จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 55 ทานข้าว
บทที่ 55 ทานข้าว
เมื่อนิทรรศการภาพวาดเสร็จสิ้นลง อันซื่อเอินจองโต๊ะอาหารไว้ที่โรงแรมหลานเทียน เพื่อเลี้ยงแขกที่มา
ตามที่อันซินขอไว้ เขาได้จัดโต๊ะอาหารไว้หนึ่งโต๊ะสำหรับเพื่อนๆ ของเธอ
แต่ว่าทุกคนต่างก็ไม่ได้ไปที่โรงแรมโดยตรง เหตุผลแรกเพราะว่ายังไม่ถึงเวลาทานข้าว เหตุผลที่สองเพราะว่าของขวัญที่พวกเขาเตรียมไว้ยังไม่ได้เอาออกมา
หลินหยุนออกจากงานนิทรรศการก็โบกแท็กซี่เตรียมไปที่โรงแรมทันที
จ้าวกาวรีบวิ่งตามมา พร้อมกระซิบเสียงเบาว่า “หลินหยุน นายเตรียมของขวัญอะไรไว้ให้อันซินเหรอ? ให้มันสมน้ำสมเนื้อหน่อยนะ ถ้าไม่มีเงินฉันให้นายยืมก่อนได้!”
พอพูดจบ ก็ใช้สายตาให้บอกเป็นนัยชี้ไปทางจางจื่อเห้าที่กำลังเดินมา “อย่าให้จางจื่อเห้ามันดูถูกได้”
หลินหยุนพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ฉันเข้าใจ”
“งั้นเดี๋ยวอีกสักพักเราไปเจอกันที่โรงแรมหลานเทียน !” จ้าวกาวมองส่งหลินหยุนที่ขึ้นแท็กซี่ไป พร้อมโบกมือลา
พอนั่งอยู่ในรถ หลินหยุนก็กำลังคิดว่าควรจะเอาของขวัญอะไรให้อันซินดี
บ้านของอันซินถึงจะไม่ได้แย่ขนาดนั้น แต่ก็ไม่ร่ำรวยอะไรมากนัก อย่างมากก็มีทรัพย์สินอยู่ในระดับหลักล้าน
เพื่อที่จะเลี้ยงดูอันซิน อันซื่อเอินและภรรยาต่างก็ไม่เสียดายเงินทอง เพียงแค่นิทรรศการครั้งนี้ก็ใช้เงินเดือนสองเดือนของพวกเขาไปแล้ว
หลินหยุนคิดว่า จะให้อะไรก็ไม่เท่ากับให้เงินที่ดูตรงไปตรงมาที่สุด
“คุณลุงครับ ไปธนาคารที่ใกล้ที่สุด”
……
……
โรงแรมหลานเทียน ค่อนข้างมีชื่อในเมืองหลินโจว ค่าใช้จ่ายก็ไม่ต่ำเลย
อันซื่อเอินเลือกที่จะจัดงานเลี้ยงที่นี่ คาดว่าก็คงกัดฟันเลือกเช่นกัน
ห้องรับรองหนึ่งห้องที่ชั้น 2 ถูกวางโต๊ะอาหารไว้ 3 โต๊ะด้วยกัน ห้องใหญ่แบบนี้มักจะมีโต๊ะต้อนรับแขกให้โดยเฉพาะ อันซื่อเอินและภรรยาก็พากันยืนต้อนรับแขกที่กำลังเดินทางมา
“น้องสาม ได้ลูกสาวดีนะเนี่ย!” อันซื่อเต๋อพี่ใหญ่ของอันซื่อเอิน นำเอาอั่งเปาวางไว้บนโต๊ะต้อนรับ ทั้งยิ้มทั้งพูด
“พี่ใหญ่ ก็หลานสาวพี่นั่นแหละไม่ใช่เหรอ?” อันซื่อเอินยิ้มตอบ
“ใช่ คนเป็นลุงอย่างฉันก็ได้หน้าไปด้วย” อันซื่อเต๋อหัวเราะ
“พี่ใหญ่รีบเข้ามา นั่งโต๊ะ 2 โต๊ะนั้น ตรงมุมนั่นเอาไว้ให้เพื่อนๆ ของอันซิน” อันซื่อเอินพูดพร้อมชี้ไปที่โต๊ะด้านใน
“โอเค นายรับแขกต่อเถอะ ไม่ต้องมาดูแลพี่หรอก” แล้วพี่ใหญ่อันเดินเข้าไปด้านใน
ตรงหน้าประตูโรงแรม หลินหยุนเพิ่งจะลงจากรถแท็กซี่ รถเมอร์เซเดสเบนซ์คันใหญ่ก็บีบแตรดังพร้อมจอดอยู่ข้างๆ หลินหยุน
หวางชิ่งเซิงเดินลงมาด้วยท่าทางโอ้อวด พอมองเห็นหลินหยุน ก็ชะงักไปสักพัก แล้วก็ตามมาด้วยสีหน้าที่ไม่แยแส แล้วพูดขึ้นว่า “บังเอิญจริงๆ เลยนะ ถ้าแกรีบบอกว่าไม่มีรถตั้งแต่แรก ฉันจะได้ให้ขึ้นมาด้วย!”
หลินหยุนมองปราดไปแวบหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ถ้าแกไม่อยากโดนกระทืบ ก็รีบหายไปจากหน้าฉันซะ”
หวางชิ่งเซิงสีหน้าโมโหขึ้นมาทันที แต่เมื่อคิดถึงฝีมือของหลินหยุน ก็ได้แต่บ่นพึมพำ พร้อมเดินเข้าไปในโรงแรม
หลินหยุนเดินตามหลังหวางชิ่งเซิงไป เพื่อที่จะเข้าไปในโรงแรมเช่นกัน
ชั้นสอง ข้างหน้าโต๊ะต้อนรับ เมื่อเห็นว่าหวางชิ่งเซิงมาถึง อันซื่อเอินและภรรยาต่างก็รีบออกมาต้อนรับด้วยความเกรงใจ “ท่านประธานคณะกรรมการหวางมาแล้ว ถือเป็นเกียรติกับห้องอาหารวันนี้ของเราจริงๆ ครับ!”
“เหอะๆ น้องอันเกรงใจเกินไปแล้ว เอาของขวัญเล็กๆ น้อยมาให้ อย่ารังเกียจกันนะ!” หวางชิ่งเซิงให้สัญญาณมือกับลูกน้อง ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ก็รีบนำกล่องไม้ทรงสี่เหลี่ยมยาวที่ละเอียดสวยงามมาที่หน้าอันซื่อเอินทันที
“เปิดดูสิ!” หวางชิ่งเซิงพูดด้วยความลำพองใจ เมื่อเห็นว่าข้างหลังมีหลินหยุนเดินตามมา
อันซื่อเอินชะงักไปสักพัก ตามหลักไม่ควรจะเปิดของขวัญต่อหน้าคนที่ให้ แต่ในเมื่อหวางชิ่งเซิงขอมาแบบนี้ อันซื่อเอินเองก็ไม่สามารถปฏิเสธได้อย่างแน่นอน
ซ้ำยังเห็นหลินหยุนที่กำลังเดินตามหลังมา อันซื่อเอินจะไม่เข้าใจความหมายของหวางชิ่งเซิงได้อย่างไร?
กล่องไม้โดนเปิดออก อันซื่อเอินนำภาพวาดทิวทัศน์ธรรมชาติแสดงให้คนที่อยู่ตรงนั้นได้เห็น
“นี่คือผลงานของอาจารย์ฉี !” เมื่อมองเห็นชื่อที่ลงตรงท้าย อันซื่อเอินก็ตกใจขึ้นมาทันที
ถึงอันซื่อเอินจะไม่เข้าใจเรื่องภาพวาดนัก แต่เพื่อลูกสาวของตัวเอง จิตรกรที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงเขาเองก็พอจะรู้จักอยู่บ้าง
อาจารย์ฉี คือจิตรกรที่มีชื่อเสียงของจีน ราคาของภาพวาดแต่ละภาพนั้นก็ไม่ต่ำเลยแม้แต่น้อย นี่ขนาดท่านยังมีชีวิตอยู่ยังราคาขนาดนี้ เมื่อไหร่ที่ท่านไม่อยู่แล้ว ราคาต้องสูงมากขึ้นแน่นอน
หวางชิ่งเซิงพูดด้วยความลำพองใจว่า “น้องอัน ภาพนี้เป็นภาพที่อาจารย์ฉี มอบให้ฉัน แน่นอนว่าฉันไม่ได้เอามาฟรีๆ ให้อาจารย์ฉี ไปหมื่นนึง แต่ว่าราคาที่แท้จริงของภาพนี้ ก็คงมากกว่า 1 หมื่นแน่นอน”
หลินหยุนเดินผ่านข้างๆ หวางชิ่งเซิงไปพอดี สายตาเหลือบไปมองภาพนั้น นี่อาจจะเป็นภาพวาดของอาจารย์ฉี จริงๆ ก็ได้ แต่ลายเส้นค่อนข้างเรียบง่าย บวกกับภาพวาดของอาจารย์ฉี ก็มีเยอะมากมาย ภาพนี้ราคา 1 หมื่นก็ถือว่าสูงมากแล้ว
หลินหยุนเดินผ่านอันซื่อเอิน อันซื่อเอินเอาแต่ต้อนรับแขก ก็เลยทำเป็นมองไม่เห็นหลินหยุน
แต่ว่า หลี่นีแม่ของอันซินก็ไม่อาจจะเย็นชากับหลินหยุนได้ เพราะยังไงคนที่มาก็ถือว่าเป็นแขกทั้งนั้น
“เธอเป็นเพื่อนกับอันซินใช่ไหม ไปนั่งข้างในเลยจ้ะ!” หลี่นีต้อนรับด้วยความเกรงใจ
“ครับ” หลินหยุนตอบรับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ เดินผ่านโต๊ะรับแขกไป พร้อมกับเอาเช็ควางไว้บนโต๊ะรับแขกนั้น
หลี่นีเองก็ไม่ได้ใส่ใจ หันหน้าไปต้อนรับหวางชิ่งเซิงพร้อมสามีต่อ
หลินหยุนเข้าไปที่ห้องอาหาร จ้าวกาวและเพื่อนคนอื่นๆ ต่างก็มาถึงกันแล้ว
เมื่อมองเห็นหลินหยุน จ้าวกาวที่กำลังเล่นมือถืออยู่ก็รีบทักทายทันที “หลินหยุน มานั่งตรงนี้!”
หลินหยุนเดินไปนั่งข้างๆ เขา จ้าวกาวพูดต่อว่า “เกมนี้ฉันกำลังจะเล่นจบ เกมต่อไปเรามาเล่นด้วยกัน 5 คนเลยนะ!”
หลินหยุนเองก็รู้สึกเบื่อๆ จึงตอบรับไปว่า “โอเค”
รอบ 5 คนยังไม่ทันได้เล่นจบ อันซินก็กลับมาจากนิทรรศการภาพวาดพอดี พร้อมทั้งเริ่มต้อนรับบรรดาแขกที่มา
จางจื่อเห้าและอื่นๆ ก็มาถึงแล้วเช่นกัน
อันซินมองไปที่ผู้คนที่มา เมื่อเห็นว่าคนที่เชิญมาต่างก็มาเกือบครบแล้ว ก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ทุกคนรอก่อนนะ รอให้ทางแขกของพ่อมาเรียบร้อยแล้ว เราก็จะเริ่มงานกันเลย”
“ไม่เป็นไร อันซินไม่ต้องไปยุ่งแล้ว มานั่งคุยกับพวกเราเร็ว!” เพื่อนผู้ชายคนหนึ่งพูดกับเธอพร้อมมองไปที่อันซินด้วยใบหน้าเขินอาย
หยางฉีที่อยู่ข้างๆ จางจื่อเห้าก็หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า “ใช่ อันซิน เราก็เป็นเพื่อนกันทั้งนั้น อย่าเกรงใจแบบนี้เลย มานั่งคุยกับเราก่อน!”
อันซินมองไปที่เพื่อนๆ ทุกคน สุดท้ายสายตาหยุดไปที่หลินหยุนอยู่พักใหญ่ ก็ยิ้มหวานแล้วพูดขึ้นว่า “ได้ งั้นฉันนั่งคุยเป็นเพื่อนกับทุกคนก่อน!”
จางจื่อเห้าส่งสายตาไปที่หยางฉี หยางฉีเข้าใจความหมายทันที รีบยืนขึ้นแล้วพูดว่า “อันซินมานั่งตรงนี้สิ!”
แต่ว่าอันซินกลับยิ้มแล้วพูดตอบว่า “ไม่หรอก ข้างๆ หลินหยุนมีเก้าอี้ว่างอยู่ ฉันนั่งตรงนั้นก็ได้”
เพราะว่าหลินหยุนไม่ค่อยมีเพื่อนนัก เพราะฉะนั้นเก้าอี้ที่อยู่ข้างเขาจึงว่าง ซึ่งมันก็ตรงกับสิ่งที่อันซินต้องการพอดี
หยางฉีสีหน้าเก้อเขินพร้อมมองไปที่จางจื่อเห้าที่อยู่ข้างๆ จางจื่อเห้าเองก็สีหน้าไม่ดีนัก ถ้ารู้ว่าผลจะเป็นแบบนี้ เขาคงจะให้หยางฉีไปนั่งข้างๆ หลินหยุนแทนแล้ว
“พี่หลินหยุน ฉันนั่งข้างๆ พี่ได้ไหม?” อันซินถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
หลินหยุนยิ้มแล้วตอบว่า “อยากให้มานั่งอยู่แล้ว!”
อันซินยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจ “ขอบคุณค่ะพี่หลินหยุน!”
เมื่อเห็นว่าอันซินและหลินหยุนคุยกันด้วยความสุขแบบนั้น จางจื่อเห้าก็ร้อนรนทันที กรอกสายตาไปมา ทันใดนั้นก็หันไปที่หยางฉี พร้อมพูดเสียงดังขึ้นว่า “เอ้อ หยางฉี วันนี้ดาวโรงเรียนอันของเราจัดนิทรรศการภาพวาดทั้งที วันดีๆ แบบนี้ นายมามือเปล่าได้ไง?”
หยางฉีอยู่กับจางจื่อเห้ามานาน ทั้งสองคนเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เมื่อได้ยินสิ่งที่จางจื่อเห้าพูดเมื่อครู่ เขาก็เข้าใจความหมายของจางจื่อเห้าทันที
หยางฉีรีบตอบไปทันทีว่า “พี่เห้า พี่มองฉันเป็นคนยังไงเนี่ย! ถึงฉันจะไม่มีเงินมากมาย แต่ว่าวันนี้อันซินจัดนิทรรศการภาพวาดทั้งที วันดีๆ แบบนี้ฉันจะมามือเปล่าได้ไงกันล่ะ?”