จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 621 ข้ามาทวงหนี้
เจี่ยงเฉิงพูดขึ้นด้วยความโมโห: “ถ้าอย่างนั้นที่คุณหนูเจี่ยงพูดก็หมายความว่า ต่อไปพวกเราต่างก็สามารถที่จะเฝ้าสังเกตติดตามผู้อื่นได้ตามอำเภอใจอย่างนั้นเหรอ? ”
เจี่ยงหลินหลินยิ้มอย่างเย็นชาและพูดขึ้นว่า: “คนอื่นนั้นไม่จำเป็นหรอก แต่สำหรับตัวมอดของบางตระกูลนั้น จำเป็นที่จะต้องเฝ้าสังเกตติดตามซึ่งเป็นวิธีการที่ได้เปรียบเพื่อป้องกันไม่ให้คนบางคนมาทำลายชื่อเสียงเกียรติยศของตระกูลเจี่ยงของฉัน! ”
“คุณหมายความว่าอย่างไร? คุณพูดว่าใครคือตัวมอด! ” เจี่ยงเฉิงพูดขึ้นด้วยความโมโห ซึ่งคำพูดนี้ เจี่ยงเฉิงไม่สามารถที่จะอดทนรับฟังได้ ต่อให้ตอนนี้เจี่ยงหลินหลินเป็นคนโปรดของตระกูลเจี่ยงก็ตาม ซึ่งการที่ถูกพูดว่าเป็นตัวมอดของตระกูลเจี่ยง เจี่ยงเฉิงไม่สามารถที่จะอดทนรับฟังได้อย่างแน่นอน
เจี่ยงหลินหลินยิ้มเยาะ: “พูดถึงใคร คนนั้นก็คงรู้ตัวเองดี”
คนอื่นไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารระดับสูงของตระกูลเจี่ยง หรือว่าคนรุ่นใหม่อายุน้อยของตระกูลเจี่ยง ต่างก็มองไปที่เจี่ยงหลินหลินกับเจี่ยงเฉิงที่กำลังทะเลาะกัน โดยที่ไม่มีใครกล้าพูดส่งเสียงอะไรออกมา
ไม่ว่าพวกเขาทั้งสองจะทะเลาะกันมากขนาดไหน ต่างก็เป็นญาติพี่น้องที่ใกล้ชิด ต่อให้ทั้งสองคนทะเลาะลงไม้ลงมือใส่กัน อย่างมากที่สุดเจ้าบ้านก็คงแค่ดุด่าว่ากล่าวเล็กน้อย
หากว่าเป็นคนอื่น ไม่แน่อาจจะเกิดผลลัพธ์ที่แตกต่างขึ้น
เจี่ยงเฉิงชี้ไปที่เจี่ยงหลินหลินด้วยความโมโห: “อย่ามาถือว่าตัวเองเป็นคุณหนูของตระกูลเจี่ยงแล้ว ข้าก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรกับคุณ หากว่าคุณยังกล้าที่จะพูดให้ร้ายข้าอีกล่ะก็ เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะลงมือตบคุณเดี๋ยวนี้! ”
เจี่ยงหลินหลินไม่เกรงกลัวเขาอยู่แล้ว เงยศีรษะขึ้นเผชิญหน้าแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน: “นายก็ลองดูสิ! ”
“พอได้แล้ว! ” เจี่ยงจิงเทียนที่อยู่บนที่นั่งในที่สุดก็เอ่ยปากพูดขึ้นแล้ว สีหน้าท่าทางเฉยชา มองไม่ออกว่าในใจกำลังคิดอะไรอยู่
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เจี่ยงเฉิงก็เป็นญาติที่ใกล้ชิดในตระกูลเจี่ยงของข้า โดยคนนั้นกล้าที่จะสั่งให้เจี่ยงเฉิงคุกเข่าลง ก็เท่ากับว่าเป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามตระกูลเจี่ยงของข้าเช่นกัน”
“เรื่องนี้ จำเป็นที่จะต้องให้ไอ้หนุ่มน้อยผู้นั้นอธิบายชี้แจงให้กับตระกูลเจี่ยงของพวกเราอย่างชัดเจน! ”
ได้ยินคำพูดของเจี่ยงจิงเทียน เจี่ยงหลินหลินก็ก้มศีรษะลงแล้วพูดขึ้นว่า: “ตรงจุดนี้ จำเป็นที่จะต้องให้ไอ้หนุ่มน้อยผู้นั้นอธิบายชี้แจงให้กับตระกูลเจี่ยงของพวกเราอย่างชัดเจน มิเช่นนั้นต่อไปอิทธิพลบารมีของตระกูลเจี่ยงของฉันจะหลงเหลือได้อย่างไร? ”
สำหรับพวกผู้บริหารระดับสูง ก็ส่งเสียงแสดงความเห็นด้วย: “ถูกต้อง เจ้าบ้านพูดได้อย่างถูกต้อง กล้าที่จะลงมือกับคนในตระกูลเจี่ยงของพวกเรา ก็เหมือนเป็นการตบหน้าคนในตระกูลเจี่ยงเช่นกัน จำเป็นที่จะต้องอธิบายชี้แจงกับพวกเราอย่างชัดเจน! ”
เจี่ยงเฉิงดีอกดีใจ เดิมทีเขากังวลว่าที่เจี่ยงหลินหลินก่อความวุ่นวาย เจ้าบ้านอาจจะไม่ออกหน้าช่วยเหลือตัวเขา
แต่ ดูเหมือนว่าเรื่องที่อิทธิพลบารมีของตระกูลเจี่ยงถูกดูหมิ่นเหยียดหยาม ก็เลยทำให้เจ้าบ้านเกิดความลำเอียง
เจี่ยงเฉิงมองไปที่เจี่ยงหลินหลินอย่างภาคภูมิใจ แฝงด้วยรอยยิ้มท่าทางที่ยั่วยุ เหมือนกับกำลังพูดว่า: “ดูสิ เจ้าบ้านก็ยังลำเอียงมาทางข้า”
เจี่ยงหลินหลินก้มหน้าลง เงียบสงบไม่พูดไม่จา โดยที่ไม่มีใครมองเห็นถึงความโกรธแค้นที่เผยออกมาจากสายตาของเธอ
แม้ว่าเธอจะเป็นคุณหนูของตระกูลเจี่ยง และยังได้ช่วยเหลือคุณปู่เอาไว้ ซึ่งถือเป็นการสร้างคุณงามความดี
แต่ เธอก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิง โดยที่ตระกูลเจี่ยงก็ยังคงให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง
ดังนั้น เจี่ยงจิงเทียนผู้ที่เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดของเธอแท้ ๆ ถึงได้ลำเอียงไปทางเจี่ยงเฉิง
ถ้าหากเธอเป็นผู้ชาย แม้ว่าเจี่ยงจิงเทียนจะยังคงไปล้างแค้นไอ้หนุ่มนั่นที่ทำร้ายรังแกเจี่ยงเฉิงแต่ว่าเจี่ยงเฉิงเองก็จะถูกลงโทษด้วยเช่นกัน
เจี่ยงจิงเทียนมองไปที่เจี่ยงเฉิง: “นายไปสืบค้นรายละเอียดเบาะแสของไอ้หนุ่มนั่นมาให้ชัดเจน จากนั้นข้าจะส่งยอดฝีมือสองคนติดตามนายไปด้วย เพื่อไปสำรวจเบื้องหลังของไอ้หนุ่มนั่น”
เจี่ยงเฉิงโค้งคำนับและพูดว่า: “รับทราบ! ”
ขณะที่เจี่ยงเฉิงกำลังหันหลัง เตรียมที่จะเดินจากไปนั้น น้ำเสียงที่มีความรู้สึกเฉยชาเหินห่าง ก็พลันดังขึ้นมาจากห้องโถงด้านนอก
“ไปต้องไปสืบค้นแล้ว ข้ามาถึงแล้ว”
เงาร่างของหลินหยุนเหมือนกับปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ภายใต้สายตาของพวกผู้บริหารระดับสูงของตระกูลเจี่ยง แล้วก็เดินอย่างองอาจเข้าไปในห้องโถง
เจี่ยงเฉิงตกใจ จากนั้นก็ดีใจ: “ไอ้หนุ่มน้อย ข้ากำลังจะไปหานายอยู่พอดี? ซึ่งคิดไม่ถึงว่านายจะมาหาถึงที่นี่ด้วยตนเอง! ”
“เจ้าบ้าน ก็คือไอ้หนุ่มน้อยคนนี้! ”
พวกผู้บริหารระดับสูงของตระกูลเจี่ยง รวมไปถึงคนรุ่นหลังที่อายุยังน้อย ต่างก็มองจ้องหน้าซึ่งกันและกัน
“เขาเข้ามาได้อย่างไรกัน! ”
มาตรการรักษาความปลอดภัยของตระกูลเจี่ยง นับว่าดีที่สุดทั่วทั้งเกาะหนันแล้ว แต่ว่า ด้านนอกกลับไม่มีสัญญาณแจ้งเตือนใด ๆ อยู่ดี ๆ ไอ้หนุ่มน้อยคนนี้ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ห้องประชุมแล้ว
เขาบินเหาะเข้ามาอย่างนั้นเหรอ?
พวกพี่น้องสหายของเจี่ยงจิงเทียน พ่อของเจี่ยงเฉิง เจี่ยงจิงเล่มองไปที่หลินหยุน ตะโกนถามขึ้นอย่างเย็นชาว่า: “ไอ้หนุ่มน้อย นายเข้ามาด้านในได้อย่างไรกัน? ”
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “เดินเข้ามา”
เจี่ยงจิงเล่ตวาดขึ้นว่า: “พูดไร้สาระ มาตรการรักษาความปลอดภัยของพวกเราตระกูลเจี่ยง นับว่าดีและโด่งดังที่สุดทั่วทั้งเกาะหนันแล้ว ตอนที่นายเดินเข้ามา ยามที่หน้าประตูไม่มีขัดขวางอะไรเลยอย่างนั้นเหรอ? ”
หลินหยุนถามย้อนกลับว่า: “นายคิดว่าหากข้าต้องการจะเข้ามา ลำพังแค่พวกยามรักษาความปลอดภัยธรรมดากี่คนนั้น จะสามารถขัดขวางข้าได้อย่างนั้นเหรอ? ”
เจี่ยงจิงเล่สีหน้าหม่นหมอง: “พูดแบบนี้ ก็ถือว่านายบุกรุกเข้ามาในบ้านตระกูลเจี่ยงล่ะสิ! ”
“ใช่แล้ว” หลินหยุนพูดตอบอย่างจริงจัง
เจี่ยงจิงเล่หัวเราะฮ่าฮ่าแล้วพูดขึ้นว่า: “จวบจนวันนี้ ยังไม่มีใครกล้าที่จะบุกรุกเข้ามาในบ้านตระกูลเจี่ยง ไอ้หนุ่มน้อย นายจะต้องชดใช้กับการกระทำของนาย”
หลินหยุนพูดขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่ไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก: “นายลองดูได้”
“ช่างหลงระเริงเสียจริง! ”
“กล้าที่จะบุกรุกบ้านตระกูลเจี่ยง แล้วยังจะกล้าที่จะพูดอย่างมีเหตุผลได้อย่างเต็มปากเต็มคำอีก คิดว่าบ้านตระกูลเจี่ยงเป็นสถานที่อะไรกัน! ”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งตวาดเสียงดัง คนผู้นี้คือลุงสองของเจี่ยงจิงเทียน ซึ่งเป็นรุ่นผู้อาวุโสแล้ว
ภายในห้องโถง พวกคนของตระกูลเจี่ยงต่างก็ทยอยดุด่าวิพากษ์วิจารณ์ โดยหลินหยุนได้กลายเป็นเป้าหมายในทันที
เจี่ยงจิงเทียนมองไปที่หลินหยุน ด้วยสีหน้าท่าทางเฉยชา: “คุณมาโดยที่ไม่ได้รับเชิญ ไม่ทราบว่ามีจุดประสงค์อะไรกันแน่? ”
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ข้ามาตระกูลเจี่ยงเพื่อทวงหนี้”
ได้ยินคำว่าทวงหนี้ เจี่ยงหลินหลินที่ก้มหน้าก้มตาอยู่ตลอด ก็พลันตกใจขึ้นทันที
เงยหน้ามองไปที่หลินหยุนอย่างรวดเร็ว โดยดวงตาเผยท่าทางเยาะเย้ยขึ้นแวบหนึ่ง
“คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่า คุณจะเอาจริงเอาจัง ถึงขนาดเดินทางมาทวงหนี้ที่ตระกูลเจี่ยง นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการเหยียดหยามดูถูกตนเองหรอกเหรอ? ” เจียงหลินหลินยิ้มเยาะ ตั้งแต่ที่เธอได้ตกลงกับหลินหยุนนั้น ก็ไม่เคยคิดที่จะชำระหนี้คืน มิเช่นนั้นเธอก็คงจะไม่ตอบตกลงเงื่อนไขที่บ้าระห่ำอย่างนั้น
เจี่ยงจิงเทียนไม่พูดสักคำ แต่กลับหัวเราะเยาะเย้ย: “ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่า ตระกูลเจี่ยง ของข้าไปเป็นหนี้กับคนอื่น? ”
“ฮ่าฮ่า ช่างน่าขันเสียจริง ตระกูลเจี่ยงของข้าเป็นถึงเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในจีน จะไปเป็นหนี้กับนายได้อย่างไรกัน! ”
“ข้าว่าไอ้หนุ่มนี้มาเพื่อก่อความวุ่นวายอย่างชัดเจน! ”
“ใช่สิ ทำไมไม่ไปสอบถามคนอื่นดู เป็นไปได้อย่างไรที่ตระกูลเจี่ยงของข้าจะไปเป็นหนี้กับคนอื่น! ”
เจี่ยงเฉิงมองไปที่หลินหยุน หัวเราะในใจยกใหญ่: “ไอ้หนุ่มนี้กล้าที่จะเดินทางมาตระกูลเจี่ยงเพื่อทวงหนี้? ข้ายอมเขาแล้วจริง ๆ ดูเหมือนว่าไอ้หนุ่มนี้ช่างซื่อบื้อเสียจริง”
“เฮ้ย ทุกคนเงียบลงกันหน่อย” เจี่ยงจิงเทียนมองไปที่หลินหยุน และพูดขึ้นว่า: “ลองพูดมาสิว่า ใครในตระกูลเจี่ยงของข้าที่เป็นหนี้กับนาย? ถ้าหากมีเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ตระกูลเจี่ยงของข้าไม่มีทางที่จะบิดเบี้ยวหนี้สินอย่างแน่นอน”
“แต่ว่า ถ้าหากนายคุยโวโอ้อวด ให้ร้ายทำลายชื่อเสียงตระกูลเจี่ยงของข้า อย่างนั้นข้าก็คงจะอดทนต่อไปไม่ได้แล้ว”
“กอปรกับที่นายบุกรุกเข้ามาในบ้านตระกูลเจี่ยงของข้า ซึ่งข้าก็จะรวมคิดบัญชีกับนายทั้งหมด”
สายตาของหลินหยุน ค่อย ๆ เคลื่อนไหวมองไปยังใบหน้าของคนในตระกูลเจี่ยง สุดท้าย ก็หยุดสายตาลงที่ร่างของเจี่ยงหลินหลิน
“คนที่เป็นหนี้กับข้า ก็คือคุณหนูตระกูลเจี่ยงของพวกนาย เจี่ยงหลินหลิน”
ทันใดนั้น สายตาของทุกคน ต่างก็จับจ้องมองมาที่ร่างของเจี่ยงหลินหลิน
เจี่ยงหลินหลินรู้สึกใจฝ่อเล็กน้อย แม้ว่าในตอนนั้นหลินหยุนจะเสนอเงื่อนไขที่เกินไป แต่เธอก็ได้ ตกปากรับคำกับหลินหยุนด้วยตัวเองไปแล้ว
เจี่ยงจิงเทียนถามขึ้นว่า: “เธอไปเป็นหนี้นายเมื่อไหร่กัน? ”
หลินหยุนพูดขึ้นว่า: “ในตอนนั้นเธอใช้ทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยง มาแลกกับโอสถหนึ่งเม็ดของข้า ตอนนี้ ข้ามาที่นี่เพื่อรับทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยง”
“อะไรนะ! ”
เสียงอุทานดังขึ้นทั่วทั้งห้องโถง
“ทรัพย์สินครึ่งหนึ่ง ไอ้หนุ่มนี้คงจะเป็นบ้าไปแล้ว! ”
“โอสถอะไรกันที่มีมูลค่ามากมายขนาดนี้! ”
เจี่ยงจิงเทียนมีสีหน้าที่ย่ำแย่ มองไปยังเจี่ยงหลินหลินและถามขึ้นว่า: “หลินหลิน มีเรื่องแบบนี้จริงหรือไม่? ”
เจี่ยงหลินหลินพูดกลับผิดเป็นถูกกลับถูกเป็นผิดว่า: “คุณพ่อ เขาข่มขู่รีดไถเงินทอง โอสถอะไรกันจะมีมูลค่าเทียบเท่ากับทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเจี่ยง! ฉันจะไปตกลงเรื่องราวที่ไร้สาระอย่างนี้ได้อย่างไรกัน! ”
“ใช่ แม้ว่าคุณหนูเจี่ยงของพวกเราจะทำอะไรบุ่มบ่ามอยู่บ้างก็ตาม แต่ก็คงจะไม่ตอบรับเงื่อนไขอะไรที่มันไม่ยุติธรรมชัดเจนขนาดนี้” เจี่ยงเฉิงพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มเยาะอยู่ด้านข้าง
เจี่ยงหลินหลินจ้องมองไปที่เจี่ยงเฉิง โดยที่ไม่ได้พูดโต้แย้งอะไรเขาไป