จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 574 ข้าไม่เชื่อว่าเขาคือปรมาจารย์หลิน
คาร์นอตวิลเลียมสลัดทิ้งท่วงท่าอันสง่างามของเขา ใบหน้าที่หล่อเหลาเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้น
พระจันทร์เสี้ยวที่อยู่เบื้องหน้าของเขานั้นยังคงเคลื่อนตัวและหมุนวนไปมาอย่างไม่หยุด
“สังหาร! ”
คาร์นอตวิลเลียมตะโกนขึ้นเสียงดัง ทันใดนั้นพระจันทร์เสี้ยวก็ขยายใหญ่ขึ้นตามสายลม จนกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยวสีเลือดขนาดใหญ่มหึมา แล้วพุ่งตรงเข้าไปฟาดฟันโล่อู๋จี๋ในทันที
โครม!
พลังอันมหาศาลราวกับลมพายุ พัดโหมไปทั่วทั้งตำหนักสี่วีรบุรุษ พวกเศรษฐีทั่วไปที่เข้ามาร่วมชมการประลองยุทธเหล่านั้น แต่ละคนต่างก็หวาดกลัวจนถึงกับต้องปิดตาลง เสื้อผ้าที่สวมใส่พัดปลิว ใบหน้าถูกลมแรงพัดเข้าใส่จนเกิดความเจ็บปวด
คาร์นอตวิลเลียมเหมือนกับว่าวที่เชือกด้ายขาด ถูกพัดจนกระอักเลือดและกระเด็นลอยไปไกล
โล่อู๋จี๋ก็ถูกพลังแรงกระแทกที่รุนแรง ถึงกับทำให้ต้องถอยหลัง
แต่ว่า เมื่อโล่อู๋จี๋ลงมาถึงที่พื้น ก็รีบขว้างไม้เท้าไปยังทิศทางที่คาร์นอตวิลเลียมตกลงสู่พื้นอีกครั้ง
“จบกัน! ” คาร์นอตวิลเลียมที่อยู่กลางอากาศ ซึ่งการถูกโจมตีเมื่อครู่นั้นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้หมดเรี่ยวแรงที่จะต้านทาน ทำได้เพียงปิดตาลงเพื่อรอความตาย
“หา! ” อีหลิงทนดูต่อไปไม่ได้ หวาดกลัวจนต้องใช้มือปิดที่ดวงตาทั้งสองข้าง
เห็นว่าไม้เท้าของโล่อู๋จี๋ใกล้ที่จะทุบไปที่ศีรษะของคาร์นอตวิลเลียม คาร์นอตวิลเลียมเองกลับรู้สึกเบาใจลงบ้าง
เผ่าโลหิตมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง จุดสำคัญของพวกเขาอยู่ที่หัวใจ ต่อให้ศีรษะถูกทำลายลง ก็ยังสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้
แต่ว่า ถ้าหากไม้เท้านั้นทุบตีลงบนศีรษะของคาร์นอตวิลเลียม ถึงแม้ว่าจะไม่เสียชีวิต แต่ก็จะทำให้คาร์นอตวิลเลียมหลับใหลเป็นเวลากว่าร้อยปีจึงจะได้สติตื่นขึ้นมา
เวลานี้ เงาร่างหนึ่งรวดเร็วดั่งสายฟ้า ก่อนที่ไม้เท้าของโล่อู๋จี๋จะตกลงบนศีรษะของคาร์นอตวิลเลียม ก็ได้คว้าจับไม้เท้าที่โหดเหี้ยมนั้นเอาไว้
โล่อู๋จี๋ยืนอยู่กลางอากาศ มองไปยังผู้ที่มา ยิ้มอย่างเย็นชาเล็กน้อย: “ในที่สุดนายก็มาจนได้ ปรมาจารย์หลิน! ”
ขณะที่พูด ก็เก็บไม้เท้าคืนกลับไป
หลินหยุนก็ไม่ได้ขัดขวาง ปล่อยให้เขาเก็บคืนไป
หลินหยุนมองไปที่โล่อู๋จี๋อย่างไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก เขาสามารถรับรู้ได้ถึงชี่แท้อันแข็งแกร่งภายในร่างกายของโล่อู๋จี๋ได้ ซึ่งแข็งแกร่งดุดันยิ่งกว่าคู่ต่อสู้ทุกคนที่ได้เคยพบเจอมา
“เทพแห่งทวนโล่อู๋จี๋” หลินหยุนพูดขึ้น
“ใช่ข้าเอง” โล่อู๋จี๋สีหน้าเย็นชา: “นายฆ่าลูกชายของข้า บังคับให้ข้าต้องออกจากการบำเพ็ญฝึกฝนก่อนเวลาที่กำหนด พวกเรามาคิดชำระบัญชีแค้นนี้กันเถอะ! ”
“นั่นเป็นเพราะเขาสมควรตาย” หลินหยุนกล่าว
โล่อู๋จี๋สีหน้าเปลี่ยนไป: “อย่างนั้นนายยิ่งสมควรตายมากกว่า! ”
หลินหยุนไม่พูดไม่จา แล้วได้เหาะขึ้นไปยังเวทีประลอง และยืนอยู่ด้านบนเวทีประลอง
โล่อู๋จี๋ก็เหาะตามขึ้นไปเช่นกัน โดยยืนอยู่ตรงข้ามของหลินหยุน
ขณะนี้ ทุกคนสามารถมองเห็นหน้าตาของหลินหยุนได้อย่างชัดเจน
“ทำไมถึงเป็นเขาไปได้! ” หูเฟยเป็นคนแรกที่อุทานขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
หูเหวยซินขมวดคิ้วและถามขึ้นว่า: “นายรู้จักเขาเหรอ? ”
“แฟนใหม่ของลูกสาวคนโตของตระกูลอี เป็นลูกเขยที่แต่งงานเข้าบ้านฝ่ายหญิงที่เกาะผู้หญิงกิน” ขณะพูดถึงหลินหยุน ใบหน้าของหูเฟยก็เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม
เมื่อคิดถึงตอนที่อีหลิงปฏิเสธตัวเขา แต่กลับไปเลือกลูกเขยที่แต่งงานเข้าบ้านฝ่ายหญิง จิตใจของเขาไม่ดีเอาอย่างมาก ทนไม่ไหวอยากที่จะอยู่ต่อหน้าอีหลิง แล้วดูถูกเหยียดหยามหลินหยุนอย่างรุนแรง เหยียบย่ำหลินหยุนให้จมปลักในดินโคลน และบ้วนน้ำลายใส่อีกด้วย
เพื่อให้อีหลิงเห็นอย่างชัดเจนว่า ผู้ชายที่เธอเลือกนั้นไม่ได้เรื่องได้ราวขนาดไหน เพื่อทำให้อีหลิงที่ปฏิเสธเขา รู้สึกเสียใจภายหลังอย่างมาก
“แต่ว่า ทำไมอยู่ดี ๆ ไอ้หนุ่มน้อยคนนี้ก็ขึ้นมาบนเวทีประลองได้ล่ะ? อีกทั้ง เมื่อครู่เขายังขัดขวางบรรพบุรุษตระกูลโล่เอาไว้ด้วย! ” หูเฟยมีสีหน้าท่าทางตกตะลึง
หูเหวยซินพูดเตือนขึ้นว่า: “เมื่อครู่บรรพบุรุษตระกูลโล่เรียกไอ้หนุ่มนั่นว่าปรมาจารย์หลิน! ”
“ปรมาจารย์หลิน? ” หูเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย
ทันใดนั้น เขาก็ตะลึงขึ้นโดยพลัน: “ปรมาจารย์หลินแห่งหลิงหนาน! ”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน! ” หูเฟยมองไปที่เงาร่างอันเลือนลางของหลินหยุนที่อยู่บนเวทีประลองอีกครั้ง สีหน้าท่าทางหวาดผวา
อ้าวซี่ไห่ก็มีสีหน้าที่เหลือเชื่อ: “ปรมาจารย์หลิน ไอ้หนุ่มน้อยนี้ก็คือปรมาจารย์หลิน! ”
“ข้าควรจะคิดได้ตั้งแต่แรกแล้วว่า อีหลิงจะเลือกคนที่แต่งงานเข้าบ้านฝ่ายหญิงมาเป็นแฟนได้อย่างไรกัน ที่จริงแล้วไอ้หนุ่มนี้ก็คือปรมาจารย์หลินแห่งหลิงหนาน! ”
“จบกันจบกัน อย่างนั้นข้าก็ได้ล่วงเกินปรมาจารย์หลินเข้าให้แล้ว! ”
อ้าวซี่ไห่สีหน้าท่าทางปวดร้าว เสียใจอย่างมาก
แต่ว่า เมื่อนึกถึงหูเฟยขึ้น อ้าวซี่ไห่ก็หัวเราะฮ่าฮ่าออกมา: “แต่ แม้ว่าข้าจะล่วงเกินปรมาจารย์หลิน ทว่าไอ้หนุ่มหูเฟยนั่นล่วงเกินหนักกว่าข้ามาก! ”
เมื่อนึกถึงสภาพท่าทางของหูเฟยในตอนนี้ อ้าวซี่ไห่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดังออกมา
อ้าวฉางคงที่อยู่ด้านข้างมองไปยังลูกชายของตนที่มีท่าทางที่ผิดแปลกไป และถามขึ้นว่า: “นายรู้จักไอ้หนุ่มนั่นเหรอ? ”
อ้าวซี่ไห่พูดว่า: “พ่อ ท่านอย่าได้เรียกเขาว่าไอ้หนุ่มน้อยอีกเลย เขาก็คือปรมาจารย์หลินแห่ง หลิงหนานที่มีชื่อเสียงโด่งดัง! ”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน! ปรมาจารย์หลินที่ร่ำลือกันนั้น กลับกลายเป็นไอ้หนุ่มน้อยนี้ไปได้! ” อ้าวฉางคงเหมือนว่ายากที่จะยอมรับมันได้
“ถูกต้อง ข้าเคยได้ยินมาว่า ปรมาจารย์หลินยังเป็นหนุ่มอายุน้อย คงน่าจะเป็นเขา! ” อ้าวซี่ไห่พูดขึ้นอย่างแน่วแน่
ทางฝ่ายทีมมณฑลกว่างหนัน เสิ่นเหยียนเจ้าบ้านตระกูลเสิ่น มองไปยังหลินหยุนด้วยสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึง
“เมื่อครู่ไอ้หนุ่มนั่นรับไม้เท้าของโล่อู๋จี๋เอาไว้ได้! ”
คุณเหยียนพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจัง: “เขาก็คือปรมาจารย์หลินแห่งหลิงหนาน! ”
เสิ่นเหยียนตกตะลึง: “ปรมาจารย์หลินที่ช่วงนี้กำลังเป็นที่ร่ำลือกันนั้นเหรอ! เมื่อครู่ข้าเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน! ”
“เป็นไปได้อย่างไร? ไม่ ไม่มีทางเป็นแบบนี้ไปได้! เขาจะเป็นปรมาจารย์หลินได้อย่างไรกัน! ”
เวลานี้ เสิ่นมี่สาวสวยที่เย็นชาที่อยู่ด้านข้าง อยู่ดี ๆ ก็บ่นพึมพำกับตัวเองด้วยความตกตะลึง
“มี่เอ๋อเป็นอะไรไปเหรอ? ” เสิ่นเหยียนถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
เสิ่นมี่ไม่ได้สนใจ เพียงแต่คู่ดวงตาที่งดงามกำลังจ้องมองไปยังเงาร่างอันผอมบางนั้นของหลินหยุนที่อยู่บนเวทีประลอง
“เป็นไปไม่ได้ นี่มันเป็นไปไม่ได้อย่างเด็ดขาด! ”
“ถ้าหากเขาคือปรมาจารย์หลินที่ร่ำลือกันในหลิงหนาน อย่างนั้นก่อนหน้านี้ฉันไปมัวทำอะไรอยู่! ”
เสิ่นมี่ทราบดีว่าหลินหยุนมีความเป็นไปได้อย่างมากอย่างมากว่าคือปรมาจารย์หลิน แต่ว่า ภายในจิตใจกลับทำให้เธอรู้สึกต่อต้านกับเรื่องจริงดังกล่าวนี้ไปตามสัญชาตญาณ
ก่อนหน้านี้ที่เธอกล่าวเยาะเย้ยหลินหยุนนั้น พูดว่าหลินหยุนไม่เข้าใจอะไรเลยเกี่ยวกับการพนัน ชกมวย พูดว่าหลินหยุนไม่มองการณ์ไกล ไม่รู้จักไม่เข้าใจในวิชาบู๊
ถ้าหากหลินหยุนคือปรมาจารย์หลินตามคำร่ำลือจริง ๆ อย่างนั้นก่อนหน้านี้ที่เสิ่นมี่กระทำทุกอย่าง ไม่กลายเป็นเรื่องตลกน่าขันอย่างที่สุดอย่างนั้นเหรอ?
เวลานี้เสิ่นมี่รู้สึกอับอายขายหน้าเป็นอย่างมาก
“มี่เอ๋อ แม้แต่คุณเหยียนก็พูดแล้วว่า เขาก็คือปรมาจารย์หลิน ทำไมหนูยังจะไม่ยอมเชื่ออีกล่ะ? ” เสิ่นเหยียนถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ
เสิ่นมี่บังคับให้ตัวเองสงบจิตสงบใจลง
ผ่านไปสักพัก ถึงได้ควบคุมอารมณ์ที่วุ่นวายแปรปรวนในจิตใจลงได้ และพูดขึ้นอย่างเฉยชาว่า: “ไม่เป็นอะไร ก็แค่รู้สึกว่ารูปลักษณ์ของปรมาจารย์หลินตัวจริงกับที่ตัวเองจินตนาการไว้นั้นมันแตกต่างกันอย่างมาก ยากที่จะยอมรับมันได้ในทันที ผ่านไปชั่วครู่ก็คงจะดีขึ้นแล้ว”
เห็นว่าลูกสาวไม่เป็นอะไรแล้ว สายตาของเสิ่นเหยียนก็หันกลับไปยังเวทีประลองอีกครั้ง
ส่วนปรมาจารย์ป๋ายเห้อที่อยู่ด้านข้างของอีหยุ่น ตอนแรกถึงกับตกใจ จากนั้นก็หัวเราะฮ่าฮ่าเสียงดัง: “คุณอี ไอ้หนุ่มน้อยผู้นี้กล้าที่จะปลอมแปลงว่าเป็นปรมาจารย์หลิน เขารนหาที่ตายชัด ๆ! ”
อีหยุ่นขมวดคิ้ว มองไปยังปรมาจารย์ป๋ายเห้ออย่างจำยอม และก็ไม่อธิบาย ต่อให้อธิบายแล้วปรมาจารย์ป๋ายเห้อเองก็คงไม่เชื่อ
อาฉินกับอีหลิง ก็มองไปที่ปรมาจารย์ป๋ายเห้ออย่างน่าเศร้าใจ แต่ก็ไม่ได้พูดจาอะไร
ปรมาจารย์ป๋ายเห้อเหมือนกับรู้สึกว่าท่าทางของทุกคนแปลก ๆ ไป โดยได้กวาดสายตามองไปยังคนเหล่านั้น และพูดกับอีหยุ่นว่า: “ทำไมเหรอ? หรือว่าพวกท่านจะเชื่อว่าจริง ๆ ว่าเขาก็คือปรมาจารย์หลิน! ”
อีหลิงพูดขึ้นอย่างจริงจัง: “เขาก็คือปรมาจารย์หลิน”
ปรมาจารย์ป๋ายเห้อยิ้มเยาะอย่างเย็นชา: “คุณหนูอี ถ้าหากเขาคือปรมาจารย์หลิน อย่างนั้นทั่วทั้งโลกก็คงเป็นปรมาจารย์กันไปหมดแล้ว! ”
“ปรมาจารย์หลินตามที่ร่ำลือกัน นั่นเป็นถึงยอดฝีมือผู้เก่งกาจไม่เป็นสองรองใคร เขาเหมือนกับปรมาจารย์หลินตรงไหนกันล่ะ! ”
อีหลิงไม่พูดอะไรอีกแล้ว และได้มองไปยังคาร์นอตวิลเลียมที่ถือโอกาสกลับมายังที่นั่ง: “คุณเป็นอะไรไหม? หากรู้สึกว่าไม่ค่อยดีก็ไปโรงพยาบาลตรวจสอบดูสักหน่อย! ”
คาร์นอตวิลเลียมยักคิ้วให้กับอีหลิงเล็กน้อย: “เจ้าหญิงที่งดงาม คุณกำลังเป็นห่วงฉันอยู่ใช่ไหม? ในที่สุดคุณก็ซาบซึ้งต่อความจริงใจของฉันแล้วใช่หรือไม่ เตรียมที่จะยอมรับในตัวฉันแล้วใช่ไหม? ”
อีหลิงเหลือบตาขาวใส่อย่างจำใจ และไม่สนใจคาร์นอตวิลเลียมอีก: “ดูท่าทางแล้ว คุณคงจะไม่ตายหรอก”