จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 62 ปฏิกิริยาของพี่ดาว
บทที่ 62 ปฏิกิริยาของพี่ดาว
นี่มันอะไรกัน!
“ลูกพี่ของไอ้หน้าบากเฉียง คนของท่านเจี่ยง กลับทำความเคารพให้กับคนที่ไร้ชื่อเสียงเรียงนามให้อย่างไอ้หมอนี่!”
“อีกอย่างพี่ดาวยังเรียกตัวเองต่อหน้าไอ้หมอนี่ว่าเสี่ยวดาว!”
“ไอ้หมอนี่เป็นใครมาจากไหนกันแน่?”
ไอ้หน้าบากเฉียงมองดูพี่ดาวที่ยังคงโค้งอยู่แบบนั้น ตาเบิกกว้าง อ้าปากค้าง สีหน้าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็น
หวางชิ่งเซิงเองก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้างเช่นเดียวกัน มองไปที่หลินหยุน แววตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ!
จางจื่อเห้ายิ่งแล้วใหญ่ เขางุนงงไปหมด สีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อนั้น ตกตะลึงยิ่งกว่ามองดูวันสิ้นโลกเสียอีก
สีหน้าอันซื่อเอินและหลี่นีเองก็งงไม่แพ้กัน พวกเขาพากันมองไปที่หลินหยุน ในใจมีแต่ความตะลึงงงงัน
อันซินก็เช่นกัน เธอตกใจจนต้องปิดปากเอาไว้ ร่างกายที่ตื่นเต้นนั้นสั่นระริกเล็กน้อย
จ้าวกาวสีหน้าเขาบอกได้ถึงความไม่มีสติอยู่กับตัว พูดพึมพำกับตัวเองไปมา “ลูกพี่ของไอ้หน้าบากเฉียงเชียวนะ! คนของท่านเจี่ยง คิดไม่ถึงว่าพอเจอหลินหยุนถึงกับต้องทำความเคารพ แถวยังต้องเรียกว่าคุณอีกต่างหาก!”
“หลินหยุนนะหลินหยุน นายเป็นอะไรกับท่านเจี่ยงกันแน่?”
หลินหยุนสีหน้าไร้ซึ่งความรู้สึก ไม่ดีใจหรือว่าเสียใจ มองไปที่เสี่ยวดาว พร้อมถามขึ้นว่า “นายรู้จักฉัน?”
ในความทรงจำของหลินหยุน เหมือนว่าไม่เคยเจอคนผู้นี้เลย
พี่ดาวยิ้มด้วยความเก้อเขิน พร้อมตอบกลับไปว่า “ครั้งที่แล้วที่คุณหลินแสดงอำนาจใหญ่ครั้งที่แล้ว ผมคือหนึ่งในคนที่โดนคุณจัดการจนสยบจมไปกับพื้นเองครับ”
หลินหยุนจำได้ว่าครั้งที่แล้วไปช่วยเซี่ยหยู่เวยและอีหลิง เลยต้องต่อสู้กับลูกน้องของเจี่ยงสง เหมือนว่าพี่ดาวคนนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย
“อย่างนี้นี่เอง”
หลินหยุนหันหน้าไปมองไอ้หน้าบากเฉียงที่ตอนนี้ไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัว พร้อมชี้ไปที่เขาแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้น แกมาที่นี่เพื่อที่จะช่วยออกหน้าให้ไอ้นี่เหรอ? ฉันนึกว่ามันจะเรียกเจี่ยงสงมาซะอีก”
น้ำเสียงหลินหยุนเหมือนว่าจะรู้สึกเสียดายไม่น้อย
ประโยคนี้ทำให้ทุกคนไม่สบายใจ ท่านเจี่ยงที่ชื่อเสียงคับหลินโจว จะเรียกมาง่ายอย่างนั้นได้ยังไงกัน?
พี่ดาวรีบอธิบายทันที “ไม่ครับๆ คุณหลินอย่าเข้าใจผิดเชียวนะครับ คุณอยู่ตรงนี้ ผมจะไปกล้าพูดอะไรได้ยังไง!”
พี่ดาวเหงื่อตก ฝีมือของหลินหยุนเขารับรู้มาก่อนหน้านี้นานแล้ว แม้แต่อาเฟิงเองยังโดนหลินหยุนจัดการจนแขนหักไปข้าง ต้องนอนอยู่โรงพยาบาลไปหลายวัน
ท่านเจี่ยงส่งเองก็ถึงกับต้องกำชับด้วยตนเองว่า ต่อไปถ้าเจอหลินหยุนห้ามมีเรื่องกับเขาเป็นอันขาด
พี่ดาวเป็นแค่ลูกน้องของอาเฟิง จะไปกล้าทำเรื่องเสียมารยาทกับหลินหยุนได้ยังไงกัน?
พี่ดาวจ้องเขม็งไปที่ไอ้หน้าบากเฉียงด้วยสีหน้าตึงเครียด พร้อมตำหนิว่า “หลิวเฉียง ตาบอดหรือไง ถึงได้กล้ามีเรื่องกับคุณหลิน! ยังไม่รีบกลิ้งมาขอโทษคุณหลินอีก! ”
ไอ้หน้าบากเฉียงทำใจไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่พี่ดาวเห็นหลินหยุน ก็เรียกทันทีว่าคุณหลิน เขาก็รู้เลยว่าตัวเองมีเรื่องผิดคนแล้ว
แม้ว่าเขาจะระมัดระวังมาก แต่ในเมื่อทำงานอยู่ในวงการนี้ จะไม่โดนรังแกบ้างได้ยังไง เขามองคนผิดแล้ว
ในเมื่อมองคนผิดไป ก็ต้องยอมเสียอะไรบางอย่างไป ไอ้หน้าบากเฉียงรีบยิ้มเอาใจ ก้มตัวนอบน้อมเดินเข้ามาข้างๆ หลินหยุนทันที
“คุณหลิน ผมมันมีตาหามีแววไม่ ทำเรื่องเสียมารยาทกับคุณ คุณอย่าถือสาผมเลยนะครับ ปล่อยผมไปสักครั้งเถอะนะ!” ไอ้หน้าบากเฉียงยิ้มเอาใจด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน
หลินหยุนมองไปที่เขา ไอ้คนคนนี้ก็ถือว่าปลงได้ เมื่อกี้ยังเบ่งอำนาจอยู่เลย ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นประจบสอพลอ โดยที่ไม่ได้รู้สึกฝืนใจเลยสักนิด!
เมื่อเห็นว่าหลินหยุนไม่พูดอะไร พี่ดาวก็รีบใช้เท้าเตะไปที่ขาไอ้หน้าบากเฉียงทันที พร้อมพูดตำหนิว่า “ฉันบอกให้กลิ้งมา กลิ้งมาไง ไม่ได้ยินเหรอ!”
“ครับ ครับ ผมจะกลิ้งมาเดี๋ยวนี้แหละครับ!” ไอ้หน้าบากเฉียงรีบเดินกลับไป แล้วก้มม้วนตัวลงไปกับพื้น กลิ้งตัวมาเหมือนฟักทองลูกใหญ่
อันซินเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะจนต้องปิดปากไว้ เธอมองไปที่หลินหยุน สายตาเต็มไปด้วยความศรัทธา
เพื่อนคนอื่นๆ ต่างก็พากันพยายามอดกลั้นเสียงหัวเราะ อำนาจบาตรใหญ่ของไอ้หน้าบากเฉียงยังอยู่ พวกเขาไม่กล้าที่จะหัวเราะเท่าไหร่นัก
ไอ้หน้าบากเฉียงลุกขึ้นยืนด้วยความเก้ๆ กังๆ “พี่ดาว ผมกลิ้งมาแล้ว พี่ยกโทษให้ฉันสักครั้งเถอะ!”
พี่ดาวรีบด่ากลับไปว่า “ฉันให้อภัยแกจะมีประโยชน์อะไร ต้องคุณหลินเป็นคนให้อภัยถึงได้ ไม่งั้นท่านเจี่ยงรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่ แกโดนฉีกหนังลอกคราบแน่!”
ไอ้หน้าบากเฉียงตกใจจนน่องขาสั่นระริก แอบคิดในใจว่า “ครั้งนี้ดูคนผิดไปจริงๆ ดูผิดไปมากจริงๆ เลย! ดูจากน้ำเสียงพี่ดาว คิดไม่ถึงว่าแม้แต่ท่านเจี่ยงก็ไม่กล้าทำให้ไอ้หมอนี่ไม่พอใจ!”
“ไอ้คนที่ไม่มีชื่อเสียงอะไรเลยคนนี้ มันเป็นใครกันแน่?”
ไอ้หน้าบากเฉียงกัดฟัน คุกเข่าดังตุบลงไปที่หน้าของหลินหยุน พร้อมพูดด้วยความโกรธแค้นสุดขีดว่า “คุณหลิน ผมผิดไปแล้ว ช่วยเห็นใจว่าผมไม่รู้อะไรด้วยนะครับ ปล่อยผมไปสักครั้งเถอะครับ!”
หลอนหยุนสองมือไขว้หลัง รอยยิ้มบนใบหน้าเหมือนว่ากำลังคิดอะไรสักอย่าง “ให้ฉันให้อภัยแกน่ะได้ แต่ก็ต้องดูว่าแกจะแสดงออกยังไงแล้วล่ะ”
ไอ้หน้าบากเฉียงรู้สึกคุ้นเคยกับประโยคนี้แปลกๆ? เมื่อกี้ที่เขาขูดรีดเงินจากอันซื่อเอิน ไม่ใช่ก็เพิ่งจะพูดคำนี้ไปหรอกเหรอ?
คิดไม่ถึงว่ามันจะถูกใช้กับตัวเองเร็วขนาดนี้
ไอ้หน้าบากเฉียงฝืนยิ้ม แล้วพูดว่า “คุณหลิน ผมยินดีที่จะให้เงิน 5 หมื่น เลี้ยงน้ำชาทุกท่าน! คุณเห็นว่ายังไงครับ?”
หลินหยุนเลียนแบบท่าทางเมื่อครู่ของเขา ส่ายหัว รอยยิ้มเย็นชาที่ปนไปด้วยความดูถูก
ไอ้หน้าบากเฉียงยิ้มเจื่อนๆ กัดฟันพูดต่อว่า “1 แสน!”
หลินหยุนยังคงส่ายหัว
ไอ้หน้าบากเฉียงจะร้องไห้อยู่แล้ว
“คุณหลิน คุณอย่ามองว่าเราหน้าใหญ่ใจโตตอนอยู่ข้างนอกเลย แต่ความจริงเราไม่ได้เป็นแบบที่เห็น เงิน 1 แสนเป็นเงินเก็บหลายปีมานี้ของเราแล้วนะครับ!”
พี่ดาวก็ยิ้มแล้วช่วยพูดว่า “คุณหลิน เรื่องนี้ผมเป็นพยานได้ ไอ้หน้าบากเฉียงไม่ได้โกหก”
อันซื่อเอินเองก็ช่วยพูด “หลินหยุน พอแล้วล่ะ เหลือทางออกให้กันบ้าง อย่าบังคับคนจนหมดสิ้นหนทางเลยนะ!”
หลินหยุนมองไปที่อันซิน แล้วถามเธอขึ้นว่า “อันซินเธอว่าไง?”
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่อันซินจนหมด
“เอ่อ…” อันซินไม่ได้เตรียมใจรับคำถามแบบนี้ไว้ จนเธอต้องหน้าแดง
แต่ว่าอันซินถือว่าใจแข็งมากพอ ไม่นานเธอก็ดึงสติตัวเองกลับมาได้ มองไปที่ไอ้หน้าบากเฉียงที่ตอนนี้จะร้องไห้อยู่แล้ว พร้อมพูดว่า “พี่หลินหยุน ฉันว่าเราอย่าไปเอาเงินเขาเลย ไม่งั้นเรากับเขาจะต่างอะไรกันล่ะ?”
อันซินมองไปที่ไอ้หน้าบากเฉียง พร้อมพูดขึ้นว่า “แค่ต่อไปนายห้ามไปรังแกใครอีก นายรับปากได้ไหม?”
ง่ายๆ แค่นี้เองหรือ? ไอ้หน้าบากเฉียงไม่อยากที่จะเชื่อ เขาเตรียมใจที่จะต้องเสียเงินก้อนใหญ่แล้วด้วยซ้ำ
“นายไม่รับปาก?” เมื่อเห็นว่าไอ้หน้าบากเฉียงไม่พูดอะไร อันซินจึงถามอีก
“รับปาก ผมรับปาก ผมรับรองว่าต่อไปจะไม่รังแกใครแล้ว!” เขาจะไม่รับปากได้ยังไงกัน ตอนนี้ในใจเขารู้สึกว่าอันซินเป็นเหมือนนางฟ้าตัวน้อยที่น่ารักไปเสียแล้ว
มีแค่นางฟ้าตัวน้อยเท่านั้นที่จะไม่เอาเงินเขาไป
อันซินมองไปที่หลินหยุน กะพริบตา “พี่หลินหยุน พี่คิดว่าไง?”
หลินหยุนยิ้มเบาๆ เขาตอบเธอว่า “เธอโอเคก็พอแล้ว”
อันซื่อเอินและภรรยาต่างก็ชอบผลสรุปแบบนี้ ไม่เอาเงินของไอ้หน้าบากเฉียง หลีกเลี่ยงในอนาคตไอ้หน้าบากเฉียงจะได้ไม่ต้องมาเกลียดชังพวกเขา
หลินหยุนเองก็ไม่สามารถจะดูแลครอบครัวพวกเขาได้ตลอดชีวิต
พี่ดาวรีบใช้เท้าเตะขาไอ้หน้าบากเฉียงทันที พร้อมตำหนิเสียงเบาว่า “ยังไม่รีบมาขอโทษคุณหลินเขาอีก!”
“ใช่ครับๆ ขอบคุณคุณหลินมากครับ! คุณหลินเป็นคนใหญ่คนโตไม่ต้องถือสาคนตัวเล็กๆ อย่างผมเลยนะครับ หลิวเฉียงขอบพระคุณอย่างสุดซึ้งใจครับ…”
“พอเถอะ รีบพาคนของแกไสหัวออกไปได้แล้ว!” พี่ดาวตะโกนสั่ง เขากังวลว่าถ้าหากหลินหยุนเปลี่ยนใจ เขางานงอกแน่
เพราะในเมื่อไอ้หน้าบากเฉียงเป็นลูกน้องฝีมือดีของเขา พี่ดาวเองก็ยังคงพอใจในตัวเขาอยู่
ไอ้หน้าบากเฉียงก้มตัวน้อมรับ “ครับๆ ผมจะไสหัวไปเดี๋ยวนี้ จะไสหัวไปเดี๋ยวนี้เลย!”
จากนั้นไอ้หน้าบากเฉียงก็นำไอ้หัวน้องและลูกน้องคนอื่นๆ ถอยหลังออกไป ก่อนออกจากตรงนั้นก็ไม่ลืมที่จะจ้องเขม็งไปที่จางจื่อเห้า
“บ้าเอ้ย เป็นเพราะไอ้ลูกหมานี่แท้ๆ ไม่งั้นฉันคงไม่ไปผิดใจกับคนมีสีแบบนี้หรอก ฉันจะกลับมาจัดการแกแน่!”
จางจื่อเห้ามองเห็นสายตานั้นของไอ้หน้าบากเฉียง เขาถึงกับต้องทรุดนั่งลงไปกับพื้น ใจตกไปที่ตาตุ่มทันที “จบกัน”