จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 539 มุ่งสู่เจียงหนาน
สำหรับการยั่วยุของฉีเฉิงคุน แน่นอนว่าหลินหยุนไม่เอามาใส่ใจอยู่แล้ว
ตอนนี้เหล่ากองกำลังพิเศษมังกรฟ้า กำลังฝึกฝนวิชาการฝึกร่างมังกรฟ้าไปอย่างราบรื่น หลินหยุนเองก็เริ่มทำงานของตัวเองแล้ว
กลับมายังห้องพัก ความนึกคิดของหลินหยุนเข้าไปสู่แหวนเก็บของอีกครั้ง จ้องมองรากปราณพรสวรรค์
“อีกสักสองววัน ถ้าเกิดกองกำลังพิเศษมังกรฟ้าฝึกฝนวิชาการฝึกร่างมังกรฟ้าได้โดยปกติ ฉันก็จะกลับไปที่ทะเลสาบเยว่หยา เพื่อเริ่มกลั่นรากปราณพรสวรรค์
ถ้าเกิดเป็นไปตามที่หลินหยุนคำนวณเอาไว้ รากปราณพรสวรรค์ที่ใหญ่ขนาดนี้ ถ้าเกิดกลั่นจนหมด น่าจะสามารถทำให้ภูตป่าพรสวรรค์ไปถึงขั้นสมบูรณ์ที่สุด แถมยังมีเหลืออีกด้วย
ถึงเวลานั้น ถ้าเกิดเจ้าผีดูดเลือดคนนั้นต้องการ ค่อยให้รากปราณพรสวรรค์ที่เหลือกับเขาก็แล้วกัน
ตอนกลางคืน มีคนโทรมาหาหลินหยุน
ดูรายชื่อคนที่โทรมา ปรากฏว่าคนที่โทรมาเป็นอีหลิง
“มีอะไรเหรอ?” หลินหยุนพูดด้วยเสียงนุ่มนวล
อีหลิงพูดเบามาก ราวกับกลัวจะรบกวนหลินหยุน “หลินหยุน ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนเหรอ?”
หลินหยุนรู้สึกว่าอีหลิงน่าจะมีเรื่องอะไรสักอย่างถึงได้โทรมาหาตัวเอง
“มีอะไรเปล่า?” หลินหยุนไม่ได้ตอบคำถามอีหลิง แต่กลับเป็นคนถามเข้าประเด็น
ถ้าเกิดหลินหยุนบอกว่าตัวเองอยู่ที่เมืองหลวง ด้วยนิสัยของอีหลิง เธอจะต้องไม่ยอมบอกเรื่องหลังจากนี้อย่างแน่นอน
“ถ้าเกิดนายว่าง มาที่เจียงหนานสักรอบได้ไหม? ฉันมีเรื่องอยากให้นายช่วยสักเล็กน้อย!” ฟังจากน้ำเสียงของอีหลิง ราวกับไม่ได้พูดจากใจจริง
แต่ว่า หลินหยุนไม่ได้คิดมากอะไร ไม่ว่าจะชาติก่อน หรือชาตินี้ อีหลิงก็ยังเป็นคนที่หลินหยุนให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เรื่องของเธอ หลินหยุนจะต้องช่วยเหลืออย่างแน่นอน
“ได้ พรุ่งนี้ฉันจะไปหาเธอที่เจียงหนาน” หลินหยุนไม่ได้ถามว่าอีหลิงมีเรื่องอะไร ตอบตกลงไปในทันที
“ขอบคุณ!” น้ำเสียงของอีหลิงดูซาบซึ้งเป็นอย่างมาก
“งั้นฉันจะรอนายอยู่ที่เจียงหนาน”
“ได้”
หลังกดวางสาย หลินหยุนก็รีบกดซื้อตั๋วรถไฟไปที่มณฑลเจียงหนานของวันพรุ่งนี้ผ่านทางมือถือในทันที
แต่พอนึกได้ว่าจากเมืองหลวงถึงมณฑลเจียงหนาน ดูเหมือนจะนั่งเครื่องบินไปได้เลย ดังนั้นหลินหยุนจึงเปลี่ยนไปซื้อตั๋วเครื่องบิน
ตั๋วที่หลินหยุนซื้อเป็นที่นั่งชั้นหนึ่ง เขาชอบความสงบ แถมเรื่องเงินทองสำหรับเขามันก็เป็นแค่ตัวเลข เขาไม่จำเป็นต้องประหยัด
จากนั้น หลินหยุนก็ไปหายิ่งตงไหล บอกกับเขามาตัวเองจะไปที่เจียงหนานสักพัก
หลังจากที่ยิ่งตงไหลได้ยิน กลับแสดงสีหน้าสนับสนุน “ใช่แล้ว อาจารย์หลิน คุณควรจะไปเจียงหนานสักรอบ! ให้คนจากโลกบู๊พวกนั้นรู้ว่า โลกมนุษย์ของพวกเราเองก็ไม่ธรรมดา!”
หลินหยุนบอกยิ่งตงไหลว่าตอนกลางคืนอย่ามารบกวนตัวเอง จากนั้นก็กลับไปยังห้องพักเพื่อบำเพ็ญเซียน เตรียมพร้อมสำหรับวันพรุ่งนี้
ในเวลาเดียวกัน มณฑลซีไห่ที่อยู่ห่างกันหลายพันไมล์ ในที่สุดคาร์นอตวิลเลียมก็รอไม่ไหวแล้ว
หลายวันมานี้ เขาจำคำเตือนของหลินหยุนมาโดยตลอด ไม่กล้าดูดเลือดของใครคนไหนอีก เขาหิวจนจะตายอยู่แล้ว
ถ้าเกิดไม่ได้การช่วยเหลือจากต้นแห่งชีวิต แล้วยังหิวต่อไป สายเลือดสูงส่งของเผ่าโลหิตคนสุดท้ายของฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียม ก็จะกลายเป็นฝ่าบาทของเผ่าโลหิตคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ต้องหิวตาย
หลังจากที่ถามข่าวเกี่ยวกับหลินหยุน คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าก็ดูแผนที่ของประเทศจีน แล้วมู่หน้าสู่มณฑลหลิงหนาน เมืองหลินโจว
แต่ว่า หลังจากที่ถึงหลินโจว คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่ากลับสัมผัสกลิ่นอายของหลินหยุนไม่ได้
ในเมื่อไม่มีทางเลือก เขาจึงต้องใช้วิชาแกะรอยของเผ่าโลหิต เพื่อตามกลิ่นอายของหลินหยุน
“ทิศเหนือ!”
ดังนั้น คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าจึงไล่ตามไปที่เมืองหลวง
วันที่สอง หลินหยุนมาถึงสนามบิน แล้วขึ้นไปนั่งเครื่องบินที่กำลังจะเดินทางไปยังเจียงหนาน
การบริการของที่นั่งชั้นหนึ่ง ดีกว่าที่นั่งทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด แถมคนก็น้อย และยังเงียบสงบ
การยอมจ่ายในราคาที่แพงกว่าก็มีเหตุผลของมัน
ตอนที่เครื่องบินกำลังจะบินขึ้น ในเวลานี้เอง ก็มีชายชราผมขาวคนหนึ่ง มาพร้อมกับหญิงสาวอายุราวๆสิบหก ถักเปียสองข้าง ใส่กระโปรงสีชมพู เป็นเด็กสาวที่น่ารักมาก มานั่งอยู่ตรงข้ามของหลินหยุน
ผู้หญิงที่น่ารักขนาดนี้ ดึงดูดสายตาของผู้คนได้เป็นอย่างดี
หลินหยุนเองก็มองผู้หญิงคนนี้ด้วยความสนใจ โดยเฉพาะจี้หยกรูปพระที่ผู้หญิงคนนี้สวมอยู่ตรงอก แววตาเผยความสนใจออกมา
หลังจากที่หลินหยุนเห็นชายชราคนนั้น ตาของหลินหยุนก็ขยับเล็กน้อย จู่ๆก็ถอนหายใจออกมา
เครื่องบินบินขึ้นพร้อมกับเสียงที่ดังมาก
หลังผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ชายชราคนนั้นจู่ๆก็กุมหน้าอกของตัวเอง ใบหน้าซีดขาว หายใจด้วยความยากลำบากอยู่ตรงที่นั่ง
สาวน้อยตะโกนร้องออกมาด้วยความตกใจ “คุณปู่ ปู่เป็นอะไรน่ะ!”
“คุณพนักงาน คุณพนักงาน!”
สาวน้อยตะโกนด้วยความตื่นตระหนก น้ำเสียงของเธอไพเราะมาก
“เกิดอะไรขึ้น?”
ผู้โดยสารคนอื่นๆต่างก็ลุกขึ้นมา ล้อมรอบเด็กสาวกับชายชราคนนั้น
“คุณปู่ คุณปู่ ปู่เป็นอะไรเหรอ? ปู่ตื่นสิ อย่าทำให้หนูตกใจสิ!” เด็กสาวร้องไห้พร้อมกับเขย่าแขนของชายชรา
ชายชราไม่มีการขยับเขยื้อน ร่างกายขยับไปมาตามแรงเขย่าของเด็กสาว
ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่แต่งตัวมีฐานะพูดว่า “สาวน้อย เธอหยุดเขย่าปู่เธอได้แล้ว ในเวลาแบบนี้ควรจะตามหมอมาดูอาการ”
“ใช่แล้ว เธอเขย่าแบบนี้ ปู่เธออาจจะแย่กว่าเดิม” มีคนช่วยพูดเสริม
เด็กสาวรีบเก็บมือของตัวเอง พูดด้วยสีหน้าเศร้าโศก “งั้น งั้นควรทำยังไงดี? ตอนนี้อยู่บนเครื่องบิน จะไปหาหมอจากไหนล่ะ!”
เพียงแป๊บเดียว ก็มีแอร์โฮสเตสคนหนึ่งเดินมาหาอย่างรวดเร็ว ดูสถานการณ์ของชายชราคนนั้น แล้วรีบพูดขึ้นมาว่า “หนูน้อยใจเย็นๆก่อนนะ พี่จะไปเรียกกัปตัน ให้เขาถามว่าเครื่องบินเที่ยวนี้มีหมออยู่หรือเปล่า”
หลังจากที่แอร์โฮสเตสกับกัปตันหารือกัน ก็รีบพูดออกมาด้วยความดีใจว่า “ดีจังเลย มีหมอที่มาจากโรงพยาบาลครอสของสหรัฐอเมริกาอยู่คนหนึ่ง กัปตันได้ให้คนไปเชิญเขาแล้ว อีกสักพักเขาก็คงจะมาถึงแล้ว”
“ดีจังเลย!”
“ชายชราคนนี้ยังโชคดีอยู่นะเนี่ย”
คนรอบๆต่างก็แสดงสีหน้าดีใจออกมา
“ขอบคุณ ขอบคุณมาก!” เด็กสาวโค้งขอบคุณแอร์โฮสเตสคนนั้นไม่หยุดด้วยใบหน้าซาบซึ้ง
“ไม่ต้องเกรงใจ นี่เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว!” แอร์โฮสเตสตอบกลับอย่างมีมารยาท
ทุกคนต่างก็กำลังเฝ้ารอหมอจากสหรัฐอเมริกาคนนั้น ในเวลานี้เอง จู่ๆหลินหยุนก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงเรียบๆว่า “ถ้าเกิดรอจนหมอคนนั้นมาถึง ชีวิตของชายคนนี้ก็คงลงสู่ปรโลกแล้ว”
คำพูดของหลินหยุน จู่ๆก็ดึงดูดของสนใจของทุกคนไปที่ตัวของเขา
“เจ้าเด็กคนนี้ ทำไมถึงพูดจาได้แย่ขนาดนี้!”
“นั่นสิ ดูเขายังอายุน้อยอยู่เลย แต่คำพูดคำจาแย่มาก คงจะไม่มีใครสั่งสอน!”
แอร์โฮสเตสเองก็ขมวดคิ้วแล้วมองไปยังหลินหยุน แต่บนใบหน้ายังคงยิ้มแย้มเพราะหน้าที่อยู่ แล้วถามว่า “ผู้โดยสารท่านนี้ ไม่ทราบว่าท่านหมายความว่ายังไง?”
“หรือว่าท่านเองก็เป็นหมองั้นเหรอ ถึงได้ดูออกมาผู้โดยสารท่านนี้ป่วยเป็นโรคอะไร?”
คำพูดของแอร์โฮสเตส ทำให้เด็กสาวคนนั้นมีความหวังขึ้นมา
เด็กสาวรีบมองไปยังหลินหยุน พูดด้วยใบหน้าน่าสงสารว่า “พี่ชาย ถ้าเกิดพี่เป็นหมอ ขอร้องพี่ ช่วยชีวิตคุณปู่ของหนูด้วย!”
หลินหยุนมองชายชราคนนั้นที่ลมหายใจแผ่วเบาลงเรื่อยๆ แล้วพูดประโยคมึนงงออกมาหนึ่งประโยคว่า “บางที การจากไป อาจจะดีกับเขามากที่สุดก็ได้”
หัวใจของเด็กสาวเต็มไปด้วยความสงสัย คำพูดของหลินหยุนเต็มไปด้วยความแปลกประหลาด แต่ว่าตอนนี้เธอไม่มีเวลามานั่งวิเคราะห์แล้ว ขอร้องอีกครั้งว่า “พี่ชาย ขอร้องพี่ล่ะ ช่วยปู่ของหนูด้วย!”
“ถ้าเกิดพี่สามารถช่วยชีวิตปู่ของหนู พี่ต้องการเงินเท่าไหร่ พวกเราก็จะจ่ายให้กับพี่”
คนที่สามารถนั่งที่นั่งชั้นหนึ่ง แน่นอนว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้ว ปู่หลานคู่นี้เองก็เหมือนกัน
จู่ๆหลินหยุนก็มองไปยังหน้าอกของเด็กสาว ตรงนั้นเหมือนกับดอกตูมที่บานแล้ว ดึงดูดให้จินตนาการเป็นอย่างมาก
เด็กสาวถูกจ้องจนหน้าแดงก่ำ ร่างกายเริ่มถอยห่างออกไป
หลินหยุนพูดด้วยเสียงเรียบๆว่า “ฉันสามารถช่วยเขาได้ แต่ฉันไม่ต้องการของตอบแทนอะไร ฉันขอแค่ของสิ่งเดียว”
จู่ๆใบหน้าของเด็กสาวก็ขาวซีด จ้องมองหลินหยุนด้วยความโกรธเล็กน้อย เธอกัดริมฝีปากตัวเองแน่น
ผู้คนรอบๆ ก็จ้องมองกระทำของหลินหยุนมาโดยตลอด เห็นว่าสายตาของหลินหยุนจ้องมองหน้าอกของผู้หญิงคนนั้น ตอนนี้ยังไม่ต้องการของตอบแทน แต่กลับขอสิ่งๆหนึ่ง
สิ่งที่หลินหยุนต้องการเป็นอะไร ต่อให้ไม่พูดก็คงรู้อยู่แล้ว