จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 592 เขาไม่ทิ้งฉันไม่จาก
“ฉันยิ้ม แล้วเขียนถึงเขา ให้เขากลับบ้านไปถามพ่อแม่เขาก่อนว่าพวกท่านเห็นด้วยไหม?”
“ฉันรู้ พ่อแม่ของเขาคงไม่เห็นด้วยแน่ๆ เขาเพรียบพร้อมขนาดนั้น จะมาเอาผู้หญิงที่หูหนวกและเป็นใบ้ได้ยังไง?”
“เขาเขียนคำว่าโอเค จากนั้นก็กลับบ้าน”
“สองวันต่อมา เขาก็ส่งข้อความมาหาฉัน แน่นอนว่า พ่อแม่ของเขาไม่เห็นด้วย”
“แต่เขาบอกว่าคราวนี้เขาจะเป็นคนคนตัดสินใจเอง จากนั้น ผ่านไปอีกหลายวัน เขาก็มาปรากฏตัวที่หน้าโรงงาน”
“ตอนนั้นฉันซาบซึ้งใจมาก แต่ฉันคิดว่า มันเป็นเพียงความคิดที่ดื้อรั้นชั่วขณะของเขา และไม่ได้ตั้งใจจะแต่งงานกับฉันจริงๆ”
“อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเขากลับมาที่โรงงานอีกครั้ง ฉันทำได้เพียงยอมตกลงคบกับเขาไปก่อน วันนั้นเขามีความสุขมากเหมือนเด็กๆ และวันนั้น ก็เป็นวันที่ฉันมีความสุขที่สุดในชีวิตนี้”
“ไม่มีใครคาดคิด วันรุ่งขึ้น พ่อแม่ของเขาก็มาที่โรงงาน มาบังคับและจะพาเขากลับไป และพวกเขายังดุฉัน เรียกฉันว่านางจิ้งจอก ด่าได้หยาบคายมาก”
“เขาคอยปกป้องฉัน แม้จะต้องแลกมากับการทะเลาะและตัดขาดกับพ่อแม่ สุดท้าย พวกเราออกจากโรงงานด้วยกัน เวลาสองปี พวกเราเดินทางไปหลายที่”
“อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยแตะต้องตัวฉัน เขาบอกว่าจะรอจนกว่าเขาจะให้งานแต่งงานที่เปิดเผยและยุติธรรมกับฉัน ถึงจะแตะต้องตัวฉัน”
“ฉันรู้เรื่องที่เขาพูดว่าเปิดเผยและยุติธรรมหมายถึงอะไร เขาต้องการการยอมรับจากทุกคน”
เพียงแต่ว่า มีครั้งหนึ่งเขาขี่มอเตอร์ไซค์ล้ม กระแทกที่ศีรษะ หลังจากฟื้นขึ้นมา ก็กลายเป็นคนเลอะเลือนสับสน แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้”
“ฉันพาเขา ไปพบแพทย์จำนวนมาก พวกเราใช้เงินที่มีจนหมด หมดหนทาง ฉันไปหาพ่อแม่ของเขา แต่ว่า พ่อแม่ของเขาเห็นเขาเป็นในสภาพแบบนี้ ก็ไม่ยอมรับเขา”
“ต่อมา ฉันได้ยินคนพูดว่าที่หุบเขาเทพยาสามารถรักษาโรคได้หลายชนิด จึงพาเขา เดินทางกว่าพันกิโล เพื่อมาที่นี่”
“แต่ว่า ฉันไม่มีเงินจริงๆ และเราไม่สามารถนำสิ่งของมาแลกกับหุบเขาเทพยา ฉันทำได้แค่คุกเข่าที่ประตูหุบเขาเทพยา หวังว่าพวกเขาจะสามารถแสดงความเมตตา และช่วยฉัน”
“ถ้าคุณสามารถช่วยชีวิตเขาได้ แม้ว่าจะต้องการชีวิตฉัน ฉันก็เต็มใจ”
หลังจากอ่านแล้ว หลินหยุนก็รู้สึกสลดใจเล็กน้อย
เมื่อมองไปที่ชายหนุ่ม ดูออก แม้เขาจะจำอะไรไม่ได้ แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้ เขาจะพึ่งพิงมาก
เห็นได้ชัดว่า เขาลืมทุกอย่าง สิ่งเดียวที่ยังไม่ลืมคือความรักของพวกเขา
หลินหยุนส่งสัญญาณเสียง “อันที่จริง คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ คุณสามารถส่งเขาไปโรงพยาบาลจิตเวชได้ ถ้าคุณมีเขาอยู่ด้วย มันจะเป็นภาระของคุณไปตลอดชีวิต”
หญิงสาวยิ้ม ด้วยรอยยิ้มอันเจ็บปวด และเขียนลงบนกระดาษว่า “เขายังไม่รังเกียจฉัน แล้วฉันจะทิ้งเขาไปได้ไง?”
“ถ้ารักษาไม่หาย ฉันจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิต”
หลินหยุนเงียบ
ถ้าเขาไม่จากไป ฉันก็จะร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขาไปตลอดชีวิต
นี่คือความรัก นี่ก็คือความรัก
“ฉันสามารถรักษาเขาให้หายได้” หลินหยุนสื่อสารผ่านการส่งสัญญาณเสียง
ทันใดนั้นหญิงสาวก็แสดงความดีใจ และมีความรู้สึกดีๆในชั่วขณะ มันน่าตื่นตาตื่นใจมาก
“จริงเหรอ? เยี่ยมมาก!” หญิงสาวเขียน
“ฉันจะขอบคุณคุณยังไง?” หญิงสาวเขียนอีกครั้ง และหลังจากเขียนประโยคนี้ ใบหน้าของเธอมีความรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย
ช่วงเวลาหลายปีที่ทำการรักษา และได้พบกับแพทย์หลายคนที่ไม่มีจรรยาบรรณทางการแพทย์ หลายครั้งที่เธอตกอยู่ในอันตรายเกือบไม่รอด
เธอกังวลว่าหลินหยุนจะใช้โอกาสนี้เพื่อแบล็กเมล์เธอ
“ไม่ต้องการอะไร พรุ่งนี้ฉันจะไปที่หุบเขาเทพยาเพื่อไปเอาวัสดุยา ช่วยสามีของคุณ” หลินหยุนสื่อสารผ่านการส่งสัญญาณเสียง
หญิงสาวไม่ได้เขียนอีก แต่ต่อหน้าหลินหยุน ได้คุกเข่าลง
หลินหยุนใช้มือข้างหนึ่งพยุงเธอขึ้น และสื่อสารผ่านการส่งสัญญาณเสียง “คุณไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉัน หากจะขอบคุณก็ขอบคุณตัวเอง เพราะความจริงใจของคุณ ทำให้ฉันประทับใจ”
คืนนั้น หลินหยุนได้หาโรงแรมใกล้ๆเพื่อพักผ่อน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินหยุนกับเสี่ยวจุย มาที่ประตูใหญ่หุบเขาเทพยาอีกครั้ง
เสี่ยวจุยเป็นชื่อของหญิงสาวคนนั้น และชายหนุ่มคนนั้นชื่อเสี่ยวเฟิง ซึ่งหลินหยุนพึ่งรู้เมื่อวานนี้
เพียงแต่ว่า หลินหยุนได้ใช้พลังทิพย์เพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ตัวเอง เพราะว่า เขามาครั้งนี้เพียงเพื่อขอยา และไม่ต้องการให้เกิดการฆาตกรรมในหุบเขาเทพยา
หากว่าเขาใช้รูปลักษณ์ของตัวเอง ความสัมพันธ์ที่ไม่ดีของเขากับหุบเขาเทพยา มันจะทำให้เกิดปัญหาที่ไม่จำเป็น
เสี่ยวจุยไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เธอยังคงอยู่ในชุดผ้าหยาบที่ปะติดปะต่อ ใบหน้าของเธอมีผมปกคลุมไปครึ่งหนึ่ง นี่เป็นวิธีการป้องกันตัวเอง!
ในตอนเช้า ในหุบเขาเทพยาจะมีคนน้อย
เพียงแต่ว่า อยู่ที่หน้าประตูหลินหยุนก็เห็นคุณชายเหยียน
ดูเหมือนว่า คุณชายเหยียนเป็นคนชอบผูกพยาบาท ตั้งแต่เช้าก็มารอหลินหยุนที่หน้าประตูใหญ่
เสี่ยวจุยก็เห็น ค่อยๆดึงมุมเสื้อผ้าของหลินหยุน และขยิบตาส่งสัญญาณบอก
หลินหยุนพูดผ่านการส่งสัญญาณเสียง “ไม่ต้องกลัว ตามฉันมา”
หลินหยุนพาเสี่ยวจุย เริ่มเข้าแถว ด้านหน้าพวกเขามี13คน
ต่างจากเมื่อวาน ที่มีคนต่อแถวหลายสิบคน
ในเวลานี้ ชายหนุ่มย้อมผมสีเหลือง เดินมาจากด้านหน้า
เขากวาดสายตามองดูฝูงชนอย่างครุ่นคิด และเมื่อเห็นหลินหยุน เขาก็หยุดกะทันหัน
จากนั้นเขาก็เดินมาหาหลินหยุนและเสี่ยวจุย
“เพื่อน อยากใช้ทางลัดไหม?” ชายหนุ่มคนนั้นกระซิบ
“หมายความว่าอย่างไร?” หลินหยุนถาม
“เจ้าโง่ ก็คือไม่ต้องตรวจสอบ ก็เข้าไปได้เลย!” ชายหนุ่มพูด
“เข้าไปในหุบเขาเทพยายังต้องตรวจสอบอีกเหรอ? หลินหยุนถามด้วยความสงสัย
ชายหนุ่มคนนั้นมองเขาเหมือนคนโง่ “แน่นอนอยู่แล้ว คุณมาจากที่อื่นใช่ไหม! ดูเหมือนว่าจะไม่รู้กฎของหุบเขาเทพยา ตอนนี้หุบเขาเทพยาไม่ได้ขายโอสถให้กับคนภายนอกแล้ว โอสถทั้งหมด ต้องนำสิ่งของมาแลกเปลี่ยน”
“เพียงแต่ว่า เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่ไม่มีของดีจริงๆแอบแฝงเข้ามา ดังนั้น ผู้ที่จะมาแลกเปลี่ยน จะมีการตรวจสอบหนึ่งครั้ง หากผู้ตรวจสอบพบว่าสิ่งของที่เอามามีมูลค่าไม่เพียงพอ แม้แต่ประตูใหญ่นายก็ไม่มีสิทธ์เข้าไป”
หลินหยุนพูดว่า “กล่าวคือ ขอเพียงสิ่งของนั้นมีค่า ก็จะผ่านการตรวจสอบ”
ชายหนุ่มยิ้ม “นั่นมันก็ไม่แน่ สิ่งของจะมีค่าหรือไม่ มันต้องให้ผู้ตรวจสอบเป็นคนตัดสินใจ”
“แม้ว่าสิ่งของของคุณจะมีค่า แต่ว่า ถ้าผู้ตรวจสอบบอกว่าไม่มีค่า ถ้างั้นคุณก็เข้าไปข้างในไม่ได้”
หลินหยุนถาม “แล้ววิธีลัดจะทำยังไง?”
ชายหนุ่มยิ้ม และชูนิ้วให้หลินหยุนดู
หลินหยุนพูด “ต้องการเงิน?”
ชายหนุ่มพยักหน้า “ถูกทางแล้ว!”
“เท่าไหร่? หนึ่งหมื่น?” หลินหยุนถาม
“ไม่ หนึ่งแสน!” ชายหนุ่มพูดอย่างจริงจัง
หลินหยุนพูดอย่างไม่พอใจ “นายแค่ช่วยให้ผ่านการตรวจสอบเท่านั้น ก็ต้องการหนึ่งแสนแล้วเหรอ?”
แม้ว่าเงินอยู่ในความคิดของหลินหยุน จะเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น แต่เมื่อได้ยินชายหนุ่มเปิดปากพูดก็ต้องการหนึ่งแสน เลยเย้าเย้ยในใจ
หนึ่งแสน ตามมาตรฐานค่าจ้างของคนจีนในปัจจุบัน เท่ากับค่าแรงของคนๆหนึ่งที่ไม่กินไม่ดื่มเป็นเวลาสองปี
หนุ่มคนนี้กล้าที่จะเปิดปากขอ!
ชายหนุ่มพูดว่า “คิดว่ามากเกินไปเหรอ? ตัวเลขนี้มันน้อยมากแล้ว! คุณต้องเข้าใจ ใครก็ตามที่ผ่านการตรวจสอบ โดยทั่วไปสามารถแลกเปลี่ยนยากับหุบเขาเทพยา แล้วนำออกไปขายต่อ ยังไงก็สามารถสร้างรายได้หลายแสน”
“ถ้าคุณไม่สามารถผ่านการตรวจสอบ ถ้างั้นคุณก็ไม่ต้องคิดอะไรเลย”
หลินหยุนพูดอย่างเย็นชา “ไม่ต้องแล้ว ฉันคิดว่าสามารถผ่านการตรวจสอบได้”
ชายหนุ่มยิ้มเยาะเย้ย “หลายคนก็พูดอย่างนั้น แต่เมื่อพวกเขาไม่สามารถผ่านการตรวจสอบ ค่อยมาหาฉันอีกครั้ง ก็ไม่ใช่ตัวเลขนี้แล้ว”
“ถ้างั้นราคาเท่าไร?”
“หนึ่งล้าน!” ชายหนุ่มพูดอย่างเย้ยหยัน
หลินหยุนไม่ได้พูดต่อ ชายหนุ่มก็หยุดโน้มน้าว ยิ้มเยาะเย้ย “รอเมื่อนายไม่ผ่านการตรวจสอบ ค่อยมาหาฉันอีกครั้ง ราคาแพงกว่าเป็นสิบเท่า คิดให้รอบคอบ”
พูดจบ ก็หันหลังออกไป มองหาเป้าหมายต่อไป