จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 542 เหตุผลที่อีหลิงเชิญมา
หลังผ่านไปสองชั่วโมง เครื่องบินบินผ่านก้อนเมฆ จนมาถึงสนามบินของเจียงหนาน
หลินหยุนปฏิเสธคำถามของเย่จื่อเชี่ยนอีกครั้ง เขาไม่อยากติดสนิทกับคนอื่นสักเท่าไหร่
ปู่หลานทั้งสอง จึงทำได้แค่พูดขอบคุณหลินหยุน จากนั้นก็เดินจากไป
และคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าที่มาถึงเมืองหลวงด้วยความยากลำบาก ได้ใช้วิชาแกะรอยอีกครั้ง แต่กลับทำให้ฝ่าบาทของเผ่าโลหิตที่สูงส่ง จ้องมองท้องฟ้าพร้อมกำหมัดแน่น “ไอ้เทพแห่งสว่างเฮงซวย แกกำลังล้อข้าเล่นอยู่ใช่ไหม!”
จากนั้น คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าก็ตามกลิ่นอายของหลินหยุน ไปที่เจียงหนาน
“ให้ตายเถอะ วิชาแกะรอยทั้งสามครั้งโดนข้าใช้จนหมดแล้ว ถ้าเกิดครั้งนี้ข้ายังหาแกไม่เจอ งั้นข้าก็คงมีแต่ต้องไปหาคนมาดูดเลือด”
คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก ใช้วิชาแกะรอยไปสามครั้งแล้ว เขาใช้พลังงานชีวิตทิ้งไปกว่าร้อยปีแล้ว
ถึงแม้เผ่าโลหิตจะมีชีวิตยืนยาว แต่สำหรับเขา ก็ยังเสียพลังงานไปเยอะอยู่ดี
อีหลิงขับรถออดี้A4สีขาว มารับหลินหยุนที่สนามบินเจียงหนานด้วยตัวเอง
ถึงแม้ด้วยฐานะทางบ้านของอีหลิง สามารถที่จะขับรถหรูหราอะไรพวกนั้นได้ แต่ว่า อีหลิงเป็นคนที่ไม่ชอบทำตัวเด่น ไม่อยากเป็นจุดสนใจขนาดนั้น
แต่ต่อให้เป็นอย่างนั้น ในตอนที่อีหลิงลงจากรถ ก็ยังคงดึงดูดสายตาคนส่วนใหญ่ที่เดินผ่านไปมาอยู่ดี
วันนี้อีหลิงสวมชุดกีฬาสีชมพู รูปร่างผอมสูง สวมรองเท้าผ้าใบสีขาว ผมสีดำยาวพาดหลังศีรษะ เต็มเปี่ยมไปด้วยความสดใส
“ผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ ก็มารอรับคนงั้นเหรอ? ไม่รู้ว่ามารับแฟนของตัวเองหรือเปล่า?”
มีคนอยู่ไม่น้อยที่รู้สึกเจ็บปวดกับความคิดแบบนี้
หลินหยุนเห็นเธอยืนอยู่กลางฝูงชน เห็นอีหลิงเด่นมาแต่ไกล
ส่วนอีหลิงเองก็เห็นเขาแล้ว ดันเท้าขึ้น โบกมือหาเขาด้วยความดีใจ
หลินหยุนเดินไปหาอีหลิงอย่างรวดเร็ว มองอีหลิงสักพัก ถึงแม้อีหลิงจะแต่งตัวธรรมดามาก แต่ ดูจากอกซ้ายของเธอที่มีเครื่องประดับเก๋ๆสวมอยู่ ทำให้รู้ว่า เธอเองก็ตั้งใจแต่งตัวเหมือนกัน
“ทำไมเธอถึงมาด้วยตัวเองล่ะ” หลินหยุนพูดด้วยรอยยิ้ม
“นายมาทั้งที ฉันดีใจมาก จึงอยากมารับนายด้วยตัวเอง!” รอยยิ้มหวานๆของอีหลิง ใบหน้างดงามที่แดงก่ำ ดูเหมือนเพิ่งจะได้เจอหน้ากัน จึงทำให้เขินเล็กน้อย
“เธอไม่กลัวว่าจะเจอกับคนไม่ดีงั้นเหรอ?” หลินหยุนพูดจริงกับล้อเล่นอย่างละครึ่ง ผู้หญิงที่สวยขนาดนี้อย่างเธอ ดึงดูดราคะของคนได้ง่ายมาก
อีหลิงหยิบจี้หยกอันนั้น ออกมาจากอกเสื้อ แล้วแกร่วให้หลินหยุนดู “ไม่กลัว ฉันมีสิ่งนี้”
หลินหยุนยิ้ม แล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ!”
“อืม”
พอเห็นอีหลิงพาหลินหยุนออกไปด้วยความดีใจ เหล่าชายหนุ่มรอบๆพวกนั้นแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา
มีคนมากมายต่างก็ส่ายหัวด้วยความเสียดาย “ดอกไม้ที่งดงามขนาดนี้ ทำไมถึงไปเสียบอยู่กับคนแบบนี้กันนะ?”
“เจ้าหนุ่มคนนั้นไม่ว่าจะดูยังไงก็เหมือนพวกขี้แพ้ เสื้อผ้าที่ใส่ก็เป็นของพื้นๆ แต่กลับมีสิทธิ์สนิทใกล้ชิดกับนางฟ้าคนนั้นได้ยังไง?”
หลินหยุนเข้าไปนั่งที่นั่งหลังรถ ส่วนอีหลิงเป็นคนขับรถ
ระหว่างทางกลับไปยังบ้านตระกูลอี อีหลิงทำท่าอึดอัดเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง
“มีเรื่องอึดอัดอะไรที่พูดกับฉันไม่ได้งั้นเหรอ?” หลินหยุนถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ใช่ คือฉันไม่รู้จะเริ่มพูดจากตรงไหนดี!” ใบหน้าที่งดงามของอีหลิง เผยความลำบากใจออกมา
“ใช่เรื่องที่เรียกฉันมาที่เจียงหนานครั้งนี้ ไม่ใช่ความคิดของเธอหรือเปล่า?” หลินหยุนถามด้วยรอยยิ้มที่ไม่เหมือนรอยยิ้ม
อีหลิงส่งเสียงตกใจออกมา “เอ๊ะ นายรู้ได้ยังไง!”
พอพูดจบ ก็มองหลินหยุนผ่านกระจกหน้า ถามด้วยความกังวลว่า “นายคงไม่โกรธฉันใช่ไหม?”
หลินหยุนพูดด้วยเสียงจริงจัง “เธอบอกฉันมาได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ฉันไม่โกรธเธอหรอก”
“นายอย่าโกรธนะ ความจริงคนที่ต้องการความช่วยเหลือจากนายคือพ่อฉันเอง แต่ว่า เขากลัวว่านายจะไม่มา จึงขอให้ฉันขอร้องแทน” อีหลิงก้มหน้าแล้วพูดออกมา เหมือนกับเด็กสาวที่กำลังรอโดนลงโทษเพราะทำผิด
หลินหยุนพอจะเดาได้ตั้งแต่แรกแล้ว การเชิญมาเจียงหนานในครั้งนี้ ไม่ใช่ความคิดของอีหลิง
“เขาคิดจะให้ฉันช่วยอะไรงั้นเหรอ?” แววตาของหลินหยุนเผยความเย็นชาออกมาแวบหนึ่ง เขาเกลียดวิธีที่ใช้ประโยชน์จากคนที่เขาแคร์ เพื่อใช้ให้เขาทำเรื่องบางอย่างที่สุด
แต่ว่า เห็นแก่หน้าของอีหลิง หลินหยุนจึงไม่อยากเอาเรื่องอีหยุ่น
อีหลิงไม่ได้รู้ว่าตอนนี้ใจของหลินหยุนมีการเคลื่อนไหวอะไรบ้าง เธอพูดว่า “เร็วๆนี้จะมีงานสี่วีรบุรุษที่สามปีจะมีสักครั้ง ปีนี้ได้ข่าวมาว่าพวกผู้มีอำนาจส่วนใหญ่ล้วนเชิญยอดฝีมือมากันทั้งนั้น พ่อฉันจึงอยากเชิญนายมาเผื่อกรณีฉุกเฉิน”
“งานสี่วีรบุรุษ?” ใบหน้าของหลินหยุนทำให้รู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดอยู่ ในใจของเขาพอจะคาดการณ์สถานการณ์ของงานสี่วีรบุรุษออกแล้ว
อีหลิงพูดต่อว่า “ส่วนเรื่องนอกเหนือจากนี้ ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่อง ยังจำเป็นต้องให้พ่อฉันอธิบายกับนายด้วยตัวเอง”
“ความจริง ฉันเองก็หวังว่านายจะมาเที่ยวเล่นที่เจียงหนาน ไม่เจอนายนานขนาดนี้ ฉันอยากจะเชิญนายมาเป็นแขกของเจียงหนาน”
“ดอกพีชของที่นี่บานหมดแล้ว แต่กลับไม่มีคนไปดูดอกพีชกับฉัน หลินหยุน นายไปกับฉันได้ไหม?”
แววตาของอีหลิง ดูเหมือนจะมีละอองน้ำพร่างพราย ทำให้คนยากที่จะปฏิเสธ
“ได้!” หลินหยุนตอบกลับด้วยเสียงเรียบๆ แววตาเต็มไปด้วยความเอ็นดู
“ดีจังเลย!” ใบหน้าเล็กๆของอีหลิงเต็มไปด้วยความดีใจ ไม่ทันระวังตัว จึงเหยียบคันเร่งแรงไปหน่อย จึงชนท้ายรถของรถคันข้างหน้า
“ซวยแล้ว!”
อีหลิงหันไปขอโทษหลินหยุนด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ลงจากรถ
เจ้าของรถคันข้างหน้าเป็นหญิงวัยกลางคนที่ท่าทางฉุนเฉียว รถที่ชนเป็นรถเก๋ง กันชนหลังโดนชนจนเปลี่ยนรูปร่าง
“เธอซื้อใบขับขี่มาหรือไง? แบบนี้ยังจะชนได้อีกเหรอ!”
ผู้หญิงคนนี้ดูกันชนที่โดนชนจนเปลี่ยนรูปร่าง ท่าทางโมโหมากแต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี
อีหลิงรีบพูดขอโทษ “ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ฉันไม่ระวังเอง คุณลองดูว่าเปลี่ยนกันชนต้องใช้เงินเท่าไหร่? ฉันจะจ่ายเงินให้ โทรเรียกประกันมันยุ่งยากเกินไป”
กว่าหลินหยุนจะยอมมาเจียงหนานสักครั้ง อีหลิงไม่อยากเสียเวลากับเรื่องแบบนี้
ผู้หญิงคนนี้อึ้งไปสักพัก แล้วพูดเบาๆว่า “ชนครั้งแรกเขาไม่เรียกประกันหรอก”
“สาวน้อย ฉันเองก็ไม่อยากเอาเปรียบเธอมาก เอาแบบนี้ เธอจ่ายให้ฉันสามพันหยวน ฉันจะไปซ่อนรถเอง” ผู้หญิงวัยกลางคนพูด
ความจริงถ้าเกิดอีหลิงยอมจ่ายเงินให้เธอ รถเธอเองก็มีประกัน ต่อให้โดนชน ก็ยังสามารถแจ้งประกันได้
อีหลิงพูดอย่างว่าง่าย “ได้ ฉันจะจ่ายให้คุณห้าพัน คุณเอาเลขอาลีเพย์มาให้ฉัน”
ผู้หญิงคนนี้จ้องมองอีหลิงด้วยความสงสัย นี้เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นคนขอจ่ายเพิ่มด้วยตัวเอง
“เธอคงไม่ใช่พวกหลอกลวงใช่ไหม?” ผู้หญิงยื่นมือถือออกไปด้วยความระมัดระวัง ให้อีหลิงสแกนคิวอาร์โค้ด จ้องมองอีหลิงด้วยความสงสัย ใบหน้าเต็มไปด้วยความระมัดระวัง
อีหลิงพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่สาวสบายใจได้ วันนี้หนูอารมณ์ดี ก็ถือซะว่าทำบุญก็แล้วกัน”
“เสร็จแล้ว คุณลองดูสิ น่าจะเข้าแล้ว” อีหลิงพูด
“เข้าจริงๆด้วย!” ผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นทำหน้าตกใจ
“งั้นฉันไปล่ะ” อีหลิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“อ่าได้ ขับช้าๆล่ะ!” ผู้หญิงวัยกลางคนยังคงตกอยู่ในอาการประหลาดใจกับความโชคดีที่เกิดขึ้น
พอกลับไปที่รถ หลินหยุนก็พูดเยาะเย้ยว่า “ถึงแม้เธอจะเป็นลูกคนหนูตระกูลอีของเจียงหนาน แต่ถ้าเกิดเธอใช้เงินแบบนี้ เดี๋ยวก็ใช้เงินหมดบ้านหรอก”
อีหลิงหันกลับไปมองหลินหยุนแล้วยิ้มแบบขี้เล่น “กลัวอะไร ถ้าเกิดใช้เงินหมดก็ให้นายเลี้ยงก็สิ้นเรื่อง!”
พอพูดจบประโยคนี้ ใบหน้าของอีหลิงก็แดงก่ำ ส่วนหลินหยุน กลับเก็บรอยยิ้ม แล้วทำหน้าจริงจังเล็กน้อย
ความรู้สึกที่อีหลิงมีต่อเขา เขารู้ตั้งนานแล้ว
แต่ว่า หลินหยุนไม่ได้คิดไปในทางนั้นจริงๆ อีกอย่าง อีหลิงเป็นแค่คนธรรมดา เขาเองก็ไม่ได้คิดที่จะดึงอีหลิงมาอยู่ในสายทางการบำเพ็ญเซียน
ผู้บำเพ็ญเซียนแม้จะดูยิ่งใหญ่ แต่ความจริงกลับเต็มไปด้วยความยากลำบาก ถ้าเกิดอยากจะเดินอยู่ในเส้นทางสายนี้ต่อ ก็มีแต่ต้องยอมปล่อยวางความรู้สึกของตัวเอง ทุ่มเททั้งกายและใจไปกับการตามหาความแข็งแกร่ง
ถ้าเกิดให้หลินหยุนเลือกเส้นทางใหม่ หลินหยุนยอมเป็นคนธรรมดา และใช้ชีวิตกับคนที่ตัวเองรัก จนแก่เฒ่า
สำหรับหลินหยุนแล้ว อีหลิงก็แค่วิวสวยงามที่เขาต้องเดินผ่านเพื่อไปยังเส้นทางบำเพ็ญเซียน สวยงาม แต่กลับเป็นช่วงเวลาที่สั้น