จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 584 กระบี่ต้าเต๋า
หลินหยุนกับซูหนันอยู่ท่ามกลางภูเขาเย่นต้าน โดยได้มุ่งเดินไปอย่างหน้าอย่างรวดเร็ว เพื่อต้องการที่จะออกจากบริเวณค่ายกลให้เร็วที่สุด
แต่ว่า คงจะยากมากทีเดียว ค่ายกลโบราณกาลลักษณะนี้ ต่างก็อาศัยพลังจากฟ้าดินในการจัดสร้างขึ้น ซึ่งคนทั่วไปที่ต้องการจะควบคุมนั้น เป็นไปได้ยากมากทีเดียว
ดังนั้น ทุกคนของสำนักบู๊แท้จึงต้องรวมพลังกันทั้งหมด ถึงจะสามารถควบคุมค่ายกลนี้ได้
แต่ว่า เมื่อสามารถควบคุมค่ายกลได้แล้ว พลังอานุภาพก็จะเป็นที่น่าตื่นตะลึงเลยทีเดียว
ลำแสงสีขาวแวบผ่านไป แท่นหินขนาดใหญ่ทรงหกเหลี่ยมก้อนหนึ่ง ได้ปรากฏขึ้นกลางอากาศด้านบนศีรษะของหลินหยุนในทันที
บนแท่นหินนั้น เสาหินหยกขาวทั้งเก้าแท่ง ได้ปลดปล่อยลำแสงที่เจิดจ้าออกมา จากนั้น แท่นหินก็แตกสลาย เสาหินหยกขาวทั้งเก้าแท่ง ก็ได้ล่องลอยออกไป กระจายตัวกันลงบนยอดเขาทั้งเก้าลูก
ตูม!
ทั้งฟ้าและดินเหมือนกับว่าเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นเล็กน้อย
จากนั้น ยอดเขาทั้งเก้าลูกก็ผุดขึ้นจากพื้นดิน ลอยหมุนวนอยู่กลางอากาศ แล้วก็พุ่งตรงไปทับบน หลินหยุนกับซูหนันอย่างรวดเร็ว
ยอดเขาทั้งเก้าลูกหมุนวนด้วยความเร็ว ภายในบริเวณที่ถูกพวกมันปกคลุมนั้น ชี่ทิพย์อลหม่านวุ่นวาย ไม่มีทางที่จะสามารถดูดซับชี่ทิพย์ได้
นี่ก็เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงวิธีการปิดกั้นชี่ทิพย์ของฟ้าดินในอีกรูปแบบหนึ่ง
สูญเสียชี่ทิพย์ของฟ้าดินไป ต่อให้การบำเพ็ญฝึกฝนของคุณจะเก่งกาจมากแค่ไหน ก็เปล่าประโยชน์
“แย่แล้ว ชี่ทิพย์ของฟ้าดินทั้งหมดได้ถูกพวกมันดูดกลืนไปหมดแล้ว ตอนนี้หากพวกเราต้องการจะตอบโต้กลับคืนก็คงจะไม่มีชี่ทิพย์ให้ใช้แล้ว” ซูหนันพูดขึ้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เวลานี้หลินหยุนก็คิดวิธีการอะไรไม่ออก ซึ่งการเผชิญหน้ากับยอดเขาขนาดใหญ่ทั้งเก้าลูกนั้น หลินหยุนอดไม่ได้ถึงกับต้องขมวดคิ้ว
“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า บนโลกใบนี้จะยังคงหลงเหลือค่ายกลโบราณกาลลักษณะนี้อยู่อีกด้วย! ”
วิชายิงตะวันได้ถูกใช้ขึ้นอีกครั้ง ลูกธนูลำแสงสีเขียวก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว แล้วยิงพุ่งเข้าใส่หนึ่งในยอดเขานั้น
แต่ว่า ยอดเขาเก้าลูกที่หมุนวนอย่างไม่หยุดนั้น กลับทำลายลูกธนูลำแสงนั้นจนสลายไป
“เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร! ” ซูหนันมีสีหน้าท่าทางตื่นตระหนก
หลินหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย หลับตาสองข้างลง จากนั้นก็ลืมตา แสดงพลังดวงตาทำลายล้างขึ้น
เส้นด้ายสีดำปรากฏขึ้นในดวงตาของหลินหยุน ยอดเขาขนาดใหญ่เก้าลูกที่ปกคลุมปิดบังท้องฟ้านั้น เวลานี้ได้กลายเป็นเส้นด้ายสีดำอย่างแน่นหนา
แต่ว่า ท่ามกลางเส้นด้ายสีดำนั้น มีบางส่วนที่เป็นเส้นด้ายสีทอง นั่นก็คือรากฐานของค่ายกล คือพลังที่ควบคุมค่ายกล
เพียงแค่พบเจอที่มาของพลังเหล่านี้ ตัดขาดพลังเหล่านี้ได้ การโจมตีของค่ายกลก็จะสิ้นสุดลง
ถ้าหากนำค่ายกลเปรียบเป็นหุ่นเชิด ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่ควบคุมให้หุ่นเชิดนี้เคลื่อนไหว ก็คือเส้นด้าย สีทองเหล่านั้น
พลังของค่ายกล ทั่วไปจะมาจากฟ้าดิน เพียงแค่ทำการตัดขาดรากฐานพลังฟ้าดินที่ควบคุมเหล่านั้น พลังงานเหล่านั้นที่ถูกรวบรวมขึ้นโดยค่ายกล ก็จะกลับคืนสู่ฟ้าดินอย่างเป็นธรรมชาติ
เพียงแต่ว่า คิดที่จะหาที่มาของเส้นด้ายสีทองเหล่านี้ มันไม่ง่ายเลย
พลังดวงตาทำลายล้างของหลินหยุน ครอบคลุมบริเวณเพียงสิบตารางเมตร หากต้องการที่จะตามแนวเส้นด้ายสีทองนั้นไปเพื่อตามหารากฐานค่ายกล จะต้องใช้เวลาที่ยาวนานมาก
หากต่อไปพลังความสามารถของหลินหยุนกลับคืนสู่แดนกษัตริย์เซียน ถ้าอย่างนั้นทุกสิ่งที่มองเห็น พลังดวงตาทำลายล้างก็คงจะครอบคลุมแทบทั้งหมด
เห็นยอดเขาเก้าลูก หมุนวนกำลังจะตกลงมา หลินหยุนกลับยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนไหว ราวกับคนโง่อย่างไรอย่างนั้น
ซูหนันพูดขึ้นอย่างร้อนรนว่า: “ถ้าหากคิดหาวิธีการไม่ออกจริง ๆ งั้นก็ควรจะต้องหาที่หลบอันตรายกันก่อน”
หลินหยุนไม่ได้ตอบกลับ และก็ยังคงยืนไม่ขยับเหมือนเดิม
โครม!
ยอดเขามหึมาทั้งเก้าลูก หล่นทับลงมาอย่างแรง ทั่วทั้งพื้นดินต่างก็สั่นสะเทือนอย่างหนักหน่วง
จากนั้น ฟ้าดินก็เงียบสงบลง
เงาร่างของหลินหยุนกับซูหนัน ถูกยอดเขาเก้าลูกปิดทับ คิดว่าคงจะไม่มีชีวิตรอดแล้ว
ในพื้นที่ต้องห้ามหลังเขา คนของสำนักบู๊แท้หนึ่งร้อยสามสิบหกคน ทั้งหมดได้ออกมา และยืนอยู่บนยอดเขาที่สูงที่สุดในเก้ายอดภูเขาเย่นต้าน เพื่อมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นในค่ายกล
ยอดเขามหึมาทั้งเก้านั้น ก็คือเก้ายอดภูเขาเย่นต้านในแบบย่อส่วน โดยสถานที่ที่หลินหยุนกับ ซูหนันกำลังอยู่นั้น ได้ถูกยอดเขาทั้งเก้าปกคลุมโดยสมบูรณ์แล้ว
ลูกศิษย์คนหนึ่งเบาใจลงบ้างแล้ว: “คราวนี้ ปรมาจารย์หลินนั้นคงจะตายแล้วล่ะ! ”
หลี่สุนเฟิงพูดว่า: “ภายใต้ค่ายกลสังหารจิ่วเจ๋ นอกจากว่าเขาเป็นเทพเซียนจริง ๆ แล้ว มิเช่นนั้นก็จะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย! ”
“ปรมาจารย์หลินนี้สมกับคำร่ำลือจริง ๆ ต้องสิ้นเปลืองรูปแบบค่ายกลจิ่วเจ๋ของพวกเราเลย จึงจะสามารถฆ่าเขาได้! ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยความเสียดาย
“อย่าได้เสียดายรูปแบบค่ายกลอีกเลย สามารถฆ่าเขาได้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว”
ทันใดนั้น ลมหายใจที่ทรงพลังอย่างน่ากลัว ได้พัดโหมขึ้นมาจากด้านล่างของยอดเขา
น้ำเสียงที่เฉยเมยราวกับน้ำ พลันดังขึ้น เหมือนกับดังมาจากสรวงสวรรค์
เสียงนั้นเฉยชาเอื่อยเฉื่อย เลื่อนลอยว่างเปล่า เหมือนกับข้ามผ่านช่วงเวลาและช่องว่าง
“ท่าที่เจ็ดของสิบแปดท่าต้าเต๋า กระบี่ต้าเต๋า! ”
ลำแสงสีเขียวทะลุขึ้นจากพื้นดิน ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ยิ่งพุ่งยิ่งสูงขึ้น โดยใช้ความเร็วสูงสุดโอบล้อมยอดเขาทั้งเก้าลูกที่หมุนวนอยู่อย่างรวดเร็ว ภายในเวลาหนึ่งวินาที เปล่งแสงเจิดจ้าติดต่อกันนับร้อยครั้ง
รอจนเมื่อลำแสงสีเขียวนั้นลอยอยู่กลางอากาศด้านบนของยอดเขาเก้าลูก
ทุกคนของสำนักบู๊แท้จึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน คิดไม่ถึงว่านั่นคือกระบี่ลำแสงสีเขียวเล่มหนึ่ง
พูดได้ว่า กระบี่เล่มนั้นภายในหนึ่งวินาที สามารถฟาดฟันได้เป็นร้อยครั้ง
ทันใดนั้น ยอดเขาทั้งเก้านั้น ต่างก็สลายสูญหายไปหมด เหลือให้เห็นแต่พื้นดินที่ถูกทับถมจนยุบเป็นหลุมลงไป
กระบี่ต้าเต๋า ไม่ฟันคน ไม่ฟันเซียน แต่กลับฟันเฉพาะโชคชะตา ฟันเหตุและผล ฟันพวกร่องรอย ต้าเต๋าที่มองไม่เห็นเหล่านั้น
รากฐานค่ายกลที่ควบคุมค่ายกลจิ่วเจ๋เหล่านั้น ถูกหลินหยุนฟันจนขาด ทั้งค่ายกลสูญเสียการควบคุม พลังงานทั้งหมดกลับคืนสู่ฟ้าดิน
ค่ายกลถูกทำลายลง ยอดเขาทั้งเก้าลูกที่ก่อตัวกันขึ้นโดยการรวบรวมชี่ทิพย์ของฟ้าดิน ก็สูญสิ้นตามไปด้วย
เงาร่างของหลินหยุนกับซูหนัน ปรากฏขึ้นท่ามกลางหลุมบ่อที่ยุบลงไปจากการทับถมของยอดเขาทั้งเก้านั้น
บนถนนใหญ่ด้านนอกของภูเขาเย่นต้าน หวางเจ๋อได้ถูกดึงดูดจากลำแสงสีเขียวที่พลันทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้านั้น โดยได้หันกลับมามองไปยังทิศทางของเก้ายอดภูเขาเย่นต้าน
ข้างกาย ยอดฝีมือปรมาจารย์แห่งตระกูลหวางท่านหนึ่งพูดขึ้นว่า: “ปรมาจารย์หลินนั้นคงจะได้เข้าไปสู่ค่ายกลแล้ว! ”
“เมื่อเข้าสู่ค่ายกลจิ่วเจ๋ ปรมาจารย์หลินจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย! ”
หวางเจ๋อไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่สายตาเผยอาการตกตะลึงออกมาแวบหนึ่ง ลำแสงสีเขียวนั้นไม่ใช่ค่ายกลจิ่วเจ๋ปล่อยออกมาอย่างแน่นอน
“ไปกันเถอะ เริ่มต้นเตรียมพร้อมการโจมตีครั้งต่อไป! ”
ผู้อาวุโสสองคนข้างกายมองหน้าซึ่งกันและกัน จากคำพูดของหวางเจ๋อ พวกเขาฟังออกถึงความหมายที่นอกเหนือไปจากคำที่พูดออกมา
“แม้แต่ค่ายกลจิ่วเจ๋ที่เป็นค่ายกลโบราณกาลนี้ก็ยังไม่สามารถฆ่าปรมาจารย์หลินได้อย่างนั้นเหรอ? ”
ผู้อาวุโสทั้งสองคนเกิดความตื่นตระหนก แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่เคยเห็นพลังอานุภาพของค่ายกลจิ่วเจ๋ก็ตาม แต่ว่า จากบันทึก ค่ายกลนี้ในสมัยรัชวงศ์ถัง เคยได้สังหารผู้แข็งแกร่งระดับขั้นเทพเซียนชั้นดินมาแล้วไม่น้อย
หรือว่า พลังความสามารถของหลินหยุน ยังจะเหนือกว่าเทพเซียนชั้นดินเหล่านั้นในสมัยราชวงศ์ถังเสียอีก?
คงเป็นไปไม่ได้!
แม้ว่าในใจจะไม่เชื่อเลยแม้แต่น้อย แต่ว่า พวกเขากลับเชื่อมั่นในตัวของหวางเจ๋อเป็นอย่างมาก คำพูดของหวางเจ๋อก็คืออำนาจบารมี
ในเมื่อหวางเจ๋อไม่เชื่อมั่นในสำนักบู๊แท้ ถ้าอย่างนั้นสำนักบู๊แท้ก็เป็นไปได้ที่จะพ่ายแพ้
“คุณชาย ถ้าหากค่ายกลจิ่วเจ๋ไม่สามารถฆ่าหลินหยุนได้ ถ้าอย่างนั้นคนของสำนักบู๊แท้ก็คงยากที่จะรอดพ้นจากน้ำมือของหลินหยุน ทำไมพวกเราถึงไม่ไปนำป้ายหยกอนัตตาของตำหนักอนัตตากลับคืนมาล่ะ? ” ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดขึ้น
หวางเจ๋อยิ้มเล็กน้อย: “นำกลับคืนมาไม่ได้แล้ว”
“ไปกันเถอะ! ”
ท่ามกลางเก้ายอดภูเขาเย่นต้าน พวกคนของสำนักบู๊แท้ มองไปยังหลินหยุนกับซูหนันทั้งสองคนที่มีชีวิตรอดออกมาที่อยู่ด้านล่าง ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“พวกเขายังเป็นคนอยู่อีกหรือไม่? ”
“ขนาดนี้แล้วยังไม่ตายอีก! ”
หลี่สุนเฟิงก็มีสีหน้าท่าทางที่ตกตะลึง แต่ว่า เขาพิจารณามากกว่าและมองไกลกว่าคนอื่นอย่างชัดเจน
“รีบกลับไปยังสำนัก เก็บสิ่งของที่สำคัญ แล้วก็รีบหนีไป”
“เร็วเข้า! ”
ในเมื่อค่ายกลจิ่วเจ๋ก็ยังไม่สามารถฆ่าปรมาจารย์หลินได้ ถ้าอย่างนั้นลำดับต่อไปทั้งสำนักบู๊แท้ก็คงจะต้องเผชิญหน้ากับการล้างแค้นของปรมาจารย์หลิน
หลี่สุนเฟิงในฐานะที่เป็นเจ้าสำนัก มีสายตาที่มองการณ์ไกลเสียจริง
แต่น่าเสียดายที่ เขาไม่สมควรให้พวกลูกศิษย์กลับไปสำนักเพื่อนำสิ่งของ
ตามลักษณะนิสัยของมนุษย์ เมื่อกลับไปนำสิ่งของ ก็จะเผชิญกับอุปสรรคในการคัดเลือก จากนั้นก็จะยืดเยื้อเวลา
ถึงขนาด แม้แต่หลี่สุนเฟิงเอง ก็ไม่รู้ว่าจะนำอะไรติดตัวไปดี
ส่วนหลินหยุนก็ได้นำพาซูหนัน มาถึงด้านหน้าประตูของตำหนักสำนักบู๊แท้แล้ว