จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 569 เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ
อีหลิงมองไปที่เหอช่าง และอมยิ้ม “ขอบคุณนายมาก!”
“นี่เป็นครั้งที่สองที่คุณพูดแทนพวกเราอย่างมีคุณธรรม!”
“เหอช่างยิ้มและพูดว่า “ถ้าเห็นความอยุติธรรม ก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นี่คือสิ่งที่คนรุ่นฉันควรทำ!”
ในยุคนี้ คนหนุ่มสาวที่ยังมีความกล้าหาญและมีคุณธรรมเช่นนี้ มันมีน้อยมาก และควรให้คุณค่ามาก
อีหลิงพูดด้วยความกังวลว่า “แต่ว่า ถ้าคุณทำเช่นนี้ หูเฟยจะต้องโกรธอย่างแน่นอน และคงต้องแก้แค้นตระกูลเหอของคุณ!”
เหอช่างยิ้มอย่างจริงใจ “แม้ว่าฉันจะไม่ช่วยพูดแทนพวกคุณ ตระกูลหูของเขาก็ยังคงดูถูกตระกูลเหอของฉันเสมอ คงแทบจะรอไม่ไหวที่จะกำจัดตระกูลเหอของฉัน!”
“ในเมื่อช่วยหรือไม่ช่วยพวกคุณ ผลที่ได้ก็เหมือนเดิม ถ้าเช่นนั้นก็ทำเรื่องที่ดีดีกว่า ให้หูเฟยเข้าใจว่า ตระกูลหูของเขาไม่ใช่จะอยู่ค้ำฟ้าแต่เพียงผู้เดียว!”
อีหลิงยิ้มและพยักหน้า “ไม่ว่าจะยังไง ก็ขอขอบคุณนาย! พวกเราจะกลับแล้ว ถ้าไม่รังเกียจ ไปดื่มชากับพวกเราสักแก้วไหม?”
เหอช่างยิ้มและกำลังจะตอบตกลง ข้างๆ ทันใดนั้นหลินหยุนก็ลุกขึ้น และยืนขวางตรงหน้าอีหลิง
หลินหยุนมองไปที่เหอช่าง ด้วยสีหน้าเฉยเมย “สิ่งที่ฉันพูดกับนาย นายยังจำได้ไหม?”
เหอช่างครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “จำได้ นายบอกว่าภายในสามวันนี้อย่าออกจากบ้านไปไหน!”
“แต่ว่า ทำไมเหรอ?”
หลินหยุนพูดว่า “นายเชื่อเรื่องโชคชะตาไหม?”
เหอช่างยิ้ม “ฉันไม่เคยเชื่อในเรื่องโชคชะตา สิ่งที่เรียกว่าชะตาชีวิต ที่จริงมันก็อยู่ในกำมือของตัวเอง”
“ไม่ว่านายจะเชื่อหรือไม่ ภายในสามวันนี้ อย่าออกจากบ้าน”
“บางที นายอาจหนีพ้นจากภัยพิบัตินี้ไปได้” หลินหยุนพูดจบ และหันไปมองอีหลิง “ไปกันเถอะ!”
อีหลิงรู้สึกงุงงิงเล็กน้อย แต่ว่า เพราะความไว้วางใจที่เธอมีต่อหลินหยุน เธอทำได้เพียงยิ้มแทนคำขอโทษ “ขอโทษนะ ไว้โอกาสหน้าค่อยชวนคุณไปดื่ม!”
เหอช่างยิ้ม และพูดว่า “ไม่เป็นไร”
อีหลิงหันกลับไป กำลังเตรียมจะกลับ แต่ว่า ด้วยความกังวลเล็กน้อย หันกลับมามองเหอช่างและพูดว่า “คุณควรเชื่อที่หลินหยุนพูด เรื่องจริง ขอให้คุณเชื่อ”
เหอช่างผงะไปครู่หนึ่ง และมองหลินหยุนด้วยความรู้สึกที่แตกต่างออกไป คิดไม่ถึงว่าแม้แต่คุณหนูตระกูลอีจะเชื่อใจชายหนุ่มคนนี้ขนาดนี้!
“ตกลง ฉันจะระมัดระวัง” เหอช่างไม่อาจปฏิเสธความหวังดีของทั้งสองคน
คาร์นอตวิลเลียมเดินไป โค้งคำนับเหอช่าง แสดงมารยาทของสุภาพบุรุษ “ขอให้คุณโชคดี คนหวังดี!”
“ขอบคุณ!” เหอช่างก็โค้งคำนับให้คาร์นอตวิลเลียม
เมื่อมองไปที่คนสามคนที่จากไป เหอช่างยักไหล่ รู้สึกว่าสามคนนี้แปลกประหลาดมาก
โดยเฉพาะหลินหยุน รู้สึกเหมือนนักต้มตุ๋น
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกได้ว่าสามคนนี้หวังดีกับตนเอง
เพียงแต่ว่า แม้ว่าเหอช่างจะตอบตกลง แต่ว่า ก็ไม่ได้จริงจังกับมันมากนัก
ตอนที่ไม่เกิดเรื่อง ไม่มีใครเชื่อ ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับตัวเอง
ดังนั้น ในโลกนี้จึงไม่มียาที่สามารถรักษาความเสียใจ
อีหลิงและทั้งสามคนกลับไปที่พักของพวกเขา อีหยุ่นได้กลับมาแล้ว
เมื่อเห็นหลินหยุน จึงรีบก้าวไปข้างหน้า และอมยิ้ม “กลับมาแล้วเหรอ เที่ยวสนุกไหม?”
“ก็โอเค” อีหลิงพูด “เพียงแต่ว่า ได้พบหูเฟยจากตระกูลหู”
สีหน้าของอีหยุ่นเปลี่ยนไป “ทำไมเหรอ? หูเฟยไอ้หนุ่มคนนั้นหาเรื่องให้พวกเธอลำบากใจเหรอ?”
“อืม แต่สุดท้าย ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“ถ้างั้นก็ดี ดูเหมือนว่าลูกชายของหูเหวยซิน ยิ่งอยู่ยิ่งทำเกินไปเรื่อยๆ” ใบหน้าของอีหยุ่นเคร่งขรึม
“จริงสิคุณหลิน เชิญตามฉันมา ฉันจะแนะนำให้คุณรู้จักกับคนๆหนึ่ง เป็นยอดฝีมือที่ครั้งนี้ฉันเชิญมาเป็นพิเศษ!”
อีหลิงมองหลินหยุนอย่างเสียดายเล็กน้อย “พวกคุณไปเถอะ ฉันจะกลับไปพักผ่อนที่ห้องก่อน”
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะกลับไปนอนแล้ว” คาร์นอตวิลเลียมหาวนอน แล้วหันหลังเดินไปที่ห้อง
อีหยุ่นพาหลินหยุนไปที่ออฟฟิศ เปิดประตูเข้าไป และมีคนสองคนอยู่ในออฟฟิศ
คนหนึ่งคือลุงฉิน และอีกคนเป็นชายชราสวมชุดคอจีนสากลสีเทา
“คุณหลิน!” ลุงฉินโค้งคำนับอย่างสุภาพ
ชายชราอีกคน เหลือบมองหลินหยุนที่อยู่ด้านหลังอีหยุ่น แสดงสีหน้าประหลาดใจและร้องอุทาน “คุณอี ผู้เชี่ยวชาญที่คุณพูดถึง เป็นไอ้หนุ่มคนนี้หรือ?”
อีหยุ่นยิ้มและพยักหน้า “ปรมาจารย์ป๋ายเห้อ อย่าตัดสินคนอื่นจากรูปลักษณ์ของเขา ท่านนี้คือปรมาจารย์หลิน!
ปรมาจารย์ป๋ายเห้อมองหลินหยุนและพิจารณา ด้วยสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม “เฮ้อ ชายหนุ่มที่อายุยี่สิบต้นๆ คุณให้ฉันเรียกเขาว่าปรมาจารย์! ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าคุณอี ฉันก็ไม่อยากเจอเขา!”
“นี่……” ดูเหมือนอีหยุนคาดไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มองไปที่หลินหยุน รู้สึกขอโทษ “ปรมาจารย์หลิน ขอโทษ ปรมาจารย์ป๋ายเห้อไม่รู้ความแข็งแกร่งของท่าน และไม่มีเจตนาทำร้ายจิตใจคุณ ได้โปรดอย่าโกรธเลย!”
ปรมาจารย์ป๋ายเห้อเห็นว่าอีหยุ่นให้เกียรติและเคารพหลินหยุนขนาดนั้น และยิ้มเยาะเย้ย “คุณอี คุณถูกหลอกหรือเปล่า? ตอนนี้มีนักต้มตุ๋นมากมายชอบปลอมตัวเป็นปรมาจารย์”
หลินหยุนพูดเบาๆ “ไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อน”
“……โอเค!” อีหยุ่นรู้ว่า การพบกันครั้งนี้ จากกันอย่างไม่พอใจ
“ลุงฉิน คุณไปส่งปรมาจารย์หลิน!”
“ครับ!”
“ปรมาจารย์หลิน เชิญ!” ลุงฉินสุภาพมาก
เวลาเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของงานสี่วีรบุรุษ คือวันพรุ่งนี้ และทุกคนจะพักอยู่ในเขตของตนเป็นเวลาหนึ่งคืน
วันรุ่งขึ้น อีหยุ่นพาทุกคน ไปสถานที่งานสี่วีรบุรุษ วังสี่วีรบุรุษ
วังสี่วีรบุรุษได้รับทุนสนับสนุนและสร้างโดยผู้มีอิทธิิพลสี่ทิศ เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม คล้ายกับพระราชวังโบราณ มีขนาดที่ใหญ่ สามารถรองรับผู้คนได้หลายพันคนในเวลาเดียวกัน
หลินหยุนเห็นปรมาจารย์ป๋ายเห้ออีกครั้ง ฝ่ายตรงข้ามแหงนหน้าขึ้นอย่างหยิ่งยโส และสายตาเต็มไปด้วยความดูถูก
หลินหยุนไม่ได้สนใจ และเดินเข้าไปพร้อมอีหลิง เดินไปที่วังสี่วีรบุรุษ
การตกแต่งในวังสี่วีรบุรุษค่อนข้างคล้ายกับสนามมวยเถื่อน มีสังเวียนขนาดใหญ่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยที่นั่ง
อย่างไรก็ตาม การออกแบบแผนผังที่นั่งของวังสี่วีรบุรุษ เป็นแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส ซึ่งแบ่งเป็นสี่เขต
อีหยุ่นพาทุกคน ไปนั่งในเขตทิศตะวันตก เพราะในสี่มณฑล มณฑลเจียงหนานอยู่ทางทิศตะวันตก
เขตที่นั่งตะวันออก มีคนมาถึงแล้ว และหลินหยุนก็เห็นสาวงามที่แซ่เสิ่นผู้เย่อหยิ่งที่เพิ่งเจอเมื่อวานนี้
“พี่เสิ่น!” อีหยุ่นมองไปทางเขตที่นั่งของตระกูลเสิ่น โค้งคำนับให้ชายที่มีอายุประมาณหกสิบ
“น้องอี!” ชายคนนั้นก็ใช้มือโค้งคำนับตอบ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
หลินหยุนเหลือบมอง ที่นั่งรอบๆ มีคนนั่งอยู่แล้วมากมาย อย่างไรก็ตามอุปนิสัยของทุกคนนั้นมีคุณภาพสูงมาก แม้ว่าจะมีคนพูดเป็นครั้งคราว แต่ก็กระซิบอยู่ข้างหู และพูดเสียงเบามาก
ดังนั้น ทั่วทั้งห้องโถงจึงเงียบมาก
ในไม่ช้า ผู้มีอิทธิิพลใหญ่อีกสองคนก็มาถึง
ในฝูงชนหลินหยุนมองเห็นหูเฟยและอ้าวซี่ไห่
แม้แต่ ด้านหลังเขตที่นั่งของตระกูลหู ก็เห็นเหอช่าง
ตระกูลเหออยู่ในมณฑลเจียงเป่ยยังคงมีอำนาจ ดังนั้น ตระกูลเหอจึงนั่งอยู่ในเขตเจียงเป่ย
เพียงแต่ว่า ไม่ใช่ว่าอยู่ในเขตที่นั่งด้านไหน ก็เอนเอียงไปอยู่ฝ่ายนั้น ที่นั่ง เป็นเพียงสถานที่ของความเป็นเจ้าของ และไม่มีความหมายอื่นใด
เวลาก่อนที่งานสี่วีรบุรุษจะเริ่มต้นนั้น ยังเหลือครึ่งชั่วโมง ผู้มีอิทธิิพลใหญ่หลายคนมีเวทีกั้นอยู่ ก็สนทนากัน
เพียงแต่ว่า เนื้อหาของการสนทนานั้น โดยทั่วไปแล้วนอกจากการประชดและเยาะเย้ยแล้ว ก็ไม่มีอะไรเลย
หลังจากผ่านไปไม่นาน พิธีกรที่สวมชุดสูท ก็ก้าวขึ้นไปบนสังเวียน
จากนั้น ก็เริ่มแนะนำประวัติและที่มาของงานสี่วีรบุรุษ
พิธีกรมีความเป็นมืออาชีพมาก และการแนะนำก็เป็นทางการ และเต็มไปด้วยแรงจูงใจ
สนามนี้มีจุดประสงค์อย่างชัดเจนเพื่อแก้ไขข้อพิพาทและการต่อสู้โดยส่วนตัว ได้รับการอธิบายเหมือนเป็นการแข่งขันโอลิมปิก เทียบได้กับเป็นการแข่งขันทักษะการต่อสู้ที่มีลักษณะเฉพาะของท้องถิ่น
ผู้มีอิทธิพลใหญ่ทั้งสี่ทิศ ดูเหมือนว่าจะพอใจกับการแนะนำแบบนี้มาก เพราะทำให้รู้สึกมีระดับสูงขึ้น สถานะของพวกเขาก็สูงขึ้นและดูฉลาดปราดเปรียว
หลังจากแนะนำประวัติของงานสี่วีรบุรุษแล้ว ก็เริ่มแนะนำกฎเกณฑ์ของงานสี่วีรบุรุษ
สำหรับกฎเกณฑ์ แท้จริงแล้วไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆ ก็คือผู้แพ้แล้วห้ามเล่นกล หรือหลบเลี่ยงการท้าทาย
ที่เหลือ ก็แค่ชนะก็พอ
หลังจากแนะนำจบ พิธีกรก็เคาะฆ้อง
งานสี่วีรบุรุษ เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ