จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 575 คนกับทวนรวมกันเป็นหนึ่ง
บนเวทีประลอง โล่อู๋จี๋มองไปที่หลินหยุนอย่างเย็นชา ในน้ำเสียงแฝงถึงเจตนาสังหารอย่างรุนแรง: “ปรมาจารย์หลิน นายไม่สมควรที่จะมาก่อกวนยุ่มย่ามอะไรที่เจียงหนานแห่งนี้! ”
“อยู่อย่างสงบเงียบที่หลิงหนานของนายไม่ดีกว่าเหรอ? ทำไมจะต้องมาที่เจียงหนานเพื่อก่อความวุ่นวายขึ้นด้วย”
“คราวนี้ นายคงได้แค่มาแต่ไม่มีทางกลับไปได้อย่างแน่นอน”
หลินหยุนมองไปที่โล่อู๋จี๋ สีหน้าเฉยชา: “อย่างนั้นก็ต้องดูว่านายมีความสามารถนี้หรือไม่”
โล่อู๋จี๋สีหน้าท่าทางเคร่งขรึม ไม้เท้าที่อยู่ในมือกระแทกลงไปที่พื้นโดยพลัน: “งั้นนายก็รอดูได้เลย”
เปรี๊ยะ!
พื้นหินอ่อนที่แข็งแตกแยกออกเป็นส่วน ๆ ไม้เท้าที่แปลกประหลาดมีขนาดยาวกว่าสองเมตรในมือของโล่อู๋จี๋นั้น ก็เหมือนกับใยแมงมุมอย่างไรอย่างนั้น แตกกระจายออกจากใจกลาง
เขาสะบัดมือ ทวนยาวสีเงินเล่มหนึ่งก็เปล่งประกายแสงสว่างไสวโชติช่วงขึ้นกลางอากาศ
“ที่จริงแล้ว ทวนของเขาอยู่ที่นั่น! ” คุณเหยียนที่อยู่ด้านข้างของเสิ่นเหยียนอุทานขึ้น
“เหมือนกันกับที่คุณเหยียนคาดเดาเอาไว้ไม่มีผิด เขาก็คือบรรพบุรุษตระกูลโล่ เทพแห่งทวนโล่อู๋จี๋! ” เสิ่นเหยียนมองไปที่คุณเหยียนด้วยความเลื่อมใสพร้อมกับพูดขึ้น
เทพแห่งทวนโล่อู๋จี๋แม้ว่าจะเป็นผู้อาวุโสในโลกบู๊แห่งเจียงหนาน แต่ว่า โดยสถานะของพวกผู้มีอิทธิพลเหล่านี้ ก็คงเคยได้ยินชื่อเสียงของโล่อู๋จี๋มาบ้างอย่างแน่นอน
“เทพแห่งทวนโล่อู๋จี๋ นี่เป็นถึงบุคคลยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงมาหลายสิบปี แม้ว่าในช่วงนี้ปรมาจารย์หลินจะโด่งดังขึ้นอย่างรวดเร็ว มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่ว แต่ก็ยังคงเป็นเด็กหนุ่มอายุน้อย ซึ่งไม่สามารถจะเป็นคู่ต่อสู้ของบุคคลยิ่งใหญ่ที่มีชื่อเสียงมาหลายสิบปีได้! ”
“คาดว่า ปรมาจารย์หลินนี้จะต้านทานเทพแห่งทวนโล่อู๋จี๋ ได้ไม่เกินสามกระบวนท่า! ”
ทุกคนต่างก็ไม่ได้เห็นดีเห็นงามกับหลินหยุน หลินหยุนยังหนุ่มอายุน้อย อีกทั้งเรื่องเล่าลือที่เกี่ยวกับ หลินหยุน มันช่างน่าอัศจรรย์นัก ทำให้คนรู้สึกว่าไม่ค่อยจะเป็นจริงสักเท่าไหร่
ดังนั้น สำหรับเรื่องเล่าลือที่เกี่ยวกับหลินหยุน ทุกคนต่างก็คิดว่าเป็นเพียงเรื่องเล่าลือเท่านั้น
โล่อู๋จี๋ที่ถือทวนยาวอยู่ในมือ ลักษณะท่าทางองอาจเกรียงไกรเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปอย่างมาก
โล่อู๋จี๋เมื่อครู่นี้ เหมือนกับชายชราที่โหดเหี้ยม ร้อนรนที่จะแก้แค้นให้กับญาติคนสนิทของตน
แต่โล่อู๋จี๋ในขณะนี้ เหมือนกับภูเขาที่สูงตระหง่าน ราวกับมีความรู้สึกว่าในมือถือทวน ทั้งโลกก็ตกเป็นของข้า
นี่ถึงจะเป็นลักษณะท่าทางของบุคคลระดับปรมาจารย์สูงสุด ที่พึงจะมีครอบครอง
โล่อู๋จี๋มองไปที่ทวนยาวสีเงินที่อยู่ในมือ และอุทานขึ้นว่า: “เพื่อนเก่า ไม่เจอกันมาหลายสิบปีแล้ว ไม่รู้ว่านายจะยังคงคมกริบอยู่หรือไม่ วันนี้จะออกต่อสู้ ให้นายได้อิ่มหนำสำราญกับเลือดของ ผู้แข็งแกร่ง”
ติง!
ทวนยาวสีเงินนั้น เหมือนกับว่าจะส่งเสียงตอบรับกลับมาเล็กน้อย ราวกับเป็นเครื่องรางที่มีจิตวิญญาณชิ้นหนึ่ง
หลินหยุนมองไปที่โล่อู๋จี๋ ในสายตาที่เฉยชาเผยความตะลึงออกมา: “คิดไม่ถึงว่า เขาจะถึงระดับขั้นที่คนกับทวนรวมกันเป็นหนึ่งแล้ว”
คนกับทวนรวมกันเป็นหนึ่ง อาวุธสามารถรับรู้ได้ถึงจิตใจของผู้เป็นเจ้าของ โดยได้ตอบรับกลับให้เจ้าของรับรู้เล็กน้อย
ถึงระดับขั้นคนกับทวนรวมกันเป็นหนึ่ง ทวนเล่มนั้นก็เทียบเท่าได้กับส่วนหนึ่งในร่างกายของโล่อู๋จี๋ เมื่อตอนที่เขาใช้ทวนยาวเล่มนั้น ก็จะคล่องแคล่วว่องไว เป็นไปคำสั่งอย่างราบรื่น
“ปรมาจารย์หลิน ตายซะเถอะ! ”
โล่อู๋จี๋สีหน้าเคร่งขรึม ไม่ได้ระเบิดพลังแสดงลักษณะท่าทางที่แข็งแกร่งอะไรออกมา แต่ว่า ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็เหมือนกับว่าเปลี่ยนไปโดยที่อายุลดลงไปไม่น้อย
“งูทิพย์แลบลิ้น! ”
ทวนยาวตวัดขึ้น ราวกับงูทิพย์ พุ่งตรงทิ่มไปที่คอหอยของหลินหยุน
แม้ว่าจะไม่ได้ระเบิดพลังลมหายใจที่แข็งแกร่ง แต่ว่า ทวนเล่มนั้นของโล่อู๋จี๋กลับรวดเร็วแม้แต่เศษเงาก็ยังมองไม่เห็น
อีกทั้ง ท่ามกลางอากาศที่ทวนยาวพุ่งผ่านไป เกิดเสียงดังปังปังขึ้น นั่นคือเสียงที่เกิดจากความรวดเร็วของทวนยาวที่ถึงขีดจำกัด ทิ่มเจาะทะลุอากาศ
การโจมตีที่ทรงพลังอย่างแท้จริง ลมหายใจทั้งหมดจะถูกยับยั้ง ไม่ปล่อยให้รั่วไหลออกไป แบบนี้จึงจะสามารถรักษาการโจมตีให้ทรงพลังอย่างที่สุดได้
หลักการเหตุผลที่ยิ่งใหญ่นั้นง่ายมากนิดเดียว ก็คือหลักการตามนี้
หลินหยุนปล่อยหมัดชกเข้าใส่ ทวนยาวของโล่อู๋จี๋กระเด็นออกไป
พลังทั้งสองปะทะกัน แต่ก็ไม่ได้ปรากฏภาพเหตุการณ์การต่อสู้ระหว่างคาร์นอตวิลเลียมกับโล่อู๋จี๋แบบเมื่อครู่นี้ มีเพียงเสียงอู้อี้ดังขึ้น จากนั้นทั่วทั้งบริเวณเหมือนกับว่าสั่นสะเทือนไปกี่วินาที
โล่อู๋จี๋สีหน้าเปลี่ยนไป เงาร่างถอยหลังอย่างเร่งรีบ จากนั้นก็ตวัดปลายทวนขึ้น มือซ้ายเปลี่ยนมือขวา จากล่างขึ้นบน แล้วก็ทิ่มแทงออกไปอย่างรุนแรง โดยเป้าหมายก็ยังคงเป็นที่คอหอยของ หลินหยุน
“ไฟป่าเผาราบ!”
หลินหยุนขยับร่างกายสามฟุต ยื่นฝ่ามือออกไป แล้วตบไปที่ทวนยาวของโล่อู๋จี๋
แต่ว่า ครั้งนี้โล่อู๋จี๋ไม่ได้ปะทะซึ่ง ๆ หน้ากับหลินหยุน ไม่ทันรอให้ฝ่ามือของหลินหยุนตบลงมา ก็รีบถอนทวนยาวกลับมาอย่างรวดเร็ว หมุนตัว แล้วก็ทิ่มแทงออกไปอีกครั้ง
“เอาเกาลัดจากไฟ!”
ไฟป่าเผาราบ ความหมายตรงตามชื่อ คือแค่เปลวไฟนิดหนึ่งก็สามารถเผาราบให้หมด แค่คิดก็ทราบแล้วว่า มันแรงถึงระดับไหน เป็นการจู่โจมศัตรูอย่างฉับพลัน ส่วน เอาเกาลัดจากไฟ เป็นการจู่โจมโดยศัตรูตั้งรับไม่ทัน
เอาเกาลัดจากไฟ ความหมายตรงตามชื่อ คือท่ามกลางเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงแล้วหยิบเกาลัดลูกเล็ก ๆ ออกมา แค่คิดก็ทราบแล้วว่า จำเป็นจะต้องใช้ความรวดเร็วถึงระดับไหน!
ฟู่ว์!
ทวนครั้งนี้ ทิ่มแทงไปที่หัวใจและทรวงอกของหลินหยุนโดยตรง
“หา! ”
บริเวณที่นั่ง อีหลิงอุทานส่งเสียงขึ้นด้วยความเคร่งเครียด
อีหยุ่นก็มีสีหน้าท่าทางเป็นกังวล: “ปรมาจารย์หลินแพ้แล้วเหรอ? ”
ในฝ่ายทีมเจียงเป่ย หูเฟยกับหูเหวยซินพ่อลูก เผยให้เห็นรอยยิ้มที่กระหยิ่มยิ้มย่อง
แต่ว่า ใบหน้าของโล่อู๋จี๋กลับไม่มีอาการดีใจเลยแม้แต่น้อย กลับเกิดอาการเคร่งเครียดขึ้นด้วยซ้ำ
เพราะว่า ทวนยาวของเขาทิ่มแทงเข้าไปได้แค่เสื้อผ้าของหลินหยุน โดยไม่สามารถที่จะทะลุลึกเข้าไปได้อีก
“อะไรกัน! ”
โล่อู๋จี๋ใช้พลังการบำเพ็ญฝึกฝนทั้งหมด เพื่อต้องการที่จะทะลุทะลวงการป้องกันของหลินหยุนให้ได้ แต่ว่า ก็ยังคงไม่ประสบความสำเร็จ
ทวนยาวเล่มนั้น ไม่สามารถทิ่มทะลุเข้าไปได้อีกแม้เพียงหนึ่งมิลลิเมตร
“ฮึ! ”
โล่อู๋จี๋รีบตัดสินใจ นำทวนยาวกลับคืนมา แล้วก็กระโดดสูงขึ้น พุ่งจากข้างบนลงมาข้างล่าง โดยที่นำทวนยาวเป็นกระบอง ทุบตีไปยังศีรษะของหลินหยุน
“พลิกแม่น้ำพลิกทะเล!”
ความคิดของโล่อู๋จี๋นั้นง่ายดาย ในเมื่อทิ่มแทงไม่ทะลุการป้องกันของนาย งั้นข้าก็ใช้แรงทุบตีให้แตกกระจาย
หลินหยุนประสานมือสองข้างเข้าด้วยกัน ป้องปิดที่กะโหลกศีรษะ โดยปล่อยให้ทวนนั้นทุบตีไป
ฟุบ!
พื้นหินอ่อนที่แข็งราวกับเต้าหู้อย่างไรอย่างนั้น ทรุดยวบลงไป เวทีประลองพังทลายลงในทันที ร่างกายของหลินหยุนก็ร่วงตกลงไปอยู่ท่ามกลางพื้นของเวทีประลอง
เห็นสภาพเช่นนี้แล้ว ทุกคนในสถานที่นั้นต่างก็พากันตกตะลึง!
แม้ว่าจะแข็งแกร่งระดับปรมาจารย์ ก็ตกตะลึงในพลังความสามารถของโล่อู๋จี๋!
“สมกับที่เป็นบุคคลในระดับเดียวกันกับเทพกระบี่เยนหนานเทียน และเทพแห่งสงครามเจียงร่อโจ๋ในอดีตจริง ๆ โดยพลังความสามารถนี้ได้เกินกว่าขีดจำกัดของมนุษย์ทั่วไปแล้ว! ” คุณฉีที่เพิ่งจะพ่ายแพ้ให้กับโล่อู๋จี๋ พูดชื่นชมขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่เลื่อมใส
“แต่ว่า พลังความสามารถของปรมาจารย์หลินนี้ ก็ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว สามารถรับมือต้านทานพลังของโล่อู๋จี๋ได้หลายกระบวนท่าติดต่อกัน! ”
หยางเส้าหวาที่เป็นเพื่อนระดับมัธยมของหลินหยุนนั้น มองดูการโจมตีอันดุเดือดของโล่อู๋จี๋ โดยที่ลูกตาแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า
“พระเจ้า ยังคงเป็นคนอยู่อีกเหรอเนี่ย! ”
“หลินหยุนชายที่เกาะผู้หญิงกินต้านทานไว้ได้อย่างไรกัน? ทำไมอยู่ดี ๆ เขาถึงเก่งกาจได้มากมายขนาดนี้! ”
อีหยุ่นก็มีสีหน้าท่าทางที่เคร่งขรึม: “เทพแห่งทวนโล่อู๋จี๋! สมกับค่ำร่ำลือจริง ๆ! ”
“ครั้งนี้ปรมาจารย์หลินได้พบเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งแล้ว! ”
อีหลิงกำมือสองข้างอย่างแน่น อธิษฐานอยู่เงียบ ๆในใจ: “หลินหยุน นายจะต้องชนะได้อย่างแน่นอน! ”
ลักษณะท่าทางที่สง่างามของคาร์นอตวิลเลียมได้สูญหายไป เวลานี้ก็มีสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึง: “ตะวันออกที่ลึกลับ ชาวจีนที่ลึกลับ พลังความสามารถของนักบู๊ตะวันออกเหล่านี้ ช่างแข็งแกร่งดุดันมากมายเสียจริง! มิน่าล่ะในตอนนั้นที่อัศวินครูเซเดอร์เดินทัพมายังตะวันออก แล้วก็ไม่หลงเหลือผู้ใดรอดชีวิตกลับไป! ”
“นับจากนั้นเป็นต้นมา พวกไอ้แก่แห่งพระศาสนจักรคาทอลิก จึงหุบปากไม่พูดถึงเรื่องเดินทัพมายังตะวันออกอีกเลย”
โล่อู๋จี๋ใช้พลังกระบวนท่าของทวนจนครบหมด แล้วก็ยืนสงบเงียบอยู่กับที่ มองไปยังหลินหยุนที่ร่างกายครึ่งท่อนร่วงติดอยู่กับเวทีที่ทรุดลงไป โดยที่กำลังหอบหายใจอยู่
“ครั้งนี้ แม้ว่าปรมาจารย์หลินจะไม่ตาย แต่ก็จะต้องบาดเจ็บสาหัส! ” โล่อู๋จี๋แอบคิดอยู่ในใจ
แต่ว่า เมื่อฝุ่นควันมลายหายไปจนหมดสิ้น มือสองข้างของหลินหยุนที่ปกป้องบนกะโหลกศีรษะก็ค่อย ๆ แยกออกจากกัน ซึ่งนอกจากเสื้อผ้าที่เปรอะเปื้อนฝุ่นละอองแล้ว ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรแม้แต่น้อย
สีหน้าของเขาเฉยชา และแววตาที่มองไปยังโล่อู๋จี๋ก็เงียบสงบ: “ลงมือเสร็จแล้วหรือยัง”
“ถ้าหากเสร็จแล้ว งั้นก็ถึงคราวข้าบ้างแล้ว”