูดกับเจ้าฉินและเจ้าจ้าวว่า “กลับไปกันเถอะ”
ภายในห้อง หลินหยุนก็ยังคงนั่งจิบน้ำชาอย่างสบายใจอยู่เหมือนเดิม
หงซานเหอเดินเข้ามา ด้วยสีหน้าที่เป็นกันเองมากขึ้น
“ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ฉันชื่อหงซานเหอ”
สีหน้าของหลินหยุนแสดงความสงสัยออกมา หงซานเหอ ชื่อนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
แต่ว่า เมื่อดูจากท่าทางที่มีสง่าราศีของหงซานเหอแล้ว เห็นได้ชัดว่าจะต้องเป็นคนใหญ่คนโตในศูนย์กลางอำนาจการบริหารของประเทศจีนอย่างแน่นอน ไม่น่าจะเป็นคนที่ไม่มีชื่อเสียงเช่นนี้จึงจะถูก
หงซานเหอมองดูสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัยของหลินหยุน จึงพูดต่อไปว่า “ฉันคือผู้บัญชาการใหญ่ของหน่วยกองกำลังพิเศษ”
หน่วยกองกำลังพิเศษ!
ไม่แปลกเลยที่หลินหยุนไม่เคยได้ยินชื่อของหงซานเหอมาก่อน
หน่วยกองกำลังเช่นนี้ โดยทั่วไปแล้วก็ล้วนเป็นการฝึกอาวุธสงครามลับทั้งนั้น เช่นเดียวกับกองกำลังพิเศษมังกรฟ้าที่หลินหยุนเคยไปพบที่มณฑลซีไห่ นั่นก็เป็นหน่วยกองกำลังพิเศษเช่นกัน
ส่วนหงซานเหอเป็นผู้บัญชาการใหญ่ของหน่วยกองกำลังพิเศษ ฐานะของเขาน่าจะใกล้เคียงกับเจ้าบ้านของสี่ตระกูลใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นยังสูงกว่าอีกระดับหนึ่งด้วยซ้ำ
ท่านจ้าวที่ยืนอยู่ข้างหลังพูดว่า “ท่านหงยังเป็นจอมพลใหญ่ของคฤหาสน์นายพลแห่งประเทศจีนอีกด้วย!”
คฤหาสน์นายพล เป็นศูนย์รวมอำนาจสูงสุดของหน่วยทหารประเทศจีน ส่วนจอมพลใหญ่ของคฤหาสน์นายพล เทียบเท่ากับตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ที่คุมกำลังทหารทั้งหมดในสมัยโบราณ
ฐานะของหงซานเหอ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ!