จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 561 ทวนตระกูลโล่
หลินหยุนยืนอยู่กลางสนาม สีหน้ายังคงเฉยเมย เหลือบมองไปที่ฝูงชน และพูดเบาๆ “ยังมีใครจะขึ้นมาอีกไหม?”
ตรงนั้นยังมีคน ยอดฝีมือทั้งหมดในโลกบู๊แห่งเจียงหนาน ยกเว้นตระกูลโล่ ที่เหลือเกือบทั้งหมดก็แพ้ให้กับหลินหยุน
โลกบู๊แห่งเจียงหนานทั้งหมด ไม่มีใคร
ทุกคนก้มหน้า ไม่กล้าสบตามองหลินหยุน
แม้แต่ฉีเฉิงคุนที่หมอบอยู่บนพื้นและเจ้าบ้านตระกูลใหญ่คนอื่นๆ ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปพยุง
เพี๊ยะๆๆๆ!
ทันใดนั้น เสียงปรบมือเป็นจังหวะก็ดังขึ้นในสนามกีฬาที่เงียบสงบ
แม้จะอยู่ในสนามที่ว่างเปล่า เสียงปรบมือจะเบาเล็กน้อย แต่ว่า ในบรรยากาศที่เงียบสงบ แต่มันก็ค่อนข้างแสบหู
“เยี่ยม เยี่ยมมาก!”
เจ้าบ้านโล่ซึ่งกำลังนั่งดูการแสดงอยู่ที่นั่นตลอด โล่อู๋หมิง ในที่สุดก็ยืนขึ้น และเดินเข้าไปในสนามด้วยรอยยิ้ม
คนในโลกบู๊แห่งเจียงหนาน ชั่วขณะต่างพากันยินดี!
“ตระกูลโล่ เตรียมพร้อมที่จะลงมือแล้วหรือ?”
ตอนนี้ คนเดียวที่สามารถจัดการกับหลินหยุน มีเพียงตระกูลโล่เท่านนั้น
เพียงแต่ว่าเหล่าจู่ตระกูลโล่เก็บตัวฝึกฝนไม่ออกมา ถ้ามีเพียงเจ้าบ้านโล่ คงจะไม่สามารถจัดการหลินหยุนได้
เพราะว่า ความแข็งแกร่งสูงสุดของโล่อู๋หมิงที่แสดงออกมาสู่สายตาทุกคน เป็นเพียงปรมาจารย์ระดับเล็กเท่านนั้น
เพียงแต่ว่า ฉีเฉิงคุนและเจ้าบ้านหลายท่าน ในสายตามีแสงความปิติยินดีแวบเข้ามา
“โล่อู่หมิงจะลงมือแล้วหรือ?”
“ตอนนี้ มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถปราบปรามไอ้หนุ่มคนนี้ได้!”
คนอื่นไม่เข้าใจ แต่ฉีเฉิงคุนและคนอื่นๆในฐานะเป็นสมาชิกของตระกูลโล่ ย่อมรู้ดีถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของโล่อู๋หมิง
ความแข็งแกร่งของโล่อู๋หมิง มันไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่ปรากฏออกมาให้เห็น
เท่าที่พวกเขารู้ ความแข็งแกร่งของเจ้าบ้านตระกูลโล่นั้น ตั้งแต่เมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ได้มาถึงแดนปรมาจารย์ระดับใหญ่แล้ว
หลังจากผ่านไปหลายปี ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของโล่อู๋หมิงไปถึงแดนไหน ไม่มีใครรู้
เพียงแต่ว่า จากการคาดเดาของฉีเฉิงคุนและคนอื่นๆ ความแข็งแกร่งของโล่อู๋หมิง ได้ไล่ตามไปถึงระดับเดียวกับเหล่าจู่โล่อู๋จี๋เทพแห่งทวน
หากโล่อู๋หมิงลงมือจัดการหลินหยุน ถ้างั้นผลของแพ้ชนะก็ยังไม่เป็นที่ชัดเจน
โล่อู๋หมิงเดินไปตรงหน้าหลินหยุน แล้วอมยิ้ม ราวกับเป็นครูสอนนักเรียนที่ไม่มีพลังกังฟูใดๆ
“เพียงคนเดียวที่ต้องต่อสู้กับกลุ่มวีรบุรุษในโลกบู๊แห่งเจียงหนาน เยี่ยม เป็นคนหนุ่มที่มีความสามารถจริงๆ!”
“ตอนนี้ ฉันขอประกาศว่า คุณเป็นแชมป์แล้ว”
ฉีเฉิงคุนและคนอื่นๆชะงักไปชั่วขณะ มองไปที่โล่อู๋หมิง สายตาเต็มไปด้วยด้วยความประหลาดใจและตกตะลึง
“ตระกูลโล่ต้องการดึงไอ้หนุ่มคนนั้นเข้าร่วมจริงๆ!”
“นี่ พวกเราถูกไอ้หนุ่มคนนั้นทำให้อับอายขายหน้า ทำให้โลกบู๊แห่งเจียงหนานทั้งหมดเสียหน้ามาก ในเวลานี้ตระกูลโล่กำลังดึงไอ้หนุ่มคนนั้นมาเป็นพรรคพวก ต้องการจะทำให้พวกเราทุกคนทุกข์ใจหรือไง?” เจ้าบ้านลู่พูดด้วยความงุนงง
“ฮ่าๆ บางทีในสายตาของตระกูลโล่ ความสำคัญของไอ้หนุ่มคนนั้นเพียงคนเดียว ได้แซงหน้าตระกูลใหญ่ในเจียงหนานทั้งหมดแล้ว” เจ้าบ้านซิงยิ้มอย่างขมขื่น
ไม่มีใครพูด อันที่จริง เฉพาะหลินหยุนคนเดียวที่ต่อสู้กับพวกเขาจนไม่มีใครกล้าสู้หน้า เพื่อหลินหยุนสิ่งที่ตระกูลโล่จะทำ คือสามารถละทิ้งตระกูลใหญ่อย่างพวกเขาแน่นอน
“การคาดเดาผิดพลาด! ดูเหมือนว่าโลกบู๊แห่งเจียงหนานในอนาคต จะกลายเป็นตัวตลก” ฉีเฉิงคุนสีหน้าซีดเซียว ถ้าหลินหยุนถูกตระกูลโล่ดึงไปเข้าร่วม ถ้างั้นในอนาคตเขาก็จะไม่มีโอกาสแก้แค้นแล้ว”
แม้แต่ฉีเฉิงคุนก็ยังสิ้นหวัง และคนอื่นๆก็ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะรุกรานตระกูลฉี นับประสาอะไรกับตระกูลโล่ซึ่งแข็งแกร่งกว่าตระกูลฉี
หลินหยุนมองไปที่โล่อู๋เฉิง และพูดเบาๆ “ฉันเป็นแชมป์แล้วหรือ?”
“ถูกต้อง” โล่อู๋หมิงพูดด้วยรอยยิ้ม
“แล้วฉันพาเธอออกไปได้แล้วใช่ไหม?” หลินหยุนพูดแล้วชี้ไปที่โล่เสว่ฉี
โล่อู๋หมิงยิ้มอย่างมีความสุขมากขึ้น “ได้อยู่แล้ว เธอคือรางวัลที่มีไว้มอบให้แชมป์เปี้ยน”
“เพียงแต่ว่า คุณต้องเข้าร่วมตระกูลโล่ถึงจะพาเธอไปได้”
หลินหยุนไม่พูดอะไร
โล่อู๋หมิงพูดต่อ “เข้าร่วมตระกูลโล่ ความรุ่งโรจน์ของตระกูลโล่ที่สะสมเป็นเวลาหลายปี สามารถเปิดรับคุณ”
“เทคนิคการต่อสู้ทุกประเภท การต่อสู้ที่ทรงพลัง และแม้แต่โอสถชั้นยอด ตระกูลโล่ของฉันก็มี ขอเพียงคุณมีความสามารถเพียงพอ แม้ว่าจะเอาตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลโล่ให้คุณ มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”
เสียงของโล่อู๋หมิง ทำให้เกิดการดึงดูดและชักจูง
หลินหยุนสีหน้าไร้ความรู้สึก เพียงแต่ว่า นักบู๊ในโลกบู๊แห่งเจียงหนานที่อยู่รอบๆ หน้าแดงทั่วหน้า เต็มไปด้วยความอิจฉา อยากที่จะแทนที่หลินหยุน
หลินหยุนพูดเบาๆ “ฉันไม่สนใจ”
“ตอนนี้ ฉันจะพาเธอไป”
โล่อู๋หมิงมีสีหน้าเคร่งขรึม และดวงตาที่มืดมนปรากฏขึ้น “ไอ้หนุ่ม ตระกูลโล่ได้สะสมความรุ่งโรจน์มานานหลายปี ไม่ใช่สิ่งที่คุณสามารถจินตนาการได้ แม้ว่าจะรวบรวมความรุ่งโรจน์ที่สะสมในโลกบู๊แห่งเจียงหนานทั้งหมด ก็เทียบไม่ได้กับครึ่งหนึ่งของตระกูลโล่”
“ถ้าคุณพลาดโอกาสนี้ ผมรับประกันว่าคุณจะต้องเสียใจภายหลัง”
ใบหน้าหลินหยุนไร้ความรู้สึก ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจคำพูดของโล่อู๋หมิง “ความรุ่งโรจน์ที่สะสมมาของตระกูลโล่ ในความคิดของฉัน ก็ เหมือนมูลสัตว์ หากต้องการให้ฉันเข้าร่วม ตระกูลโล่ของคุณยังไม่คู่ควร”
สำหรับตระกูลโล่เมื่อเทียบกับโลกบู๊แห่งเจียงหนาน มีพื้นฐานที่น่าภาคภูมิใจ เพียงแต่ว่า เมื่อเทียบกับมหากษัตริย์ชางฉองผู้ยิ่งใหญ่ทั่วมุมโลก มันเป็นเหมือนมูลสัตว์จริงๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินหยุน เหล่านักบู๊แห่งเจียงหนานที่อิจฉาหลินหยุน ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
“ฉันฟังไม่ผิดนะ! เขา เขาปฏิเสธเหรอ!”
“ไอ้หนุ่มคนนี้บ้าหรือเปล่า! เขาถึงกับปฏิเสธคำเชิญของเจ้าบ้านตระกูลโล่! ถ้างั้นเขาเข้าร่วมการงานประลองบู๊จะมีความหมายอะไร?”
ฉีเฉิงคุนผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นสีหน้าก็แสดงความดีใจ “ฮ่าๆๆ สวรรค์ช่วยฉัน! ไอ้หนุ่มคนนี้หยิ่งยโสมากเกินไป แม้แต่ตระกูลโล่ยังไม่อยู่ในสายตาของเขา ยิ่งกว่านั้น เขายังกล้าพูดจาดูหมิ่นเหยียดหยามโล่อู๋หมิง”
“ฮ่าๆ ตอนนี้คิดว่าโล่อู๋หมิงคงจะอับอายมาก คราวนี้ เขาคงจะไม่ยอมปล่อยไอ้หนุ่มคนนี้ไปอย่างแน่นอน”
สำหรับเจ้าบ้านคนอื่น ก็โล่งใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“โล่อู่หมิง เป็นคนที่ไปแสดงตนให้ไอ้หนุ่มคนนั้นดูหมิ่นโดยตรง!”
ใบหน้าของโล่อู๋หมิงเคร่งขรึมและเย็นชามากจนน่ากลัว มองไปที่หลินหยุน พูดอย่างเคร่งขรึม “ไอ้หนุ่ม ฉันจะให้โอกาสคุณอีกครั้ง ถอนคำพูดที่พูดออกไปเมื่อสักครู่!”
หลินหยุนพูดอย่างเฉยเมย “สิ่งที่ฉันพูดไปแล้ว ไม่เคยถอนคำพูด”
หลินหยุนเหลือบมองโล่อู๋หมิง เดินไปด้านข้างโล่เสว่ฉี และพูดเบาๆ “ไปกับฉัน”
โล่เสว่ฉียืนขึ้น น้ำตาไหลอาบแก้ม
เธอใช้ชีวิตอยู่ในตระกูลโล่เหมือนหุ่นเชิด ตอนนี้ ในที่สุดก็จะเป็นอิสระแล้ว
“คุณคิดว่าจะพาเธอไปได้เหรอ?” น้ำเสียงของโล่อู๋หมิง เย็นชาจนน่ากลัวมาก และทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุก
หลินหยุนถามอย่างไร้ความรู้สึก “นายคิดว่าสามารถขวางฉันได้หรือไม่?”
“ฮ่าๆๆๆ……” โล่อู๋หมิงเงยหน้าและหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง จากนั้น เสียงหัวเราะหยุดลงทันที และมองหลินหยุนด้วยความรังเกียจ “นายคิดว่าสามารถเอาชนะไอ้เศษสวะเหล่านี้ได้ ก็สามารถเพิกเฉยต่อโลกบู๊แห่งเจียงหนานเหรอ?”
“วันนี้แกสามารถไปได้ แต่ว่า ลูกสาวของฉันอยู่ต่อ”
“มิฉะนั้น ก็ลองทดลองใช้ทวนยาวในมือของฉันดูก่อน!”
หลังจากพูดจบ โล่อู๋หมิงก็ตามตำแหน่งของตัวเอง โบกมือไป
ทันใดนั้น ทวนปาอ๋องสีเงินก็พุ่งออกมา
ทวนอยู่ในมือของโล่อู๋หมิง ออร่าในตัวของเขาก็เปลี่ยนไปทันที
เมื่อกี้สง่างามราวกับเป็นครูของเด็กนักเรียน แต่ตอนนี้ เขาดูเหมือนแม่ทัพขี่ม้าสู้รบที่เก่งกาจ!
สีหน้าฉีเฉิงคุนและคนอื่นๆตกตะลึง “ทวนตระกูลโล่!”
“ครั้งนี้โล่อู๋หมิงคงจะเอาจริงแล้ว!”
หลินหยุนไม่สนใจเขา แต่มองไปที่โล่เสว่ฉี แล้วพูดเบาๆ “อยู่ด้านหลังฉัน ฉันจะพาคุณไป”
โล่เสว่ฉีพยักหน้า และยิ้ม “ตกลง”
เหมือนกับตอนที่อยู่ในวังเทพจันทรา ในเวลานั้น เธอก็ติดตามอยู่ข้างหลังหลินหยุน
ข้างหน้า ร่างผอมบางนั้นช่วยปิดกั้นอุปสรรคต่างๆ
หลินหยุนหันกลับมา มองไปที่โล่อู๋หมิง และพูดเบาๆ “เริ่มเลย!”
“หาที่ตาย!”
โล่อู๋หมิงสะบัดทวน แล้วทำท่าแกว่งไปแกว่งมา พุ่งไปที่หลินหยุนอย่างรวดเร็ว