จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 607 แผนการของหงซานเหอ
หลินหยุนเดินไปที่นั่งของเจ้าหุบเขาเทพยา แล้วหันไปพูดกับโม่จือมิ่งว่า “เอากระดาษกับปากกามา”
“ครับ!” โม่จือมิ่งทำตามที่สั่งทันที
ส่วนคนอื่นๆ ต่างก็มองหน้าซึ่งกันและกัน ไม่รู้ว่าหลินหยุนต้องการจะทำอะไรกันแน่?
หรือว่าต้องการจะร่างกฎใหม่ให้กับหุบเขาเทพยางั้นเหรอ?
มีความเป็นไปได้สูง
เพียงครู่เดียว โม่จือมิ่งก็เอากระดาษกับปากกามา
หลินหยุนเขียนมันอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างก็แอบมอง สนใจเนื้อหาที่หลินหยุนเขียนเข้าไป
เพียงไม่นาน หลินหยุนก็เขียนเสร็จ จากนั้นก็ยื่นกระดาษให้กับโม่จือมิ่ง
“กระดาษพวกนี้เป็นสูตรปรุงยา ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นของเหล่านักบู๊ ตอนนี้ข้าขอมอบให้กับเจ้า เจ้าไปจัดการมันเองก็แล้วกัน”
โม่จือมิ่งเคยเห็นความยิ่งใหญ่สูตรปรุงยาของหลินหยุนมาก่อน แต่ว่า เขานึกมาตลอดว่า สูตรปรุงยาพวกนี้น่าจะเป็นสูตรในสำนักของหลินหยุน หรือไม่ก็เป็นสิ่งที่อาจารย์ของเขาเป็นคนคิดค้นขึ้นมา
ไม่เคยนึกมาก่อนว่าสูตรปรุงยาชั้นยอดขนาดนี้ คนที่คิดค้นมันขึ้นมาจะเป็นหลินหยุน
ตอนนี้ พอได้ยินว่าหลินหยุนได้เขียนสูตรปรุงยาออกมา ก็เกิดความสงสัยขึ้นในใจ ไม่รู้ว่าสูตรปรุงยาที่หลินหยุนเขียน มันอยู่ในระดับไหนกันแน่?
โม่จือมิ่งหยิบขึ้นมาดู ทันใดนั้นก็เกือบจะทำสูตรปรุงยาหล่นลงไปบนพื้น
เขารีบดูสูตรปรุงยาล้ำค่าแผ่นอื่นๆที่อยู่ในมือทันที แล้วพูดเสียงดังด้วยความดีใจว่า “พวกนี้ล้วนเป็นสูตรปรุงยาระดับสูง!”
อะไรนะ!
กระดาษพวกนี้ล้วนเป็นสูตรปรุงยาระดับสูง!
เมื่อกี้ หลินหยุนแค่เอาส่วนหนึ่งของสูตรปรุงยาระดับสูงออกมา ก็ทำให้เหล่าระดับสูงของหุบเขาเทพยาเกิดความโลภขึ้นมา จนทำทุกวิถีทางโดยที่ไม่สนว่ามันจะสกปรก จะต้องจับตัวของหลินหยุนเอาไว้ให้ได้ เพื่อบีบให้เขามอบสูตรปรุงยา
ตอนนี้ หลินหยุนกลับมอบสูตรปรุงยาระดับสูงออกมาตั้งมากมายในทีเดียว!
ความตื่นเต้นระดับนี้ ทำให้เหล่าผู้คนของหุบเขาเทพยา เกิดความรู้สึกดีใจจนตั้งตัวไม่ทัน
แต่ว่า ยังไม่ทันรอให้คนรอบๆตั้งสติกลับมาจากอาการตกใจ โม่จือมิ่งก็พูดเสียงดังด้วยความดีใจว่า “ไม่สิ นี่ไม่ใช่สูตรปรุงยาระดับสูง นี่ นี่มันสูตรปรุงยาระดับเซียน!”
“……”
ทุกคนรู้สึกเหมือนกับว่ามีฟ้าผ่าตรงกลางสมอง ราวกับได้หยุดหายใจ การเต้นของหัวใจก็หยุดไปชั่วขณะ
“ยาเซียน!”
“นี่มันเป็นไปได้ยังไง!”
“ยาเซียน ตำนานเล่าขานกันว่ามีเพียงแค่นักกลั่นยาในสมัยโบราณเท่านั้นที่มีสูตรปรุงยาแบบนี้!”
“หรือว่าสำนักของปรมาจารย์หลิน จะเป็นหนึ่งในสำนึกที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณอย่างนั้นเหรอ!”
“ไม่แปลกใจเลยที่ต่อให้ปรมาจารย์หลินจะอายุน้อยแบบนี้ แต่กลับแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ เกรงว่าคงมีแค่สำนักที่อยู่ในตำนานแบบนั้น ที่จะสามารถเลี้ยงดูให้เขากลายเป็นอัจฉริยะได้ถึงขนาดนี้!”
เพียงครู่เดียว หลินหยุนในสายตาทุกคน ก็สูงส่งราวกับเป็นคนจากสวรรค์!
โม่จือมิ่งคุกเข่าลงไปทันที แล้วก้มกราบหลินหยุนเพื่อแสดงความเคารพ “ขอขอบคุณความใจกว้างของปรมาจารย์หลิน!”
เหล่ากลุ่มคนของหุบเขาเทพยาทั้งหมด ก็คุกเข่าลงกับพื้น แล้วก้มกราบหลินหยุนด้วยความเคารพ “ขอขอบคุณความใจกว้างของปรมาจารย์หลิน!”
เมื่อกี้ ต่อให้พวกเขาต้องการจะรับใช้หลินหยุน ก็ไม่ได้แสดงความเคารพถึงขนาดนี้ ตอนนี้ หลังจากที่หลินหยุนเอาสูตรปรุงยาพวกนี้ออกมา พวกเขาก็กลายเป็นเหมือนกับคนรับใช้ ก้มกราบหลินหยุนด้วยความเคารพ นี่มันราวกับเคารพนับถือหลินหยุนเหมือนกับเป็นเทพองค์หนึ่ง
ดูเหมือนว่า คนจากหุบเขาเทพยาพวกนี้ ยังมีความแตกต่างจากเหล่านักบู๊อยู่เล็กน้อย ถ้าอยากจะทำให้พวกเขายอมรับ นอกจากต้องมีความแข็งแกร่งแล้ว ยังจำเป็นต้องมีวิชาการกลั่นยาที่เป็นหัวใจสำคัญของพวกเขาอีกด้วย
สูตรปรุงยาพวกนี้ ก็เป็นการแสดงวิชาการกลั่นยาของหลินหยุนได้ดีที่สุด
สูตรปรุงยาที่หลินหยุนเขียนออกมา ล้วนเป็นโอสถทั่วๆไปในโลกแห่งเซียน และเป็นสูตรปรุงยาที่ถูกปรับปรุงตามวัตถุดิบที่อยู่ในโลกมนุษย์
แต่ ต่อให้เป็นอย่างนั้น ฤทธิ์ของยาก็ดีกว่าสูตรปรุงยาที่มีอยู่ในโลกมนุษย์เป็นหมื่นเท่า
บอกว่าเป็นยาเซียน มันก็ไม่ได้เกินเลย
แต่ว่า นี่เป็นแค่ยาเซียนในสายตาของเหล่านักบู๊ เมื่อไปอยู่ในโลกแห่งเซียน สูตรปรุงยาพวกนี้ก็เป็นแค่ของทั่วๆไป
สูตรปรุงยาพวกนี้ ล้วนเป็นของจำเป็นที่เหล่านักบู๊ต้องใช้ทั้งปฐมภูมิ เปิดชีพจร คงจิต และพวกโอสถที่ใช้ในการฟื้นฟูชี่
ถ้าเกิดเพิ่มประสิทธิภาพของมัน จะต้องทำให้หุบเขาเทพยายิ่งใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน อำนาจเองก็จะเพิ่มตามมาด้วย
ขอแค่โม่จือมิ่งไม่ใช่คนโง่ เชื่อว่าในอนาคตหุบเขาเทพยาในโลกบู๊ จะต้องเป็นสถานที่ที่ยิ่งใหญ่มากอย่างแน่นอน
หลินหยุนกวาดสายตามองเหล่าผู้คนที่คุกเข่าอยู่บนพื้น แล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆว่า “ลุกขึ้นเถอะ!”
“จากนี้ ขอฝากหุบเขาเทพยาไว้กับเจ้า ถ้าเกิดเจอปัญหาอะไรที่ไม่สามารถแก้ไขได้ สามารถมาหาข้าได้ที่ทะเลสาบเยว่หยาในหลินโจว”
หลินหยุนฝากคำพูดไว้กับโม่จือมิ่ง
“ครับ!” โม่จือมิ่งโค้งตัวพยักหน้า ท่าทางที่มีต่อหลินหยุน เต็มไปด้วยความเคารพนับถือ
หลินหยุนได้เอาวัตถุดิบในการปรุงยาพวกนั้น แล้วก็ไปที่คลังสมบัติของหุบเขาเทพยาเพื่อสำรวจของในนั้น แล้วก็หยิบวัตถุดิบในการปรุงยาที่อาจจำเป็นต้องใช้
อีกอย่าง หลินหยุนยังได้ของดีๆที่ไม่คิดว่าจะเจอ
เขาเจอพวกหินทะเลลึก ในคลังสมบัติของหุบเขาเทพยา
พวกนี้ ล้วนเป็นหินแร่ธาตุที่มีคุณสมบัติธาตุน้ำอยู่เต็มเปี่ยม เป็นส่วนจำเป็นในการฝึกวิชาธาตุน้ำในร่างกายของเขา
แม้จะมีไม่มาก แต่ก็เพียงพอที่จะให้เขาฝึกร่างกายจนเข้าไปอยู่ในแดนพรสวรรค์ของธาตุน้ำได้
แต่ว่า เรื่องพวกนี้ก็ต้องรอให้เขาฝึกร่างภูตป่าของตัวเองจนถึงระดับสูงสุดก่อน
หลินหยุนใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมง เพื่อกลั่นยาคงจิตออกมาสองเม็ด แล้วมอบมันให้กับเสี่ยวจุย เพื่อช่วยเสี่ยวเฟิง
ทั้งสองรู้สึกขอบคุณหลินหยุนเป็นอย่างมาก
หลินหยุนจ้องมองเสี่ยวเฟิงที่เพิ่งได้สติกลับมา แล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆว่า “ชีวิตของคนเราไม่ได้สมบูรณ์แบบ จงรักษาคนที่อยู่ตรงหน้าให้ดีๆ”
“ช่วงที่ผ่านมา เจ้าน่าจะได้เห็นสิ่งที่คนข้างๆทำให้กับเจ้าแล้วใช่ไหม เชื่อว่าเส้นทางต่อจากนี้เจ้าคงจะรู้ว่าต้องเดินไปทางไหน”
เสี่ยวเฟิงหันไปมองเสี่ยวจุยที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง “นั่นสินะ ผมเป็นแบบนี้แล้ว แต่เธอก็ไม่เคยทิ้งผมไปไหน ได้ภรรยาแบบนี้ ยังจะต้องการอะไรอีกล่ะ?”
“ขอบคุณท่านมาก จากนี้พวกเราจะเดินไปด้วยกัน ผมเชื่อว่า พวกเราจะต้องมีความสุข!”
เดิมทีหลินหยุนก็คิดที่จะให้เงินกับพวกเขาสักเล็กน้อย แต่ว่า พอหลินหยุนคิดอีกที หลินหยุนก็ไม่ได้ทำแบบนั้น
หลินหยุนไม่ได้ให้ของอะไรกับพวกเขา บางครั้ง การได้สิ่งของด้วยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นวิธีทำลายคนคนนั้นได้เร็วที่สุด
ทุกอย่าง พวกเขาต้องคว้ามาด้วยมือของตัวเอง ถึงจะรู้ถึงความสำคัญของสิ่งที่ได้รับมาอย่างยากลำบาก
ก็เหมือนกับบ้านที่คุณซื้อมาด้วยการทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยมานับสิบปี กับบ้านที่คุณอื่นเป็นคนมอบให้ แม้จะเป็นบ้านหลังเดียวกัน แต่ว่าความรู้สึกที่มีต่อมันต่างกันราวฟ้ากับเหว
หลินหยุนรับความเคารพจากเสี่ยวเฟิงและเสี่ยวจุยสองสามีภรรยา
จากนั้น ก็เดินจากไป แล้วกลับไปที่เมืองหลวง
เวลาสามวัน สองวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว พรุ่งนี้ ก็เป็นคำสั่งทหารวันสุดท้ายของหลินหยุน
หลินหยุนได้นั่งรถไฟเพื่อกลับไปยังเมืองหลวง ส่วนหงซานเหอก็ไปที่ที่พักของประธานาธิบดีจีน
ประธานาธิบดีจีนที่กำลังอ่านหนังสือถูกรบกวน จ้องมองสีหน้าที่ไม่เหมือนปกติ หงซานเหอที่ทนเก็บสีหน้าดีใจออกมาไม่ไหว ประธานาธิบดีจีนค่อยๆยิ้มออกมา “ท่านหง ท่าทางคงจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับคุณสินะ!”
หงซานเหอหัวเราะ “ดูเหมือนว่า จะไม่มีอะไรที่สามารถปิดบังท่านประธานาธิบดีได้สินะ”
“ท่านหงเชิญนั่ง!” ประธานาธิบดีจีนพูด
หงซานเหอเองก็ไม่เกรงใจ นั่งอยู่ตรงหน้าของประธานาธิบดีจีน
“ลองเล่ามาสิ เรื่องอะไรกันที่ทำให้ท่านหงดีใจได้ถึงขนาดนี้?” ประธานาธิบดีจีนถามด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าที่เรียบนิ่งทำให้ดูไม่ออกว่าคนคนนี้กำลังคิดเรื่องอะไรอยู่
หงซานเหอพูดว่า “เหล่าสมาชิกของกองกำลังพิเศษมังกรฟ้า เพราะว่าฝึกวิชาที่เจ้าเด็กนั้นเป็นคนเปลี่ยนแปลง ทำให้เกิดปัญหาเล็กน้อย เจ้าเด็กนั้นก็เลยพูดออกมาว่า ภายในสามวันนี้เขาจะแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับสมาชิกของกองกำลังพิเศษมังกรฟ้า จึงได้ทำสัญญาคำสั่งทหารกับผม”
“ตอนนี้ ใกล้จะผ่านวันที่สองไปแล้ว เขาจะต้องผิดคำสัญญาอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้น เจ้าเด็กนี้ก็ต้องตกอยู่กำมือของผม จากนี้เขาต้องเชื่อฟังคำสั่งของผม”
ประธานาธิบดีจีนยิ้มด้วยที่ไม่พูดอะไร “ผมรู้สึกว่าคุณอย่าเพิ่งด่วนสรุปจะดีกว่า รอให้ผ่านวันที่สามไปก่อนเถอะ ถ้าเกิดพรุ่งนี้เขากลับมาล่ะ?”
หงซานเหอพูดด้วยความมั่นใจ “ไม่มีทาง! ต่อให้พรุ่งนี้เขาจะกลับมา ก็ไม่มีทางที่จะแก้ไขปัญญาที่เกิดขึ้นกับร่างของกองกำลังพิเศษมังกรฟ้าอย่างแน่นอน นั่นเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการฝึกเพลงบู๊ ไม่ใช่ปัญหาที่จะจัดการได้ง่ายๆ?”
ประธานาธิบดีจีนพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าเกิดเขาแก้ไขมันได้ล่ะ?”
หงซานเหออึ้งไปพักหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะแล้วพูดว่า “ถ้าเกิดเขาสามารถแก้ไขมันได้ งั้นมันก็ยิ่งดีเลยไม่ใช่เหรอ? เป็นการพิสูจน์ว่าที่พวกเราทุกคนยอมเสี่ยงที่จะฉีกหน้าของสี่ตระกูลใหญ่ เพื่อช่วยเขาเอาไว้ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง”
“แต่ว่า ผมก็ยังไม่เชื่ออยู่ดีว่าเขาจะทำแบบนั้นได้ ครั้งนี้ เจ้าเด็กนั้นจะต้องแพ้อย่างแน่นอน จากนี้ เขาต้องเชื่อฟังทุกคำที่ผมบอก!”