จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 550 เจอเย่จื่อเชี่ยนอีกครั้ง
คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่ารีบหันไปดูอีหลิง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “องค์หญิงผู้งดงามของข้า ท่านเป็นอะไรไหม?”
อีหลิงส่ายหัว “ฉันไม่เป็นอะไร ทำไมนายถึงมานี่ล่ะ พี่หลินหยุนล่ะ?”
คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “อย่ามาพูดถึงเจ้าคนเลือดเย็นต่อหน้าข้า ทั้งๆที่เขาก็เห็นว่าท่านกำลังตกอยู่ในอันตรายแต่กลับไม่ยอมทำอะไร เขามันเป็นคนขี้ขลาด!”
“ถ้าเกิดข้าสามารถสู้เขาได้ล่ะก็ ข้าจะต้องท้าสู้กับเขาอย่างแน่นอน ข้าขอสาบาน!” คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“นายอย่ามาพูดจามั่วซั่ว พี่หลินหยุนไม่ใช่คนแบบนั้น” อีหลิงโมโห
หลินหยุนได้มอบหยกป้องกันภัยให้กับเธอ ไม่มีทางเกิดเรื่องอันตรายอยู่แล้ว อีกอย่าง ถ้าเกิดเธอเจออันตรายเข้าจริงๆ หลินหยุนจะต้องมาช่วยเหลืออย่างแน่นอน
มองคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่ากับอีหลิงพูดคุยกันด้วยที่ไม่สนตัวเอง ฉีซือหย่วนรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของตัวเองโดนเหยียดหยาม
ทั่วโลกบู๊เจียงหนาน ยังไม่เคยมีใครกล้าเมินเขาสักคน
“ไอ้หนู ข้าขอถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย แกเป็นใคร?”
คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าหันกลับมา กลับมาแสดงสีหน้าสูงส่งเหมือนเดิม จ้องมองด้วยความท่าทางที่เหนือกว่า พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ข้า ฝ่าบาทคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่า!”
“มนุษย์ผู้โง่เขลา เจ้ากล้าเสียมารยาทต่อองค์หญิงของข้า เจ้ายั่วโมโหข้าสำเร็จแล้ว มีเพียงแค่เลือดของเจ้า ที่จะดับเพลิงในใจของข้าได้”
ฉีซือหย่วนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “แกกำลังพูดบ้าอะไรอยู่น่ะ! ยังมาบอกว่าฝ่าบนฝ่าบาท แกคิดว่าที่นี่เป็นราชวังยุคโบราณหรือไง!”
อีหลิงยิ้มขมขื่นในใจ เธอไม่รู้ว่าคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าก็คือเผ่าโลหิตในตำนานของชาวตะวันตก ยังคิดว่าเขาเป็นคนธรรมดาที่มาจากฝั่งตะวันตก
ดังนั้น สำหรับฝ่าบาท พระชายา หรือคำเรียกอื่นๆที่ออกมาจากปากของคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่า ก็รู้สึกอึดอัดอยู่เหมือนกัน
“นายบอกชื่อให้พวกเขาตรงๆดีกว่า!” อีหลิงพูดด้วยความเหนื่อยหน่าย
คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าโค้งคำนับให้กับอีหลิง “รับทราบ องค์หญิงผู้งดงามของข้า”
จากนั้น คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าก็ยืนตัวตรง ใบหน้าสูงส่ง เป็นขุนนางชั้นสูงอย่างแน่นอน
“มนุษย์ผู้โง่เขลา นามของข้าคือ คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่า”
ฉีซือหย่วนพูดด้วยใบหน้าดูถูกว่า “ชื่อของชาวตะวันตก ยุ่งยากจริงๆ ไม่เหมือนชาวตะวันออกอย่างพวกเรา สั้นๆ และเข้าใจง่าย”
พอพูดจบประโยค จู่ๆฉีซือหย่วนก็รู้สึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าหายไปแล้ว
จากนั้น ก็มีพลังที่ยิ่งใหญ่ กระแทกเข้าที่หน้าของตัวเอง เขารู้สึกว่าสมองของตัวเองเกือบจะโดนตบจนหลุดออกมาแล้ว
ร่างของฉีซือหย่วนปลิวออกไป กระแทกเข้ากับกำแพงของห้องน้ำอย่างรุนแรง แล้วหยุดอยู่ตรงนั้น
ฟันโดนตบจนหายไปครึ่งปาก ใบหน้าที่หล่อเหลา โดนตบจนกลายเป็นหัวหมู
“คุณชายฉี!” ลูกน้องทั้งสองวิ่งเข้าไปหาด้วยความตกใจ พยุงฉีซือหย่วนขึ้นมา แล้วถามด้วยความร้อนรนว่า “คุณชายฉี ท่านเป็นอะไรไหม!”
ฉีซือหย่วนชี้คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่า แค่พูดก็ยังไม่ชัดแล้ว “แก แกกล้าทำร้ายข้างั้นเหรอ ไอ้หนู ข้าคือคุณชายใหญ่ของตระกูลฉี เจ้ากล้าทำร้ายข้า ข้าจะฆ่าแกซะ!”
“ไม่สิ ข้าจะทำให้แกทรมานยิ่งกว่าตาย!” ฉีซือหย่วนทำหน้าดุร้าย แล้วร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
แต่น่าเสียดายที่พูดไม่ชัด คนที่อยู่ห่างออกไป ไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไรด้วยซ้ำ
“โอ้ ให้ตายสิ! ซาตานผู้ยิ่งใหญ่ ข้ากำลังจะส่งข้ารับใช้ไปให้ท่านแล้ว” ใบหน้าอันหล่อเหลาของคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่า เผยสีหน้าที่เต็มไปด้วยจิตสังหารออกมา
เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ร่างหายไปอีกครั้ง
อีหลิงรีบพูดออกมาว่า “อย่าฆ่าคน!”
จากนั้นร่างของคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่า จู่ๆก็ปรากฏตัวออกมาต่อหน้าของฉีซือหย่วน มือที่ขาวยิ่งกว่าผู้หญิง กำลังจอดอยู่ที่คอหอยของฉีซือหย่วนอยู่แค่ห้าเซนติเมตร
ถ้าเกิดช้าไปอีกสักนิด ฉีซือหย่วนก็คงตายไปแล้ว
ส่วนฉีซือหย่วนมองไม่เห็นแม้แต่น้อยว่า คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าลงมือตั้งแต่เมื่อไหร่
พลังของเขาเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ฉีซือหย่วนเป็นแค่นักบู๊แดนพรแสวงสูงสุด ส่วนคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าเดิมทีก็อยู่ในระดับเดียวกับแดนปรมาจารย์ บวกกับได้ดูดซับชิ้นส่วนของรากปราณพรสวรรค์ ทำให้คลายผนึกที่อยู่ร่างได้สำเร็จ พลังจึงเพิ่มขึ้นอีกระดับ
และตอนนี้ยังเป็นช่วงที่เพิ่งจะคลายผนึกได้ ยังมีพลังอีกมากที่ยังดูดซึมไม่หมด ถ้าเกิดผ่านไปสักพัก พลังของคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่า ยังเพิ่มมากยิ่งกว่านี้อีกระดับ
พอฉีซือหย่วนมาอยู่ตรงหน้าของเขา ก็เป็นได้แค่มดตัวหนึ่งเท่านั้นเอง
ฉีซือหย่วนจ้องมองมือที่อยู่ใกล้แค่ไม่กี่นิ้ว ราวกับเป็นเคียวของยมทูต
ฉีซือหย่วนรู้สึกว่าขาของตัวเองมีน้ำอุ่นไหลออกมา ฉี่ของเขาค่อยๆไหลออกมา
อีหลิงหน้าแดง รีบเอามือปิดจมูกตัวเอง
คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่ารีบเดินถอยหลังด้วยใบหน้ารังเกียจ ดึงแขนอีหลิงแล้วเดินจากไป “โอ้ เทพแห่งสว่างเฮงซวย เขา เขาตกใจจนฉี่ราดเลยเหรอ!”
“คู่ต่อสู้แบบนี้ ทำให้ข้าเสียเกียรติสักจริงๆ!”
“คุณ……คุณชายฉี!” ลูกน้องทั้งสองพยายามกลั้นขำ แบบสุดชีวิต
“ท่านเป็นอะไรไหม?”
ฉีซือหย่วนตบหน้าลูกน้องที่ถามประโยคนี้ออกมา แล้วตะโกนว่า “เจ้าคิดว่าไง!”
“ให้ตายเถอะ ข้าต้องฆ่าเขาให้ได้! ไม่สิ ข้าจะทำให้เขาทรมานยิ่งกว่าตาย!”
ฉีซือหย่วนถอดกางเกง แล้วโยนลงถังขยะ ใส่เพียงแค่กางเกงในแล้วรีบเดินไปในทางที่ฉีเฉิงคุนอยู่
ทางด้านนี้ พอมีคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าไปช่วยอีหลิง หลินหยุนจึงไม่ได้สนใจทางนี้
ความสนใจของเขา กลับมาอยู่ทางฝั่งของฉีเฉิงคุน
เพราะว่า ระหว่างที่พวกฉีเฉิงคุนกำลังลดคุณค่าของปรมาจารย์หลินอย่างเปิดเผย แล้วกำลังยกย่องปรมาจารย์ฉีอยู่ ในที่สุดก็มีคนทนดูไม่ไหวแล้ว
นั่นเป็นสาวน้อยอายุราวๆสิบห้าสิบหก ใบหน้างดงาม และน่ารักมาก
อีกอย่าง สาวน้อยคนนี้หลินหยุนก็รู้จัก เป็นเย่จื่อเชี่ยนที่เจอในเที่ยวบินจากเมืองหลวงมายังเจียงหนาน
เพียงแต่ว่า ครั้งนี้เธอมาด้วยตัวคนเดียว ไม่ได้เห็นปู่ของเธออยู่ที่นี่ เกรงว่าเพราะร่างกายไม่ค่อยดี จึงพักผ่อนอยู่ที่บ้าน
“นึกไม่ถึงจริงๆ เธอเองก็เป็นคนของตระกูลใหญ่บู๊”
แต่ว่า เย่จื่อเชี่ยนไม่ได้รับการฝึกฝน น่าจะเป็นหนึ่งในคนที่ถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลใหญ่บู๊ ไม่งั้น ปู่ของเธอก็คงไม่ต้องทรมานเพราะโรคหัวใจ
เห็นแค่เย่จื่อเชี่ยนลุกขึ้นมา เงยหน้าเล็กๆของตัวเอง พูดด้วยเสียงจริงจังว่า “จากที่ข้ารู้ ปรมาจารย์หลินที่อยู่ในหลิงหนานเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แถมเป็นคนถ่อมตน ไม่ชอบใช้กำลังรังแกคนที่อ่อนแอกว่า”
“ไม่ได้เป็นเหมือนกับที่เหล่าผู้อาวุโสว่ามา ที่ไม่มีอะไรดีเลย”
เจ้าบ้านตระกูลเล็กคนหนึ่ง หัวเราะด้วยเสียงเย็นชา “สาวน้อย เจ้าเป็นลูกหลานตระกูลไหนกัน? บนตัวของเจ้าไม่เห็นมีชี่แท้อยู่เลย เกรงว่าคงเป็นคนที่ถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลสินะ!”
“เจ้ามันก็แค่คนที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง ยังกล้าเข้ามาแทรกการพูดคุยระหว่างผู้อาวุโสอย่างพวกเราอีกงั้นเหรอ!”
“พ่อแม่ของเจ้า น่าจะสั่งสอนเจ้าให้เข้มงวดกว่านี้!”
ในเวลานี้เอง ฉีเฉิงคุนก็แสร้งทำเป็นคนใจกว้าง มองเย่จื่อเชี่ยน แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “สาวน้อย เจ้าบอกว่าปรมาจารย์หลินแข็งแกร่งมาก เจ้าเคยเห็นด้วยตาตัวเองหรือไง?”
เย่จื่อเชี่ยนอึ้งไปสักพัก ส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่เคย แต่ข้าเคยได้ยินมาจากเพื่อนที่หลินโจว ปรมาจารย์หลินเป็นคนที่แข็งแกร่งมากจริงๆ! ข้ายังเคยเห็นรูปถ่ายของเขา ถ้าเกิดเขามายืนต่อหน้าข้า ข้าจะต้องดูออกอย่างแน่นอน”
พอพูดจบประโยคนี้ เย่จื่อเชี่ยนก็รู้สึกเศร้าเล็กน้อย เธอมีรูปถ่ายของปรมาจารย์หลินอยู่จริงๆ เพียงแต่ว่าเป็นรูปถ่ายที่เห็นแค่ข้างหลังของเขา ต่อให้ปรมาจารย์หลินมายืนต่อหน้าเธอ ก็ไม่แน่ว่าเธอจะดูออก
อีกอย่าง หลินหยุนก็เคยทดสอบมาแล้ว นั่งอยู่บนเครื่องบินกว่าสองชั่วโมง เย่จื่อเชี่ยนก็ยังไม่รู้เขาเป็นใคร
พอหลินหยุนได้ยินประโยคนี้ ก็เผยรอยยิ้มที่มุมปาก
ช่างเป็นเด็กสาวที่น่ารักสักจริงๆ เพื่อพูดแทนปรมาจารย์หลินที่ตัวเองก็ยังไม่รู้จัก กล้าเสี่ยงที่จะทำให้ทั่วโลกบู๊เจียงหนานโมโห
เหล่าเจ้าบ้านของโลกบู๊เจียงหนาน หัวเราะเสียงดัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความดูถูก
ฉีเฉิงคุนพูดด้วยรอยยิ้ม “สาวน้อย เจ้าไม่เคยเห็นหน้าปรมาจารย์หลินด้วยซ้ำ ก็บอกว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก นี่มันเป็นแค่คำพูดที่ไม่มีหลักฐานอะไรไม่ใช่หรือไง?”