จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 54 ฉันเชื่อ
บทที่ 54 ฉันเชื่อ
ในบรรดาแขกที่อันซื่อเอินเชิญมา หวางชิ่งเซิงถือว่าเป็นแขกที่มีฐานะสูงสุด
อีกทั้งยังเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงของหลินโจวอีกด้วย อันซื่อเอินไม่กล้าที่จะล่วงเกินเขาแน่นอน
สำหรับเพื่อนๆ อันซินอย่างหลินหยุน ในสายตาของเขา ก็เป็นแค่เด็กที่ยังไม่โตก็เท่านั้น
เพราะฉะนั้น ความจริงเป็นอย่างไร ใครถูกใครผิด สำหรับอันซื่อเอินแล้วเขาไม่ได้สนใจนัก
ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องไว้หน้าหวางชิ่งเซิง
ชาติที่แล้ว หลินหยุนไม่ค่อยเข้าใจอันซื่อเอินนักว่าเป็นคนอย่างไร แต่จากท่าทีการจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้น เขาก็รู้แล้วว่าคนคนนี้เป็นอย่างไร
สามารถพูดได้ว่า เขาเป็นคนที่มีจิตใจเป็นแค่คนธรรมคนหนึ่งที่ก้มหัวให้กับสภาพความเป็นจริงของชีวิตไปแล้ว
ในเมื่ออันซื่อเอินไม่ได้สนใจความรู้สึกของหลินหยุนและเพื่อน เช่นนั้นหลินหยุนเองก็ไม่เกรงใจเขาอย่างแน่นอน
หลินหยุนสองมือสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกงตัวเอง ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “จะให้ผมขอโทษเขางั้นเหรอ เขายังไม่คู่ควร!”
หวางชิ่งเซิงอยากที่จะแสดงอาการโมโห แต่ต่อหน้าอันซื่อเอิน เขายังคงอยากรักษาภาพพจน์ความเป็นสุภาพบุรุษต่อไป
“น้องอัน เห็นแล้วใช่ไหม ไอ้เด็กนี่มันอวดดีขนาดไหน! นี่ขนาดต่อหน้าคุณนะ เมื่อกี้ตอนที่คุณไม่อยู่ที่นี่ เขาแทบจะต่อยผมแล้ว!”
จ้าวกาวกับห่าวฮ่วยฮ่วยต่างก็พากันตกใจจนหันไปมองหลินหยุน เมื่อก่อนในสายตาพวกเขา หลินหยุนไม่ได้กล้าต่อกรอะไรกับใครทั้งนั้น คิดไม่ถึงว่าการที่ไม่ได้เจอกันไม่นาน จะทำให้เขาเปลี่ยนไปแข็งแกร่งมากขนาดนี้!
อันซื่อเอินให้หลินหยุนขอโทษหวางชิ่งเซิง หลุนหยุนไม่เพียงไม่ขอโทษ ซ้ำยังพูดดูจาดูถูกหวางชิ่งเซิงอีกด้วย
แม้ว่าหวางชิ่งเซิงควรที่จะได้รับการดูถูกแบบนั้น แต่การทำแบบนี้ก็เป็นการทำให้อันซื่อเอินหาทางลงไม่ได้เช่นกัน
“หลินหยุน นั่นพ่อของอันซินนะ!” ห่าวฮ่วยฮ่วยพูดเตือนด้วยเสียงเบาๆ
สีหน้าหลินหยุนไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมา เขาไม่ได้สนใจว่าห่าวฮ่วยฮ่วยจะพูดอะไร ถ้าหากว่าไม่ใช่พ่อของอันซิน เขาคงไม่พูดด้วยความใจเย็นเช่นนี้แน่นอน
อันซื่อเอินขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าตัวเองดูถูกเด็กวัยรุ่นพวกนี้ไปแล้ว โดยเฉพาะเด็กผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้
นายชื่อหลินหยุนใช่ไหม? อันซินพูดถึงนายต่อหน้าฉันบ่อยๆ ฉันเองก็ขอบคุณที่นายช่วยเหลืออันซินหลายๆ อย่าง เพราะฉะนั้น ฉันยิ่งอยากจะเตือนนายด้วยความหวังดี คนที่อยู่ตรงหน้านายตอนนี้ไม่ใช่เพียงประธานคณะกรรมการของบริษัทฝูว่าง ยังเป็นคนที่ท่านจินชื่นชมอีกด้วย”
“นายเข้าใจใช่ไหมว่าต้องทำยังไง?” อันซื่อเอินพูดด้วยความหมายที่แฝงอยู่ข้างใน
อันซื่อเอินคิดว่า ถ้าหลินหยุนไม่โง่ คงไม่ใจแคบ ว่าขอโทษคำเดียวคงไม่ยากนัก เพราะว่ายังไงถ้าเทียบกับการที่ไปล่วงเกินบริษัทฝูว่างหรือแม้กระทั่งบริษัทชิรงกรุ๊ป แค่คำขอโทษคำเดียวกับผู้ใหญ่ ไม่ได้เสียหน้าอะไรเลย
หลินหยุนหัวเราะด้วยเสียงเยือกเย็น “ต่อให้เขาเป็นคนของจินหยวนเป่า ต่อให้เป็นจินหยวนเป่าก็ไม่มีสิทธิ์ให้ผมพูดขอโทษ”
“อวดดี อวดดีจริงๆ เลย! แม้แต่ท่านจิน ผู้ซึ่งเป็นทายาทที่จะสืบต่อบริษัทชิรงกรุ๊ปก็ไม่อยู่ในสายตา!” หวางชิ่งเซิงพูดด้วยความไม่อยากเชื่อ
“น้องอัน เอาคนแบบนี้เข้ามาในบ้าน ไม่กลัวว่าจะหาเรื่องมาให้เหรอ?”
สีหน้าอันซื่อเอินเริ่มหนักอึ้งขึ้น เขามองที่หลินหยุนด้วยคิ้วที่ขมวดอยู่ “หลินหยุน นายมีบุญคุณกับอันซิน ฉันรู้สึกขอบคุณมาก ฉันไม่ควรที่จะทำให้นายเสียหน้า แต่นายอายุเท่านี้ พูดคำพูดอวดดีแบบนั้น ใครจะไปเชื่อ?”
“ฉันเชื่อ!”
เสียงเย็นชาที่แฝงไปด้วยความโมโหดังขึ้นมา ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่อันซินมาถึงตรงนั้นแล้ว
“อันซิน อันซินมาแล้ว!” เพื่อนๆ ต่างก็พากันพูดกระซิบกระซาบ อันซินมาแล้ว คราวนี้ได้สนุกกันแน่
เมื่อเห็นว่าอันซินมาถึง ห่าวฮ่วยฮ่วยก็ค่อยๆ เอามือถือเข้าไปไว้ในกระเป๋า
อันซินรีบเดินเข้ามาหาหลินหยุน ใบหน้าอันสวยงามของเธอเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น “พวกคุณไม่เชื่อพี่หลินหยุนก็ได้ แต่ฉันเชื่อเขา ต่อให้คนทั้งโลกไม่เชื่อพี่หลินหยุน ฉันก็จะเชื่อ!”
ถึงแม้เสียงของเธอนุ่มนวล แต่กลับไม่อ่อนแอ ราวกับว่ามันมีพลังที่สามารถทำลายล้างสิ่งที่แข็งแกร่งได้
เมื่อหวางชิ่งเซิงเห็นว่าอันซินมาถึง สายตาแฝงไปด้วยความร้อนระอุ ก็รีบพูดยุยงขึ้นมาอีกว่า “น้องอัน วิธีสอนของบ้านคุณนี่เหมือนว่าจะแย่อยู่นะ เด็กกล้าต่อปากต่อคำกับคุณขนาดนี้ อย่าตามใจให้ทำนิสัยไม่ดีแบบนี้เชียวนะ”
อันซื่อเอินสีหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก เขาไม่ได้ตอบกลับใดๆ เขาเองก็มีแค่อันซินลูกสาวคนเดียวคนนี้ ทุ่มเททุกอย่างให้กับอันซิน แน่นอนว่าเขาก็ไม่อยากทำให้อันซินเสียใจเช่นกัน
“อันซิน กลับไปรับแขก เรื่องนี้พ่อจะจัดการเอง ลูกไม่ต้องมายุ่งหรอก!” อันซื่อเอินพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ไม่ หนูไม่เชื่อ หนูจะอยู่ดูตรงนี้แหละว่าพ่อจะจัดการยังไง!” อันซินไม่ยอม
อันซื่อเอินเริ่มโมโห “อันซิน ลูกพูดแบบนี้เพราะไม่เชื่อพ่อใช่ไหม? คำพูดนี้มันทำร้ายพ่อมากเลยนะ พูดคำนี้ออกมาคิดถึงความรู้สึกของพ่อบ้างไหม?”
อันซินรู้เรื่องราวต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว ไม่ได้โดนคำพูดที่อันซื่อเอินพยายามพูดทำให้ตัวเองลังเลเลยแม้แต่น้อย แต่เธอใช้วิธีหนามยอกต้องเอาหนามบ่งเช่นกัน จึงพูดว่า “งั้นพ่อไม่สนใจความผิดความถูกก็ทำแบบนี้กับพี่หลินหยุน พ่อคิดถึงความรู้สึกหนูบ้างไหม?”
อันซื่อเอินเริ่มทนไม่ไหว จึงพูดด้วยความโมโหว่า “อันซิน ลูกทำให้พ่อผิดหวังมาก!”
อันซินเหมือนว่าจะไม่เกรงกลัวเลยสักนิด เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “สาเหตุเรื่องราวเป็นมายังไงหนูรู้หมดแล้ว พี่หลินหยุนไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ถ้าจะทำให้พี่หลินหยุนลำบากใจแบบนี้ นิทรรศการภาพวาดนี่ไม่จัดก็ได้!”
“ลูก…ลูกจะทำให้พ่อโมโหตายไปเลยใช่ไหม!” อันซื่อเอินแทบจะกระโดดขึ้นมาด้วยซ้ำ แต่เหมือนว่าเขาไม่มีทางจะทำอะไรได้ เขาไม่เคยเห็นลูกสาวตัวเองหัวแข็งมากขนาดนี้มาก่อน เพราะฉะนั้นเขาเชื่อว่าในเมื่ออันซินกล้าพูด เธอก็กล้าทำด้วยเช่นกัน
ถ้าหากนิทรรศการภาพวาดนี้ไม่จัดแล้ว เขาจะปกป้องหวางชิ่งเซิงไปเพื่ออะไรกัน?
อันซื่อเอินเองก็จนปัญญา เขาหันหน้าไปหาหวางชิ่งเซิงด้วยความเก้อเขิน สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด “ท่านประธานคณะกรรมการหวาง ผมไม่มีปัญญาสอนลูกเอง ขายหน้ากับท่านแล้วนะครับ!”
“แต่ว่า ลูกสาวผมเลี้ยงดูตามใจมาตั้งแต่เด็ก ถ้าหากบังคับมากไป เกรงว่าจะทำเรื่องโง่ๆ อะไรขึ้นมา”
“ยังไงเรื่องนี้ก็เอาไว้แบบนี้ก่อนนะครับ รอให้งานนิทรรศการนี้จบลงไปก่อน เราค่อยมาว่ากันดีไหมครับ?”
หวางชิ่งเซิงอยากใช้ประโยชน์จากอันซื่อเอินเพื่อที่ทำให้หลินหยุนเสียหน้า แต่คิดไม่ถึงว่าหลินหยุนไม่ไว้หน้าแม้กระทั่งอันซื่อเอิน เขาเองก็เลยต้องเสียที่พึ่งไป
ตอนนี้อันซินก็ยืนอยู่ข้างหลินหยุน หวางชิ่งเซิงโดดเดี่ยวเดียวดาย แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่กล้าที่จะต่อกรกับหลินหยุน
“ในเมื่อน้องอันก็พูดแบบนี้แล้ว งั้นผมก็คงต้องไว้หน้าคุณแล้วล่ะ เรื่องนี้ก็เอาไว้เท่านี้ก่อน จัดงานนิทรรศการให้เรียบร้อยซะก่อน” หวางชิ่งเซิงทำเป็นพูดอย่างใจกว้าง
อันซื่อเอินยังคงคิดว่าหวางชิ่งเซิงไว้หน้าตัวเอง ถึงได้ปล่อยหลินหยุนไป
เขาโค้งตัวลงขอบคุณด้วยความสำนึกในบุญคุณ “ผมขอบคุณแทนเด็กที่ไม่ได้เรื่องพวกนี้นะครับท่านประธานคณะกรรมการหวาง!”
“น้องอันไม่ต้องเกรงใจขนาดนั้น เราไปทางนั้นดีกว่า ให้พวกเด็กๆ พวกนี้เล่นด้วยกันอยู่ตรงนี้แหละ!” หวางชิ่งเซิงทนสายตาของหลินหยุนที่มองมาไม่ไหว หลินหยุนมองดูเขาจนเขารู้สึกขนลุก อยากจะหนีไปให้เร็วๆ
“ครับ เชิญท่านประธานคณะกรรมการหวาง” ทั้งสองก็เดินจากไป
“พี่หลินหยุน ขอโทษจริงๆ นะคะ ทำให้พี่ต้องมาเจอเรื่องไม่ยุติธรรมแบบนี้!” อันซินบีบมุมกระโปรงของตัวเอง แล้วพูดด้วยความเสียใจ
หลินหยุนยื่นมือไปขยี้ชายผมของเธอ พร้อมยิ้มแล้วพูดว่า “เธอยอมเถียงกับลุงอันเพื่อพี่ขนาดนั้นแล้ว พี่จะมีอะไรให้น้อยใจอีก!”
“ไปกันเถอะ พาพวกเราไปดูผลงานอันยิ่งใหญ่ของเธอหน่อย แล้วก็ช่วยอธิบายให้คนที่ไม่เข้าใจงานศิลปะอย่างเราฟังด้วยนะ” หลินหยุนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ไม่ให้อันซินเอาแต่คิดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่
แน่นอนว่าพอได้ยินว่าหลินหยุนสนใจในผลงานภาพวาดของตัวเอง อันซินก็ดีใจขึ้นมาทันที
“ได้ค่ะ ฉันจะพาพวกพี่ไปดูเอง!” อันซินเดินนำอยู่ด้านหน้า เริ่มอธิบายไปทีละภาพ
จางจื่อเห้าที่อยู่ข้างหลังต่างก็พากันอิจฉาขึ้นมา
“พี่เห้า ดาวโรงเรียนอันดีกับไอ้คนกระจอกอย่างหลินหยุนนั่นเกินไปแล้ว! น่าโมโหจริงๆ ไม่รู้ว่าไอ้หมอนั่นมันใส่ยาอะไรให้อันซินกิน”
จางจื่อเห้าเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน หลินหยุนคนที่มีครอบครัวแล้ว ทำไมอันซินถึงได้ดีกับเขามากขนาดนั้น สิ่งนี้ทำให้จางจื่อเห้าอารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างมาก
“ไม่ต้องพูดแล้ว ให้ไอ้กระจอกนี่มันดีอกดีใจไปก่อน เดี๋ยวอีกไม่นานฉันจะให้มันก้มหัวข้อร้องต่อหน้าฉันเอง!” จางจื่อเห้าเริ่มมีความคิดใหม่ขึ้นมา