จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 616 หลินโล่เฉิน
เมื่อก่อนนั้น หยางเทียนโย่วยังรู้สึกว่ามาตรฐานความรู้ในการดูฮวงจุ้ยของพ่อเขายังไม่ถึงขั้น แม้แต่วิญญาณทหารเหล่านั้นก็ยังดูไม่ออกเลย
แต่ว่า หลังจากผ่านประสบการณ์เมื่อคืนนี้แล้ว ในที่สุดเขาก็เข้าใจความหวังดีของพ่อเขา
ตอนนี้ สำหรับพ่อของตัวเองแล้ว หยางเทียนโย่วเต็มไปด้วยความเคารพนับถืออย่างสูง
ท่านหม่าก็รู้สึกสะดุ้งเล็กน้อย พูดหัวเราะเยาะว่า “ฮาๆ ไอ้เด็กเวร ความตายมาเยือนถึงตรงหน้าแกแล้ว ยังจะเป็นห่วงพ่อแก่เฒ่าใกล้ตายคนนั้นอีก เป็นห่วงตัวเองก่อนดีกว่าเถอะ!”
“พวกแกคิดจะทำยังไง?” ในที่สุดหลินหยุนก็เอ่ยปากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา พลางมองไปยังพวกท่านหม่า
ท่านหม่าหัวเราะแฮะๆ “เจ้านายพวกเราบอกว่า ให้ไว้ชีวิตพวกแกสองคน แต่ว่า จะต้องสั่งสอนให้พวกแกหลาบจำไปจนวันตายเลย!”
พูดจบ ท่านหม่าก็ใช้สายตาส่งสัญญาณให้กับลูกน้องพวกนั้น
ทันใดนั้น ลูกน้องคนที่รู้กาลเทศะที่สุด เดินออกมาด้วยสีหน้าเยาะเย้ยแล้วพูดว่า “เจ้าเด็กน้อย เดี๋ยวลูกพี่อย่างฉันจะทำให้แกมีความทรงจำที่ไม่รู้ลืมไปเลย!”
“พี่เล่ว ฉันลุยด้วยนะ!” ลูกน้องอีกคนก็เดินออกมา ตามหลังลูกน้องที่ชื่อพี่เล่ว แล้วจ้องมองหลินหยุนทั้งสองคนด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร
หลินหยุนพูดอย่างเรียบๆว่า “พวกแกขึ้นมาพร้อมกันเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลา”
ทุกคนต่างก็ฉงนไปสักครู่ จากนั้นก็ส่งเสียงหัวเราะดังลั่นออกมา
พี่เล่วมีชื่อว่าหลี่เล่ว เป็นมือขวาคนสมิทที่สุดของท่านหม่า
“ไอ้หนู ความตายมาถึงตรงหน้าแล้ว แกถึงกับยังกล้าพูดจาโอหังไม่สำนึกเลย! ฉันแค่ใช้มือข้างเดียวก็บีบพวกแกทั้งสองคนให้ตายคามือได้แล้ว ยังจะให้พวกฉันลุยขึ้นไปพร้อมกัน!”
หลินหยุนขี้เกียจพูดมากกับพวกคนพวกนั้น คนพวกนี้เป็นคนธรรมดาทั่วไป หนำซ้ำยังไม่มีฝีมือในการต่อสู้ เป็นเพียงแค่จิ๊กโก๋ที่ชอบท้าตีท้าต่อยเท่านั้นเอง
หลินหยุนเดินก้าวออกมาหนึ่งก้าว ก็เกิดพลังงานอันน่าสะพรึงกลัวโหมกระหน่ำไปยังกลุ่มคนพวกนั้น
โป้ง โป้ง!
กลุ่มคนพวกนั้นก็ล้มคุกเข่าลงระเนระนาด
แม้แต่ท่านหม่าที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ก็กลิ้งตกลงมาจากเก้าอี้ คุกเข่าลงตรงหน้าหลินหยุน เนื้อตัวสั่นไปหมด
จัดการกับคนธรรมดาพวกนี้ ด้วยพลังความสามารถที่ฝึกฝนของหลินหยุนในตอนนี้ ใช้พลังเพียงแค่เล็กน้อย ก็สามารถทำให้วิญญาณของพวกเขาสั่นสะท้านไปหมดแล้ว
หยางเทียนโย่วมองไปยังหลินหยุนด้วยสีหน้าตกตะลึง สายตาแสดงออกถึงความเคารพศรัทธา
“คิดไม่ถึงว่าไม่เห็นกันเพียงไม่กี่เดือน พลังความสามารถของหลินหยุนก็เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งมากขึ้นอีกแล้ว”
หลินหยุนยืนอยู่ตรงหน้าท่านหม่า พูดอย่างเรียบๆว่า “พ่อของเพื่อนฉันถูกขังอยู่ที่ไหน?”
ท่านหม่าก้มหน้าลง เนื้อตัวสั่นไปหมด “ผม ผมไม่รู้ครับ!”
“อ๋อเหรอ?” หลินหยุนส่งเสียงเบาๆ ก็เพิ่มพลังกดดันมากขึ้นเล็กน้อย
ทันใดนั้น ท่านหม่ารู้สึกแต่เพียงว่าเหมือนมีภูเขาลูกใหญ่ลูกหนึ่ง ถล่มลงมาทับเขาอย่างแรง
โอ๊ก!
ท่านหม่าถึงกับกระอักเลือดสดๆออกมา
“จะบอกหรือไม่บอก?” น้ำเสียงของหลินหยุนยังคงเรียบเฉยๆ ไร้ซึ่งความรู้สึกแม้แต่นิดเดียว ราวกับว่าท่านหม่าที่อยู่ตรงหน้าเป็นเพียงแมลงวันตัวหนึ่งที่จะตบให้ตายคามือเมื่อไรก็ได้
ในชั่วเวลาพริบตานั้นเอง ท่านหม่ามีความรู้สึกราวกับว่าได้เดินผ่านเข้าไปในขุมนรกครั้งหนึ่งมาแล้ว
“ฉันบอก ฉันบอกแล้ว พ่อของเขาถูกเจ้านายพวกเราขังไว้ ฉันก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ที่ฉันพูดเป็นเรื่องจริงทุกอย่าง ทุกคำพูดเป็นเรื่องจริงทั้งนั้น” ท่านหม่ารีบพูดออกมาเป็นชุดใหญ่
หลินหยุนมองดูเขาแวบหนึ่ง รู้ว่าคราวนี้เขาไม่ได้พูดโกหกแน่นอน
“เจ้านายพวกแกอยู่ที่ไหน? พาฉันไปหาเขาด้วย” หลินหยุนพูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
“เจ้านายพวกเราน่าจะอยู่ที่ห้องพักผ่อนบนชั้นสูงสุด คุณไปหาเขาได้เลย ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันเถอะ!” ท่านหม่าสีหน้าเอาใจ พวกที่ใช้ชีวิตหากินอยู่ข้างนอกบ่อยครั้ง ย่อมรู้จักเอาตัวรอดไปตามสถานการณ์ได้ดีกว่าคนอื่นเป็นธรรมดา
เขารู้ว่า วันนี้ได้เตะเข้ากับแผ่นเหล็กของแข็งแล้ว หลินหยุนไม่ใช่คนที่อยู่ในโลกใบเดียวกันกับพวกเขา พวกเขาไม่กล้าที่จะไปหาเรื่องใส่ตัวเด็ดขาด!
“พาฉันไปหาเจ้านายพวกแก แล้วฉันจะไว้ชีวิตแก” หลินหยุนพูดจบ ก็ยกมือขึ้นปัด เหมือนกับกำลังไล่แมลงวันไม่กี่ตัวออกไป
หลังจากนั้น พวกหลี่เล่วลูกน้องทั้งหลายเหล่านั้น ก็กระเด็นออกไปชนกับกำแพง แล้วตกลงมาบนพื้นอย่างแรง อาเจียนเป็นเลือดแล้วสลบไปทันที ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย
แม้แต่ท่านหม่าที่เคยเห็นเหตุการณ์มากมายมาแล้ว เมื่อเห็นฉากนี้แล้วก็ยังอดไม่ได้ที่ตกใจท้องเกร็งจนปัสสาวะเล็ดออกมาหลายหยด
“ท่านจอมยุทธ์ ท่านจอมยุทธ์อย่าฆ่าฉันเลยนะ ฉันจะพาคุณไป!” ท่านหม่ารู้ว่า วันนี้ได้พบกับยอดฝีมือในยุทธภพตามตำนานเข้าแล้ว จึงไม่กล้าที่จะขัดขืนอีก
ท่านหม่าพาพวกหลินหยุนสองคน มาถึงชั้นสูงสุดของอาคาร ซึ่งเป็นห้องพักผ่อนหรูหราของเจ้านายบริษัท เจียเฉิง พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด
ท่านหม่าชี้ไปยังประตูห้องหนึ่ง แล้วพูดว่า “ที่นี่ก็คือห้องพักผ่อนของเจ้านายครับ”
“เคาะประตูเลย” หลินหยุนพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง
“ครับผม” ท่านหม่าไม่กล้าขัดขืนใดๆทั้งสิ้น จึงรีบเคาะประตู
“เข้ามา!” น้ำเสียงที่งัวเงียของชายหนุ่มที่อยู่ข้างในดังแว่วออกมา
“อยู่ข้างใน” ท่านหม่ามองดูหลินหยุน พูดด้วยความดีใจ
หลินหยุนผลักประตูเข้าไป
ภายในห้องกว้างขวางใหญ่โตและหรูหรามาก ค่อนข้างฟุ่มเฟือยเกินไปด้วยซ้ำ
มีทั้งสนุกเกอร์ โฮมเธียเตอร์ แล้วยังมีโบว์ลิ่งอีกด้วย
นี่มันเป็นสถานที่แหล่งบันเทิงชัดๆ
ชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดนอนผ้าไหมสีน้ำตาลราคาแพงคนหนึ่ง กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนโซฟาหนังแท้ที่กว้างขวางใหญ่โต
ตรงข้ามมีผู้ชายรูปหล่อคนหนึ่งนั่งอยู่ และยังมีหญิงสาวหน้าตาสวยงามมากสองคนอีกด้วย
หญิงสาวทั้งสองคนหน้าตามีส่วนคล้ายกันมาก แต่ว่าบุคลิกกลับไม่เหมือนกันเลย สไตล์การแต่งตัว เสื้อผ้าก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
สายตาของหลินหยุน เมื่อได้เห็นชายหนึ่งหญิงสองคนนั้น ในใจก็รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย
“ถึงกับเป็นคนของตระกูลหลินแห่งอูซุเชียว!”
ชายหนุ่มคนนั้น ก็คืออัจฉริยะรุ่นใหม่ของตระกูลหลินแห่งอูซุ ชื่อว่าหลินโล่เฉิน
หลินโล่เฉิน เป็นลูกชายของหลินตงถิง ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆของหลินตงหัวพ่อหลินหยุน และมีศักดิ์เป็นลุงของหลินหยุน นั่นก็คือลูกพี่ลูกน้องของหลินหยุนนั่นเอง
เมื่อชาติที่แล้วหลังจากที่หลินหยุนได้กลับเข้าไปสู่วงศ์ตระกูลแล้ว ก็รู้สึกเลื่อมใสศรัทธาในตัวหลินโล่เฉินมาโดยตลอด
แต่ว่า ด้วยนิสัยที่เย่อหยิ่งของหลินโล่เฉินแล้ว รวมทั้งเพราะว่าสาเหตุของหลินหยุน ที่ทำให้ตระกูลหวางซึ่งเป็นผู้นำของสี่ตระกูลยิ่งใหญ่แห่งเมืองหลวง ต้องกลายเป็นศัตรูกับตระกูลหลิน
ดังนั้น หลินโล่เฉินจึงไม่เคยหันมามองหลินหยุนเลยแม้แต่ครั้งเดียว
คนของตระกูลหลินทั้งหมด แทบจะไม่มีใครที่ชอบหน้าหลินหยุนเลย มิหนำซ้ำเมื่ออยู่ลับหลัง ยังมักจะเหยียดหยามหลินหยุนอยู่เสมอ
พวกที่หัวรุนแรงหน่อย ก็ยังลงมือทุบตีหลินหยุนอีกด้วย
แต่ว่า ก็มีบางคนที่ไม่พอใจพฤติกรรมของคนในตระกูลที่มีต่อหลินหยุน พวกเขาคิดว่าตระกูลหวางใช้อำนาจอิทธิพลมากเกินไป ความผิดไม่ได้อยู่ที่หลินหยุน
ถึงแม้กำลังของพวกเขาจะมีเพียงน้อยนิดก็ตาม แต่ก็ยังคอยช่วยเหลือหลินหยุน ช่วยปกป้องให้หลินหยุนพ้นจากการคุกคามมาโดยตลอด
คนกลุ่มนี้ หลินหยุนได้เห็นพวกเขาเป็นญาติพี่น้องคนสนิทที่แท้จริง นอกเหนือไปจากคุณปู่ของหลินหยุน หลินซื่อเฉิง จึงนับได้ว่าเป็นคนที่ใกล้ชิดสนิทที่สุดเพียงไม่กี่คนเท่านั้น
หญิงสาวหนึ่งในนั้น ก็มีอยู่หนึ่งคน
ก็คือหญิงสาวน่ารักคนนั้นที่ใส่ชุดเสื้อสเวตเตอร์สั้นสีชมพูอ่อน มัดผมแกะยาวสองข้าง ช่วงล่างใส่เลกกิ้งสีเนื้อ คลุมด้วยกระโปรงชุดเจ้าหญิงสีดำ
เธอชื่อว่าหลินโร่สุ่ย เป็นลูกสาวคนเล็กของหลินตงเย่วน้องชายของหลินตงหวา ซึ่งก็คืออาคนเล็กของหลินหยุน
คนที่อยู่ข้างตัวเธอคนนั้นเป็นหญิงสาวที่ใส่ชุดกระโปรงยาวสีขาว สยายผมยาวประบ่า ท่าทางเยือกเย็น ออร่าเปล่งประกาย ก็คือพี่สาวแท้ๆของเธอ หลินโร่หลัน
หลินหยุนยังจำที่มาที่ไปของชื่อลูกพี่ลูกน้องสองคนนี้ในตอนนั้นได้เลย
จิตใจงดงามสูงส่งดั่งกล้วยไม้ อ่อนโยนราวกับสายน้ำ
แต่ว่า นิสัยของหลินโร่หลันนั้น กลับแตกต่างกับน้องสาวหลินโร่สุ่ยอย่างสิ้นเชิง
หลินโร่หลันสุขุมเยือกเย็น ทำอะไรตัดสินใจเด็ดเดี่ยว เผชิญหน้ากับความเป็นจริงเสมอ
เมื่อชาติที่แล้ว ในช่วงเวลาระหว่างที่หวางซูเฟินยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลหวางนั้นเธอปฏิบัติต่อหลินหยุนดีมาก รักใคร่อ่อนโยน
แต่ว่า หลังจากที่รู้ว่าหวางซูเฟินได้แตกหักกับตระกูลหวางอย่างสิ้นเยื่อใยแล้ว ท่าทีที่เธอมีต่อหลินหยุนนั้น กลับเปลี่ยนไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว
ไม่เพียงแต่รังเกียจหลินหยุนแล้ว ยังเหยียดหยามประจานให้หลินหยุนอับอายไปทั่วทุกหนทุกแห่ง
ดูเหมือนจะพยายามเอาคืนเป็นเท่าตัวกับความดีที่เคยมีต่อหลินหยุนก่อนหน้านั้น
ตอนนั้นหลินหยุนก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าหลินโร่หลันทำไมถึงเปลี่ยนแปลงไปกะทันหันอย่างไร้เหตุผลเช่นนั้น หลังจากที่หลินโร่สุ่ยบอกความจริงกับเขาแล้ว เขาจึงได้เข้าใจ
แท้จริงแล้ว การที่หลินโร่หลันจงใจที่จะเอาใจหลินหยุนนั้น ก็แค่คิดอยากจะอาศัยหลินหยุน เพื่อไปใกล้ชิดกับคนของตระกูลหวางแห่งเมืองหลวงเท่านั่นเอง