จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 532 การมาของฉินหลัน
ตามความคิดเห็นของท่านจ้าวแล้ว ในเมื่อหลินหยุนรู้ฐานะของหงซานเหอแล้ว ต่อให้เขาเป็นถึงปรมาจารย์นักบู๊ก็ตาม เขาก็คงต้องแสดงความเคารพต่อหงซานเหอมอย่างแน่นอน
แต่ว่า หลินหยุนตอบรับด้วยเสียงเรียบๆ แล้วพูดว่า “ที่แท้ก็คือนายพลหงนี่เอง เสียมารยาทแล้ว!”
ท่าทีที่แสดงออกของหลินหยุนในสายตาของหงซานเหอนั้น มองว่าเป็นอาการที่ทำเพื่อขอไปทีเท่านั้น แต่ว่า ความหยิ่งยโสของหลินหยุน เขาก็เคยได้สัมผัสมาแล้ว
ดังนั้น จึงไม่ใช่เป็นเรื่องน่าแปลกใจอะไร
ตอนนี้ หงซานเหอคิดแต่เพียงว่ารีบเจรจาตกลงกับหลินหยุนให้เร็วที่สุด จากนั้นจะได้รีบออกจากที่นี่ไปเสียที เขารู้สึกว่าเห็นหน้าหลินหยุนทีไร ก็จะบันดาลโทสะขึ้นมาทุกครั้งไป
“เจ้าเด็กน้อย คุณควรจะขอบคุณประธานาธิบดีอย่างจริงจังด้วย เขาตกลงเงื่อนไขที่ไร้เหตุผลของคุณแล้ว” หงซานเหอพูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
หลินหยุนมองดูเขาแวบเดียว แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “ความจริงแล้ว คนที่ควรจะขอบคุณ น่าจะเป็นเขามากกว่า”
“บังอาจ!” หงซานเหอตะคอกเสียงดังด้วยความโกรธ “ประธานาธิบดีเป็นผู้นำของคนจีนทั้งแผ่นดิน แกจะพูดมาลบหลู่อย่างนี้ไม่ได้”
หลินหยุนไม่พูดอะไรอีก อันที่จริงเขาก็ไม่ได้พูดผิด ความจริงแล้วประธานาธิบดีต่างหาก ควรจะเป็นคนที่ต้องพูดขอบคุณ
เพราะว่า เป็นถึงระดับมหากษัตริย์ชางฉอง ยอมลดตัวลงมารับใช้ชาติในโลกมนุษย์ มันช่างเป็นเกียรติอย่างสูงสำหรับคนในชาตินั้นอย่างแท้จริง
อีกทั้ง ผลประโยชน์ที่หลินหยุนจะนำมาสู่ทางการรัฐบาลจีนนั้น มากมายเสียจนไม่มีทางที่ทุกคนจะนึกออกได้เลย
เมื่อเห็นหลินหยุนไม่พูดจา สีหน้าของหงซานเหอจึงค่อยๆผ่อนคลายลง “ถึงแม้ว่าประธานาธิบดีจะตกลงเงื่อนไขของคุณแล้วก็ตาม แต่ว่า ประธานาธิบดีก็ยังมีเงื่อนไขอีกหนึ่งข้อ”
“เงื่อนไขอะไรเหรอ?” หลินหยุนถาม
หงซานเหอมองดูหลินหยุนแล้วพูดว่า “ต่อไปนี้ขอให้คุณอยู่ภายใต้กฎหมายของประเทศจีนอย่างเคร่งครัดด้วย”
หลินหยุนคิดๆแล้วก็พูดว่า “อันนี้ไม่มีปัญหา ขอเพียงแต่คนอื่นไม่มารุกรานฉัน ฉันก็ย่อมไม่ไปทำเรื่องที่ผิดต่อกฎหมายของประเทศจีนอย่างแน่นอน”
“ต่อให้คนอื่นมารุกรานคุณ คุณก็ไม่สามารถทำเรื่องที่ผิดต่อกฎหมายของประเทศจีนเหมือนกัน!” หงซานเหอตะโกนพูดเสียงดัง
หลินหยุนไม่สะทกสะท้านแม้แต่นิดเดียว พูดอย่างเรียบๆว่า “นั่นมันก็ไม่แน่เสมอไป”
“แก……..” หงซานเหอก็ถูกยอกย้อนจนพูดไม่ออกอีกครั้งหนึ่ง
“เอาเถอะ อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย คุณไปเตรียมตัวหน่อย ถ้าไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ก็ตามฉันไปที่เมืองหลวงสักครั้งหนึ่ง”
หลินหยุนมองดูหงซานเหอแล้วย้อนถามว่า “ไปเมืองหลวงเหรอ? ไหนบอกว่าไม่จำกัดอิสรภาพของฉันไงล่ะ?”
หงซานเหอพูดว่า “งั้นคุณก็ต้องไปลงชื่อเข้ารับตำแหน่ง ทำเป็นพิธีไงล่ะ!”
“ไม่งั้น จะรับรองได้ยังไงว่าคุณเป็นคนของทางการรัฐบาลจีนล่ะ!”
“ก็ได้ หลังจากสามวันแล้ว ฉันจะไปหาคุณที่เมืองหลวงก็แล้วกัน” หลินหยุนรู้สึกว่า ข้อเรียกร้องของหงซานเหอนี้ก็ไม่มากจนเกินไป ในเมื่อตอบตกลงจะเข้าร่วมมือกับทางการรัฐบาลแล้ว ก็จะต้องไปลงชื่อรับตำแหน่งตามระเบียบ ไม่เช่นนั้นแล้ว ทางด้านสี่ตระกูลใหญ่นั้น ก็จะไม่ยอมรับเช่นกัน
อีกอย่าง หลินหยุนในฐานะพลเมืองของประเทศจีนแล้ว เมื่อชาติก่อนก็ไม่เคยได้ทำอะไรให้กับประเทศจีนเลย มาเกิดใหม่คราวนี้ ก็สมควรที่จะทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนแผ่นดินเกิดที่เลี้ยงเขามาจนเติบใหญ่เสียบ้าง
“นี่คือเบอร์โทรศัพท์ของฉัน” หงซานเหอพูด
ทั้งสองคนก็แลกเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์กัน
“ฉันจะรอคุณอยู่ที่เมืองหลวง” หงซานเหอมองไปยังหลินหยุน แล้วหันหลังจากไป
เดิมทีหลินหยุนได้เตรียมตัวพร้อมรบอย่างเต็มที่แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะกลับตาลปัตรเช่นนี้
“ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ประธานาธิบดีจีนคนปัจจุบันนี้ เป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!”
เขาประหารตระกูลส้งเก้าชั่วโคตรไป ส่วนประธานาธิบดีจีนก็ยังสามารถที่จะทนแรงกดดันจากสี่ตระกูลใหญ่ได้ แล้วยังชักจูงให้เขาเข้ามาเป็นพวก อีกทั้งยังเสนอเงื่อนไขที่ดีขนาดนั้นให้อีกด้วย
สายตาของประธานาธิบดีคนนี้ ไม่ใช่เป็นการมองการณ์ไกลแบบธรรมดาแล้ว
หลินหยุนมีความรู้สึกที่ดีต่อประธานาธิบดีคนนี้ ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน
ต้องรู้อย่างหนึ่งว่าประธานาธิบดีไม่มีทางที่จะรู้ล่วงหน้ามาก่อน และก็ไม่รู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของหลินหยุนอีกด้วย สิ่งที่เขาทำทุกอย่างนี้ ก็อาศัยการตัดสินใจของตัวเขาเองทั้งนั้น
ส่วนการชักชวนหลินหยุนให้เข้ามาเป็นพวกนั้น เป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากที่หงซานเหอจากไป สองชั่วโมงต่อมา ฉินหลันก็มาถึงเชิงเขาทะเลสาบเยว่หยาอย่างทุลักทุเล
แต่ว่า ค่ายกลรวมพลังห้าธาตุพรสวรรค์ของทะเลสาบเยว่หยา ทำให้เธอเข้าไปไม่ได้
ฉินหลันเดินวนเวียนไปมาอยู่ตรงเชิงเขาด้วยความร้อนใจ ได้แต่โทรศัพท์ไปหาหลินหยุน
หลินหยุนจึงได้พาฉินหลันเข้าไปในคฤหาสน์ตึกว่างเยว่ด้วยตัวเอง
ภายในห้อง หลินหยุนมองดูฉินหลัน ถามอย่างสงสัยว่า “พี่ฉินหลัน ทำไมคุณมาหาฉันถึงที่นี่กะทันหันอย่างนี้ล่ะ?”
ฉินหลันพูดอย่างเร่งรีบว่า “คุณอย่าเพิ่งถามอะไรมากตอนนี้เลย รีบไปเก็บข้าวของ ฉันจะพาคุณหนีออกไปนอกประเทศจีน!”
หลินหยุนยิ้มเล็กน้อย ในใจก็ทายจุดประสงค์การมาของฉินหลันออกแล้ว
“ดูไปแล้ว ยังไงเสียแม่แก่ก็ยังคงปากร้ายแต่ใจดี ส่งพี่ฉินหลันมาโดยเฉพาะ เพื่อพาฉันหลบหนีออกไปชั่วคราวก่อน”
“แต่ว่า เธอคงไม่รู้ว่า ฉันได้ตกลงกับทางการรัฐบาลจีนเรียบร้อยไปแล้ว”
ตอนนี้เรื่องราวทุกอย่างก็จะได้แก้ไขไปหมดแล้ว หลินหยุนก็ไม่จำเป็นที่จะต้องห่างไกลกับคนในครอบครัวอีกแล้ว จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไมจะต้องจากไป? ฉันอยู่ที่นี่ก็ดีอยู่แล้ว”
ฉินหลันมองค้อนใส่หลินหยุน “รู้แล้วยังจะถามอีก!”
“คุณฆ่าคนของตระกูลส้งมากมายขนาดนั้น ทางการรัฐบาลจีนไม่มีทางที่จะปล่อยคุณไปหรอก! ถึงแม้ทางการรัฐบาลจีนยอมปล่อยคุณไป แต่ว่าสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวงก็ไม่ปล่อยคุณไปอย่างเด็ดขาด”
“คุณรีบไปเก็บของข้าว แล้วรีบไปกับฉัน ผู้อำนวยการได้วางแผนให้เรียบร้อยหมดแล้ว”
หลินหยุนกลับนั่งลงบนเก้าอี้ ยกแก้วน้ำชาขึ้นมา แล้วจิบไปคำหนึ่ง จ้องมองไปยังฉินหลัน แววตาส่องประกายประหลาดออกมา “ความหมายของคุณก็คือ คุณจะไปพร้อมกับฉันเหรอ?”
ดูเหมือนฉินหลันกำลังหลบสายตา ไม่กล้าสบสายตากับหลินหยุนโดยตรง
“ผู้อำนวยการกลัวว่าคุณอยู่คนเดียว ไม่มีใครดูแล จึงสั่งให้ฉันตามไปดูแลคุณ ก็ใครให้คุณมีบุญคุณต่อบริษัท ตงหวาง กรุ๊ปของเราล่ะ? คุณอย่าคิดมากเลยนะ!”
ฉินหลันรีบพูดอธิบาย ความจริงแล้วไม่อธิบายจะดีกว่า ยิ่งอธิบายก็รู้สึกว่ายิ่งมีพิรุธ
หลินหยุนจ้องมองเธออย่างไม่ละสายตา ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม มองจนกระทั่งใบหน้าของฉินหลันก็เริ่มแดงก่ำขึ้นทุกที
“คุณไม่ต้องมองแล้ว รีบไปเก็บข้าวของเถอะ!”
หลินหยุนก็ยังคงจ้องมองฉินหลันเหมือนเดิม แสดงท่าทีที่ดูเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้ม
ฉินหลันพูดเองเออเองว่า “เอาเถอะ ไม่ต้องเก็บข้าวของก็ได้ พอไปถึงเมืองนอก ค่อยหาซื้อใหม่ก็แล้วกัน”
“คุณรีบตามฉันมาเลยนะ!”
ฉินหลันเดินนำหน้าไป แต่ว่าเมื่อมาถึงหน้าประตูทางออก กลับไม่เห็นว่าหลินหยุนขยับตัวอะไรเลย จึงหันหลังไปมอง พบว่าหลินหยุนยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน ใบหน้ายังคงแสดงท่าทีที่ดูเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มเช่นเดิม
“ไปสิ!”
ฉินหลันพูดเร่ง
“ถ้าหากคนของทางการรัฐบาลจีนไหวตัวทันก่อนละก็ พวกเราคิดจะหนีก็หนีไม่ทันแล้ว”
หลินหยุนไม่อยากจะล้อเธอเล่นอีก พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “คนของทางการรัฐบาลจีนเมื่อสองชั่วโมงก่อนก็ได้มาถึงแล้ว”
“อะไรนะ!” ฉินหลันสีหน้าตกตะลึง “พวกเขามาแล้วเหรอ? คุณไม่ได้หลอกฉันใช่ไหม?”
“งั้นแล้วทำไมคุณไม่เป็นอะไรเลยล่ะ?” ฉินหลันมองดูหลินหยุน สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
หลินหยุนพูดว่า “ฉันได้เจรจาเงื่อนไขกับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว เรื่องของตระกูลส้ง พวกเขาจะจัดการแก้ปัญหาให้ฉันเอง ดังนั้นพวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว”
ฉินหลันสีหน้าดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อ “จริงหรือเปล่าเนี่ย? ทางการรัฐบาลจีนจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องของตระกูลส้งจริงเหรอ? ทำไมมันฟังดูแล้วรู้สึกว่าเหมือนเป็นนิทานหลอกเด็กเลย!”
หลินหยุนยักไหล่ “ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้ แต่ว่าคุณก็ลองรอดูอีกสักระยะหนึ่ง ดูว่าทางการรัฐบาลจีนจะส่งคนมาจับฉันหรือไม่ ถ้าไม่มีคนมาจับฉัน ก็พิสูจน์ได้ว่าคำพูดของฉันเป็นจริงทุกอย่างใช่ไหมล่ะ?”
ฉินหลันพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “หลินหยุน ฉันจะเตือนคุณอย่างซีเรียสเลยนะ คราวนี้มันเป็นเรื่องใหญ่โตมากจริงๆ ถ้าคุณคิดว่าไม่อยากจะทำให้พวกเราเดือดร้อน ดังนั้นจึงแต่งเรื่องขึ้นมาโกหกฉัน ตอนนี้คุณพูดความจริงออกมาดีกว่า ฉันก็จะไม่ถือโทษโกรธคุณเลย”
“เมื่อไหร่ที่คุณถูกทางการรัฐบาลจีนจับได้ นั่นก็หมายถึงทุกอย่างจบเห่กันหมดจริงๆ”ใบหน้าที่สะสวยของฉินหลัน เต็มไปด้วยความกังวลใจ
หลินหยุนพูดด้วยสีหน้าบริสุทธิ์ใจว่า “พี่ฉินหลันครับ ที่ฉันพูดมาเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ถ้าคุณไม่เชื่อ ฉันจะทำยังไงได้ล่ะ”
“คุณกลับไปบอกผู้อำนวยการนะว่า ความหวังดีของเธอฉันรับด้วยใจ แต่ว่าเรื่องราวทุกอย่างได้ถูกแก้ไขจนหมดแล้ว ขอให้เธออย่าได้กังวลใจไปอีกเลย”
มองดูหลินหยุนไม่เหมือนกำลังพูดโกหก ฉินหลันจึงพูดด้วยเสียงเข้มว่า “ก็ได้ ฉันก็ลองเชื่อคุณสักครั้งหนึ่ง”
“ตอนนี้ฉันจะกลับไปบอกผู้อำนวยการ แต่ว่าถ้าฉันพบว่าคุณกล้าหลอกฉันละก็ ฮึ่ม ต่อไปนี้ฉันจะไม่สนใจคุณอีกเลย!”