จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 609 เริ่มหลอมรวม
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง เหล่าสมาชิกกองกำลังพิเศษมังกรฟ้าถึงกลับมาที่สนามฝึกซ้อม
พอเห็นสมาชิกทั้งสามสิบหกที่กลับมาตั้งแถวกันใหม่ หงซานเหอรอไม่ไหวจนเดินลงไปหาพวกเขา
ถึงแม้เหล่าสมาชิกจะทำหน้าจริงจัง แต่ว่า แววตากลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้น มันเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถสัมผัสถึงมันได้
เห็นได้ชัดว่า พวกเขาน่าจะรับรู้ถึงข้อดีอันยิ่งใหญ่ที่ได้จากยาสร้างกายแล้ว
หงซานเหอสำรวจเหล่าสมาชิก หัวใจของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เพราะว่า เหล่าสมาชิกพวกนี้เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ จิตวิญญาณของพวกเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบก้าวกระโดด ร่างกายยิ่งกำยำมากกว่าเดิม เส้นเลือดตรงกล้ามเนื้อเห็นชัดยิ่งกว่าเดิม ร่างกายของแต่ละคนล้วนสมบูรณ์แบบ
เรื่องพวกนี้ ล้วนเป็นการเปลี่ยนแปลงของภายนอก
แต่ว่า แค่ดูจากรูปลักษณ์ภายนอก ก็สามารถรับรู้ได้ว่า โอสถที่หลินหยุนให้มามันส่งผลดีขนาดไหน
หงซานเหอถามด้วยเสียงจริงจัง “ตอนนี้พวกแกรู้สึกยังไงบ้าง?”
ทุกคนต่างมองหน้าซึ่งกันและกัน ไม่มีใครตอบคำถาม
ยิ่งตงไหลตะโกนเสียงดัง “ตอบคำถามของท่านหง!”
“ครับ!”
ทั้งสามสิบหกต่างก็ตอบเสียงดังสนั่นไปทั่ว
หลิวจื่อเทาที่อายุน้อยที่สุด พูดขึ้นมาก่อนว่า “รายงานท่านหง!”
“ผมรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก เหมือนกับเพิ่งแช่น้ำอุ่นมา ตอนนี้ ร่างกายของผมเต็มไปด้วยพลังงานอันล้นหลาม ความรู้สึกบ้าคลั่งที่มีก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว”
โหวผิ่นเหยียนพูดด้วยเสียงจริงจังว่า “รายงานท่านหง!”
“ก่อนหน้านี้ทุกครั้งหลังฝึกซ้อม ผมมักจะมีความรู้สึกอยากจะไปฆ่าใครสักคน อีกอย่าง ผมรู้สึกว่าเริ่มจะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ”
“ตอนนี้ ผมรู้สึกว่าสามารถจ้องมองมดหนึ่งตัวได้เจ็ดวันเจ็ดคืน”
“รายงานท่านหง! โหวจือจ้องมองมดได้เจ็ดวันเจ็ดคืน ผมสามารถดูได้เป็นเดือน! ไม่สิ สามารถจ้องดูได้เป็นปี!” จางเสว่หรูตะโกนพูดเสียงดัง
ยิ่งตงไหลไอเบาๆ เพื่อเตือนเหล่าสมาชิก อย่าได้ใจจนลืมตัว
คนที่ยืนตรงหน้าพวกเขา เป็นถึงท่านหง จอมพลอันดับหนึ่งของประเทศจีน
หงซานเหอสามารถเข้าใจสิ่งที่พวกเขาต้องการจะสื่อ การที่บอกว่าสามารถจ้องดูมดได้เป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน สิ่งที่เขาต้องการจะบอกก็คือ อารมณ์ตัวเองสงบลงแล้ว สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ
หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ก่อนหน้านี้เพราะวิชาการฝึกร่างมังกรฟ้า ทำให้เกิดผลข้างเคียงกับพวกเขา โอสถเม็ดนั้นของหลินหยุนทำให้อาการพวกนั้นหายไปจนหมดแล้ว
ภายในใจของหงซานเหอผิดหวังเล็กน้อย แต่ว่า กลับรู้สึกดีใจมากยิ่งกว่า
ผิดหวังเพราะครั้งนี้หลินหยุนชนะอีกแล้ว เขาไม่สามารถกุมจุดอ่อนของหลินหยุนเอาไว้ได้
แต่ พอหลินหยุนชนะ ทำให้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับร่างกายของกองกำลังพิเศษมังกรฟ้าได้สำเร็จ
เมื่อเทียบกับการกุมจุดอ่อนของหลินหยุนเอาไว้ แน่นอนว่าหงซานเหอยิ่งหวังให้แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับเหล่าสมาชิกกองกำลังพิเศษมังกรฟ้าไวๆ
หงซานเหอหันไปมองหลินหยุน ด้วยใบหน้าจริงจัง
หลินหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วก็พูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นไงบ้าง? ต้องการให้พวกเขาแสดงฝีมือออกมาสักเล็กน้อยไหม?”
หงซานเหอพูด “ไม่จำเป็น ไอ้หนุ่ม แกชนะแล้ว!”
พอพูดจบ หงซานเหอราวกับรู้สึกว่าหน้าของตัวเองกำลังจะแตก จึงหันหน้าแล้วเดินจากไป
“ท่านจอมพลหง อย่าเพิ่งไปสิ! อยู่ดูสักครู่หนึ่งก่อน! ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงของยาสร้างกายเลย รอให้พวกเขาฝึกซ้อมเสร็จ ถึงจะสามารถแสดงศักยภาพที่แท้จริงของยาสร้างกายออกมาได้!”
เท้าองหงซานเหอเซไปครู่หนึ่งจนเกือบจะล้มลง ใบหน้าแก่ๆของเขาแดงก่ำ แอบด่าไอ้เด็กเวรหลินหยุนที่ได้คืบจะเอาศอก
แต่ว่า เดินไปสักพัก จู่ๆหงซานเหอก็ยิ้มออกมา
ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
ถ้าเกิดเป็นอย่างที่หลินหยุนว่ามาจริงๆ จากนี้ความแข็งแกร่งของกองกำลังพิเศษมังกรฟ้า จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด
“ท่านประธานาธิบดีจีน เป็นอย่างที่ท่านคาดเดาเอาไว้เลย!”
หงซานเหอรู้สึกนับถือ
พอเห็นหงซานเหอจากไป สมาชิกของกองกำลังพิเศษมังกรฟ้าก็ส่งเสียงดีใจขึ้นมาทันที
พวกเขารีบพุ่งเข้าไป อยากจะยกหลินหยุนขึ้นมาสูงๆ
แต่ว่า พวกเขาไม่สามารถเข้าใกล้ร่างของหลินหยุนในรัศมีหนึ่งเมตรได้ มีพลังงานที่มองไม่เห็นอยู่รอบตัวของเขา มันห้ามพวกเขาเอาไว้ ต่อให้พวกเขาจะทุบสู่กำลัง ก็ไม่สามารถเข้าใกล้ได้
“อาจารย์หลิน พลังของคุณอยู่แดนไหนกันแน่? นี่มันจะแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!” หลิวจื่อเทาถามด้วยเสียงท้อแท้
หลังจากที่หงซานเหอเดินจากไป หลินหยุนก็กลับมาแสดงท่าทีที่สงบนิ่งเหมือนเดิม
“ไปตั้งใจฝึกซ้อมเถอะ!”
หลินหยุนพูดด้วยเสียงเรียบๆ แดนที่เขาอยู่ ไม่สามารถอธิบายให้คนพวกนี้เข้าใจได้จริงๆ
ต่อจากนั้น หลินหยุนก็รอไปอีกสามวัน หลังจากที่มั่นใจว่าสมาชิกของกองกำลังพิเศษมังกรฟ้าไม่เป็นอะไรแล้ว ถึงได้กลับไปที่คฤหาสน์เย่หยาหู
จิตวิญญาณของเขาเข้าไปที่แหวนเก็บของ เพื่อสำรวจวิญญาณของมิงค์สีทองจื่อมู่
“ต่อจากนี้ ก็แค่เอาวิญญาณของอสูรตัวนี้ กลั่นให้มันกลายเป็นวิญญาณของร่างภูตป่า”
พอกลับมาถึงคฤหาสน์เยว่โหลว คาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าและซูหนันก็ไม่อยู่
ซูหนันน่าจะไปหาจงเฟยหยู่
แต่ว่า ไอ้เจ้าคาร์นอตวิลเลียม แดร็กคิวล่าไปไหนกันแน่?
แต่ว่า ด้วยความแข็งแกร่งของเขา หลินหยุนก็ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร ยังไงซะเผ่าโลหิตก็มีความสามารถในการหลบหนี สูงกว่ามนุษย์อยู่มาก
หลินหยุนไปนั่งทำสมาธิอยู่ตรงดาดฟ้า จากนั้นก็วาดค่ายกลคุ้มภัยไว้รอบๆหนึ่งชั้น
จากนั้น พอใช้ความคิด วิญญาณของมิงค์สีทองจื่อมู่ก็ถูกเขาปล่อยออกมา
วิญญาณของมิงค์สีทองจื่อมู่มีขนาดแค่หนึ่งเมตร เป็นมิงค์สีม่วงไซส์มินิ
เจ้าสิ่งนี้พอถูกปล่อยออกมา ก็ไหว้หลินหยุน ก้มหัว ทำท่าทางน่าสงสาร หวังว่าหลินหยุนจะปล่อยมันไป
มิงค์สีทองจื่อมู่ในตอนนี้ น่ารักเป็นอย่างมาก ก็เหมือนกับหมาตัวหนึ่งที่กำลังพยายามเอาใจเจ้านายของตัวเอง
แต่ว่า หลินหยุนไม่ได้หลอกง่ายขนาดนั้น ด้วยความสามารถของเชื้อสายมิงค์สีทองจื่อมู่ ขอแค่ปล่อยมันออกไป ไม่เกินสามวัน มันจะสร้างกายเนื้อของตัวเองขึ้นมาใหม่
“อย่ามาทำตัวเสแสร้งต่อหน้าของข้า ไม่มีประโยชน์”
หลินหยุนยกมือขึ้นมา พลังทิพย์หนึ่งเส้นจับวิญญาณของมิงค์สีทองจื่อมู่เอาไว้อีกรอบ
พอมิงค์สีทองจื่อมู่รู้ว่าไม่มีประโยชน์ที่จะขอร้อง จู่ๆก็เผยสีหน้าที่แท้จริงออกมา
มันเริ่มส่งเสียงขู่ใส่หลินหยุน ใบหน้าท่าทางดุร้าย ถึงกระทั่ง มันคิดที่จะระเบิดวิญญาณของตัวมันเอง
แต่ว่า หลังจากที่ไม่มีกายเนื้อ พลังวิญญาณก็อ่อนแอลงไปมาก หลินหยุนไม่ยอมปล่อยให้มันระเบิดตัวเองหรอก
“อย่าฝันไปเลย ถ้าเกิดแกระเบิดตัวเอง งั้นข้าจะไปหาอสูรที่เป็นทายาทเชื้อสายอสูรโบราณที่มีคุณสมบัติธาตุไม้จากไหน”
“มาเริ่มกันเถอะ”
พอหลินหยุนใช้ความคิด ร่างเต๋าไม่สิ้นสูญหุนหยวนก็เริ่มทำงาน สีผิวทั่วทั้งร่างของหลินหยุนก็กลายเป็นสีเขียว
ร่างภูตป่าที่เดิมก็อยู่ในระดับสูงสุดอยู่แล้ว เริ่มดูดกลืนพลังทิพย์ธาตุไม้ที่อยู่รอบๆอีกครั้ง
เพียงแต่ว่า พลังทิพย์ที่อยู่รอบๆที่เป็นธาตุไม้มีน้อยจนเกินไป แต่ว่า วิญญาณของมิงค์สีทองจื่อมู่ มีพลังทิพย์ธาตุไม้อยู่เป็นจำนวนมาก
แรงดูดกลืนที่ยิ่งใหญ่ก็เหมือนกับวังวนของพายุทอร์นาโด ดึงวิญญาณของมิงค์สีทองจื่อมู่ เพื่อต้องการจะดึงมันเข้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุด
มิงค์สีทองจื่อมู่เริ่มต่อต้านเป็นครั้งสุดท้าย ถ้าเกิดโดนวังวนนั้นดูดกลืนเข้าไป งั้นก็คงจะหนีออกมาไม่ได้อีกแล้ว
“อย่าเสียแรงเปล่าเลย”
หลินหยุนตะโกนด้วยเสียงเย็นชา พลังในการดูดกลืนนั้นแข็งแกร่งขึ้นไปอีก
วิญญาณของมิงค์สีทองจื่อมู่ส่งเสียงร้องออกมา จากนั้นก็เข้าไปอยู่ในร่างกายของหลินหยุน
ถ้าเกิดเปรียบเทียบร่างกายของหลินหยุนเป็นเสาไม้ที่ไร้ชีวิต งั้น พอมีวิญญาณของมิงค์สีทองจื่อมู่เข้าไปเข้าใน ร่างกายของหลินหยุนก็มีต้นไม้ที่แข็งแรงเติบโตขึ้นมาทันที ทำให้เกิดสิ่งมีชีวิตขึ้นมา
แต่ว่า ถ้าเกิดต้องการทำให้วิญญาณของมิงค์สีทองจื่อมู่กลายเป็นวิญญาณร่างภูตป่าที่อยู่ในร่างล่ะก็ มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายดายแบบนั้น
อย่างแรก วิญญาณของมิงค์สีทองจื่อมู่จะตายไม่ได้ มีแต่ต้องค่อยๆแปลเปลี่ยนให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างภูตป่า ทำให้ทั้งสองสิ่งหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว
จำเป็นต้องใช้เวลาอีกนานกว่ามันจะสำเร็จ อีกอย่าง มันไม่มีทางลับอย่างอื่นแล้ว
แน่นอนว่า เมื่อมันสำเร็จ ความสามารถที่อยู่ในเชื้อสายของมิงค์สีทองจื่อมู่ ก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของหลินหยุน
แต่ว่า ความสามารถนี้เป็นการสุ่ม มีความเป็นไปได้ว่าจะมีส่วนใดส่วนหนึ่งที่ไม่ให้ความสามารถอะไรเลย และก็มีความเป็นไปได้ว่ามันจะสืบทอดความสามารถในการฟื้นฟูของมิงค์สีม่วงอมตะ