จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 605 การปรากฏของห้วงเวลา
เหล่าจู่ตระกูลโม่หัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้วพูดว่า “เห็นแล้วใช่ไหม เห็นแล้วใช่ไหม! มันมีร่างอมตะ ไม่มีวันที่เจ้าจะสามารถฆ่าเขาได้! เจ้าหนุ่ม เจ้ายอมแพ้ซะเถอะ!”
หลินหยุนมองภาพตรงหน้าด้วยใบหน้าจริงจัง “เป็นเชื้อสายที่สืบทอดมิงค์สีม่วงอมตะได้อย่างสมบูรณ์จริงๆด้วย แผลที่เกิดจากลูกศรตะวัน ฟื้นฟูกลับมาได้อย่างรวดเร็ว”
“วันนี้ จะปล่อยให้เจ้าอสูรตัวนี้หลุดออกไปไม่ได้เป็นอันขาด ไม่งั้น โลกจะต้องเกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน!”
“เอี๊ยด!”
มิงค์สีทองจื่อมู่เหมือนโอ้อวด แล้วคำรามใส่หลินหยุน
แววตาของหลินหยุนเผยความเรียบเงียบออกมา ก้าวเท้าออกไปหนึ่งก้าว ร่างทั้งร่างราวกับล่องลอยอยู่บนอากาศ ยืนตัวตรงและเอามือไขว้หลัง
“เจ้าคิดว่าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้จริงๆงั้นเหรอ?”
มิงค์สีทองจื่อมู่ยิ้มเยาะเย้ยหลินหยุน ท้าทายเต็มที่
มันเป็นอสูรที่เกือบจะเป็นอมตะ เป็นทายาทที่มีเชื้อสายของอสูรโบราณ มีความแข็งแกร่งระดับเดียวกันกับแดนยาทองของผู้บำเพ็ญเซียน
ถึงแม้มิงค์สีทองจื่อมู่จะโดนปิดผนึกมานับพันปี ฟื้นฟูพลังกลับมาได้แค่ครึ่งเดียว แต่ว่า ผู้บำเพ็ญเซียนระดับแดนยาทอง ต่อให้เหลือพลังแค่ครึ่งเดียว ก็สามารถสังหารผู้เพ็ญเซียนที่มีระดับต่ำกว่าแดนยาทองได้อย่างง่ายดาย
ถ้าเกิดหลินหยุนเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเซียนธรรมดา แล้วต้องมาเจอกับมิงค์สีทองจื่อมู่ แม้แต่หนีเขาก็ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
แต่ ถึงแม้ว่าหลินหยุนจะเป็นแค่ในสามแดน เป็นแค่ผู้บำเพ็ญเซียนระดับสองของแดนแด่เทพเจ้า แต่เขาก็เป็นมหากษัตริย์ชางฉองผู้ซึ่งพิชิตโลกนับหมื่นที่กลับมาเกิดใหม่
เขามีวิชาลับและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่เหนือกว่าระดับแดนของตัวเอง การรับมือกับมิงค์สีทองจื่อมู่ที่โดนปิดผนึกมาพันปี ก็ยังเป็นเรื่องที่สามารถทำได้
มิงค์สีทองจื่อมู่คำรามใส่หลินหยุนอีกครั้ง กางกรงเล็บออกมา แล้วพุ่งไปหาหลินหยุนอย่างรวดเร็ว
กรงเล็บของมันแค่ข่วนเบาๆ ก็สามารถฉีกอากาศได้แล้ว อากาศโดนกรงเล็บของมันจนเกิดเป็นรอยข่วนออกมา
จู่ๆร่างของหลินหยุนก็ประกอบปราณที่โบราณเก่าแก่ ร่างลอยอยู่กลางอากาศ ปล่อยให้กรงเล็บของมิงค์สีทองจื่อมู่โจมตีใส่ร่างของเขา
ร่างของหลินหยุนที่อยู่กลางอากาศจู่ๆก็ค่อยๆสลายหายไป ที่แท้ นั่นเป็นแค่ภาพติดตา
“อ้าก!” เสี่ยวจุยก็ยังตะโกนออกมาเพราะความเป็นห่วง ไม่รู้ว่าหลินหยุนไปไหนแล้ว
“กาลเวลา!”
ในเวลานี้เอง ก็มีเสียงที่เหมือนกับบทสวดสรรเสริญ ราวกับดังก้องกังวานไปทั่วโลก
ร่างของหลินหยุนปรากฏออกมาอีกครั้ง อยู่ห่างจากหลังของมิงค์สีทองจื่อมู่สิบเมตร
แต่ว่า ในตอนที่ปรากฏออกมาอีกครั้ง ผมของหลินหยุนก็ยาวขึ้นมา ผมที่เดิมดำสนิท ก็กลายเป็นสีขาว ดูแล้วเหมือนกับอาจารย์สอนหนังสือที่เดินออกมาจากภาพวาด ทุกๆกระทำ ล้วนมีกลิ่นอายของคนที่ผ่านประสบการณ์มามากมาย
ดูเหมือนมิงค์สีทองจื่อมู่จะสัมผัสได้ถึงความอันตราย คำรามใส่หลินหยุน แล้วพุ่งเข้าไปกระแทกอย่างรุนแรง
แต่ว่า จู่ๆร่างของมันก็ไม่สามารถขยับได้
อีกอย่าง พลังของมันก็ค่อยๆอ่อนแอลงเรื่อยๆ กำลังกลับไปอยู่ในช่วงที่โดนปิดผนึกอยู่
“ข้าใช้อายุขัยสามสิบปีของตัวเอง เพื่อแลกให้เวลาไหลย้อนกลับไปช่วงสามสิบนาทีก่อน ข้าจะสังหารเจ้าในตอนที่เจ้าอ่อนแอที่สุด”
สามสิบนาทีก่อน มิงค์สีทองจื่อมู่ยังโดนค่ายกลหมื่นไม้ผนึกญาณปิดผนึกอยู่ เหล่าจู่ตระกูลโม่ยังไม่ได้ทำลายค่ายกล
สามสิบนาทีนี้ เป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก ถ้าเกิดใช้เวลาไปมากกว่านี้ ต่อให้หลินหยุนจะใช้อายุขัยทั้งหมด ก็ไม่สามารถทำให้เวลาไหลย้อนกลับได้
ในที่สุดมิงค์สีทองจื่อมู่ก็หวาดกลัวแล้ว มันที่โดนกักขังอยู่ในห้วงเวลา ใช้ปากขู่ใส่หลินหยุนไม่หยุด มันได้ส่งเสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความโกรธออกมา
ดูเหมือนมันคงจะไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า มนุษย์ผู้แสนอ่อนแอที่อยู่ตรงหน้าของมัน จะแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่มีเพียงผู้บำเพ็ญเซียนตัวจริงเท่านั้นที่จะสามารถทำได้
กาลเวลา นี่เป็นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่มีเพียงแค่กษัตริย์เซียนที่สามารถควบคุมมันได้
อีกอย่าง กาลเวลาไม่ใช่อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ทั่วไป กาลเวลาสามารถเป็นโลกอีกโลกหนึ่งได้ สามารถเป็นช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ แม้กระทั่งช่วงเวลาแห่งความตาย
แต่ว่า ต่อให้กาลเวลาจะเป็นอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ที่ไม่มีขีดจำกัด แต่ว่า การบำเพ็ญของหลินหยุนยังต่ำจนเกินไป ไม่สามารถแสดงอานุภาพแม้แต่หนึ่งในพันของมันออกมาได้
ต้องแลกอายุขัยไปสามสิบปี ถึงจะสามารถทำให้เวลาไหลย้อนกลับไปเมื่อสามสิบนาทีก่อน ทำให้มิงค์สีทองจื่อมู่กลับไปอยู่ในช่วงที่โดนปิดผนึกอยู่ ถึงจะมีความมั่นใจว่าสามารถสังหารมันลงได้
แต่ว่า ถ้าเกิดหวังพึ่งแค่กาลเวลาอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ มันยังไม่พอ
เพราะว่า มิงค์สีทองจื่อมู่ใกล้จะหลุดพ้นจากพันธนาการของกาลเวลาอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์แล้ว
หลินหยุนยกมือขึ้นมา วาดอักขระลึกลับบนอากาศ เส้นทางของวิถีต้าเต๋าเริ่มแผ่ขยายสู่ท้องฟ้ารอบๆ มีพลังงานที่หมดไม่เห็น กำลังครอบคลุมพื้นที่ในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร
“ผนึกห้าธาตุ!”
พอหลินหยุนวาดเสร็จ พลังงานทั้งห้าธาตุที่อยู่ในรอบๆ ก็โดนหลินหยุนปิดผนึกในทันที
เจ้ามิงค์สีทองจื่อมู่สิ่งที่มันดูดกลืนก็คือชี่ทิพย์ที่เป็นธาตุไม้ เป็นหนึ่งในธาตุทั้งห้า ตอนนี้หลังจากที่โดนปิดผนึกห้าธาตุ ก็เท่ากับว่าได้สูญเสียแหล่งพลังงานของมัน
มิงค์สีทองจื่อมู่สัมผัสได้ถึงอันตรายที่ยิ่งใหญ่ ดิ้นรนยิ่งกว่าเดิม ต้องการจะหลุดพ้นพันธนาการของหลินหยุน
หลินหยุนก็ไม่รอช้า มือทั้งสองเริ่มวาดอักขระลึกลับขึ้นมาอีกหนึ่งรูป “เพลิงสมาธิ!”
ธาตุทั้งห้าล้วนมีจุดอ่อน ถ้าเกิดต้องการจัดการอสูรที่เป็นธาตุไม้ ไฟก็คือศัตรูตามธรรมชาติของมัน
เพียงแต่ว่า มิงค์สีทองจื่อมู่เป็นทายาทที่สืบเชื้อสายมาจากมิงค์สีม่วงอมตะที่เป็นสัตว์อสูรโบราณ มีพลังในการฟื้นฟูที่ยิ่งใหญ่ของมิงค์สีม่วงอมตะ
ถ้าเกิดเป็นเพลิงทั่วๆไป เกรงว่าคงจะทำอะไรมิงค์สีทองจื่อมู่ไม่ได้
ดังนั้น จึงมีแต่ต้องใช้เพลิงสมาธิเป็นไม้ตาย
เพลิงสมาธิ ก็เป็นวิชาที่มีเพียงแค่ผู้บำเพ็ญเซียนที่มีความแข็งแกร่งระดับแดนยาทองขึ้นไปจึงจะสามารถใช้ได้
แต่ว่า การหยั่งรู้ที่หลินหยุนมีต่อเพลิงสมาธิ ล่วงเลยมาจนถึงระดับสูงสุดตั้งนานแล้ว ดังนั้นจึงสามารถใช้มันออกมาได้
เพลิงสมาธิ มันเป็นเพลิงที่เกิดจากจิตวิญญาณของผู้บำเพ็ญเซียน น้ำทั่วไปไม่สามารถดับมันได้ มีเพียงแค่มันจะเผาจนคนคนนั้นกลายเป็นธุลี แผดเผาจนวิญญาณไม่เหลือซาก มันถึงจะดับ
“เอี๊ยด!”
พอปล่อยเพลิงสมาธิออกมา มิงค์สีทองจื่อมู่ก็ไม่กล้าทำตัวอวดดีอีกต่อไป ราวกับเป็นหนูที่เจอแมว หวาดกลัวจนตัวสั่นอยู่กลางอากาศ
ท่ามกลางเสียงร้องนั้น เหมือนกำลังจะบอกว่าขอเป็นมิตร และขอความเมตตา
แต่ว่า แน่นอนว่าหลินหยุนไม่ยอมออมมืออยู่แล้ว ถ้าเกิดปล่อยมันออกมา แล้วอีกหน่อยต้องการจะสังหารมัน มันก็เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้แล้ว นอกซะจากพลังของหลินหยุนจะทะลุไปถึงแดนยาทอง
ครั้งนี้ หลินหยุนได้ใช้กาลเวลาอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ต้องเสียอายุขัยไปสามสิบปี ถึงสามารถทำให้มันอยู่ในช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุด
และยังใช้ผนึกห้าธาตุเพื่อปิดผนึกธาตุทั้งห้าในรัศมีหนึ่งกิโลเมตร เพื่อตัดแหล่งพลังงานของมัน
สุดท้าย ก็ใช้เพลิงสมาธิ เพื่อที่จะสังหารมัน
ถ้าเกิดปล่อยมันออกมา งั้นอีกหน่อยคงจะจับมันได้ยากกว่านี้อย่างแน่นอน
เพลิงสมาธิกำลังแผดเผาขนที่อยู่ตามร่างของมิงค์สีทองจื่อมู่ มันลุกไหม้ในพริบตา ไม่ว่ามิงค์สีทองจื่อมู่จะดิ้นรนยังไง มันก็ไม่ส่งผลประโยชน์อะไร
แต่ว่า พลังของมิงค์สีทองจื่อมู่ แข็งแกร่งมากจริงๆ เพลิงสมาธิเผามันไปสิบนาทีเต็มๆ แต่ก็ยังไม่สามารถเผาขนของมันจนกลายเป็นเถ้าธุลีได้
“ความแข็งแกร่งของเจ้าอสูรตัวนี้ แข็งแกร่งมากจริงๆ!”
แต่ว่า ต่อให้มันจะมีความแข็งแกร่งขนาดไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าเพลิงสมาธิ ความตายของมันก็อยู่ที่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น
ผ่านไปอีกห้านาที ในที่สุดมิงค์สีทองจื่อมู่ก็ทนไม่ไหวแล้ว
มันเริ่มร้องขอร้อง อ้อนวอนให้หลินหยุนไว้ชีวิตมัน
ไม่มีประโยชน์ หลินหยุนมองร่างของมันที่ค่อยๆโดนเพลิงสมาธิจนกลายเป็นเถ้าธุลี จิตญาณหลุดออกมาจากร่าง จากนั้นมันก็รีบพุ่งหนีเอาชีวิตไปทางตะวันออกทันที
“เจ้าหนีไม่รอดหรอก” หลินหยุนพูดด้วยเสียงเรียบๆ
จิตญาณที่อยู่ในผนึกห้าธาตุ พุ่งไปซ้ายทีขาวที ไม่สามารถหนีออกไปได้ หลินหยุนบินขึ้นมา ยื่นมือออกไปจับ ก้อนจิตญาณนั่นโดนหลินหยุนจับใส่แหวนเก็บของ
ใบหน้าเสี่ยวจุยเต็มไปด้วยความดีใจ กุมมือทั้งสองข้างอย่างแน่นหนา ขอบคุณที่คำภาวนาของเธอเป็นจริงแล้ว
ส่วนเหล่าจู่ตระกูลโม่จ้องมองมิงค์สีทองจื่อมู่ที่ร่างสลายกลายเป็นธุลี ใบหน้าสั่นไหว ราวกับกลายเป็นคนปัญญาอ่อน
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง! เป็นไปได้ยังไงกัน? นี่เป็นสัตว์อสูรโบราณ จำเป็นต้องใช้ปรมาจารย์ค่ายกลและเหล่าผู้บำเพ็ญทั่วโลก ต่อสู้ล้มตายเป็นจำนวนมาก กว่าจะผนึกมันลงได้”
“เขาเป็นแค่เด็กที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม จะสามารถสังหารทายาทสัตว์อสูรโบราณอย่างง่ายดายได้ยังไงกัน?”